ความคิดเห็นที่ 1 SILVER LININGS PLAYBOOK ผู้กำกับ : เดวิด โอ รัซเซล (The Fighter) ผลงานปล่อยของปลายปีนี้จากผู้กำกับฝีมือเยี่ยมแห่ง The Fighter เดวิด โอ รัซเซล ที่ขอลดดีกรีความเครียดมาขายงานเบาสมองปนดราม่าแต่แฝงปรัชญาแห่งชีวิตกันบ้าง !!! พร้อมกับดึงเอาศักยภาพทางการแสดงของ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ มาเป็นตัวอุ้มชูเรื่องราวอีกครั้ง ทำให้นางได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกอย่างท่วมท้น และกลายเป็นตัวเต็งออสการ์สาขานำหญิงตั้งแต่ตอนนี้ !!! จริงๆแล้วเนื้อหาหนังเองก็ดูท่าเหมือนจะเป็นงานดราม่าธรรมดา เพราะไม่ได้พูดถึงอะไรนอกจากชีวิตของชายหนุ่มคนหนึ่งที่หลังจากเข้าไปบำบัดอาการป่วยทางจิตมา และได้ออกมาพักฟื้นอยู่บ้าน เค้าก็ได้พบกับโลกใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงการก้าวเข้ามาในชีวิตของสาวเพี้ยนคนหนึ่ง ที่จะทำให้เขาได้มองเห็นอะไรดีๆที่ขาดหายไปในชีวิต โดยบทชายหนุ่มคนดังกล่าว หนังก็ได้แบรดลี่ย์ คูเปอร์มารับหน้าที่ ซึ่งหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า นี่เป็นบทบาทที่ดีที่สุดในเครดิตการแสดงของเขาเลยทีเดียว เหตุที่หนังได้รับความฮือฮาล่วงหน้าว่าจะเป็นตัวเต็งบนเวทีรางวัลใหญ่ๆปลายปีนี้และต้นปีหน้า ก็เนื่องมาจากครั้งเมื่อหนังเดินทางไปเปิดตัวยังเทสกาลหนังนานาชาติโตรอนโต และได้รับรางวัลติดไม้ติดมือกลับมาบ้านมากมาย กระทั่งหนังเองก็ได้ผู้จัดจำหน่ายเป็นถึงระดับ ไวน์สตีน คัมปะนี สตูฯจัดจำหน่ายรายใหญ่ที่เน้นดึงหนังรางวัลเอามาไว้กับตัวโดยเฉพาะ ทำให้หนังดูมีอนาคตที่สดใสนับจากนี้ ...ถึงแม้หน้าหนังจะดูเบาสบายเหมาะสำหรับคนดูทุกเพศวัยอย่างไรก็แล้วแต่ แต่เนื้อในหนังนั้นจะคุกกรุ่นไปด้วยความปวดร้าว เสียดสีชีวิตแบบเจ็บๆ ผ่านตัวละครของคนสองคนที่ผ่านความเหลวแหลกในชีวิตมาและต้องการใช้ด้านแข็งแกร่งที่หลงเหลือในตัวเยียวยากันและกัน หนังเองก็ไม่ต่างจากความดราม่าใน The Descendants ที่แม้ตัวละครจะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาปวดร้าวแค่ไหน แต่เขาก็ยังต้องเดินหน้าต่อไปด้วยจิตใจที่มั่นคงเพื่อคนรอบข้างและเพื่อตัวเขาเอง ดูจะเป็นแนวที่ออสการ์ชอบเป็นพิเศษในช่วงหลังๆมานี้ ทำให้เราต้องมาลุ้นว่า หนังจะพาตัวเองขึ้นไปเกี่ยวข้องบนเวทีได้มากแค่ไหน รวมไปถึงการคว้าชัยของลอว์เรนซ์ หลังจากที่เคยเข้าชิงมาแล้วในผลงานเดบิวต์อย่าง Winter's Bone เมื่อ 3 ปีก่อน ครั้งนี้ดูจะเป็นโอกาสทองของนางอีกครั้งที่จะได้ไปชิงชัยกันอย่างเมามันส์ !!! นอกจากลอว์เรนซ์และคูเปอร์แล้ว หนังยังมีนักแสดงเครดิตคุณภาพอย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร, จูเลีย สไตล์ส, เชีย วิงแฮม, แจ็คกี้ วีเวอร์ร่วมแสดง โดยรัซเซลจะรับหน้าที่เขียนบทเอง โดยดัดแปลงมาจากนิยายต้นฉบับที่เป็นผลงานปลายปากกาของ แมทธิว ควิก หนังวางกำหนดเข้าฉายในอเมริกาเอาไว้ 21 พฤศจิกายนนี้ ส่วนบ้านเราจะเข้าฉาย 27 ธันวาคม โดยผู้จัดจำหน่าย United Home Entertainment และ Catalyst Thailand เกร็ดน่ารู้ - แอนน์ ฮาทาเวย์, ราเชล แม็คอดัมส, โอลิเวีย ไวลด์, เบล้ค ไลฟ์ลี่ย์, รูนี่ย์ มาร่า, เคิร์สเตน ดันส์ท, อังเดรีย ไรซ์เบอร์โรห์, อลิซาเบธ แบงค์ส เคยได้รับการพิจารณาให้มารับบทนำหญิงของเรื่อง แต่แล้วก็เป็นโชคของสาวเจน ลอว์เรนซ์ ที่คว้าบทนี้ไปได้ในที่สุด - ส่วนบทฝ่ายชายก็เคยเกือบตกเป็นของ มาร์ค วอลเบิร์ก นักแสดงหนุ่มเพื่อนซี้ของผู้กำกับเดวิด โอ รัซเซล จาก The Fighter กระทั่งมาลงตัวที่ แบรดลี่ย์ คูเปอร์ - ก่อนหน้าที่จะมาเล่นเป็นลูกชายของโรเบิร์ต เดอ นีโร เรื่องนี้หนุ่มแบรดลี่ย์ คูเปอร์เคยไปออดิชั่นในบทลูกชายเดอ นีโรมาแล้วกับเรื่อง Everybody's Fine แต่ก็ยังไม่ถึงคราวของเขา - นี่คือการกลับมาแสดงหนังครั้งแรกของ คริส ทัคเกอร์ หลัง Money Talks เมื่อปี 1997 (ถ้าไม่นับแฟรนไชส์ Rush Hour) แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 55 01:55:25 จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 01:55:09

ความคิดเห็นที่ 2 WRECK IT RALPH ราล์ฟ วายร้ายหัวใจฮีโร่ ผู้กำกับ : ริช มัวร์ (Futurama) ผลงานฉีกกรอบแอนิเมชั่นจากดิสนี่ย์ที่จะเป็นการเคาะสนิมความทรงจำอันแสนหวานของคอเกมส์แปดบิตให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง !! เพราะหนังจะไปดึงเอาแคแรกเตอร์เกมส์ในโลกยุคแปดบิตมานำเสนอในรูปแบบแอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์สีสันกราฟฟิคร่วมสมัย โดยเจ้าแคแรกเตอร์ที่ว่านั่นก็มาจากเกมส์ทุบตึกที่ชื่อ "พัง-มัน-ราล์ฟ!" ซึ่งมีใจความหลักสำคัญก็คือ เป็นเกมส์ที่จะให้เจ้าวายร้ายราล์ฟคอยมาทุบตึกที่กำลังถูกก่อสร้างขึ้นไป และแน่นอนว่าเจ้าราล์ฟก็คือวายร้ายของเกมส์ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น "ตัวละครในเกมส์ที่นิสัยไม่ดี" มากว่า 30 ปี แต่บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เขาจะออกมาแสดงตนว่า จริงๆแล้วเขาไม่ใช่คนไม่ดีอย่างที่ใครๆคิดกัน !!! ราล์ฟออกมานั่งขอคำปรึกษาเพื่อนๆในเกมส์แปดบิตรายอื่นๆ ซึ่งเราก็ได้เห็นแคแรกเตอร์จากเกมส์ที่เราคุ้นเคยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวละครจาก Street Fighter, Mario Bros, Pacman ฯลฯ ที่จะมาสร้างสีสันให้คุณได้เซอร์ไพรส์กันตลอดทั้งเรื่อง โดยราล์ฟก็ได้บทสรุปของการปรึกษาหารือครั้งนี้ว่าเขาจะเลิกเป็นตัวร้ายในเกมส์นี้แล้ว ต่อไปเขาจะออกไปช่วยฮีโร่ในเกมส์อื่นๆต่อสู้บ้าง !!! ความวายป่วงมันก็มาเยือนตรงที่ราล์ฟเข้าไปช่วยพระเอกในเกมส์ First Person Shooting และได้เข้าไปสู่เกมส์แข่งรถสีลูกกวาด ที่ๆเขาได้เรียนรู้ว่าภัยจากไวรัสกำลังเข้ามาระบาดในเกมส์ !!! นั่นเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เขาจะได้พิสูจน์ความเป็นวีรบุรุษที่แท้จริงในตัวของเขาเองออกมา !!!! ดิสนี่ย์ดูเหมือนจะได้หนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งความฮิตเซอร์ไพรส์ประจำช่วงปลายปี เพราะเนื่องด้วยไอเดียของหนังที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นกับแนวทางของหนังที่ออกมาในรูปแบบของการมิกซ์ผสมผสานกันระหว่างแคแรกเตอร์ในโลกของเกมส์ยุคโบราณกับซีจีอันล้ำสมัย แน่นอนว่าคนดูส่วนใหญ่ที่เป็นรุ่นบุกเบิกหน่อยก็คงจะไม่ปฎิเสธกับการตีตั๋วเข้าไปชมความสนุกและอะไรที่พวกเขาคุ้นเคยในหนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้ สำหรับทีมให้เสียงพากย์ของหนังนั้นก็ประกอบไปด้วย จอห์น ซี ไรลี่ย์ ที่มาพร้อมแคแรกเตอร์ที่เหมาะกับหน้าตา บุคลิกและรูปร่างของเขาเหลือเกิน กับบทเจ้าราล์ฟจอมพลังประจำเรื่อง ร่วมด้วย แจ็ค แม็คไบรเออร์, ซาร่า ซิลเวอร์แมน, เจน ลินช์ และอีกคับคั่ง  ---- จาก Rapunzel (หรือชื่อในตลาดนอกอเมริกาว่า Tangled) เคยเปิดตัวสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาปีนี้ก็จะได้ดูในอีกรูปแบบใหม่ของงานแอนิเมชั่น ที่เชื่อได้ว่ามันจะต้องเป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ของดิสนี่ย์อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็กลายเป็นหนึ่งในผลสำรวจประจำปีนี้ว่า "เป็นหนังที่คนดูส่วนใหญ่รอคอยที่สุด" และไม่แน่ หนังอาจจะได้ไปเกี่ยวข้องบนเวทีรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดยาวยอดเยี่ยมก็อาจจะเป็นได้ (และเผลอๆอาจจะกลายเป็นผู้ชนะแบบเหนือความคาดหมาย !!!) วันเข้าฉายในอเมริกา 2 พฤศจิกายน ส่วนบ้านเราก็รอกันพักใหญ่ๆเพราะหนังจะเข้าฉายอีกทีก็นู่นเลยส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 27 ธันวาคม รู้ไว้ใช่ว่า - หนังเรื่องนี้จะแตกต่างจากแอนิเมชั่นเรื่องอื่นๆ ตรงที่นักแสดงผู้ให้เสียงพากย์รายหลักจะมาร่วมพากย์ในห้องเดียวกันเพื่อสร้างอิมโพรไวส์สดให้กับหนัง - ก่อนหน้าที่เรื่องราวในหนังจะถูกพัฒนาต่อยอดเป็นภาพยนตร์ แคแรกเตอร์ "ซ่อมมัน-เฟลิกซ์" ที่ให้เสียงพากย์โดย "แจ็ค แม็คไบรเออร์" เคยรอท่าในตำแหน่งแคแรกเตอร์หลักของเรื่องมาก่อน!! - ทีมงานเคยวางแผนให้แคแรกเตอร์ "ราล์ฟ" ออกมาเป็นรูปแบบของแคแรกเตอร์ 8 Bit เหมือนในเกมส์ แต่คิดไปคิดมาแล้วมันจะทำให้แคแรกเตอร์แสดงความน่ารักออกมาไม่เต็มที่เท่าไหร่ - แคแรกเตอร์ ไนซ์แลนเดอร์ที่หน้าตาเหมือน จอห์น แลสซีเตอร์ ได้ถูกออกแบบมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำมาใช้ในหนัง - กว่าครึ่งเรื่องของหนังดำเนินอยู่ใน Sugar Rush นั่นก็เป็นเพราะว่าแคแรกเตอร์สาวน้อยที่ชื่อ "วาเนโลป" เกิดความผิดพลาดบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถออกมาจากเกมส์นั้นได้ จึงไม่สามารถออกไปผจญภัยไหนต่อไหนได้เหมือน "ราล์ฟ" แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 55 01:57:19 จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 01:56:49

