( T-wind) ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง พาหนัง... "หญิงรักหญิง" แรงทะลุกำแพงเมืองจีน

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 3 ตุลาคม 2555


ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง พาหนัง... "หญิงรักหญิง" แรงทะลุกำแพงเมืองจีน

เมื่อถนนทุกสายกำลังมุ่งสู่เมืองจีน...ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจโตวันโตคืนขยายไปสู่ "ตลาดบันเทิง" พุ่งทะยานในอัตราก้าวกระโดดมากที่สุดในโลก กลายเป็นเค้กชิ้นมหึมาที่นักลงทุนต่างชาติกระหายหิวยิ่งนัก

แต่การทะลวงตลาดบันเทิงจีนไม่ใช่เรื่องง่ายคงยากพอกับการทลายกำแพงเมืองจีนเพราะธุรกิจบันเทิงที่เข้าไปในแดนมังกรได้จะต้องผ่านด่านอรหันต์จากภาครัฐเสียก่อน

ดูเหมือนว่าด่านเหล็กดัดตราจีนแดงจะเปิดโอกาสให้"บันเทิงไทย" ทยอยเข้าไปหว่านเมล็ดพันธุ์ในตลาดจีนมาร่วมทศวรรษ ถึงวันนี้ดอกผลเริ่มผลิบานพลอยให้เก็บเกี่ยวได้พอควร หลังจาก "อาตี๋-อาหมวย"ติดวัฒนธรรมบันเทิงไทยกันงอมแงม ซึ่งอยู่ในช่วงขาลงคลื่น "เค-พ็อป" ส่วนกระแส "เจ-พ็อป" ไม่ต้องพูดถึง ไม่อาจข้ามทะเลมาขึ้นฝั่งจีนได้ เพราะติดกำแพงชาตินิยม

ดังนั้นจึงเป็นโอกาสทองของบันเทิงไทย ขอยกความดีความชอบให้ยุคละครไทยนำร่องอย่าง "เลือดขัตติยา" แม้จะไม่ดังเป็นพลุแตก แต่ช่วยเปิดประตูให้สื่อบันเทิงไทยได้แทรกกายเข้าสู่หมู่คนจีน โดยมีหน้าหล่อ "ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี" ขึ้นแท่นเป็นขวัญใจอาหมวยไปโดยปริยาย

ส่วนละครชิงรักหักสวาทเรื่อง "สงครามนางฟ้า" ทำให้แบรนด์บันเทิงไทยแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในจีน อานิสงส์ความดังเป็นเหตุให้ "ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์" มีฐานแฟนคลับชาวจีนล้นหลามไม่แพ้ในเมืองไทย จนตอนนี้สถานีโทรทัศน์ระดับชาติของจีน ทั้ง CCTV8, หูหนาน และอานฮุย ต้องต่อคิวแห่ซื้อลิขสิทธิ์ละครไทยไปฉายอย่างต่อเนื่อง

กระแสความคลั่งไคล้วัฒนธรรมบันเทิงไทยยังลุกลามไปถึงศิลปินไทยอีกหลายรายอย่าง"บี้-สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว" ถึงขนาดได้รับฉายาให้เป็น "เจย์ โชว์ เมืองไทย" รวมถึงภาพยนตร์ไทยได้โกอินเตอร์ไปด้วย บางเรื่องไม่ผ่านด่านคัดกรองจากหน่วยเซ็นเซอร์ แต่ดังจากใต้ดินผ่านการดาวน์โหลดดูผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น รักแห่งสยาม นำ "มาริโอ้ เมาเร่อ" และ "พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล" กอดคอขึ้นทำเทียบซุป"ตาร์ดังในจีน

ส่วนแบ่งการตลาดจากเสียงกรี๊ดกร๊าดไม่ได้เทไปทางพระเอกหน้าหล่อแบรนด์ไทยเท่านั้นตอนนี้ความนิยมยังแผ่มาถึงดาราสาวไทยที่ดังเป็นพลุแตกไม่แพ้กันซึ่งกำลังเนื้อหอมสุด ๆ ในเมืองจีน "ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง" นางเอกหน้าหวานจากหนังเรื่อง "Yes or No" ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กระแสความแรงของบันเทิงไทยได้รับความนิยมในแดนมังกรมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจมีสิทธิ์ขยับขึ้นเป็นกระแสใหม่ที่เรียกว่า "ที-พ็อป" (Thai pop culture)

ชาวไทยหลายคนอาจไม่ติดหูชื่อของออม สุชาร์ หรือหนังหญิงรักหญิงที่เธอนำแสดง แต่กระแสกลับบินข้ามฟากไปโด่งดังที่เมืองจีน ฮอตฮิตจนต้องสร้างภาค 2 ต่อ แต่ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ออมเริ่มเล่าถึงความยากของหนังต่างชาติที่มีสิทธิ์เข้าไปฉายในจีน ทั้งระบบจำกัดโควตา กองเซ็นเซอร์ทุกรูปแบบ ส่วนหนังที่มีเนื้อหาล่อแหลม ทั้งเรื่องไสยศาสตร์หรือรักร่วมเพศก็หมดสิทธิ์เข้าฉาย รวมถึงหนังเรื่อง Yes or No เช่นกัน

