PANTIP.COM : A12667209 ใครมีเพลงสรรเสริญในโรงหนัง ในหลวงทรงเสวยสับปะรดบ้าง [ภาพยนตร์ต่างประเทศ]

ความคิดเห็นที่ 21

( ดอกปีบ ) ใครจะแชร์เรื่องที่โพสท์ไว้ข้างบนไม่ต้องขออนุญาตนะคะ ^_^ เชิญตามสบายเลยค่ะ ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเราทุกคนต่างก็รักทุกพระองค์ด้วยกันทั้งนั้น เป็นเรื่องราวที่น่ารักๆ และควรค่าที่จะได้แบ่งปันกันนะคะ

เพราะเรื่องที่น่ารักๆของพระราชวงศ์ยังมีอีกมากมายที่หลายๆคนไม่ทราบ
หากท่านอยากรู้เรื่องราวในราชสำนักว่าเป็นเช่นไร ? ลองหาหนังสือที่สมเด็จพระเทพฯ ท่านได้ทรงพระอักษรและได้พระราชทานให้มีการจัดพิมพ์จำหน่ายเพื่อองค์กรการกุศล หลายๆเรื่องค่ะ มีทั้งเรื่องสมัยที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ และสมัยที่ยังทรงเป็นบันฑิต เรื่องพระสหาย และพระญาติ เรื่องสมเด็จแม่ และสมเด็จพ่อ ล้วนเป็นเรื่องราวที่น่าอ่านยิ่งนัก แม้กระทั่งเรื่องราวที่ทรงเสด็จเยี่ยมเยือนต่างประเทศอีกมากมายที่น่าติดตาม เพราะพระอารมณ์ขันของพระองค์ทำให้พระอักษรน่าอ่านยิ่งนัก และทำให้สนุกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ค่ะ ส่วนตัวแล้วประทับใจแทบทุกเรื่อง แต่เรื่องที่เป็นไคลแมกซ์เลยนั้นขอยกให้เรื่อง " ตามรอยเท้าพ่อ " ที่สมเด็จพระเทพฯทรงพระอักษรถึงในหลวง ด้วยเรื่องพระราชกรณีย์กิจต่างๆที่ในหลวงได้ทรงทำเพื่อประชาชน อย่างไม่ทรงรู้เหน็ดเหนื่อย และสมเด็จพระเทพฯทรงโดยเสด็จบ่อยครั้งมาก จนพระองค์ทรงได้รับความรู้มากมายเรื่องการเกษตร และการชลประทานจากการโดยเสด็จนั้น จนทรงพระดำริกับพระองค์เองว่า อยากจะทรงพระดำเนินตามรอยพระบาทของสมเด็จพ่อ..อ่านแล้วร้องให้ทุกที ซึ้งจริงๆ ตอนนี้เก็บไว้บนหิ้งและจะเก็บเอาไว้ให้ลูกหลานได้อ่านค่ะ นับเป็นสมบัติที่มีค่ามากของเรา

มีเรื่องน่ารักของสมเด็จพระเทพฯอีกเรื่องนึงสั้นๆจะเล่าให้ฟัง ในการเสด็จเยือนเพื่อนบ้านหลายๆประเทศในแทบเอเซียของเรานั้น เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเมืองไทยมากๆอีกประเทศก็คงจะไม่พ้นประเทศจีน มีครั้งหนึ่งทรงได้รับทูลเชิญเลี้ยงพระกระยาหารค่ำที่เจ้าภาพคือประเทศจีนเป็นผู้เลี้ยง
และอาหารนั้นก็มากมายน่ารับประทานยิ่ง ทีนี้มีอยู่ชามนึงซึ่งทางเจ้าภาพก็ทูลสมเด็จฯว่าอันนี้เป็นของดี เป็นอาหารฮ่องเต้เท่านั้นจะได้เสวย ดังนั้นจึงอยากให้สมเด็จฯทรงได้ลองเสวยดู สมเด็จพระเทพก็ทรงรับมา และก็ทรงเสวยทันที ทรงรู้สึกว่าเป็นเนื้อที่นุ่มและรสชาติดีทีเดียวจึงทรงทูลถามว่า นี่เนื้ออะไรหรือ ? ฝ่ายทางเจ้าภาพก็กราบทูลว่าเนื้อที่ทรงเสวยนั้น คือ.........
" เฮย์โก่วยื้อ " ( เนื้อสุนัขดำตุ๋น ) ทรงชะงัก แต่ก็ปรับพระองค์ได้ทัน เพราะทรงระลึกถึงพระราชดำรัสของพระราชบิดา ที่ทรงบอกว่า เมื่อมีผู้ตั้งใจนำอะไรมาให้ก็ต้องรับไว้ ต้องกินง่ายอยู่ง่าย ห้ามรังเกียจ เพราะจะทำให้ผู้ให้เสียกำลังใจ ดังนั้นจึงทรงตักเนื้อนั้นเพิ่มและทรงเสวยต่อ แล้วยังทรงตรัสชมว่า "เหินเห่าชือ " ( อร่อยมากๆ ) ..พระองค์ทรงทรงน่ารักจริงๆ ^_^

อีกเรื่อง ก็ตอนเสด็จไปลาว บ้านพี่เมืองน้อง ทางเจ้าภาพก็เลี้ยงพระกระยาหารค่ำอีกแล้ว คราวนี้ ทรงได้เสวยอาหารสำหรับเจ้านายอีกสองเมนู นั่นก็คือ ตุ้กแกผัดเผ็ด กับต้มยำเนื้องู เมื่อทรงเสด็จไปอีกครั้งหลังๆ ก่อนเจ้าภาพจะทันได้ทูล สมเด็จฯจะทรงตรัสถามก่อนแบบหยอกล้อว่า มื้อนี้มี เฮย์โก่วยื้อมา ? ( มื้อนี้มีเนื้อสุนัขตุ๋นมั้ย ) แล้วจะทรงพระดำรัสแบบมีพระอารมณ์ขันต่อไปว่า ..ที่ถามนี่เพราะอยากทานอีกน่ะ มันอร่อยดี เหล่าขุนนางผู้ติดตามและพระพี่เลี้ยงต่างก็หัวเราะกันอย่างสนุกนาน ^_^...เห็นมั้ยคะว่าทำไมประชาชนคนจีนถึงได้รักสมเด็จพระเทพฯมาก ที่เมืองจีนรู้จักสมเด็จพระเทพฯเป็นอย่างดี เพราะทรงเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ทรงพระปรีชาเรื่องภาษามากกว่า 7-8 ภาษา และทรงเชี่ยวชาญในภาษาจีนกลางแมนดารินมากๆอย่างที่ทราบกันดี และถ้าไปเมืองจีนถามคนจีน ทุกคนรู้จักพระองค์ทั้งนั้น และจะเห็นพระบรมรูปของสมเด็จพระเทพฯ อยู่ทั่วไปตามสถานที่สำคัญๆ พระองค์ ทรงเป็น Beloved Princes จริงๆค่ะ และทีทรงมีพระดำริว่า เราจะเดินตามรอยเท้าพ่อนั้น เราว่าพระองค์ได้ทรงทำแล้วค่ะ..T^T

"ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทุกๆพระองค์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ " ขอเป็นข้ารองพระบาท ทุกชาติไป..T_______T
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 14:05:04
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 11:57:35

จากคุณ : ดอกปีบ (PAKUNGKUB)

เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 11:50:33