Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อายัดทรัพย์สิน"ภาวนา" หวั่นแอบยักย้ายถ่ายเท ติดครั่งตู้เซฟรอ2ฝ่ายแบ่ง หลังเสร็จงานศพ ติดต่อทีมงาน

(ที่มา:มติชนรายวัน 14 กันยายน 2555)
 
ญาติ"ภาวนา"บุกสำรวจทรัพย์สิน หวั่นมีการแอบยักย้ายถ่ายเทเล็งขออายัดไว้ก่อน ส่วนตู้เซฟให้ติดครั่งลงลายชื่อลูกบุญธรรมกับสามีอดีตนางเอกดัง รอเสร็จงานศพค่อยเปิด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 กันยายน นาง หัตยา เหล่าแสงทอง มารดาของนายอภิชา เหล่าแสงทอง อายุ 21 ปี ที่เป็นบุตรบุญธรรมของนางอรัญญาภรณ์ หรือภาวนา ชนะจิตร อดีตนางเอกชื่อดัง ที่จมน้ำเสียชีวิต และนายพันธ์ยศ รัชดาภรณ์วานิช สามีของนางหัตยา เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 44/22 หมู่ 1 ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านของภาวนา จากนั้น ไปที่บริเวณบ่อปลา และจุดธูปบูชาเจ้าแม่นมสาว ก่อนยืนไว้อาลัยให้ภาวนา

จากนั้น นายณัฐพงษ์ หรือเปรม หลวงศิริกุล สามีของภาวนา เดินเข้ามาพูดคุยกับนายอภิชา โดยนายอภิชาขอดูทรัพย์สินและเอกสารต่างๆ ของภาวนา โดยมีนายพันธ์ยศร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งนายณัฐพงษ์พาเข้าไปดูเอกสารทะเบียนรถยนต์ที่แขวนอยู่ข้างห้องกว่า 50 เล่ม ซึ่งได้มาจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ ที่เป็นอาชีพระหว่างอยู่กับภาวนา จากนั้นเข้าไปที่ห้องนอน ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของบ้าน โดยนายณัฐพงษ์นำเอกสารการโอนลอยมอบอำนาจ โดยอ้างว่าเป็นเอกสารค้ำประกันการประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่งเป็นรายได้เสริมมาให้ดู ขณะที่นายพันธ์ยศสอบถามถึงพินัยกรรม โดยอ้างว่าภาวนาทำพินัยกรรมเพื่อมอบทรัพย์สินให้นาย อภิชา หลังจบการศึกษา แต่นายณัฐพงษ์ปฏิเสธว่าไม่ทราบ จากนั้น เกิดการโต้เถียงกันอย่างเคร่งเครียด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น มีนายชวรัตน์ ประเสริฐอดิศร อ้างตัวเป็นญาติของนายอภิชา เดินทางมาในบ้าน ก่อนเข้าต่อว่านายณัฐพงษ์ว่าเป็นจอมลวงโลก และไม่มีสิทธิครอบครองบ้านดังกล่าว ทำให้นายณัฐพงษ์ไม่พอใจพร้อมตะโกนขับไล่นายชวรัตน์ออกจากบ้าน และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวนายชวรัตน์ออกจากห้องดังกล่าว แต่นาย ชวรัตน์ไม่ยินยอม ทำให้นายอภิชาต้องเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยให้ทุกคนสงบและออกไปนอกห้องก่อน

ต่อมานายเริงยศ ทรัพย์เงินทอง ทนายความของนายณัฐพงษ์ เดินทางมาถึงและขอให้เจรจากันอย่างสงบและพูดคุยด้วยเหตุผล โดยจะให้นาย อภิชาและนายพันธ์ยศเข้าไปพูดคุยเท่านั้น โดยมีนายถาวร มาตรีวงศ์ ทนายความของนายอภิชา มาร่วมเจรจากันภายในห้อง และไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังการเจรจา

ด้านนางหัตยากล่าวว่า ได้จุดธูปไหว้บูชา เจ้าแม่นมสาวเพื่อขอขมา และขออนุญาตเชิญวิญญาณของภาวนาขึ้นจากน้ำและให้ไปอยู่ในภพภูมิที่สงบ ส่วนผลการชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่ระบุว่าเสียชีวิตจากการจมน้ำและเป็นอุบัติเหตุนั้น ฝ่ายตนยอมรับได้เพียงครึ่งเดียว เพราะผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์เรื่องสารพิษในร่างกายยังไม่ออกมา จึงยังถือว่าข้อสงสัยการเสียชีวิตยังไม่จบ ตนยังค้างคาใจเรื่องปัญหาต่างๆ และก่อนจมน้ำน่าจะมีอะไรแอบแฝง หรือเงื่อนงำ เชื่อว่าใครทำกรรม กรรมคงตามทัน และต้องชดใช้กรรม

