น่ารักจังค่ะ
มีสัมภาษณ์เฮียเหลียง ในคอลัมน์เอเชียเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คมชัดลึก เมื่อวันที่ 6 ต.ค ที่ผ่านมา เอามาฝากเผื่อยังไม่ได้อ่านกันนะคะ
คุยเรื่องครอบครัวของ "เหลียงเฉาเหว่ย"
คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ตั้งแต่ยุคสมัยที่ใครหลายๆคน ยังคงเป็นเด็ก จวบจนวันนี้ นับเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่เหลียงเฉาเหว่ย ดาราฮ่องกงรุ่นใหญ่ อยู่ยงคงกระพันในวงการบันเทิง ซึ่งทุกคนรู้กิตติศัพท์กันดีว่า ดาราหนุ่มใหญ่คนนี้ หวงแหนชีวิตส่วนตัวมากมายแค่ไหน ครั้งนี้จึงนับเป็นโอกาสดีและหายากเหลือเกิน ที่เหลียงเฉาเหว่ย ยอมเปิดใจพูดคุยถึงเรื่องครอบครัวของเขาทั้งในอดีตและปัจจุบัน
คุณและน้องสาวเติบโตมาในครอบครัวแตกแยก พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก และถูกเลี้ยงมาอย่างยากลำบากด้วยกำลังของคุณแม่เพียงคนเดียว รู้สึกเป็นปมด้อยไหม
เหลียงเฉาเหว่ย : ไม่เลยครับ การเติบโตขึ้นมาในสภาวะครอบครัวแบบนี้ สอนให้ผมแข็งแกร่ง และเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น ผมรู้จักเอาตัวรอดและพึ่งพาตัวเองได้มากกว่าเด็กคนอื่นในรุ่นเดียวกัน ในครอบครัว ผมรับบทบาทเป็นพ่อ ให้กับน้องสาว เพราะว่าแม่ต้องทำงานหาเลี้ยงพวกเราตลอดเวลา ทำให้ผมต้องเป็นคนดูแลน้องสาวแทน ทั้งจูงมือพาไปส่งโรงเรียนและไปรับกลับ หาข้าวหาน้ำให้เธอกิน และสอนเธอทำการบ้านทุกวัน นอกจากนั้นงานบ้าน ผมก็เป็นคนจัดการเองด้วย ไม่ว่าจะกวาดบ้าน ถูบ้าน หรือล้างจาน ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่เกิดมาในครอบครัวแบบนี้ กลับเป็นผลดีกับผมด้วยซ้ำไป หากผมเกิดมาในครอบครัวอบอุ่นธรรมดาๆ ผมอาจจะไม่มีจิตใจที่เข้มแข็งเช่นนี้ หรือถ้าเกิดมาในครอบครัวมั่งมี ก็คงกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ เหลาะแหละแน่นอน
ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่แยกทาง ได้มีโอกาสเจอคุณพ่ออีกไหม
เหลียงเฉาเหว่ย : หลังจากที่พ่อทิ้งพวกเราไป ผมก็ได้เห็นท่านอีก 2-3 ครั้ง ครั้งแรกเป็นตอนที่ผมกลับมาจากโรงเรียน พอได้เจอ ผมก็คิดในใจทันทีว่า ทำไมพ่อถึงมาอยู่ที่นี่ แต่แม่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่ความรู้สึกของผมเป็นอะไรที่ สับสนมาก ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างท่านทั้งสอง ทั้งพ่อและแม่ไม่เคยอธิบายอะไรให้พวกเราฟังเลย บางทีท่านอาจจะคิดว่าเรายังเด็กเกินไป ถ้าจำไม่ผิด ผมคิดว่าผมได้เจอพ่อแค่ 3 ครั้งเองมั้งครับ และทุกครั้งที่ได้เจอ ผมจะรู้สึกว่าเราห่างเหินกันเหลือเกิน
เคยคิดโทษหรือโกรธคุณพ่อไหมที่ทอดทิ้งครอบครัว
เหลียงเฉาเหว่ย : ตอนแรกผมก็โกรธอยู่หรอกครับ แต่เมื่อโตขึ้นผมก็เข้าใจอะไรมากขึ้น และในที่สุดก็ยกโทษให้กับพ่อจนได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่พ่อแม่แยกทางกัน เมื่อคนสองคนไปด้วยกันไม่ได้ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะแยกทางกัน แต่สำหรับผม ผมคิดเสมอว่า ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพ่อและแม่จะเป็นอย่างไร แย่แค่ไหน ได้โปรดบอกให้เรารู้สักนิดก็ยังดี อย่างน้อยลูกๆจะได้ไม่ต้องคิดเดากันไปเอง เพราะในชีวิตวัยเด็กของผมนั้น ไม่เคยคาดเดาอะไรถูก และผมก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจตลอด
คุณพ่อได้เห็นและรับรู้ถึงความสำเร็จของคุณไหม
เหลียงเฉาเหว่ย : ท่านเสียชีวิตไปเกือบ 10 ปีแล้วครับ และทุกวันนี้ผมก็เสียใจมาก ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นท่านเป็นครั้งสุดท้าย นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกที่จะให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ทั้งกับแม่และน้องสาว เพราะผมไม่อยากมาเสียใจภายหลังอีกแล้วหากต้องเสียใครไปอีกคน
แล้วชีวิตหลังแต่งงานของคุณกับ หลิวเจียหลิง ล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง
เหลียงเฉาเหว่ย : มีความสุขดีครับ การรักษาความสัมพันธ์กว่า 20 ปีของเรา จะบอกว่าเป็นเรื่องง่ายก็ไม่เชิง ชีวิตคู่ต้องการความเชื่อใจ เข้าใจ และเคารพซึ่งกันและกันครับ โชคดีที่เราสองคนมีนิสัยค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ก็เลยเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ผมดีใจมากที่ตัดสินใจแต่งงานกับเธอ
หวังว่าทัศนคติในการดำเนินชีวิตของเหลียงเฉาเหว่ย คงจะทำให้ใครหลายๆคน ได้ข้อคิดกลับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันบ้างก็คงดี เผื่อจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุขเหมือนอย่างพระเอกหนุ่มรุ่นใหญ่คนนี้ไปนานๆ
(จับเข่าคุย..คุ้ยเรื่องครอบครัวของเหลี่ยงเฉาเหว่ย : คอลัมน์เอเชียเอ็นเตอร์เทนเม้นต์)
จากคุณ |
:
mesaya
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ต.ค. 55 00:25:56
|
|
|
|