ความคิดเห็นที่ 1 ส่ง sms หรือชิงโชคลุ้นทองดีกว่า  ยิ่งส่งเยอะยอดขายก็เยอะตาม จากคุณ : กุบกับ1 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 10:45:47

ความคิดเห็นที่ 2 การโฆษณาบางทีก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ สินค้าบางอย่างมันขายได้อยู่แล้วแม้จะไม่โฆษณาก็ตาม จริง ๆ ก็เคยสงสัยว่าระหว่างลงทุนจ้างพรีเซนเตอร์แพง ๆ กับเปลี่ยนใหม่เป็นคิดไอเดียเจ๋งทำโฆษณาออกมาโดยไม่ต้องใช้พรีเซนเตอร์ แบบไหนได้ผลดีกว่ากัน จากคุณ : Canon in Science Major เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 10:50:59

ความคิดเห็นที่ 3 การที่ จขกท.เห็นใจทหาร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเป็นเรื่องที่ดีครับ น่ายกย่อง แต่การที่คุณเที่ยวไปโจมตีหรือว่าคนอื่นในเชิงประมาณว่าเอาเงินไปจ้างดาราทำไม ทำไมไม่เอาไปแจกทหารนั้นไม่ถูกครับ เงินก็เงินเค้า ช่วยก็ส่วนช่วย บริจาคก็ส่วนบริจาค ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ ต้องแยกแยะให้ออกก่อนครับ จากคุณ : ชัยโอบายาชิ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 10:52:08

ความคิดเห็นที่ 4 ต้องรู้จักแยกแยะ... จากคุณ : .....**{~_~}**..... (สางฝอย) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 10:56:58

ความคิดเห็นที่ 5 ถูกต้อง รู้จักแยกแยะด้วยค่ะ  แล้วอยากบอกว่า บริษัทดังๆต่างๆ ล้วนแต่มีการบริจาก มีการช่วยสังคมกันทั้งนั้น  ขึ้นอยู่ว่าเขาจะป่าวประกาศดังๆ เอามาเป้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยหรือเปล่า จากคุณ : นู๋เป็นแมวน้อยมาจากญี่ปุ่น เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:11:51

ความคิดเห็นที่ 6 แยกแยะหน่อยค่ะ ถ้าคุณอยากทำก็ทำไปเป็นสิ่งที่ดีด้วย แต่การมานั่งเปรียบเทียบแทนคนอื่นมันไม่ถูกต้องค่ะ เรื่องดารามันก็เป็นแผนการตลาดที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้า ธุรกิจใหญ่ๆเหล่านี้เขาก็ต้องทำงานกุศลด้วยอยู่แล้วล่ะ เงิน มันก็วนๆกันไป ในความเป็นจริงถ้าบ้านเมืองข้าราชการผู้มีอำนาจไม่คดโกงเบียดเบียนเงินของรัฐ เหล่าทหารผู้เสียสละสามารถมีชีวิตมีรายได้ที่ดีได้ด้วยซ้ำ อุปกรณ์จำเป็นไมต้องมาขาดเเคลน หรือต้องควักเอง ปัญหาที่แท้จริง ก็คือ คนใหญ่โตที่มีอำนาจในการใช้เงินต่างหาก พวกเขาคิดถึงทหารที่เสียสละระดับไหน *** แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 11:25:56 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 11:21:35 จากคุณ : พี่น้องที่เคารพ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:21:03

ความคิดเห็นที่ 7 เลิกเรียนเถอะ อย่าเรียนเลย จากคุณ : กระเฉด เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:34:23

ความคิดเห็นที่ 8 แนะนำให้ตั้งใจเรียนให้มากๆ จากคุณ : ZzIqka เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:35:36

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนเด็กๆ ฝรั่งยังลูกละ 5 บาทอยู่เลย TT จากคุณ : tarantella เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:58:51

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับเรา โออิชิ ชอบดูโฆษณา อิชิตัน ชอบซื้อดื่ม จากคุณ : chocolate_7521 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:35:52

