 |
ใครที่มีทวิตคงจะเคยอ่าน "โกลว์ไดอารี่ของริคกี้" ผ่านทางทวิตมาแล้ว วันนี้ขอนำมาลงแบบยาวๆ อ่านต่อเนื่องค่ะ
----------------------------------------------------------------------------- =ไดอารี่การเติบโตของทีนท๊อป "มันถูกใช้เพื่อให้เป็นเช่นนั้น"= 25 ตุลาคม 2012
เดือนกรกฎาคม ปี 2010, 6 สมาชิกไอดอลชายในนาม TEEN TOP ได้ยืนอยู่บนเวที จุดเริ่มต้นของพวกเขา เดบิวต์ด้วยเพลง 'Clap' ตามมาด้วยการปล่อย 'No More Perfume on you' 'Crazy' 'To you' 'Be my girl' และอื่นๆอีกมากมาย พวกเขาควบรวมกันเป็นอย่างดีในตำแหน่งของพวกเขา มันไม่ได้ประสบความสำเร็จ
ในการทำงานเพียงวันเดียว ; กระบวนการในการฝึกที่เข้มข้น, ความน่ายินดี รวมไปถึงอุปสรรคอีกมากมาย. เราจะได้เปิดเผยวันเวลาที่ผ่านมาของพวกเราผ่านสายตาของสมาชิกทุกคน การท้าทายของทีนท๊อป...เริ่มขึ้น... ณ บัดนี้
พวกเราขอต้อนรับเข้าสู่วันหยุดครั้งแรกใน 3 ปีของพวกเรา ช่วงพักได้ 10 วัน ขณะที่ห่างจากเมมเบอร์ ผมกลับคิดไปถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาของพวกเรา หลายสิ่งได้เกิดขึ้น นั่นทำให้พวกเราทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ ก่อนที่พวกเราจะกลายมาเป็นทีนท๊อปในทุกวันนี้ กลายเป็นความทรงจำที่อยู่ในใจของพวกเรา การฝึกที่แสนยากเย็นเวลานั้น พวกเราได้ทำมันก่อนที่จะขึ้นเวทีในนามทีนท๊อป ตอนนี้...ความสามารถในการยืนอยู่บนเวทีเพื่อร้องเพลงและเต้นเป็นเพียงแค่เรื่องที่ต้องทำให้ได้ เพราะสิ่งที่เราเคยทำในอดีตที่ผ่านมา ความทรงจำของเรากลายเป็นเรื่องสดใสในใจของผม...
-จาก...เด็กฝึกหัด ไปจนถึง...สมาชิกทีนท๊อป- เด็กฝึกหัดคนแรกในหมู่สมาชิกทีนท๊อป...ใช่แล้ว มันคือผมเอง "ริคกี้" ผมเป็นนักแสดงเด็กมาก่อน ; ดังนั้นผมจะบอกถึงความเป็นมาของทั้งหกคน ชางโจ เนียล แคป ชอนจี และแอลโจ ได้กลายมาเป็นสมาชิกทีนท๊อปได้อย่างไร.
