แยกส่วนช่องรายการ-สถานี-โครงข่ายการแพร่สัญญาณ
โครงสร้างการแข่งขันของอุตสาหกรรมฟรีทีวีในประเทศไทย นอกจากภาวะกึ่งผูกขาดโดยรัฐแล้ว ยังเป็นระบบการผูกขาดแนวดิ่ง (vertical integration) นั่นคือองค์กรที่ควบคุมสถานีทีวีแต่ละแห่งจะเป็นเจ้าของทุกอย่าง ตั้งแต่เสาส่งสัญญาณตามพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย อุปกรณ์ส่งสัญญาณแพร่ภาพ คลื่นความถี่ ช่องรายการ ไปจนถึงผลิตรายการด้วยตัวเอง (แล้วค่อยแบ่งเวลาออกอากาศบางส่วนให้กับเอกชนรายอื่นเช่าเวลาหาผลประโยชน์)
การผูกขาดแนวดิ่งนี้ทำให้ช่องทีวีต่างๆ แข่งขันกันที่ความครอบคลุมของสัญญาณแพร่ภาพ และกลายเป็นช่อง 7 ที่ได้ประโยชน์สูงสุดเพราะมีสัญญาณแพร่ภาพที่ครอบคลุมมากกว่า ส่งผลให้ทะยานขึ้นเป็นสถานีที่มีคนดูเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ (และส่งผลบวกในแง่ของราคาโฆษณาที่แพงกว่า) แต่เมื่อการขยายพื้นที่แพร่ภาพเริ่มอิ่มตัว ทุกช่องเริ่มมีพื้นที่การแพร่สัญญาณภาพที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น ในช่วงหลังช่อง 3 จึงพยายามเจาะตลาดของช่อง 7 โดยอาศัยเนื้อหารายการที่ดึงดูดมาเป็นจุดขาย ในขณะที่ช่องของรัฐช่องอื่นๆ ไม่ได้เน้นผลประโยชน์เชิงพาณิชย์มากเท่ากับช่องของเอกชนทั้งสองราย
แต่ในยุคของทีวีดิจิทัล การผูกขาดแนวดิ่งจะหายไปในที่สุด โดยเจ้าของช่องรายการ อาจไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของโครงข่ายเสาแพร่ภาพสัญญาณก็ได้ และในทางกลับกัน อาจมีแต่บริษัทที่ให้บริการวางระบบเสาสัญญาณ (ซึ่งเป็นงานวิศวกรรม) เพียงอย่างเดียว ไม่เข้ามายุ่งกับการผลิตเนื้อหารายการเลยก็เป็นได้ กระบวนการแพร่ภาพจะใช้วิธีต่างฝ่ายต่างเช่าใช้บริการของอีกฝ่ายเติมเต็มซึ่งกันและกัน การลงทุนเริ่มแรกจึงน้อยลงมาก เปิดโอกาสให้ผู้เล่นรายเล็กหน้าใหม่เข้ามาประกอบกิจการในตลาดได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดการแข่งขันในอุตสาหกรรมมากขึ้นตามมา
อ่านต่อได้ที่เวป siamintelligence.com
จากคุณ |
:
takeyourtime
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ต.ค. 55 20:50:53
|
|
|
|