ความคิดเห็นที่ 11 ขออนุญาตออกความเห็นหน่อยนะคะ อ่านมานานแล้วตั้งแต่เรื่องที่คุณตันแจกเงินนักกีฬาโอลิมปิก เราไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น แต่อยากให้มองในความเป็นจริง แล้วลองสมมติเอาตัวเองไปเป็นผู้บริหารบริษัทนั้นๆดู คุณจะชอบอย่างไรคะระหว่างผลกำไรที่งอกเงยในบัญชี กับเงินที่คุณพึงมีพึงได้แต่คุณต้องเอาไปให้คนอื่นเฉยๆโดยคุณจะเรียกร้องคืนไม่ได้ โปรดคิดแบบความเป็นจริงและอย่าโลกสวย ให้คิดว่าเงินนั้นคือเงินของคุณจริงๆ  คาดว่าคุณก็ต้องเก็บเงินที่พึงมีพึงได้ของคุณใช่มั้ยคะ อีกทางหนึ่งคุณอาจจะเจียดเงินจากกำไรที่คุณได้ จะตั้งเป้าว่าทำประโยชน์อะไรกับสังคม ไม่ว่าจะทำโดยออกหน้าหรือไม่ออกหน้ากับสื่อคุณก็จะได้ความสุขใจของคุณเอง และผลพวงค่ะ คุณก็จะได้ผลประโยชน์แอบแฝงคือได้สร้างภาพในใจคนอื่นว่าคนนี้ดีน่าสนับสนุน ก็เหมือนคุณทำบุญค่ะ คุณอยากได้หน้าหรือไม่อยากได้หน้า อยากให้คนรู้ก็ต้องประกาศ เห็นค่อนแคะกันมานานแล้วว่าถ้าเป็นฉัน ฉันจะ บลาๆๆๆๆ นี่เค้าทำบุญเอาหน้า เค้าไม่ดีจริง เอาแบบนี้มั้ยคะ ถ้าอยากจะให้พัฒนากีฬา ไปเรียกร้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกีฬาโดยตรงเลย ไปบอกเค้าว่าเนี่ยคุณต้องอัดฉีดงั้นงี้งู้นอะไร อยากให้ดูแลตำรวจ ทหารภาคใต้ก็เรียกร้องกับหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับด้านนี้ เชื่อได้ค่ะว่าคนจะเห็นด้วยกับคุณ สนับสนุนคุณแน่นอน อย่ามาโวยวายกับบริษัทเอกชนที่เค้าก็มีปากท้องที่ต้องเลี้ยง และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ เพราะเค้าทำอะไรย่อมต้องคิดถึงผลประโยชน์พ่วงด้วยเสมอค่ะ ยกเว้นมีแผนกที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อตอบแทนสังคม แต่เงินนั่นอย่าคิดว่าจะเยอะเกินค่ะ เพราะวงเงินเขาก็มีวงเงินจำกัดค่ะ อีกอย่างคือเงินของเค้า เค้าอยากทำอะไรก็สิทธิ์ของเค้าค่ะ ถ้าเป็นเงินของเราก็ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดจะใช้เช่นกันค่ะ *** แก้ไขคำผิด และเพิ่มข้อความค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 13:16:19 จากคุณ : ดอกไม้ไกลบ้าน เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:48:30

ความคิดเห็นที่ 12 เงินที่บริจาค หรือให้เพื่อการกุศล ใช้ในการหักภาษีได้ค่ะ ในขณะที่เงินที่ใช้ในการโฆษณา ต้องตั้งเป็นค่าใช้จ่าย จากคุณ : surfboard เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:57:36

ความคิดเห็นที่ 13 งง ความคิด จขกท. ในตอนสรุป จากคุณ : สายลมปุยเมฆกับฟ้าสีคราม เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 13:06:59

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วแต่การประชาสัมพันธ์ค่ะ ถ้าคุณจะทำโฆษณา ก็ต้องเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็แป้ก เสียเงินใช่เหตุ แต่ถ้าคุณจะบริจาคเพื่อหวังยอดตลาด คุณก็ต้องพึ่งสื่อให้ประโคมข่าว และให้ชูภาพลักษณ์ว่าเป็นองค์กรที่ดี ถ้าทำไม่ได้ คุณก็ได้บุญกลับมาแค่นั้น กาตลาดกับยอดขาย เป็นกลยุทธ์ที่มีความละเอียดอ่อนไม่สามารถตอบได้ถ้ามีข้อมูลเพียงแค่นี้ค่ะ จากคุณ : Blubber เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:39:20