ความคิดเห็นที่ 3 SKYFALL พลิกรหัสพิฆาตพยัคฆ์ร้าย ผู้กำกับ : แซม เมนเดส (American Beauty) เป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะในการกลับมาเสียเหลือเกิน สำหรับ เจมส์ บอนด์ สายลับคนเก่งที่แม้จะกลับมาหงำเหี่ยวกว่าเดิม แต่รับรองได้ว่า ความบู๊แหลกลาญ และความมันส์สะท้านต่อมลูกหมากจะไม่ลดราวาศอกลงไปไหน เพราะภาคนี้ แดเนียล เคร็ก จะจัดหนักจัดเต็มกว่าทุกภาคที่ผ่านมา โดยมีผู้กำกับเป็นถึงระดับยอดฝีมือดีกรีออสการ์จาก American Beauty อย่างแซม เมนเดส ที่เปลี่ยนรสมือจากหนังดราม่าหนักหน่วงมาเป็นแอ็คชั่นสาดความระห่ำดูบ้าง !!!...และที่ว่าเหมาะเจาะก็เพราะว่าปีนี้จะเป็นปีที่เจมส์ บอนด์ของพวกเรามีอายุอันนามครบ 50 ปีพอดิบดี !! ไม่ใช่อายุของเจมส์ บอนด์ครบ 50 นะ แต่เป็นปีที่ถ้านับนิ้วย้อนกลับไปยังบอนด์ภาคแรกในตอน Dr.No นั้น มาถึงปีนี้ก็จะเป็นปีที่ 50 แล้วที่บอนด์ได้ถือกำเนิดมาบนแผ่นฟิล์ม !!!! แดเนียล เคร็กเป็นสายลับ 007 คนที่ 6 ซึ่งเข้าคิวต่อจาก ฌอน คอนเนอรี่ ที่เป็นเจ้าของบทบอนด์ใน Dr.No, From Russia With Love, Thunderball, Goldfinger,You Only Live Twice, Diamonds Are Forever ตามมาด้วยจอร์จ ลาเซนบี้ ที่โผล่มาในมาดบอนด์กับ On Her Majesty's Secret Service โดยเขาถือเป็นนักแสดงที่มารับบทบอนด์ที่มาไวไปไวสุด เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องแค่ภาคเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะมาเป็นยุครุ่งเรืองของ โรเจอร์ มัวร์ พระเอกเจมส์ บอนด์คนที่ 3 ที่ได้รับความนิยมมากทีเดียว กับหนังบอนด์ในอาณัติทั้งหมด 7 ภาคด้วยกัน อันประกอบไปด้วย Live And Let Die, The Man With The Golden Gun, The Spy Who Loved Me, Moonraker, For Your Eyes Only, Octopussy และ A View To Kill นับเป็นนักแสดงที่ใช้เวลายาวนานมากที่สุดกับแฟรนไชส์เจมส์ บอนด์ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ !!! ...จากนั้นก็เป็นคิวของ ทิโมธี่ ดัลตัน ที่โผล่มาเป็นบอนด์แค่ 2 ภาคเท่านั้น นั่นก็คือ The Living Daylights, License To Kill ด้วยบุคลิกที่ดูแล้วไม่เหมาะกับการเป็นเจมส์ บอนด์ สักเท่าไหร่ ผู้สร้างก็เลยต้องเปลี่ยนตัวอีกครั้ง กระทั่งมาเป็น ยอดพยัคฆ์เจ้าสำอางค์อย่าง เพียรซ บรอสแนน ที่กระชากใจแฟนหนังไปได้หลายต่อหลายภาค ไม่ว่าจะเป็น Goldeneye, Tomorrow Never Dies, The World Is Not Enough และ Die Another Day เรียกได้ว่าเป็นบอนด์ที่แพรวพราวด้วยเสน่ห์และลูกเล่น ลูกชนมากที่สุดคนหนึ่ง ....และแล้วก็ถึงคราวของบอนด์ในเวอร์ชั่นดิบ ห่าม ระห่ำ เข้มกันบ้าง โดยรายที่มารับหน้าที่ต่อก็คือ เคร็ก ผู้นี้นี่เอง ที่เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ของ บอนด์ที่เราเคยรู้จัก จากที่มีด้านสดใสในตัวบ้าง ก็กลายมาเป็นสายลับที่มีบุคลิกตรงกันข้ามทุกกระเบียดนิ้ว เรียกว่าเป็นบอนด์ที่เครียดที่สุด ตั้งแต่มีมา 5 คนเลยทีเดียว โดย เคร็กจะกลับมารับบทบอนด์ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 ตามหลัง Casino Royale และ Quantum of Solace ซึ่งก็มีการยืนยันออกมาแล้วว่า เคร็ก จะยังกลับมาเป็นบอนด์อีกครั้งแน่นอน ในอีก 2 ภาคข้างหน้า !!! เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งเบื่อเขากันล่ะ !!! Skyfall จะเล่าเรื่องราวภารกิจตอนต่อไปของ เจมส์ บอนด์ ที่ต้องแบกรับความเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งอดีตที่ตามมาหลอกหลอนของผู้บังคับบัญชาการของเธออย่างเอ็ม ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับ ซิลบา วายร้ายรายใหม่ของเรื่องที่หมายจะล้างแค้นเธออยู่ --- และสำหรับนักแสดงที่ตบเท้ากันเข้ามาร่วมระห่ำในภาคนี้ นอกจากรายที่เราคุ้นกันดีอย่าง จูดี้ เดนช์ ที่ยังมาในเอ็ม เช่นเคยแล้ว ก็ยังมี ฆาเวียร์ บาร์เด็ม ที่จะมารับบทเป็นซิลบา วายร้ายที่มีแผนการบางอย่างในใจและต้องมาห้ำหั่นกับบอนด์ ร่วมด้วย เรล์ฟ ไฟนส์, นาโอมิ แฮร์ริส, อัลเบิร์ต ฟินนี่ย์, เบน วิชอว์ และอีกมากมาย เรียกได้ว่าเห็นดาราแล้วก็เตรียมขนลุกเกรียวกันล่วงหน้าตั้งแต่ตอนนี้ได้เลย !!! "มันจะมีอะไรใหม่ๆในเจมส์ บอนด์ภาคนี้มากมาย แต่นั่นไม่ใช่ในแบบที่จะต้องไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของหนังมันใหม่นะ มันจะยังเป็นเจมส์ บอนด์อยู่" เมนเดสให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นอะไรที่จะทำให้คอหนัง 007 ต้องเซอร์ไพรส์กันตั้งแต่ต้นจนจบอย่างแน่นอน !!! หนังมีโปรแกรมเข้าฉายในอังกฤษเป็นที่แรกในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ จากนั้นจะเป็นคิวในบ้านเราที่จะเข้าวันที่ 1 พฤศจิกายน ก่อนจะไปเปิดตัวในอเมริกาอย่างเป็นทางการวันที่ 9 พฤศจิกายน เกร็ดหนังน่ารู้ - นี่คือหนังเจมส์ บอนด์ตอนที่ 23 และเปิดตัวในอังกฤษวันที่ 23 !!! - หนังภาคนี้จะไม่ได้ดำเนินเรื่องต่อจากเหตุการณ์ในสองภาคก่อน (Casino Royale, Quantum of Solace) โดยโปรดิวเซอร์ของหนัง บาร์บาร่า บร็อคโคลี่ กล่าวไว้ว่า ถึงเวลาที่หนังควรจะดำเนินเรื่องที่แตกต่างไปดูบ้าง" ทำให้ภาคนี้กับภาคก่อนจะไม่มีจุดเชื่อมโยงกันแม้แต่นิดเดียว - ฟรีด้า พินโต, โอลิเวีย ไวลด์, ราเชล ไวซ์, เอสตี้ กินซ์เบิร์ก, มาการ์ริตต้า เลอวีว่า, อลิซ อีฟ, อนา เวนทูร่า, เอมิเลีย ฟ็อกซ์และเอบริว เอเคล เคยอยู่ในรายชื่อของนักแสดงที่จะมารับบทเป็นสาวบอนด์ กระทั่งบนสาวบอนด์ทั้งสองของเรื่อง ตกเป็นของ เบเรนิซ มาร์โลห์และ นาโอมิ แฮร์ริส ในที่สุด - ก่อนหน้าที่ Skyfall จะมาเข้าฉายในปีครบรอบ 50 ขวบของเจมส์ บอนด์ Die Another Day ก็เคยเข้าฉายในช่วงครบรอบ 40 ปีของเจมส์ บอนด์มาแล้วเมื่อปี 2002 - เป็นครั้งแรกของหนังเจมส์ บอนด์ที่ได้ผู้กำกับระดับเจ้าของรางวัลออสการ์มาทำหน้าที่กุมบังเหียน นั่นก็คือ แซม เมนเดสนั่นเอง - เควิน สเปซี่ย์ เคยได้รับการทาบทามให้มามีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ แต่ก็ปฎิเสธไปเนื่องจากคิวไม่ลงตัว - หนังภาคนี้ถือเป็นการกลับมารับบทเป็น เอ็ม เป็นครั้งที่ 7 แล้วของจูดี้ เดนช์ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 17 ปีที่แล้ว - แดเนียล เคร็กเปิดเผยว่าเขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของงานสร้าง เนื่องจากเขาดูแก่วัยเกินกว่าที่จะมารับบททำนองนี้ในอนาคต แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เขาจะรับหน้าที่เป็นเจมส์ บอนด์อีก 2 ภาคนับจากนี้ - สาวบอนด์คนใหม่อย่าง เบเรนิซ มาร์โลห์ เคยมีผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เธอมาก่อนหน้าที่เป็นแค่หนังทีวีทุนต่ำ โดยบทขายของเธอก็คือ บทเลิฟซีนที่เธอสวมเพียงแค่วิกสีแดงชิ้นเดียวเท่านั้น - ภาคนี้ถือเป็นครั้งที่สามของหนังเจมส์ บอนด์ที่ได้ไปถ่ายทำยัง อิสตันบูล ตามหลัง From Russia With Love และ The World Is Not Enough - ถือเป็นครั้งแรกที่มีนักแสดงเชื้อสายสเปนมารับบทร้ายในหนังเจมส์ บอนด์ นั่นก็คือ ฆาเวียร์ บาร์เด็ม - ก่อนหน้าจะเป็น แซม เมนเดส ผู้กำกับฝีมือดีอีกรายอย่าง แดนนี่ บอยล์ เคยถูกพิจารณาให้มากำกับหนัง - Skyfall เป็นชื่อหนังชื่อแรกในหนังเจมส์ บอนด์ของแดเนียล เคร็ก ที่ไม่ได้หยิบเอาชื่อนิยายของเอียน เฟลมมิ่งมาตั้ง - และชื่อ Skyfall ก็มีนัยนะสำคัญอะไรบางอย่างที่จะเป็นการเปิดเผยสาระสำคัญในเรื่องด้วย !! - Skyfall ถือเป็นหนังเจมส์ บอนด์ภาคแรกที่จะได้เข้าฉายในโรงไอแม็กซ์ !!! - ฉากรถไฟชนกันในหนัง จะเป็นการถ่ายทำโดยไม่ใช้ CG แม้แต่ช็อคเดียว !! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 01:57:51

