๑๑ ปี "สุริโยไท" ที่สุดของภาพยนตร์แห่งสยามประเทศ กับบางสิ่งที่ชวนรู้
|
|
อาจจะกล่าวได้ว่า "สุริโยไท" คือเจ้าของสถิติภาพยนตร์ไทย..ที่สุดในหลายๆ ด้าน ทั้งงบสร้าง รายได้ กระทั่งตัวแสดง กำลังคน และภาคการตลาด ก็คงจะไม่มีหนังไทยเรื่องอื่นเทียบหรือแซงหน้าได้เท่าเรื่องนี้แล้ว เพราะด้วยรายได้จากการฉายตามโรงภาพยนตร์ต่างๆ ในประเทศที่สร้างที่สูงระดับ 500 ล้านบาท ดูจะเป็นตัวเลขที่ทำให้คนไทยเมื่อแรกได้ยินก็ลืมตาอ้าปากอย่างประหลาดใจ คงเป็นเพราะใช้เม็ดเงินการสร้างที่สูงเท่าที่สถิติจะบันทึกได้ หรือด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่ล้วนยิ่งใหญ่อลังการ คนที่ติดตามข่าวคราวของงานชิ้นนี้ต่างก็รอคอยนับจากวันถ่ายทำถึงวันเข้าฉายเป็นแรมปีเลย จึงเป็นผลงานที่ควรค่าแก่การรอคอยแล้วเกิดประสบผลสำเร็จโดยไม่ต้องสงสัย แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นนั้นจะผ่านมาถึง 11 ปี แล้ว!
ผลงานแห่งความภาคภูมิใจครั้งหนึ่งในชีวิตของ "หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล" หรือ "ท่านมุ้ย" ผู้ทรงรับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ ตัดต่อ และเขียนบทภาพยนตร์ หรือเป็นผู้กุมหัวใจสำคัญของภาพยนตร์แห่งสยามประเทศ--ที่ถูกนิยามไว้เมื่อหนังปรากฏตัว จากงานสร้างแนวสะท้อนชีวิต งบไม่ต้องสูง อาศัยดาราคู่บุญ มาสู่งานสร้างแนวพีเรียดอันวิจิตรบรรจง ระดมคนทำงานมือทองหลากหลายแขนง และนักแสดงกิตติมศักดิ์จำนวนมาก เหมือนเป็นบันไดทองขั้นสูงสุด กอปรด้วยเกียรติประวัติและนามสกุลของท่านก็จึงเหมาะที่มีเรื่องนี้ขึ้นมาสู่สาธารณชน สมกับที่ทรงทุ่มความคิดและแรงกายกับงานสร้างชิ้นนี้เกือบสิบปี
เมื่อหนังฉายครั้งแรกในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2544 หลายคนที่เป็นคอหนังและไม่ใช่คอหนัง ทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น จำต้องหันมามองเรื่องนี้โดยไม่สนใจกับข่าวคราวอื่นๆ ที่ชวนน้ำเน่าหรือไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว เรียกว่า..แทบจะไม่มีใครในประเทศนี้ที่ไม่ได้ยินข่าวของหนังชื่อ "สุริโยไท" ของท่านมุ้ย-(ว่าที่)ศิลปินแห่งชาติในเวลานั้น ถึงแม้ว่าในปีนั้นจะมี "หนังไทย" เข้าฉายเข้าชิงเป็นจำนวนที่ไม่เยอะนัก แต่เป็นช่วงที่ภาวะตลาดหนังไทยขาขึ้น เพราะทุกเรื่องที่ฉายในปีนั้นจึงออกมาอย่างสร้างสรรค์มีคุณภาพ และเป็นที่ยอมรับแทบทุกเรื่อง ไม่เว้นหนังสุดอลังการงานสร้างเช่นสุริโยไท
ดังจะเห็นได้จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จทอดพระเนตรภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ ที่ศาลาเฉลิมกรุง เป็นต้น
เหตุแรกๆ ที่คนทั้งประเทศเทให้เรื่องนี้ ก็เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสุริโยไทซึ่งอยู่ในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา ราวปลายพุทธศตวรรษ 2000 (หรือก่อนสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นครองราชย์) มีความน่าสนใจในแง่ของความเป็นวีรสตรี จึงเหมาะแก่การเรียนรู้ของประชาชน รวมถึงเด็ก-เยาวชน ที่มักมีเพื่อนๆ ผู้ปกครอง หรือครู-อาจารย์ แนะนำให้ชมเรื่องนี้ เนื่องจากห้วงนั้นยังไม่มีหนังแอนิเมชั่นของไทยปรากฏตัว ทั้งที่มีผู้สร้างผู้สนใจกำลังเตรียมงานอยู่ จึงมีเพียงหนังที่สร้างจากภาพถ่าย อาจมีการแต่งเติมเทคนิคพิเศษตามความก้าวหน้าทางวิทยาการ
และนี่คือ--หนังไทยเรื่องเดียวในปี 2544 ที่ไม่ได้มีชื่อเข้าชิงหรือรับรางวัลตามปกติ แต่ก็ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเกียรติยศไว้เป็นของขวัญกรณีพิเศษ
ก็คงจะไม่ต้องอธิบายขยายความหรือพินิจพิเคราะห์ส่วนประกอบอื่นใดจากหนังเรื่องนี้ เพราะข้อมูลตามแหล่งต่างๆ ก็ระบุไว้ให้แล้ว จะขอหยิบยกเพียงเกร็ดหนึ่งของหนังที่อาจจะมีแฟนๆ ที่เคยชมหนังเรื่องนี้ได้ทราบบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ทราบหรือไม่รู้ไม่เห็นว่า นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสุริโยไท
"เปี๊ยก โปสเตอร์" ผู้กำกับรุ่นใหญ่อีกคนของวงการหนังไทย ที่ฝากผลงานไว้มากมายตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ทำงานบนแผ่นฟิล์มอย่างเต็มขั้น โดยชื่อนี้ยังเป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมแรงในผลงานสำคัญระดับชาติชิ้นนี้ ด้วยหน้าที่ "ผู้กำกับกอง 2" ที่จะมีน้อยเรื่องในประเทศไทยที่กำหนดตำแหน่งนี้ ซึ่งมักใช้สำหรับหนังฟอร์มยักษ์ แต่ถ้าเข้าใจอย่างหลวมๆ หน่อย จะเรียกว่า ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์คนหนึ่ง ก็ได้
ถ้ากล่าวว่าผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา คือ สุริโยไท ก็ใช่ ถึงจะไม่ใช่งานอย่างเต็มตัวก็ตาม สำหรับเขา-ผู้มีประสบการณ์การวาดคัทเอาท์ หรือโปสเตอร์หนังไทยนับร้อยเรื่อง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์คนหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นผู้สร้าง-ผู้กำกับหนังไทยที่มีชื่อเสียงค้างฟ้าตลอดมา และบทบาทนักแสดงอาวุโสที่กำลังถูกจับตามองของสังคมยุคปัจจุบัน
แต่เรื่องของเปี๊ยก โปสเตอร์ กับสุริโยไท ไม่ได้หยุดแค่งานหลังกล้องกำกับเท่านั้น ความจริงแล้ว เขาเคยเปรยไว้ก่อนหนังจะฉายล่วงปีว่า ในเมื่อเขาเคยเป็นจิตรกรโปสเตอร์หนังไทย จึงอยากจะกลับมาจับพู่กันวาดภาพบน "โปสเตอร์" ของหนังเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดที่อยากจะเห็นโปสเตอร์ของหนังอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์ในยุคใหม่เป็นภาพวาดเหมือนจริง!!
แต่ก็ปรากฏว่า... ดังที่เราได้เห็นกัน โปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่องสุริโยไท จึงเป็นภาพถ่ายเหล่านักแสดงแล้วทำการรีทัชและจัดวางภาพของตัวละครหลักต่างๆ ให้เข้ากัน มีทั้งโปสเตอร์หลักซึ่งรวบรวมตัวละคร และโปสเตอร์เฉพาะตัวละครอีกนับสิบใบ ทายได้เลยว่าไม่ใช่ฝีมือของเปี๊ยก โปสเตอร์ เลยแม้แต่น้อย ซึ่งหากเขาทำแข่งกับเวลาก็สู้ไม่ไหวแน่ คงฝากไว้เพียงฝีมือการร่วมกำกับการแสดงอย่างเดียว
ความฝันของเขาหลุดลอยนับแต่นั้น แม้ว่าภายหลังท่านมุ้ยก็ได้สร้าง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ตามมา สี่ภาคที่แล้ว เราก็เลยไม่ได้เห็นนักวาดโปสเตอร์รุ่นเก๋าอย่าง "อาเปี๊ยก" โชว์พลังบนหน้าหนังสักภาค ฝีมือการออกแบบจึงเป็นหน้าที่ของมนุษย์คอมพิวเตอร์ควบตำแหน่งนักสร้างสรรค์งานโฆษณาไปซะหมด
ถึงวันนี้ครบรอบ 11 ปี ที่ "สุริโยไท" ปรากฏผ่านแผ่นฟิล์มสู่สายตาประชาชนบนแผ่นดินสยาม หรือประเทศไทย ไกลถึงนานาประเทศ สู่ความทรงจำที่ยังเล่าขานถึง สู่บทเรียนนอกเวลาที่ยังเปิดไว้ให้ลูกหลานสืบต่อไป แม้ว่าบางฉากบางตอนที่ปรากฏจะดูแีรงไปหน่อย แต่ถ้าเข้าใจถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และความงดงามทางศิลปะอย่างถูกต้อง นี่ก็ถือเป็นหนังดีที่ควรชมอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง ....และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภาพยนตร์ที่รอคอย(กว่า!)เรื่องหนึ่งของ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ชื่อ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ในตอนสุดท้ายของอภิมหาภาพยนตร์ชุดสุดอลังการ ตำนานที่สืบเนื่องจากยุคสุริโยไท ก็จะปรากฏสู่การรับรู้ของประชาชน ก็หวังว่าความสมบูรณ์ของหนังปิดตำนานจะไม่ทำให้คนไทยที่เคยให้การอุปการะ สุริโยไท และ นเรศวรฯ นั้นต้องผิดหวัง ก็อาจจะสมหวังไม่ทั้งหมดนัก
รวมถึง "โปสเตอร์" ที่กำลังอยู่ในภาวะความคิดชักจะย่ำแย่นั้น มีใครไหมล่ะ..ที่อยากจะเห็นโปสเตอร์ของ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช-ภาคยุทธหัตถี" เป็นฝีมือการออกแบบของ "เปี๊ยก โปสเตอร์" ..
ในเมื่อเขารับงานไปตามกำลังวังชา น่าจะทำอะไรคืนสู่วงการหนังได้บ้าง ซึ่งอาจจะดีกว่าที่เรา-หลายๆ คนคิดก็เป็นได้ ... ร่วมลุ้นแล้วกัน หนังใกล้จะเข้าแล้ว
- - - - - - - - -
นี่คือ หน้าตาของโปสเตอร์ "สุริโยไท" ที่สำเร็จแล้ว
แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 11:57:28
แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 14:59:31
แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 14:55:40
| จากคุณ |
:
คนหยังเขียด 
|
| เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ย. 55 14:47:54
|
|
|
| 