ความคิดเห็นที่ 15 อยากให้เข้าใจชัดเจนนิดนึง ไม่อยากให้เข้าใจผิด ขอเขียนยาวๆหน่อย การนำเงินมาบริจาคให้กับทหารหรือนักกีฬาไม่ใช่การตลาดโดยตรง แต่เนื่องจากว่า คุณตัน ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อิชิตันนั้น เป็นบุคคลที่ชื่อเสียง อยู่ในกระแสสังคมตลอด เป็นบุคคลที่อิทธิพลในการสร้างแรงจูงใจ ที่สื่อและประชาชนต่างให้ความสนใจพอสมควร เพราะฉะนั้นการที่คุณตันบริจาค ส่วนตัวเราไม่ได้มองว่าเป็นการตลาด ที่จะสามารถสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน แต่เป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้ตัวเองมากกว่าซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะตัวคุณตันเองก็เหมือนกับเป็นพรีเซ็นเตอร์ของสินค้าตัวเองอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกันข้อเสียก็มีเยอะ เพราะหากวันหนึ่งที่คุณตันเกิดมีข่าวหรือกระแสที่ไม่ดีออกมา อาจจะทำให้ คนส่วนหนึ่งนั้นเลิกบริโภคสินค้าของเครือคุณตันไปเลยก็ได้เพราะคุณตัน เปรียบเสมือนพรีเซ็นเตอร์และผู้บริหารในคนๆเดียวกัน แต่อีกมุมหนึ่้งอีกบริษัทหนึ่งที่ใช้ดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ หากดาราคนไหนมีข่าวฉาวเกินกว่าที่บริษัทจะรับไหวผู้คนมีเสียงตอบรับว่า หากดาราคนนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สินค้ายี่ห้อไหนก็จะเลิกอุดหนุนสินค้านั้น บริษัทก็ยังสามารถที่จะเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ได้เพื่อปรับเปลี่ยน ให้ผู้บริโภคหันกลับมาสนใจเหมือนเดิม สินค้าของแต่ละบริษัทมีเหตุผลต่างกันในการเลือกในวิธีทำการตลาด เพราะต้องการผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง - สินค้ายี่ห้อไหนที่มีชื่อเสียงมานานจะไม่ใช่ดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะเป็นสินค้าที่ติดตลาดอยู่แล้ว แต่จะเน้นวิธีการโฆษณาที่สั้นแต่จำได้ เช่น 25 ปี ... ที่อยู่คู่กับคนไทย เป็นต้น และมีอีกหลายๆรูปแบบ สรุปง่ายๆคือการตลาดคือช่องทางการส่งข่าวสารให้กับลูกค้า เกี่ยวกับตัวสินค้าโดยตรงเพื่อให้ลูกค้าจดจำสินค้าตัวนั้นได้ และเพื่อให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อเพื่อเพิ่มยอดขาย การตลาดมันซับซ้อนไม่อยากให้เข้าใจผิดนะ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 17:44:26 จากคุณ : พ่อน้องฟีฟ่า เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 17:43:02

ความคิดเห็นที่ 16 บริษัท เลือกที่จะโฆษณา โดยการจ้างบริษัทโฆษณา คุณตัน เลือกโฆษณาทั้ง 2 ทาง ทั้งด้านการบริจาค และด้านการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์โดยตรง ทั้งนี้.. มันไม่ใช่เรื่องที่ใครผิดใครถูก --' การที่ บริษัทหนึ่งๆ อยากจะโฆษณาสินค้าโดยการบริจาคเงินให้การกุศล แจกเงินนักกีฬา น้ำท่วมทีบริจาคแม่มเลย 40 ล้าน นักกีฬาได้เหรียญทองที แจกไปเลยคนละล้าน ปีไหนกำไรดี แจกเลย วันละล้าน 60 วัน 60 ล้าน ซึ่ง คงไม่มีบริษัทไหน กล้าแจกเยอะเท่าคุณตันมาก่อน (เขาแจกเยอะ จนชื่อเขาติดทำเนียบ 1 ใน 5 เศรษฐีไทย ที่บริจาคเงินเพื่อการกุศลมากที่สุด) คือ ชื่อคุณตันติดทำเนียบเงินบริจาคมากที่สุด นี่ยังไม่รวมเงินที่แจกนักกีฬา และเงินที่แจกให้กับลูกค้าที่กินชาของเขาด้วย! ในด้านการประชาสัมพันธ์โดยใช้โฆษณา คุณตันก็ทำ แบบที่จ้างดารามาเป็น presenter คุณตันก็ทำ พูดกันตรงๆนะ ถ้าทุกๆบริษัทในประเทศไทย หันมาทำการตลดาแบบคุณตัน(แจกทุนการศึกษา แจกเงินนักกีฬา บริจาคน้ำท่วมไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน ทำการกุศลทั้งแบบออกสื่อและแบบไม่ออกสื่) หากทุกบริษัททำแบบนี้ เราคิดว่า มันก็เป็นผลดีกับคนทั่วไปมากกว่าที่จะเป็นผลเสีย --' เราก็ไม่เข้าใจคนที่ชอบไปว่าคุณตัน อิชิตัน เราไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไรเสียหายตรงไหนเลย --' คุณตันไม่ใช่ไม่จ้างดารานะ ที่เขาจ้างดาราก็มี ที่เขาเอาเงินมาแจกให้ลูกค้าที่กินของเขาก็มี ดูจากลักษณะการตั้งราคาน้ำขวดของเขา ขายถูกกว่ายี่ห้ออื่นๆ(ในปริมาณเท่ากัน) เขาบริจาคน้ำท่วม 40 ล้านนะ ที่เขาจะแจกลูกค้าวันที่ 1 ตุลาคม 2555 นี่ เขาไม่ได้แจกล้านสองล้านนะ เขาแจก 60 ล้าน นอกจากนี้ เขายังมีแจกเล็กแจกน้อย แจกรถ แจกบ้าน (พวกนี้คือ ไม่ได้ออกข่าวด้วยอ่ะ เขาจะแจกกันใน facebook) พวกคุณคิดว่า มีบริษัทไหนในประเทศไทย ที่ Sport เหมือนคุณตันบ้างล่ะ ??? บริษัทไหนก็งกๆๆๆ เก็บเงินไว้ให้ลูกหลานใช้คนเดียว ไปสร้างคฤหาสน์หรูๆใหญ่โตโอ่อ่า แต่คุณตัน เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลย เขาดูเป็นคนที่ มีความสุข เขาสนุกกับการใช้ชีวิต เขาขายน้ำได้กำไรมหาศาล เขาก็ไม่งก เขาก็เอามาแจกๆๆๆ แจกให้คนดีๆ คนเก่งๆ แจกให้ลูกค้าเขา แล้วมันผิดตรงไหน ??? ทำไมบางคนชอบไปพูดแขวะเขา ไม่เข้าใจ ??? ไอ่ที่จ้างดารามาเป็น Presenter เขาก็ทำ ไม่ใช่ไม่ทำ จากคุณ : Gretchen เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 18:54:58