ความคิดเห็นที่ 4 TWILIGHT : BREAKING DAWN PART 2 แวมไพร์ทไวไลน์ : เบรคกิ้ง ดอว์น ภาค 2 ผู้กำกับ : บิลล์ คอนดอน (Dreamgirls) และแล้วก็มาถึงวันที่มหากาพย์ตำนานรักสามเส้าเคล้าซิกส์แพ็คที่ยาวนานมากว่า 4 ปีเรื่องนี้ต้องสิ้นสุดลง และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ข่าวลือในแง่ลบของนักแสดงนำของเรื่องอย่างแม่สาว คริสเต็น สจวร์ต ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อตัวหนังเลยแม้แต่น้อย เพราะทันทีที่หนังเปิดขายบัตรล่วงหน้าเพียงแค่วันเดียว ยอดขายตั๋วก็กลายเป็นสองเท่าของจำนวนตั๋วที่ขายได้ใน Breaking Dawn Part 1 เสียอีก ทำให้คาดการณ์ล่วงหน้าได้เลยว่าภาคนี้จะเป็นภาคที่ปิดตัวด้วยรายรับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างแน่นอน !!! สจวร์ตกลับมาจูบปาก (ในชีวิตจริง) กับพ่อหนุ่ม โรเบิร์ต แพททินสันอีกครั้ง และพร้อมจะเดินข้างกันในการออกสื่อโปรโมตหนังในช่วงปลายเดือนนี้และต้นเดือนหน้า โดยในหนังทั้งคู่จะต้องมาเล่นเป็นสามีภรรยาแวมไพร์ตาแดงหน้าขาวที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางสมรภูมิครั้งสำคัญ ที่รับรองได้ว่าภาคนี้จะจัดเต็ม ไม่ชวนหลับเหมือนหลายๆภาคที่ผ่านมา เพราะบิลล์ คอนดอน มีความตั้งใจที่จะเก็บฉากสุดระทึกแห่งการเผชิญหน้าที่จะใช้ในภาคนี้ไว้เป็นไม้ตายขายของให้กับหนัง เพื่อที่จะได้ปิดตำนานไตรภาค(กว่าๆ) ได้อย่างสมบูรณ์แบบและอิ่มมากกว่าที่เคย !!! สำหรับเนื้อหาหลักนั้น หลังจากที่เรเนสมี ได้ถือกำเนิดขึ้นมา เรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น เพราะเหล่าตระกูลโวลทูรี่นั้นไม่พอใจอย่างมาก เพราะเชื่อว่าเรเนสเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะทั้งหลายทั้งปวงที่กำลังจะตามมา ทำให้โวลทูรี่ออกตามล่า เรเนสมี ก่อเกิดเป็นสงครามย่อมๆที่จะอุบัติความเป็นความตายของเหล่าแวมไพร์และไลแคนส์ เอ้ย!! เหล่าหมาป่าในปัจฉิมบทภาคนี้ !!! และอย่างที่ได้ข่าวกันมาก็คือ จับตาดูบทสรุปของหนังให้ดี เพราะมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่นักอ่านทั้งหลายคุ้นเคย เพราะบทหนังจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเพื่อความเหมาะสมมากขึ้น มันเป็นอะไรที่จะดึงดูดเรียกร้องความสนใจของแฟนหนังให้เขาไปตีตั๋วสร้างสถิติให้กับหนังได้เป็นอย่างดี --- สำหรับความสำเร็จของ Twilight ในแต่ละภาคนั้น ถ้าวัดรายรับรวมทั่วโลกแล้ว New Moon มาวินสุดด้วยรายรับ 709 ล้านดอลล่าร์ ตามด้วย Breaking Dawn Part 1 เก็บไป 705 ล้านดอลล่าร์, Eclipse อยู่ที่ 698 ล้านดอลล่าร์ ปิดท้ายตารางที่ภาคแรกที่เก็บไป 392 ล้านดอลล่าร์ ไม่แน่ภาคนี้อาจจะปิดกันที่พันล้านก็อาจจะเป็นได้ !!~ อะไรก็เกิดขึ้นได้ กระแสหนังยิ่งมาแรงอยู่ด้วยตอนนี้ (ถ้าคนไม่พากันหมั่นไส้นังเบลล่าหน้าเครียดกันไปเกือบค่อนโลกซะก่อน) หนังเปิดตัวในอเมริกา 16 พฤศจิกายน และแน่นอนว่าในบ้านเราก็ได้ดูก่อนหน้านั้น 1 วัน !!! เกร็ดหนังเล็กน้อย - หนังใช้ทุนสร้างในระดับ 75 ล้านดอลล่าร์ นับเป็นทุนสร้างที่มากที่สุดในบรรดาหนังทุกภาคที่ผ่านมา - หนังถ่ายทำต่อเนื่องกับ Breaking Dawn ภาคแรก โดยเริ่มเดินกล้องในช่วงพฤศจิกายนปี 2010 และปิดกล้องช่วงกลางเดือนเมษายน 2011 โดยมีโลเกชั่นถ่ายทำอยู่ที่ ริโอ เดอ จาเนโร, แวนคูเวอร์, หลุยเซียน่าและบาตัน รูจ - และเพื่อไม่ให้นักแสดงในกองถ่ายพูดคำไม่เหมาะสมต่อหน้าสาวน้อย แม็คเคนซี่ ฟอย ดาราเด็กที่มารับบทเป็น เรเนสมี ในเรื่อง ก็เลยมีการตกลงกันว่าใครก็ตามที่พูดคำเหล่านั้นจะต้องใส่เงินใน "โหลสาบาน" ...จนกระทั่งปิดกล้องก็ได้ไปหลายบาททีเดียว !!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 01:58:29

ความคิดเห็นที่ 5 ZERO DARK THIRTY ผู้กำกับ : แคทเธอรีน บิเกโลว์ (The Hurt Locker) นี่คือผลงานต่อยอดความท้าทายของผู้กำกับที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์คนแรกในประวัติศาสตร์ !! นางก็คือ แคทเธอรีน บีเกโลว์ เจ้าของเดียวกับ The Hurt Locker ผลงานฮิตเซอร์ไพรส์เมื่อ 3 ปีก่อน ครั้งนี้ก็ยังไม่วางมือจากงานแนวๆสงครามและทหารสุดแมนแฮนซั่มไปไหน เพราะนางก็ยังเวียนว่ายอยู่ในงานทำนองนี้อยู่ !! และจะจริงจังมากขึ้นเพราะจะหยิบเอาเรื่องราวปฎิบัติการสังหารบิน ลาเด็น ของทหารมะกันมาตีแผ่บนแผ่นฟิล์มให้เราได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับวาระสุดท้ายของผู้นำจอมวายร้ายรายนี้ !!!! ถือเป็นไพ่ใบสำคัญของ บิเกโลว์มากๆ ที่กล้าในการทำหนังสงครามที่เป็นที่จับจ้องของคนค่อนโลก ว่าจะนำเสนอออกมาอย่างมีแง่มุมและซื่อสัตย์ต่อความเป็นจริงอย่างไร !!!! และนอกจากเรื่องราวที่จะดูจริงจัง ซีเรียส ทุกกระเบียดความเครียดแล้ว หนังยังมาพร้อมทีมนักแสดงพลังแข็งปั๋งที่พร้อมจะไปยืนดาหน้ากันบนเวทีรางวัลมากมาย ทั้งเจสสิก้า แชสเตน ที่ขอมาร่วมวงความแมนในงานสงครามเรื่องนี้ด้วย และแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่าชื่อของเธอก็ไม่พลาดที่จะเป็นหนึ่งในนักแสดงที่เข้าชิงรางวัลสำคัญๆช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้าแน่นอน ร่วมด้วย โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน ที่น่าจะได้เรื่องนี้เป็นหนึ่งจุดพีคทางการแสดงของเขา, ไคล์ แชนด์เลอร์, มาร์ค สตรอง, คริส แพร็ตต์, เทย์เลอร์ คินนี่ย์, มาร์ค ดูพลาส, เจสัน คลาร์ค, สตีเฟ่น ดิลเลน, แฟรงก์ กิลโล่ ก็คือนักแสดงรายอื่นที่มาร่วมฟีทเจอริ่งกันในหนังด้วย !!! หลังจากที่สร้างเซอร์ไพรส์แบบคุยกันไปสามบ้านแปดบ้านใน The Hurt Locker เกี่ยวกับวิสัยทัศน์การทำหนังแนวนี้ของ บิเกโลว์ ครั้งนี้นางก็จะได้พิสูจน์ตัวตนอีกครั้ง ว่างานชิ้นต่อไปจะขลุกอยู่กับเรื่องราวสไตล์นี้หรือไม่ และจะสามารถสร้างรากฐานต่องานหวังรางวัลให้ตัวเองได้มากแค่ไหน ก็ต้องติดตาม !!! โดยในเรื่องนี้นางบิเกโลว์ก็ได้มือเขียนบทคู่ใจอย่าง มาร์ค โบล ที่ร่วมงานกันใน The Hurt Locker มาแล้ว มาร่วมงานกันอีกครั้ง รับรองได้ว่าจะต้องออกมาดุเดือดเลือดพล่านสะท้านประวัติศาสตร์อีกอย่างแน่นอน !!!! หนังวางแผนออกฉายในอเมริกา 19 ธันวาคม ก่อนที่บ้านเราจะได้ดูกันในช่วงส่งท้ายปีเก่าวันที่ 27 ธันวาคม !! เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย - รูนี่ย์ มาร่า เคยเป็นนักแสดงที่เข้ามาแคสติ้งบทนำของหนัง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ตกเป็นของเจสสิก้า แชสเตนแทน - โจเอล เอ็ดเกอร์ตันเคยเข้ามาแคสติ้งหนังเรื่องนี้ แต่ก็ต้องถอนตัวออกไปเนื่องด้วยปัญหาคิวการถ่ายทำที่ไม่ลงตัว กระทั่งได้เจสัน คลาร์ค เข้ามารับหน้าที่แทน แต่จนแล้วจนรอดในที่สุด เอ็ดเกอร์ตันก็สามารถเคลียร์คิวได้ และกลับมาตอบรับหนังเรื่องนี้อีกครั้ง เขาได้บทนำหลักของเรื่อง ในขณะที่ทีมงานก็เสนอให้ คลาร์ค ไปรับบทอื่นแทน !! - นอกเหนือไปจากนี้หนังยังเคยมีชื่อของ ทอม ฮาร์ดี้, ไอดริส เอลบ้า, กาย เพียรซเข้ามาแวะเวียนในฐานะว่าที่นักแสดงด้วย - ความหมายของชื่อหนัง Zero Dark Thirty จริงๆแล้วเป็นศัพท์ทางทหาร ที่แปลว่า "เที่ยงคืนสามสิบนาที" ซึ่งถือเป็นนัยยะแอบแฝงเกี่ยวกับความลับอันดำมืดของภารกิจครั้งนี้ด้วย !!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 01:59:27