"กระแสความดังของหนัง Yes or No ในจีน เกิดขึ้นในอินเทอร์เน็ต เป็นช่องทางเดียวที่ชาวจีนเข้าถึงสื่อไทย ดูผ่านเว็บไซต์ที่ชื่อ Youku.com จนเกิดเป็นกระแสปากต่อปากขยายกลุ่มแฟนคลับมากขึ้น เริ่มจัดเป็น Meet & Greet กับแฟนคลับจีน ต่อมาสื่อจีนเริ่มสนใจมาทำข่าวมากขึ้น มีติดต่อไปออกรายการทีวี รวมถึงขึ้นปกแมกาซีนดังของจีน"

ออมเผยความรู้สึกภูมิใจเป็นพิเศษที่ได้ขึ้นปกนำของ "Easy Magazine" มียอดขายถล่มทลายมากที่สุด ตามที่บรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นเล่มดังบอก นำไปสู่การออกรายการ "Day Day Up" วาไรตี้ทอล์กโชว์ชื่อดัง จนทำให้เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวจีน

"ครั้งหนึ่งเคยไปเที่ยววัดพระแก้ว มีคนจีนเข้ามาทักว่าจำเราได้ เพราะเคยดูเราออกทีวีที่จีน"

ทุกครั้งที่เธอบินตรงถึงเมืองจีน จะมีกองทัพแฟนคลับมารอต้อนรับแน่นขนัดสนามบิน ทั้งวิ่งกรูเข้ามากรี๊ดกร๊าด ยกป้ายไฟ ส่งเสียงเรียกชื่อดังสนั่น ทันทีที่เห็นหน้าออม บางรายยอมลงทุนบินมารับเธอถึงเมืองไทย เพื่อบินกลับไปเมืองจีนพร้อมกัน

แม้แต่เวลาไปเดินช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าในจีน ก็จะเห็นภาพแฟนคลับเดินตามคอยประคบประหงมตลอดทาง บางคนรีบวิ่งมาขอจ่ายเงินให้ กระแสความดังของหนังเรื่อง Yes or No ที่ยังคงอยู่ใต้ดิน บางรายไม่รู้จะสนับสนุนหนังเรื่องนี้อย่างไร จึงแสดงตนด้วยการควักเงินเหมาตั๋วหนังทั้งโรงเกือบ 200 ใบเพื่อเก็บกลับไปเป็นที่ระลึก และยังมีวัยรุ่นสาวชาวจีนตัดสินใจมาอยู่เมืองไทย เรียนภาษาไทยเพื่อติดตามถึงกองถ่ายเป็นปี

"ประทับใจทุกครั้งที่บินไปจีน และไม่คิดว่าคนจีนจะกรี๊ดคนไทยขนาดนี้ แม้จะมีเงื่อนไขและข้อจำกัดในการเข้าถึงสื่อต่างชาติซึ่งหลายประเทศต่างอยากได้ตลาดขนาดใหญ่ของจีน แต่การดีลธุรกิจที่จีนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และตอนนี้บันเทิงไทยในจีนกำลังอยู่ในช่วงเหล็กกำลังร้อน จึงต้องรีบตี" ออมทิ้งท้าย

เมื่อพลิกดูโมเดลความสำเร็จของวัฒนธรรมเค-พ็อป จะมีมือที่มองเห็นจาก "ภาครัฐ" เข้ามาช่วยขับเคลื่อน อนาคตของการบุกตลาดจีนจึงตกอยู่ที่รัฐบาลไทยจะมองเห็นโอกาสทองหรือไม่

แต่สัญญาณจากฝั่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เริ่มขยับเลือกโหนกระแสบันเทิงไทยในจีน ปรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวใหม่ ดันดาราไทยมาเป็นสื่อกลางขยายฐานนักท่องเที่ยวจีน หวังดึงโกยรายได้เข้าประเทศ ตามแนวคิด "เซเลบริตี้ มาร์เก็ตติ้ง"

แคมเปญล่าสุดมีชื่อว่า "เผิงโหย่ว เดอะ เรียลิตี้ โชว์" เลือก ออม-สุชาร์ ให้นำทีมแฟนคลับตัวจริงไทย-จีน มาจับคู่เป็นบัดดี้ทำกิจกรรมร่วมกัน พร้อมมาใช้ชีวิตร่วมกับซุป"ตาร์ในดวงใจ โดยเริ่มจัดกิจกรรมที่จังหวัดสุพรรณบุรีกับนครเฉิงตู ในฐานะเป็นเมืองพี่เมืองน้อง หลังจากนั้นค่อยขยายไปในเมืองอื่น ๆ

กระแสความดังของดาราไทย ย่อมใช้เป็นช่องทางและกลไกกรุยทางให้นักธุรกิจไทยเข้าไปสร้างแบรนด์ไทยในจีนได้ไม่ยาก

หมากเกมนี้เล่นไม่ยากขึ้นอยู่ที่ใครจะเดินเกมรุกช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดแดนมังกรในช่วงน้ำขึ้นได้มีชั้นเชิงกว่ากัน

จากคุณ	: Pikachu ร่าง 5 S
เขียนเมื่อ	: 3 ต.ค. 55 20:40:43