ความคิดเห็นที่ 17 วัตถุประสงค์ต่างกัน ไม่ควรนำมาเทียบกันค่ะ จากคุณ : น้ำตาลครีม เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 20:28:05

ความคิดเห็นที่ 18 วิชาการสื่อการ การตลาดหรือเปล่าครับ ผมพึ่งสอบไปเดือนที่แล้ว การที่ คุณตันใช้ กลยุทธ์นี้ มันต้องผ่านการวิเคราะห์มาจากหลาย ๆ ทฤษฎีก่อนครับ ว่าจะใช้สื่อช่องทางไหน ในการสื่อสารกับผู้บริโภค แล้วพอฟันธงได้ ว่าช่องทางนี้ สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ ก็จัดใส่เลยครับ 4 Ps สารพัดกระหน่ำ เอ๊ะ  ตอบตรงประเด็น จขกท. มั้ยเนี่ย เหอะ ๆ จากคุณ : ทำไงได้...คนมันน่ารัก เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 21:34:14

ความคิดเห็นที่ 19 การใช้ presenter เป็นตัวแทนในการบอกเล่าเรื่องราวในขณะนั้นๆไปสู่ผู้บริโภคเป็นที่นิยมกัน เพราะเป็นคนที่รู้จักในวงกว้าง และส่วนใหญ่ก็มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ มีภาพลักษณ์ที่ดีส่งเสริมสินค้า-บริการ csr หรือการดูแลสังคมให้คืนสังคมในรูปแบบต่างๆ เช่น บริจาค ทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ฯลฯ ก็กลายเป็น activities ที่ขาดไม่ได้ขององค์กรส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกันมากขึ้น ทั้ง 2 เรื่อง เป็นส่วนที่องค์กรธุรกิจต้องทำควบคู่กันไป ต่างเวลาโอกาสในวัตถุประสงค์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าให้น้ำหนักมากน้อย ขึ้งอยู่กับมุมมองของผู้บริหารองค์กรนั้นเป็นสำคัญค่ะ ตัวอย่าง คุณตันให้กับเรื่องแบบนี้มาตลอด.. พอตอนพาราลิมปิคตอนแรกแว่วข่่าวว่าจะไม่ให้ หรือให้น้อยกว่าโอลิมปิค ก็กลายเป็นกระแสต้าน แทนที่จะได้ภาพเต็มๆก็กลายเป็นอาจเจ็บตัวไปได้..csr จึงเป็นเรื่องที่ต้องระวังพอสมควรค่ะ # # แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 55 14:13:12 จากคุณ : เจ๊หยิก (เจ๊หยิก) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 14:11:02