ความคิดเห็นที่ 6 FLIGHT ฝ่าวิกฤติเที่ยวบินระทึก ผู้กำกับ : โรเบิร์ต เซเม็คคิส หลังจากไประทึกขวัญสั่นประสาทกันบน "รถไฟ" มาแล้วใน Unstoppable ถึงเวลาที่ยอดฝีมือแห่งวงการ เดนเซล วอชิงตัน จะพาผู้ชมทะยานฟ้าไปบนเครื่องบินลำใหญ่มหึมากันบ้าง และครั้งนี้เขามาในบทของคุณกัปตันยอดฮีโร่ที่สามารถพาผู้โดยสารลงจอดอย่างปลอดภัย หลังเกือบเกิดเหตุการณ์ช็อคโลกขึ้น เมื่อเครื่องเสียการควบคุมและทำทีว่าจะโหม่งโลก โดยครั้งนี้พ่อเดนเซลจะได้มาร่วมงานกับสุดยอดผู้กำกับฝีมือเยี่ยมที่กลับมาเคาะสนิมกับการทำหนังคนแสดงจริงอีกครั้งในรอบ 12 ปีอย่าง โรเบิร์ต เซเม็คคิส ที่หลังจากตกอยู่ในภวังค์ของโลกหนังเพอร์ฟอแมนซ์ แคปเจอร์ ก็เพิ่งจะมีเรื่องนี้แหละที่ทำให้เราจะได้กลับไปสัมผัสสไตล์การทำหนังที่คุ้นเคยของเขาอีกครั้ง !! อย่างที่บอกแคแรกเตอร์ของเดนเซล คือฮีโร่ที่เบื้องหน้าเขาคือผู้ช่วยชีวิตผู้โดยสารที่เกือบจะได้เฝ้ายมบาล แต่จริงๆแล้วใครจะรู้ว่าเขามีพฤติกรรมบางอย่างที่น่าสงสัยก่อนขึ้นบิน ...และทำให้นำไปสู่การสืบสวนสอบสวนบางอย่างที่พบความไม่ชอบมาพากลในตัวกัปตันรายนี้ !!! หนังมาพร้อมพล็อตเรื่องที่จะทำให้ผู้ชมได้ร่วมลุ้นไปกับตัวละครหลักที่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แต่ด้วยสไตล์ของเซเม็คคิส เขาไม่ใช่นักทำหนังประเภทตีหัวให้เข้ามาหนักสมอง แต่จะสอดแทรกแง่คิดหรืออะไรบางอย่างลงไป เพื่อให้เรื่องราวมันดูสมูธ ดูแล้วก็จะเป็นดราม่าชวนสงสัยที่จะมีลูกเล่นชวนฟีลกู้ดได้เหมือนกัน (พิจารณาจากตัวอย่าง) ซึ่งก็จะมาสู่บทสรุปที่คุณผู้ชมทั้งหลายอาจจะหงายเงิบไปเลยก็ได้ (คาดเดาเบื้องต้น) เดนเซลจะได้นักแสดงร่วมของหนังเป็นระดับยอดฝีมืออาทิ ดอน เชียเดิล, จอห์น กู๊ดแมน, เคลลี่ ไรย์ลี่ย์, บรูซ กรีนวู้ดและ เมลิสซ่า ลีโอ ....ซึ่งเป็นทีมที่พลังแข็งปั๋งพอจะกอดคอกันขึ้นไปแวะเวียนบทเวทีรางวัลทั้งหลาย เอาลำพังแค่ เดนเซล กับเซเม็คคิสมาเจอกันครั้งแรกในเรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่ "แข็ง" และ "ขาย" พออยู่แล้ว ยังมาพร้อมพล็อตที่ช่วยกันส่งเสริมกันไปในทางที่ดีเช่นนี้อีกด้วย การขึ้นไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ทั้งคู่คุ้นเคยบนเวทีรางวัลก็คงไม่หนีไปไหนไกล !!! หนังเปิดตัวในอเมริกา 2 พฤศจิกายนนี้ ส่วนบ้านเราต้องรอกันไปพักใหญ่ๆ เพราะมีคิวฉายกุมภาพันธ์ปีหน้าโน่น!! ข้อควรรู้ - ก่อนหน้าที่โรเบิร์ต เซเม็คคิส จะตัดสินใจมาทำงานหนังคนแสดงจริงเรื่องนี้ เขาเคยจะสร้างหนังเพอร์ฟอร์แมนซ์ แคปเจอร์เรื่อง Yellow Submarine แต่ด้วยความล้มเหลวของผลงานในอาณัติอย่าง Mars Needs Moms จึงทำให้ทุกอย่างถูกระงับ และทำให้เขาตัดสินใจพักงานแอนิเมชั่นชั่วคราว และหันมาจับงานคนแสดงจริงเรื่องนี้แทน (เหมือนเป็นการแก้เคล็ดและล้างบาปไปในตัว) - หนังเรื่องนี้ถือเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ เดนเซล วอชิงตัน และจอห์น กู๊ดแมน หลังจากเคยเจอกันมาแล้วในหนังเรื่อง Fallen เมื่อปี 1998 นู่น - หนังถือเป็นการหยิบเอาชีวิตจริงของกัปตันเครื่องบินชาวแคนาดาที่ชื่อ โรเบิร์ต พิชเช มาอ้างอิง ซึ่งเขาคือกัปตันที่เคยนำเครื่องที่กำลังจะชนลงจอดได้อย่างปลอดภัย ถือเป็นช่วงเวลาที่เขาได้ดื่มด่ำกับความจริงที่เปิดเผยหลังจากได้รับเสียงชื่นชมว่า แท้จริงแล้วเขาเคยเป็นอาชญากรมาก่อน !!! - นี่คืองานเรต R เรื่องแรกในเครดิตการกำกับของ โรเบิร์ต เซเม็คคิส นับตั้งแต่หนังเรื่อง Used Cars เมื่อปี 1980 โน่น !!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:00:19

ความคิดเห็นที่ 7 KILLING THEM SOFTLY ผู้กำกับ : แอนดรูว์ โดมินิค (The Assassination of Jesse James By Coward Robert Ford) เป็นนักแสดงหาตัวจบยากคนหนึ่งของวงการ สำหรับ แบรด พิตต์ที่แม้อายุอันนามจะมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ความเหี่ยวจะเข้ามาเคาะประตูบ้านแล้วขออาศัยอยู่ด้วยบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายครามความเจ๋งในฝีมือของการแสดงไปไหน จากผลงานที่ผ่านมา อาทิ Moneyball, Benjamin Button ทำให้เราเห็นได้ว่า เขายังเป็นนักแสดงที่เหมาะสำหรับเล่นหนังขายฝีมือหนักๆ และหวังรางวัลอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง มาถึงเรื่องนี้ที่ได้กลับมาร่วมงานกับ แอนดรูว์ โดมินิค ผู้กำกับคู่ซี้จากหนังคาวบอยเรื่อง Jesse James อีกครั้ง ก็ทำให้เขาเหมือนได้กลับมาอยู่บ้านเก่าที่พร้อมจะผลักดันให้ไปสู่จุดสูงสุดร่วมกันอีกครั้ง!!! พิตต์ในเรื่องนี้จะรับหน้าที่เป็น แจ็คกี้ โคแกน ผู้เป็นตำรวจหนุ่ม(จริงๆก็ไม่หนุ่มแล้วล่ะ) ที่แอบรับจ็อบเป็นมือสังหารระดับพระกาฬที่ทำงานให้กับมาเฟีย ซึ่งงานที่เขาได้รับมอบหมายล่าสุดก็คือการเก็บสองโจรกระจอกที่บังอาจไปปล้นบ่อนโป๊กเกอร์ที่มีเงินเดิมพันสูงนั่นเอง !!! ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า พิตต์จะมาขึ้นจอในมาดขึงขัง จริงจังกับชีวิต และเท่ห์เกินขีดห้ามใจสักแค่ไหน จากตัวอย่างที่ปล่อยอกมาให้ได้เห็นมาดของพ่อหนุ่มแล้ว ก็ทำเอาสาวๆทั้งหลายแทบใจละลาย แม้จะปาเข้าไป 40 เกือบ 50 ก็ตาม แต่พิตต์ ก็ยังขึ้นจอในมาดมือสังหารที่โคตรเท่ห์ที่สุดได้อยู่ !!!  นอกจากจะได้นักแสดงระดับพิตต์มาเป็นจุดขายแล้ว หนังยังมี เรย์ ลีออตต้า, ริชาร์ด เจนกิ้นส์, เบน เมนเดลสัน, เทรเวอร์ ลอง, สกู้ต แม็คแนรี่มาร่วมโชว์แสนยานุภาพทางความดิบห่ามด้วย หนังเปิดฉายในเทศกาลเมืองคานส์ไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา และได้รับผลตอบรับในระดับที่น่าพอใจ เพราะฉะนั้นก็คงไม่ยากที่หนังและผู้เกี่ยวข้องจะพากันพาเหรดขึ้นไปแวะเวียนบนเวทีรางวัลปีหน้า หนังเองก็เลื่อนฉายจากช่วงเดือนกันยายน ให้เข้าไปใกล้ช่วงล่ารางวัลมากที่สุด นั่นก็คือปลายเดือนพฤศจิกายนนั่นเอง งานนี้มาดูว่าหนุ่ม พิตต์ จะสร้างปรากฎการณ์การกลับมาในหนังเต็งกล่องเรื่องนี้ได้ไกลสักแค่ไหน !!!! บ้านเราก็มีกำหนดเข้าฉายในช่วงกลางเดือนธันวาคมปีนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะเลื่อนอีกหรือไม่ ก็ต้องติดตามกันต่อไป เกร็ดหนังน่ารู้ - โซอี้ ซัลดาน่า เคยมีชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องกับหนังด้วย แต่ก็ถอนตัวออกไป - มาร์ค รัฟฟาโล, แซม ร็อคเวลล์และ ฆาเวียร์ บาร์เด็ม ก็เคยถูกเข้ามาพิจารณาเป็นส่วนร่วมในหนัง - หนังมีทุนสร้างอยู่ที่ 18 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น !!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:00:56