ด้านนายพันธ์ยศกล่าวว่า ตั้งข้อสงสัยว่าวันเกิดเหตุ คนงานบอกว่าภาวนาหายไปตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00 น. วันที่ 9 กันยายน แต่กลับโทรศัพท์ไปแจ้งว่าภาวนาหายไปตั้งแต่เวลา 22.00 น. รวมทั้งติดต่อนายเปรมไม่ได้ ซึ่งระยะเวลาห่างกันหลายชั่วโมงมาก เมื่อทุกคนช่วยกันตามหาจนถึงเวลา 02.00 น. ของวันใหม่ก็ยังไม่เจอ กระทั่งมานั่งปรึกษากันหน้าบ้านบริเวณร้านขายส้มโอ จากนั้น นายณัฐพงษ์ตะโกนบอกคนงานว่าพบรองเท้าในน้ำ ก่อนตรวจสอบในบ่อน้ำและพบว่าภาวนาเสียชีวิตแล้ว จึงเห็นว่ามีเพียงนายณัฐพงษ์ที่พบว่าภาวนาเสียชีวิตแล้ว

"คุณภาวนามีทรัพย์สินสมบัติถึง 2,000 ล้านบาท มีที่ดินหลายแปลง รวมถึงที่ดินถูกแบ่งซอยย่อยเพื่อนำไปค้ำประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่งมีการมอบอำนาจไว้ สิ่งเหล่านี้ที่พวกเราต้องการขออายัดไว้เพื่อไม่ให้มีการยักย้ายถ่ายเท เพราะทราบว่ามีการขนย้ายสิ่งของบางอย่างออกไปในเวลากลางคืน" นายพันธ์ยศกล่าว

ต่อมานายเริงยศและนายถาวรให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันในเบื้องต้น มีนายพันธ์ยศบิดาแท้ๆ ของนายอภิชา ร่วมอยู่ด้วย โดยสรุปว่า จะสำรวจทรัพย์สินของภาวนา ทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ ส่วนสังหาริมทรัพย์ที่เป็นแก้ว แหวน เงินทอง เพชรพลอยต่างๆ จะมอบให้นายอภิชาเป็นผู้ดำเนินการเก็บและดูแลไว้ก่อน ส่วนอสังหาริมทรัพย์ต้องดูว่าส่วนใดเป็นของใครบ้าง ถ้าเป็นส่วนของภาวนาคงต้องตกเป็นของนายอภิชา และส่วนของนายณัฐพงษ์ก็เอาไป เบื้องต้นทั้งสองฝ่ายยอมรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายเริงยศและนายถาวร เดินทางไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขานครชัยศรี เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน พร้อมทั้งนำ ตู้เซฟของภาวนาที่อยู่ในบ้าน ไปฝากที่ธนาคารด้วย แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่า ตู้เซฟมีขนาดใหญ่เกินไป ธนาคารไม่มีพื้นที่เก็บตู้เซฟดังกล่าว ทนายความของทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันว่า ให้ใช้เชือกผูกตู้และติดครั่ง พร้อมลงลายมือชื่อของนายณัฐพงษ์และนายอภิชา ระหว่างรอจัดงานบำเพ็ญกุศลศพของภาวนาแล้วเสร็จ หรือตกลงเปิดตู้เซฟร่วมกันในภายหลัง

ด้านนายณัฐพงษ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนบอกตลอดว่าไม่มีปัญหา และยินดีให้เข้ามาตรวจสอบ แต่อย่ามาหัวหมอ หรือกดดันตน สิ่งไหนที่เป็นของไต๋ (อภิชา) ก็เอาไป ส่วนไหนที่เป็นของตนก็อย่ามายุ่ง

"วันนี้ผมต้องการทำงานศพภรรยาผม โดยตั้งรูปภาพคุณภาวนาไว้กลางดงดอกไม้ที่ประดับไฟแสงสีสวยงาม แล้วนิมนต์พระมาสวดพระอภิธรรม บริเวณหน้าบ้านตรงบ่อปลา ริมถนนบรมฯ 3 คืน โดยจ้างร้านดอกไม้จากกรุงเทพฯมาประดับหน้ารูปภาพคุณภาวนาในชุดรำไทย โดยเน้นดอกไม้สวยงาม ไม้หอม และดอกลิลลี่ที่คุณภาวนาชื่นชอบที่สุด" นายณัฐพงษ์กล่าว

พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า แม้ว่าตรวจทางนิติเวชศพของภาวนาจะชี้ว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต แต่แพทย์ได้ตรวจหาสารพิษตกค้าง เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยว่ามีอาการมึนเมาหรือมีการวางยาหรือไม่ จะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์

พล.ต.ท.จรัมพรกล่าวว่า จากการไปวัดระยะบ่อน้ำกับจุดที่ตก สอดรับกับข้อสันนิษฐานที่ว่าขณะที่ผู้ตายนั่งบริเวณริมขอบสระให้อาหารปลา น่าจะเกิดอาการหน้ามืดคว่ำหน้าลงไปในบ่อ จังหวะนั้นเอามือ 2 ข้างจับไว้ และปากไปกระแทกขอบแท่นในสระ กลายเป็นรอยแผลบริเวณที่เหงือก จากนั้น ใบหน้าไปกระแทกเข้ากับไม้อัดในสระดังกล่าว

พล.ต.ท.จรัมพรกล่าวว่า ส่วนหลอดลมที่ตรวจสอบไม่มีฟองอากาศ แสดงว่าจมน้ำเสียชีวิต บริเวณแผลที่แก้มซ้ายที่ญาติสงสัยว่าถูกทำร้ายนั้น ตรวจสอบแล้วพบแผล กว้าง 3.5 ซม. ขนาดเข้ากันได้กับวัตถุทรงกระบอก ข้างท่อบ่อในสระ จึงเชื่อได้ว่าผู้ตายตกไปกระแทกวัตถุดังกล่าว ส่วนแผลที่มือนั้นเกิดจากการที่มือไปกระแทกขอบบ่อใต้สระ เพราะตรวจที่ขอบบ่อมีตะไคร่น้ำหลุดออก ส่วนแผลที่ปากที่เหงือกหรือโคนฟันและจมูก เป็นร่องรอยการกระแทกของที่มีสัน เมื่อลองวัดระยะดูมีความคล้ายคลึงกันกับบริเวณขอบบ่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการทำร้ายก่อนแล้วตกลงไปในน้ำเป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ท.จรัมพรกล่าวว่า จากการตรวจบาดแผลจากการชันสูตรยังไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการถูกทำร้าย เป็นเพียงบาดแผลที่ถูกกระทบกระแทกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นการทำร้ายเนื้อเยื้อใต้ผิวหนังน่าจะเสียหายมากกว่านี้ นอกจากนี้บริเวณบ้านผู้ตายที่ระเบียงพบรอยเท้าที่มีฝุ่นเข้ามาเกาะอยู่ เพราะอยู่ใกล้กับถนน จึงนำรองเท้าสีชมพูเบอร์ 4 ของผู้ตายมาตรวจสอบพบว่ามีรอยเท้าตรงกับลักษณะที่พบอยู่ภายในบริเวณบ้าน โดยไม่มีร่องรอยของบุคคลอื่นอยู่ภายในบ้าน จึงสันนิษฐานได้ว่าผู้ตายถือกระจาดให้อาหารปลานิลที่เลี้ยงไว้ หรือมาไหว้ศาลเจ้าแม่นมสาว ลักษณะนั่งยองๆ แล้วอาจจะพยายามยืนในท่าขาชิดกันทำให้สมดุลของร่างกายมีปัญหา มีลักษณะโน้มตัวไปข้างหน้า จึงทำให้แรงกดไปอยู่ที่บริเวณนิ้วเท้ามากกว่าส้นเท้า แพทย์ระบุว่าเป็นปกติที่อาจจะทำให้เกิดอาการหน้ามืดได้ อาจจะยังมีสติอยู่แต่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงทำให้เสียชีวิต

"จากการตรวจสภาพภายในร่างกายมีกล้ามเนื้อหัวใจตายบางจุด หลอดเลือดหัวใจตีบ ประกอบกับเส้นเลือดฐานสมองมีอาการตีบกว่าร้อยละ 70 โดยผู้ตายรับประทานยาแก้ความดันและเบาหวาน ทั้งนี้ เมื่อประมวลทั้งหมดยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่ามีผู้ใดจะเข้ามาทำร้ายร่างกายได้" ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนสอบสวนได้ตรวจสอบประเด็นความขัดแย้งเรื่องการเสียประโยชน์ว่าจะเป็นมูลเหตุในการฆาตกรรมได้หรือไม่ โดยดูว่าบุคคลใดที่ได้ประโยชน์มากที่สุด

ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1347592874&grpid=00&catid=19&subcatid=1905

จากคุณ : Dear Nostalgia
เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 11:05:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com