ความคิดเห็นที่ 8 LIFE OF PI ผู้กำกับ : อัง ลี (Crouching Tiger, Hidden Dragon, Brokeback Mountain) ใครๆก็อยากมีหนัง 3D เป็นของตัวเอง แม้แต่อัง ลี ก็ยังอยากจะมาทำหนัง 3D กะเขาบ้าง หลังดูความสำเร็จของ Hugo โดยมาร์ติน สกอร์เซซี่อยู่ห่างๆ และเรื่องนี้ก็คาดว่าจะได้ใจผู้ชมไปไม่ได้ต่างกัน ด้วยตัวเนื้อเรื่องที่ดัดแปลงมาจากผลงานวรรณกรรมเลื่องชื่อของ ยาน มาร์เทล ที่เคยเกือบจะได้มาขึ้นจอแล้วหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมี เอ็ม ไนต์ ชยามาลาน เข้าชื่อไว้ในตำแหน่งผู้กำกับและจนแล้วจนรอดหนังก็ไม่ได้สร้างออกมา จนเอ็มไนต์ หันไปจับหนังเรื่องอื่น ...กระทั่ง ลี เข้ามาแวะเวียนกับโปรเจ็กต์และมีความตั้งใจในการเข็นหนังออกมาบนจอใหญ่ให้ได้ ...!! เป็นเวลาหลายปีที่เขาหมกมุ่นอยู่กับงานหนังที่ถือเป็นการฉีกกรอบผลงานในเครดิตของเขาเรื่องนี้ จนมันกลายเป็นความสำเร็จที่เขาสามารถสานหนังต่อจนออกมาได้ในที่สุด ด้วยทุนสร้างเบื้องต้นที่รายงานว่าอยู่ในระดับ 100 ล้านดอลล่าร์ แม้หน้าหนังจะดูเป็นงานแฟนตาซีที่ขายวิชวลเอฟเฟกต์ สำหรับฉายในระบบ 3D แต่เนื้อในของหนัง ลี ตั้งใจจะให้ออกมาเป็นงานที่จะกะเทาะเปลือกชีวิต ขายดราม่า และปรัชญาแอบแฝง สาส์นที่ต้องการจะสื่อกับผู้ชม ลี จะสอดแทรกมาในหนังอย่างตรงไปตรงมา เพื่อมอบมิติและพลังให้หนังได้มีจุดพีคในระดับที่ควรจะเป็น เบื้องหน้ามันคือเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ต้องเอาตัวรอดเพียงลำพังกับเสือเบงกอลที่ไม่น่าจะเป็นมิตรบนเรือชูชีพกลางทะเลอันว่างเปล่า หลังเรือบรรทุกสินค้าที่เขาโดยสารมาอัปปาง ...แต่เบื้องลึก เบื้องหลังของหนังนั้นจะนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ การก้าวผ่านอุปสรรค การค้นพบความหมายในชีวิตที่ซ่อนอยู่ โดยมีการผจญภัยมาเป็นตัวนำให้หนังเดินหน้าไป ทั้งเรื่องคุณจะได้เห็นแค่ "พาย" แคแรกเตอร์นำหลักของเรื่องที่ได้ยอดฝีมือที่ ลี ฟูมฟักมากับมืออย่าง ซูราจ ชาร์มา มารับบทไป กับเสือเบงกอลตัวเขื่องที่อยู่ร่วมเฟรมกับเขาในทุกๆตอนของการผจญภัย อีกทั้งหนังยังได้ เออร์ฟ่าน ข่าน นักแสดงเชื้อสายอินเดียอีกรายที่มารับบทเป็น "พาย" วัยผู้ใหญ่อีกด้วย ซึ่งบทของ ข่าน นี่แหละ เป็นบทที่นักวิจารณ์หลายฝ่ายชอบไม่แพ้การแสดงของ ชาร์มา หนังเปิดฉายที่เทศกาลนิวยอร์ค ฟิล์มไปแล้วเมื่อปลายเดือนกันยายที่ผ่านมา โดยคำวิจารณ์นั้นออกมาในทิศทางที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกมากที่สุดก็คือ ภาพวิชวลที่ ลี ตั้งใจใส่ทุกรายละเอียดงานสร้างเข้ามาอย่างปราณีตและสวยงาม รวมไปถึงการแสดงที่สุดยอดไม่ต่างกัน --- ก็มาลุ้นกันต่อไปว่า ลี จะสามารถเข็นหนังที่เขาตั้งใจอยากจะถ่ายทอดออกมาบนแผ่นฟิล์มเป็นเวลานานเรื่องนี้ได้ไกลแค่ไหน ...และจะเป็นหนังที่ได้รับการกล่าวขานในช่วงเวลาล่ารางวัลปลายปีนี้ และต้นปีหน้าได้อย่างที่เขาตั้งใจหรือไม่ ต้องติดตาม !!! ในอเมริกาหนังมีกำหนดเปิดตัว 21 พฤศจิกายน ส่วนบ้านเราจะเข้าฉายช่วง 20 ธันวาคม เกร็ดน่ารู้หนัง - จริงๆแล้ว ก่อนหน้านี้หนังเคยมีชื่อของ โทบี้ แมกไกวร์เข้ามาเกี่ยวข้องในส่วนของนักแสดงรับเชิญ แต่แล้ว ลี ก็เกิดความรู้สึกว่า แมกไกวร์มีชื่อเสียงมากเกินไป ทำให้หนังอาจจะออกมาไม่ Realistic พอ ลีจึงเปลี่ยนนักแสดงจากแมกไกวร์มาเป็น เรฟ สปาลล์แทน - ก่อนหน้าลี จะมากำกับ นอกจากมีชื่อของ เอ็ม ไนต์ ชยามาลานแล้ว ยังมีชื่อของ อัลฟอนโซ คัวรอน, ฌอง ปิแอร์ เฌอเนตต์ มาแวะเวียนในฐานะว่าที่ผู้กำกับด้วย - หนังถือเป็นงานแฟนตาซี 3D เรื่องแรกของ อัง ลี - หนังเคยวางกำหนดฉายเอาไว้ช่วงวันที่ 14 ธันวาคม แต่เนื่องด้วยเป็นกำหนดการเดียวกับหนังแนวใกล้เคียงอย่าง The Hobbit : An Unexpected Journey ทำให้หนังต้องระเห็จหาวันฉายใหม่เป็นหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น แต่ไม่นานสตู ฯ ก็ยังไม่พอใจวันฉายดังกล่าว เลยเลื่อนมาเปิดตัวหนึ่งเดือนก่อนหน้าแทน เป็น 21 พฤศจิกายน !!! จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:01:32

ความคิดเห็นที่ 9 RISE OF THE GUARDIANS ผู้กำกับ : ปีเตอร์ แรมซี่ย์ รวมฮีโร่ก็มีแล้ว รวมดาวบู๊ก็มีแล้ว มาถึงหนังเรื่องนี้ แม้จะเป็นแอนิเมชั่นแต่ก็ขออิงกระแส "รวม" กะเขาบ้าง กับการรวมตัว "เทพผู้พิทักษ์ในตำนาน" ที่เรารู้จักกันตั้งแต่อ้อนแต่ออก  อันประกอบไปด้วย แซนตาคลอส, เทพฟันน้ำนม, กระต่ายอีสเตอร์, มนุษย์น้ำแข็งและมนุษย์ทราย ที่จะต้องมาร่วมมือเพื่อสู้กับจอมปีศาจที่โหดร้ายหมายทำลายความสุขของเด็กๆทั่วโลกอย่าง พิทช์ และก่อเกิดเป็นสมรภูมิระหว่างทวยเทพพิทักษ์โลกในที่สุด !!!~ ความสนุกที่ดรีมเวิร์สและพาราเมาต์เตรียมมอบเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้กับแฟนหนังแอนิเมชั่น ที่จะถือเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของดรีมเวิร์คสแล้วที่ พาราเมาต์จะเป็นผู้จัดจำหน่ายให้ เพราะหลังจากเรื่องนี้เป็นต้นไป ฟ็อกซ์จะรับไม้ต่อแทน !!! หนังได้นักแสดงระดับที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา คุ้นชื่อคุ้นแซ่กันดีอย่าง คริส ไพน์, อเล็ก บอลด์วิน, ฮิวจ์ แจ็คแมน, ไอล่า ฟิชเชอร์, จู้ด ลอว์และไอ้หนูคนเก่งจาก Real Steel ดาโกต้า โกโย่ มาฟอร์มทีมกันให้เสียงพากย์ !!! โดยหนังนั้นหยิบเอาวรรณกรรมเยาวชนเลื่องชื่อของ วิลเลี่ยม จอยซ์ มาดัดแปลง ซึ่งจอยซ์เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า เขาได้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้เมื่อตอนที่ลูกสาวของเขา เกิดมาได้ไม่นาน และเขาอยากจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ลูกสาวเขาฟัง แต่ด้วยความที่เขาเองก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเกี่ยวกับเรื่องของเทพเหล่านี้มากนัก เขาก็เริ่มศึกษาหารายละเอียดเกี่ยวกับเทพมากขึ้น จนกลายเป็นที่มาของการเข้าไปขลุกอยู่กับเรื่องราวเหนือจินตนาการต่างๆมากมายเกี่ยวกับเทพที่ถูกหยิบมาพูดถึงในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นนี่จะไม่ใช่แค่แอนิเมชั่นที่มีตัวละครเทพจากตำนานนิทานหลายๆตัวมารวมกัน แต่ยังมีความเรียลลิสติคที่ จอยซ์ เองมอบที่มาที่ไปได้อย่างมีมิติมากขึ้นด้วย !!! ซึ่งพอมาอยู่ในเวอร์ชั่นหนังบุคลากรที่เขามาจับจองตำแหน่งเบื้องหลังก็เป็นถึงระดับที่ไว้วางใจได้ เพราะหนังมีหัวเรือใหญ่เป็นกิลเญร์โม เดล โตโร่แห่ง Pan's Labyrinth และ Hellboy ที่ถนัดนักในเรื่องของการสร้างโลกปรัมปราเกี่ยวกับตัวละครที่มาจากคนละมิติของมนุษย์มานั่งตำแหน่งผู้อำนวยการสร้าง โดยเรื่องนี้ถือเป็นงานแอนิเมชั่นเรื่องที่สองของดรีมเวิร์คสแล้ว ที่เขาเข้ามามีส่วนร่วม เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยมานั่งตำแหน่งอำนวยการสร้างให้กับ Puss In Boots มาแล้ว (แต่เขามาช่วงที่หนังดำเนินในส่วนของงานสร้างไปได้ครึ่งนึงแล้ว) สำหรับเรื่องนี้ เดล โตโร่ ก็ได้ร่วมงานกับ ปีเตอร์ แรมซี่ย์ ผู้กำกับมือใหม่ที่ขลุกอยู่ฝ่ายศิลป์ของหนังอย่าง Panic Room, Fight Club, Cast Away มาแล้ว และเป็นการมากำกับหนังใหญ่เป็นครั้งแรก ซึ่งเดล โตโร่เองก็การันตีว่า แรมซี่ย์มีไอเดียในการสร้างสรรค์งานแอนิเมชั่นเรื่องนี้ที่ยอดเยี่ยมมากๆ !! .... หนังมีกำหนดเข้าฉายในอเมริกา 21 พฤศจิกายน ส่วนบ้านเราได้ดูช่วงวันที่ 29 พฤศจิกายนเป็นต้นไป เกร็ดความรู้เกี่ยวกับหนัง - หลุมกระต่ายที่แคแรกเตอร์ กระต่ายอีสเตอร์กระโดดลงไปนั้น อ้างอิงมาจากหลุมกระต่ายใน Alice In Wonderland ที่เจ้ากระต่ายวิ่งหายเข้าไปตอนต้นเรื่อง - ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เคยได้รับการวางตัวให้มารับหน้าที่ให้เสียงพากย์ แจ็ค ฟรอสท์หรือมนุษย์น้ำแข็ง แต่แล้วก็ถอนตัวออกไปช่วงเตรียมงานสร้างขั้นต้น - นอกจากนี้ยังมีชื่อของ นาตาลี พอร์ตแมน, ฮิวจ์ ลอรี่, เอียน แม็คเชน, คริสโตเฟอร์ ลี, เดอะ ร็อค เข้ามาวนเวียนอยู่ในตำแหน่งผู้ให้เสียงพากย์มาแล้ว จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:02:10

ความคิดเห็นที่ 10 HITCHCOCK ริจะเอาชีวิตของคนทำหนังชั้นครูมาสร้าง ก็ต้องใช้บริการทีมงานและนักแสดงชั้นครูเท่านั้น !!! นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราจะได้เห็นงานหนังชีวประวัติ(บางส่วน) ของ "อัลเฟร็ด ฮิทช์ค็อก" เรื่องนี้ ออกมาเป็นงานดราม่าที่เต็มไปด้วยพลังทางการแสดงที่ "เอาอยู่" จริงจัง เพราะหนังจะได้ แอนโธนี่ ฮ็อพกิ้นส์ สุดยอดนักแสดงแห่งยุคเจ้าของรางวัลออสการ์จากบท ฮันนิบาล เล็คเตอร์ใน Silence of The Lambs มาสวมบทบาท ฮิทช์ค็อกที่เหมือนหลุดออกมาจากเบ้าเดียวกันยังไงยังงั้น นอกเหนือไปจากนี้ก็ยังจะได้ เฮเลน เมียร์เร็น เจ้าของรางวัลออสการ์เช่นเดียวกันจาก The Queen มารับบทเป็นภรรยาสุดที่เลิฟของ ฮิทช์ค็อก ด้วย ยังมีสการ์เลต โยแฮนสัน, ไมเคิล สตัลเบิร์ก, โทนี่ คอลเลตต์, เจสสิก้า บีล, แดนนี่ ฮุสตัน, เจมส์ ดาร์ซี่ มาร่วมแสดงพลังให้ตื่นตา ตื่นใจกันอย่างคับคั่ง !!!! แม้จะเป็นหนังที่นำเสนอชีวิตฮิทช์ค็อก แต่ไทม์ไลน์ที่หนังจะเล่านั้นจะเป็นในช่วงก่อนหน้าที่ฮิทช์ค็อกจะสร้างหนังเรื่อง Psycho นั่นเอง หนังที่ทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับเลื่องชื่อ และได้รับการยอมรับมากขึ้นในฐานะผู้กำกับงานสยองขวัญ รวมไปถึงการเป็นต้นตำรับของงานแนวเดียวกันในยุคหลังๆ ที่ตามออกมามากมาย !!! โดยหนังจะเข้าไปคลุกวงในในช่วงเวลาที่ฮิทช์ค็อกจะต้องพบเจอกับอุปสรรคนานัปการกว่าจะได้สร้างหนังเรื่องนี้ออกมา ทั้งการที่ไม่รับความสนับสนุนจากค่าย, ปัญหาการเซ็นเซอร์รวมไปถึงเรื่องราวชีวิตส่วนตัวระหว่างเขากับภรรยาด้วย !!! ซึ่งต้นฉบับของหนังนั้นเป็นงานเขียนของ สตีเฟ่น รีเบลโลที่ชื่อ Alfred Hitchcok And The Making of Psycho นั่นเอง !!! ในส่วนของผู้กำกับนั้น แม้จะไม่คุ้นชื่อเท่าไหร่ แต่ ซาช่า เกอร์วาซี่ ก็เป็นมือเขียนบทฝีมือเมพจากหนังอย่าง The Terminal และ Henry's Crime มาก่อน รวมไปถึงลงานแนวสารคดีของเขาอย่าง Anvil : The Story of Anvil ก็กลายเป็นงานสร้างชื่อจนถึงระดับสูงสุดมาแล้ว เพราะกวาดรางวี่รางวัลไปหลายสถาบันเมื่อ 4 ปีก่อน เรื่องนี้ถือเป็นงานกำกับหนังใหญ่บนจอเงินเรื่องแรกของเขา !! ถึงเวลาที่เขาจะพิสูจน์แล้วว่า ตำแหน่งผู้กำกับหนังมือรางวัลจะไกลเกินความเป็นจริงหรือไม่ ++ แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่  ณ ตอนนี้ทั้งตัวหนังและนักแสดงนำอย่าง ฮ็อฟกิ้นส์ ก็กลายเป็นชื่อแรกๆที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้เข้าไปมีเอี่ยวบนเวทีรางวัลออสการ์เป็นแน่ !!! หนังเปิดตัวฉายในอเมริกาวงจำกัดวันที่ 23 พฤศจิกายนปีนี้ ก่อนที่จะขยายวงกว้างในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ส่วนบ้านเราจะได้ดูช่วงล่ารางวัลไม่ช่วงเดือนก.พ. ก็มีนาคม เกร็ดหนังน่ารู้ - หนังถ่ายทำกันในเวลาเพียงแค่ 36 วันเท่านั้น - ฆาตกรตัวจริงอย่าง เอ็ด ไกน์ ได้แรงบันดาลใจในการก่อเหตุฆาตกรรมของเขามาจากแคแรกเตอร์นอร์แมน เบตส์ในหนังสือ Psycho เวอร์ชั่นต้นฉบับของ โรเบิร์ต บล็อคช์ นอกจากนี้เขายังอ้างอิงแคแรกเตอร์ในการฆ่าของ เจมส์ กัมบ์ (หรือรู้จักกันในอีกชื่อว่า บัฟฟาโล่ บิลล์) จากหนังสือ The Silence of The Lambs เวอร์ชั่นต้นฉบับของ โธมัส แฮร์ริสอีกด้วย !!! ซึ่งต่อมา แอนโธนี่ ฮ็อพกิ้นส์ได้มารับบทนี้ในเวอร์ชั่นหนังจอใหญ่ - ถึงจะเห็นว่าเป็นผลงานที่มาพร้อมความตึงเครียดแบบนี้ แต่หนังก็มาพร้อมเรต PG-13 เท่านั้น โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่ผู้ปกครองต้องให้คำแนะนำต่อเด็ก - บทของ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสันก็คือบท จาเน็ต ลีห์ สาวสวยที่มารับหน้าที่แสดงเป็นนางเอกหนังเรื่อง Psycho ที่จะออกมาไม่กี่ฉากเท่านั้น จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:03:04

ความคิดเห็นที่ 11 RED DAWN ผู้กำกับ : แดน แบรดลี่ย์ ดองเค็มเต็มโหลเปรี้ยวมาหลายปี ไม่รู้พ่อหนุ่ม คริส เฮมสเวิร์ธ ไปทำอะไรไว้ที่ไหนหรือเปล่า ฟ้าดินจึงกำหนดชะตาให้หนุ่มคนนี้มีแต่หนังโดนดอง ล่าสุดเมื่อต้นปีก็เพิ่งปล่อย The Cabin In The Woods ออกฉายหลังจากเปรี้ยวได้ที่มา 2 ปีกว่า มาถึงเรื่องนี้ก็เข้าข่ายเดียวกัน เพราะต้องหอบหิ้วเอาไปปรับเนื้อหาซะใหม่หมด หลังจากที่เคยมีกรณีพิพาทเกิดขึ้น เหตุมันก็มีอยู่เดิมที หนังเป็นงานรีเมคมาจากเวอร์ชั่นเดิม ที่นำเสนอเรื่องราวของสงครามกลางเมืองผ่านสายตาของเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ต้องมาร่วมกันต่อสู้เพื่อความอยู่รอด โดยในเวอร์ชั่นเก่านั้น ข้าศึกที่เข้ามาบุกในหนังที่ตัวเอกเป็นชาวมะกันเรื่องนี้ก็คือ รัสเซีย มาถึงเวอร์ชั่นใหม่ไฉไลกว่าเก่าหนังก็เปลี่ยนตัวร้ายของเรื่อง เบนเป้ามายังประเทศจีนแทน !!! พอจีนรู้ไอเดียนี้เท่านั้นแหละ ตีฆ้องร้องป่าวออกมากระทืบเท้าไม่พอใจกันถ้วนหน้า เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย และแน่นอน อเมริกาเป็นประเทศที่มีธุรกิจทางด้านภาพยนตร์อันดีงามกับจีน ทำให้ไม่อยากเสียโกดังรายรับไปด้วยปัญหานี้ ก็เลยเปลี่ยนตัวร้ายซะใหม่กลายเป็นเกาหลีเหนือแทน ที่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เห็นฉากกองทัพข้าศึกมาเดินสวนสนามกันมันส์หยดหรือเปล่า ><!!! จากตัวอย่างที่ปล่อยออกมา พิจารณาได้ว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งหนังสงครามที่เปลี่ยนมิติใหม่ให้กับผู้ชมที่รักในงานสงครามทั้งหลาย เพราะหนังจะมีความเป็นวัยรุ่นและร่วมสมัยมากขึ้น ฉากแอ็คชั่นจะสมจริงสมจังมากกว่าเดิม และทำให้มันยิ่งใหญ่ระดับชาติมากขึ้น รวมไปถึงนักแสดงที่เป็นเหล่าวัยรุ่นตาดำๆก็จะทำให้หนังดู Realistic ขึ้นมาทัน นอกจากเฮมสเวิร์ธ แล้วหนังยังมี จอช ฮัทเชอร์สัน, แอเดรียน พาลิคกิ, อิซาเบล ลูคัส, จอช เพ็ค, เจฟฟรี่ย์ ดีน มอร์แกน มาร่วมแสดง !!! กำกับโดย แดน แบรดลี่ย์ ยอดฝีมือที่ผันตัวจากสตันท์แมนในหนังอย่าง Spider-Man 2-3, The Bourne 2-3 ที่ก็ไม่รู้จะออกมาถูกใจผู้ชมแค่ไหน โดยหนังนั้นมีทุนสร้างสูงอยู่ในระดับ 75 ล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว ถ้าเทียบกันแล้วก็ทุนสร้างเท่ากับ Twilight : Breaking Dawn Part 2 ที่เข้าฉายในช่วงไล่เลี่ยกันเลยทีเดียว !!! หนังมีกำหนดฉายในอเมริกา 21 พฤศจิกายนนี้ โดยมีกำหนดฉายในไทย 29 พฤศจิกายน จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:03:35

ความคิดเห็นที่ 12 LES MISERABLES "นักแสดงในเรื่องจะร้องเพลงกันสดๆต่อหน้ากล้องที่กำลังถ่ายทำ ทุกเสียงที่ผู้ชมได้ยิน ก็คือเสียงที่นักแสดงแต่ละคนร้องตรงนั้นจริงๆ ไม่มีลิปซิงค์" ...นี่คือคำให้การของ ทอม ฮูเปอร์ ผู้กำกับมือรางวัลออสการ์ที่เคยประสบความสำเร็จมากับผลงานเดบิวต์ก่อนหน้าอย่าง The King's Speech ในระดับที่ท่วมท้นทั้งรางวี่รางวัลและเสียงวิจารณ์ รวมไปถึงรายรับที่โกยกลับมาได้เป็นกอบเป็นกำ กลับมาครั้งนี้กับการนำเอาบทประพันธ์เลื่องชื่อที่เคยถูกหยิบมาสร้างเป็นละครเวทีและหนังจอใหญ่มาแล้วหลายต่อหลายรอบ มาตีความใหม่ และใส่ความเป็นมิวสิคัลเข้าไป  ซึ่งผู้ชมทั้งหลายก็อาจจะได้ยลกันไปแล้วถึงเสียงร้องอันหวานเพราะซ่อนความหดหู่ท่ามกลางความหวังของสาว แอนน์ ฮาทาเวย์ในตัวอย่างแรกของหนังที่ปล่อยออกมา ซึ่งนั่นก็เป็นจุดขายสำคัญของหนังที่จะให้นักแสดงทุกคนที่มีซีนร้องเพลง ได้ร้องออกมาจริงๆจากเสียงจริงๆของเขาขณะที่กำลังถ่ายทำกันอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อการอิมโพรไวส์ใส่อารมณ์เข้าไปให้สมจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกเหนือไปจากฮาทาเวย์แล้ว เราจะยังได้ดูนักแสดงร่วมในหนังอย่าง ฮิวจ์ แจ็คแมน, รัซเซล โครว์ออกมาร่วมร้องรำทำเพลงด้วยเช่นกัน !!!! หนังได้รับการคาดหมายสูงสุดว่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานเกริกเกียรติของ ฮูเปอร์ที่อาจจะสร้างประวัติศาสตร์ซ้ำรอยให้กับเครดิตการทำงานของเขาอีกครั้งในการขึ้นไปแวะเวียนบทเวทีรางวัลออสการ์ รวมไปถึงทัพนักแสดงยอดฝีมือที่ลงทุนในการรับบทบาทในหนังเรื่องนี้แบบสุดตัว ฮาทาเวย์เองก็ยอมหั่นผม ลดน้ำหนักและเรียนร้องเพลงเพื่อมารับบทนำในมาดของ ฟองทีน โสเภณีสาวข้างถนน....รวมไปถึง ฮิวจ์ แจ็คแมนที่ต้องพลิกแคแรกเตอร์ไม่ต่างกัน เพราะจะต้องมาเล่นเป็น ฌอน วาลฌอง หนุ่มยากจนข้างถนนที่ถูกจับเข้าซังเตหลังไปขโมยเศษขนมปังเพื่อนำไปเลี้ยงชีพหลานสาว !! เห็นลุคของพ่อฮิวจ์ในหนังเรื่องนี้แล้วแทบจะจำความหล่อของเฮียที่หายไปไม่ได้เลยทีเดียว หนังยังได้การแสดงที่ทรงพลังของ รัซเซล โครว์ ที่จะมาในบทของสารวัตร ฌาแวรต์ นายตำรวจที่ตามตัว วาลฌองไม่ขาด ด้วยคติในใจที่ว่า "คนเลวยังไงก็ไม่มีทางกลับตัวเป็นคนดี" ได้ ...หนังได้นักแสดงระดับนี้มาร่วมขโมยซีนกันขึ้นจอแบบไม่มีใครยอมใคร แถมยังต้องมาอยู่ในเรื่องราวดราม่าสุดเข้มข้นพร้อมด้วยบทเพลงที่ขับขานให้พวกเราได้ดูกันเป็นกำไร ถือเป็นผลงานที่ควรค่าแก่การรับชมมาก และนอกจากสามพลังจัดจ้านบนจออย่าง ฮาทาเวย์, แจ็คแมนและโครว์แล้ว หนังยังมี เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, ซาช่า บารอน โคเอ็น, เอ็ดดี้ เรย์เมย์น, อแมนด้า ไซห์เฟร็ด, ซาแมนธ่า บาร์คส มาร่วมแสดงพลังด้วย !!! หนังเคยขึ้นจอครั้งหลังสุดในฐานะภาพยนตร์จอใหญ่เมื่อตอนปี 1998 โดยมี เลียม นีสันและอูม่า เธอร์แมนแสดงนำ แต่กลายเป็นว่าหนังไม่ได้รับการตอบรับในแง่บวกสักเท่าไหร่ จนกระทั่งมาปีนี้ที่บทประพันธ์นี้จะได้กลับมาหายใจหายคออีกครั้ง และถือเป็นครั้งแรกที่หนังจะนำเสนอในฐานะ Musical ด้วย !! เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย - ก่อนหน้าจะเป็น รัซเซล โครว์ ในบทสารวัตร ฌาแวรต์ เคยมีชื่อของ พอล เบ็ตตานี่ ถูกพิจารณาให้มารับบทด้วยเช่นกัน - เอมี่ อดัมส์, เจสสิก้า บีล, มาริยง โกติลยาร์ด, เคต วินสเลต, รีเบ็คก้า ฮอลล์ ก็เคยมีชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องกับหนังในบท ฟองทีน ที่สุดท้ายได้ฮาทาเวย์ มารับบทไป ซึ่งนางสามารถสะกดวิญญาณของทุกคนในระหว่างที่ทำการออดิชั่นให้น้ำตาไหลเป็นสายน้ำเลยทีเดียว - นักแสดงร่วมในหนังอย่าง เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์และ ซาช่า บารอน โคเอ็น เคยร่วมกันมาแล้วในหนังมิวสิคัลเรื่อง Sweeney Todd - แอนน์ ฮาทาเวย์ลงทุนตัดผมเธอให้สั้น ในฉากที่เธอต้องเอาผมตัวเองไปขาย (สุดยอดมากกกก !!!) - อแมนด้า ไซห์เฟร็ด ในช่วงออดิชั่นเอตัดสินใจ ออดิชั่นทั้งบทของ โคเซ็ตต์และ ฟองทีน จนทำให้ผู้พิจารณาเห็นถึงศักยภาพในการร้องเล่นเต้นอ่านของเธอ ทันทีที่ฮาทาเวย์ได้บท ฟองทีนไป เธอก็ถูกรับเลือกให้มาเป็น โคเซ็ตต์ - การร้องเพลงในหนังเป็นการอัดสดระหว่างที่ฉากนั้นกำลังถ่ายทำอยู่ เช่นเดียวกับเสียงเปียโนที่บรรเลงในหนังก็เล่นสดกัน ณ ช่วงเวลานั้น ซึ่งนักแสดงจะต้องใส่ Ear Piece ไว้เพื่อให้ได้ยินเสียงบรรเลงเปียโนและร้องตามได้ สำหรับในส่วนของเครื่องบรรเลงออเคสตร้าจะถูกใส่มาในช่วงตัดต่อ จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:04:10

ความคิดเห็นที่ 13 JACK REACHER ยอดคนสืบระห่ำ ผู้กำกับ : สตีเฟ่น แม็คควอรี่ (The Way of The Gun) ตั้งแต่ Mission Impossible : Ghost Protocol กลับมาสร้างเซอร์ไพรส์อายุให้กับแฟรนไชส์ได้อย่างน่าประทับใจ ก็ทำให้ชื่อของ ทอม ครูซ ที่ตอนนี้ก็ล่วงล้ำเข้าเลข 5 ไปแล้วเรียบร้อย กลับมาเป็นที่ต้องการตัวของฮอลลีวู้ดอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เพราะพ้นเรื่องนี้ไปปีหน้า และอีก 2- 3 ปีหลังจากนั้น จะมีแต่หนังฟอร์มดีๆของเขาออกมาให้เราได้ชมกันอย่างไม่ขาดสาย (แน่นอนว่าก็จะกลับมาพร้อม Mission Impossible 6 สักช่วงใดช่วงหนึ่งในอนาคตด้วยเช่นกัน) ย้อนกลับมาหนังเรื่องนี้ สังขารไม่ใช่ปัญหาของครูซอีกต่อไป เพราะหนังจะใช้บริการพ่อหนุ่มในฐานะพระเอกแอ็คชั่นที่ต้องใช้กำลังวังชาบู๊ล่าระห่ำในการต่อสู้กับศัตรูกันทั้งเรื่อง โดยบทของ ครูซ ก็คือ แจ็ค รีเชอร์ อดีตนายทหารที่ได้เข้าไปข้องแวะในโลกของ อาชญากรรมมากมาย และถูกงานเข้าอย่างจัง เมื่อเขาต้องเข้าไปสืบคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ปลิดชีพ 5 ชีวิตด้วยกระสุน 6 นัด !!! นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาต้องแสดงแสนยานุภาพทางด้านทักษะการต่อสู้ออกมาให้ได้รู้ว่า "แจ็ค รีเชอร์" ไม่ใช่ธรรมดานะจะบอกให้ !!! แต่เริ่มเดิมทีที่มีการประกาศสร้างหนังเรื่องนี้ ครูซ กลายเป็นขี้ปากของคนส่วนใหญ่ขึ้นมาในชั่วข้ามคืน เนื่องจากหนังเองเป็นงานที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับที่เป็นนิยายชื่อดังของ ลี ไชลด์ ที่แคแรกเตอร์หลัก "แจ็ค รีเชอร์" นั้น บุคลิกลักษณะห่างไกลจาก ครูซ โดยสิ้นเชิง ทำให้หลายฝ่ายครหาว่าเขาไม่เหมาะสมกับบทนี้อย่างแรง แต่ครูซกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาจะสามารถนำเสนอตัวละครออกมาในแบบของเขาได้ดีไม่แพ้กัน !!!! ...หนังกำกับโดย คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ ที่จริงๆแล้วผ่านงานกำกับหนังจอใหญ่มาเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คืองานอินดี้อย่าง The Way of The Gun เมื่อปี 2000 โน่น นอกเหนือจากนั้นก็เป็นผลงานด้านการเขียนบทที่ช่ำชองเป็นอย่างมาก ซึ่งผ่านมือหนังดังมาแล้วหลายเรื่อง อาทิ The Tourist, The Usual Suspects และ Valkyrie (ที่เป็นเรื่องที่ได้มาร่วมงานกับครูซ นั่นเอง) ครั้งนี้กับการทำหนังใหญ่ระดับขายฟอร์มครั้งแรก ต้องมาลุ้นกันว่าจะออกมาเป็นปรากฎการณ์ฮิตหรือไม่ !!! นอกจากครูซแล้วหนังยังมี โรซามุนด์ ไพค์, ไจย์ คอร์ทนี่ย์, อเล็กซานเดอร์ โร้ดส์, โรเบิร์ต ดูวัลล์ (กรี๊ด !!!), ริชาร์ด เจนกิ้นส์ ร่วมแสดง ใครที่อยากดูหนังแนวสืบสวนสอบสวนแต่ชวนระห่ำ เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมปลายปีที่ไม่ควรพลาด หนังมีกำหนดเปิดตัวในอเมริกา 21 ธันวาคม ส่วนบ้านเราทีแรกวางไว้ต้นปีหน้า ก็เลื่อนมาให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 27 ธันวาคม ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย - เห็นหน้าหนังระห่ำแบบนี้ หนังเป็นเจ้าของทุนสร้างแค่ 50 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น - หนังเคยใช้ชื่อว่า One Shot มาก่อน ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับที่ใช้ในนิยายของ ลี ไชลด์ - ทีเซอร์หนังตัวแรกปล่อยออกมาวันเดียวกับวันฉลองครบรอบ 50 ปีของ ทอม ครูซ พอดี จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:04:51

ความคิดเห็นที่ 14 DJANGO UNCHAINED ยอดคนแดนเถื่อน ผู้กำกับ : เควนติน ทาแรนติโน่ (Pulp Fiction, Kill Bill) เควนติน ทาแรนติโน่ กลับมาแล้ว หลังหายไป 3 ปีเต็มนับตั้งแต่ผลงานนาซีผยองโลก Inglourious Basterds ครั้งนี้มาพร้อมผลงานที่เขาได้แรงบันดาลใจในสร้างมาสมัยเมื่อเขาร่วมแสดงใน Sukiyaki Western Django เมื่อปี 2007 ของผกก. ทาคาชิ มิอิเกะ สู่ผลงานของตัวเองในเวอร์ชั่นคาวบอยแดนเดือดเลือดสูบฉีด ที่พร้อมออกตะลุยเพื่อตามแก้แค้นคนที่มาลักพาตัวเมียเขาไป หนังว่าด้วยเรื่องราวของทาสผิวสีที่ร่วมมือกับนักล่าหัวเงินรางวัลในการตามล่าหาเมียรักของเขาที่ถูกเจ้าของไร่โรคจิตรายหนึ่งจับตัวไปทรมานบันเทิงในอาณาจักรหลายหมื่นไร่ของเขา !!! ความน่าสนใจมันไม่ได้อยู่ที่แค่ ทาแรนติโน่ หันมาจับงานแนวคาวบอย แต่มันน่าสนใจมากกว่านั้นด้วยตัวนักแสดง อาทิ การมารับบทร้ายโรคจิตเต็มตัวครั้งแรกของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ, ร่วมด้วยเจมี่ ฟ็อกซ์ และ คริสตอฟ วอลท์ซ ที่นานทีปีหนจะได้เห็นมาเล่นเป็นคนดีกับใครเขาบ้าง ร่วมด้วย แซมมวลแอล แจ็คสัน, แอมเบอร์ แทมบลิน, เคอร์รี่ วอชิงตัน, เจมส์ รีมาร์, โจน่าห์ ฮิลล์, โซอี้ เบลล์, ดอน จอห์นสัน และอีกคับคั่ง !!! เชื่อได้ว่างานสุดดิบระห่ำฉีกแนวของ ทาแรนติโน่เรื่องนี้จะได้ไปแวะเวียนบทเวทีออสการ์กันอย่างจัดหนักอย่างแน่นอน เพราะแค่ลำพังบททบาทของนักแสดงในเรื่องก็ได้รับการคาดหมายว่าจะต้องออกมาเป็นความยอดเยี่ยมในแบบที่ทาแรนติโน่เคยสร้างไว้ในหนังเรื่องก่อนๆ คือให้พลังตัวแสดงมาเป็นปัจจัยในการเดินเรื่องเพื่อให้อารมณ์ของหนังออกมาหนักหน่วงตามที่ต้องการ !!! และแน่นอนว่าเราจะได้เห็น ดิคาปริโอ ขึ้นไปเฉิดฉายบนเวทีรางวัลอีกครั้ง แต่จะได้รางวี่รางวัลติดมือกลับมาด้วยหรือไม่ ต้องติดตาม !!! หนังวางกำหนดฉายในอเมริกา 25 ธันวาคมปีนี้ ส่วนบ้านเราก็น่าจะได้ดูกันช่วงต้นปีหน้า ไม่มกราคมก็กุมภาพันธ์ !!! เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย - หนังเคยมีชื่อของ เคิร์ต รัซเซล, เควิน คอสต์เนอร์, โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์, ซาช่า บารอน โคเอ็น มาเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักแสดง แต่แล้วก็ถอนตัวออกไปเรียบ! - ก่อนจะมาเป็นเจมี่ ฟ็อกซ์ในบท จังโก้ หนังเคยมีชื่อของ วิลล์ สมิธ ที่นำทีมรอท่าในบทนี้มาก่อน ตามด้วย ไอดริส เอลบ้าและคริส ทัคเกอร์ เดิมทีทาแรนติโน่ ตั้งใจจะเขียนบทนี้ขึ้นมาเพื่อสมิธโดยเฉพาะ แต่ในเมื่อสมิธบอกปัดอย่างไม่เหลือเยื่อใย ทาแรนติโน่ก็เสนอบทนี้ให้กับ ฟ็อกซ์ แทน - นี่เป็นหนังเรื่องแรกของทาแรนติโน่ ที่ไม่ได้ตัดต่อโดย แซลลี่ เมนเก้ เนื่องจากเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2010 - ม้าที่เจมี่ ฟ็อกซ์ขี่ในหนัง คือเจ้าโทนี่ ม้าสุดเลิฟของเขาเอง - นี่เป็นหนังเรื่องที่สองแล้ว ที่เจมี่ ฟ็อกซ์ และเคอร์รี่ วอชิงตัน มาเล่นเป็นคู่สมรสกัน ก่อนหน้านี้เค้าเคยเป็นสามีภรรยากันมาแล้วใน Ray - จริงๆ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เคยเกือบได้มาร่วมงานกับ ทาแรนติโน่ตั้งแต่ Inglourious Basterds แล้ว ซึ่งบทที่ว่าก็เป็นบทของ คริสตอฟ วอลทซ์ นั่นเอง - หนังใช้เวลาถ่ายทำ 130 วัน นับเป็นระยะเวลาที่นานที่สุดในชีวิตการทำหนังของ ทาแรนติโน่ที่ผ่านมา - เลดี้ กาก้าเคยเกือบได้มาร่วมวงในหนังเรื่องนี้ด้วยนะ (แต่ล่าสุดก็ไป Machete Kills แทน) จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:05:22

ความคิดเห็นที่ 15 ENJOY YOUR MOVIE จากคุณ : Filmzlap เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 02:05:40

ความคิดเห็นที่ 16 รอดู the impossible เรื่องราวที่เกี่ยวกับ ครอบครัวที่มาเที่ยวพักผ่อน แล้วโดนสึนามิถล่ม ยอมรับว่าดูตัวอย่างหนังแล้วร้องไห้เลยอ่ะ จากคุณ : Jane Thailand เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 05:31:53

ความคิดเห็นที่ 17 มีที่น่าสนแค่สองเรื่องเอง SILVER LININGS PLAYBOOK กับ RISE OF THE GUARDIANS จากคุณ : Evageline A.K. Mcdowell เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 07:31:31

ความคิดเห็นที่ 18 ยังไงก็รอดู Les miserables!ถึงจะไม่อินรัสเซลเล่นเป็นฌาแวร์ก็ยังอยากดูที่สุดอยู่ดี จากคุณ : agarwaen เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 09:29:27

ความคิดเห็นที่ 19 คิดว่าจะดูทุกเรื่องยกเว้น  Les miserables! กะ LIFE OF PI จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 09:57:50

ความคิดเห็นที่ 20 คห 19 ตรงข้ามกับเราเลยค่ะ เรารอดูสองเรื่องนี้เป็นพิเศษเลย จากคุณ : Lifeisnotbliss เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 10:16:17

ความคิดเห็นที่ 21 อยากดูแค่ Les Miserables เอง แต่ Django Unchained ก็น่าสนใจ เรื่องอื่นรอดีวีดีแล้วกัน ยกเว้นทไวไลท์ ได้แผ่นฟรีก็คิดว่าจะไม่ดู จากคุณ : นางฟ้าจากดาวดวงหนึ่ง เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 10:45:53

ความคิดเห็นที่ 22 เจนนิเฟอ รอเล้น หุ่นสะบึมดีจัง จากคุณ : Daniel_Plainview เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 10:53:21

ความคิดเห็นที่ 23 รอ Les Miserables เรื่องเดียวเท่านั้น เรืองอื่นไม่สน อิอิ จากคุณ : beddingshield เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 11:23:41

ความคิดเห็นที่ 24 SKYFALL จากคุณ : -APEM เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 12:34:57

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ Filmzlap มีแฟนเพจปะคะ เราไม่ค่อยเล่น twitter อ่ะ >_< จากคุณ : fulllove4ever เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 13:05:10

ความคิดเห็นที่ 26 RISE OF THE GUARDIANS  ชอบแนวนี้มั่กมาก ส่วน Red Dawn นี่ รอแผ่นดีกว่า อยากดู แต่ไม่ค่อยมั่นใจ  จากคุณ : LadyRevenger เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 13:28:05

ความคิดเห็นที่ 27 อยากดูเรื่อง Anna karenina ที่ Keira Knightley แสดง น่าจะเป็นหนังระดับเข้าชิงออสก้าได้เลยทีเดียวเห็นป้ายแปะที่ลิโด้แต่ไม่รู้ว่าฉายไทยเมื่อไหร่หรือฉายไปยัง อันนี้แนะนำว่าไม่ควรพลาดจริงๆ จากคุณ : ร้ายสาระไปวันๆ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 14:40:35

ความคิดเห็นที่ 28 รอ Les Misérables ค่ะ จากคุณ : J_Eve เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 55 09:26:32

ความคิดเห็นที่ 29 รอดดู HITCHCOCK กับ  DJANGO UNCHAINED Les Miserablesก็น่าดูแต่คงแล้วแต่โอกาส จากคุณ : Zero_Fight เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 55 11:24:32

ความคิดเห็นที่ 30 แอร๊ยยย เควนติน!!! จากคุณ : holic-moment เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 55 18:58:33