ผมถูกจองตัวไว้ในวันงานโรงเรียนประถมของผม ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้ผมกล้าแสดงออกมากขึ้น ผมจึงถูกหยับขึ้นมา(ถูกคัดเลือก)แสดง และผมสนุกกับสถานที่ถ่ายทำละครมากกว่าที่โรงเรียนซ่ะอีก
จากละครเรื่อง 'Ground' ผมได้ปรากฎตัวในบทที่รองลงมา รายการของเด็กๆ 'The world of my friends' และตะลอนถ่ายโฆษณาอีกหลากหลาย ผมไปออดิชั่นไว้อีกเยอะแยะเลย แม้ว่าจะมีบางทีที่ผมล้มเหลวในการออดิชั่น ผมก็ยังต้องยืนอยู่หน้ากล้อง ทำตัวให้สนุกและเพลินเพลิน
ผมคิดไปถึงมัน...การออดิชั่นที่ผมรู้สึกเสียใจมากที่สุดคือภาพยนตร์เรื่อง 'Sad Movie' ผมไปออดิชั่นในรอบสุดม้ายกับ ยอจินกู(แสดงเป็นองค์ชายลีฮวานตอนเด็ก จากเรื่อง the moon that embraces the sun) ซึ่งอยู่ระหว่างการโปรโมทอย่างแข็งขัน แต่เพราะว่าการแสดงการร้องไห้ของผมไม่ดี ผมจึงไม่ได้รับเลือกในที่สุด ㅜㅜ
อย่างไรก็ตาม...หนึ่งในคณะกรรมการที่ผมเคยร่วมงานด้วยถามผมว่าลองออดิชั่นบทในเอ็มวีดู ซึ่งผมไม่เคยทำ นั่นก็คือจุดหักเหในชีวิตผม และเอ็มวีเพลงนั้นก็คือ 'Human Dream' ของรุ่นพี่ซอแทจิ
รุ่นพี่ซอแทจินเป็นประธานของเพลงและการะเจอกันครั้งแรกของผมกับเขาคือตอนที่ความกล้าหาญถูกทำลาย เมื่อเขาบอกว่าผมมี 'สายตาดี' ผมจึงพยายามที่จะแสดงออกทางสายตาของผม สาเหตุของความล้มเหลวในการออดิชั่นเรื่อง 'Sad Movie' การแสดงการร้องไห้ของผม ; ผมมีความสุขจริงๆ และตื่นเต้นที่ได้รับคำชมสำหรับการแสดงบทร้องไห้ที่ดีของผม
หลังจากถ่ายทำของรุ่นพี่แทจิน ผมได้รับเชิญให้ไปคอนเสิร์ตของเขา มันเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของผมที่เคยมา คอนเสิร์ตของรุ่นพี่ซอแทจินคือจุดเริ่มต้นสู่เส้นทางความฝันของผม
บนเวที...นักร้องช่างน่าหลงใหล และยังสามารถแสดงออกได้อย่างอิสระ จากนั้นความฝันที่จะกลายเป็นนักร้องถูกพบในใจผม หลังจากที่ปล่อยเอ็มวีเพลง 'Human Dream' ไป ผมได้รับความสนใจอย่างไม่คาดคิดที่ทำให้ผมออดิชั่นเพื่อบริษัทในปัจจุบันของผม และผมได้ลาออก ไม่เป็นนักแสดงอีก แต่มาเป็นนักร้อง
สำหรับคนอย่างผมที่ได้แค่เป็นนักแสดงมาก่อน การร้องเพลงและการเต้นดูจะไม่คุ้นเคยกับผมเอาซะเลย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงแรกๆผมกลายเป็นคน
พูดเบาและความมั่นใจของผมก็ลดลง เมื่อทุกอย่งเป็นเรื่องยากสำหรับผมในการที่จะเริ่มต้น รคฮยอน(100%) สอนผมทุกอย่าง เขาเป็นรุ่นพี่ เป็นครูให้ผม เขาสอนวิธีที่ทำให้เพลินเพลินกับการร้องเพลงและการเต้น
เมื่อผมเข้าไปบริษัทเพื่อจะเป็นเด็กฝึกหัด บริษัทของเรากำลังจัดการออดิชั่นที่สวนสนุก ดังนั้นเมื่อมันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมจึงไปดูออดิชั่น เพราะบางทีก็สงสัยว่าใครคือคนที่ผมจะต้องไปฝึกด้วย
ไม่นานนักหลังจากการเปิดให้ออดิชั่น ชางโจ เนียล และแคปฮยอง ก็ชนะคู่แข่งอื่นเป็นพันๆ ซึ่งได้กันพวกเขาไว้จากคนอื่นๆ แล้วก็ได้เข้ารับการเป็นเด็กฝึกหัด
-ชางโจแตกต่างไม่ว่าอะไรก็ตามเขาทำได้- ชางโจเพื่อนที่อายุเท่าฉัน เขาบอกว่าเขามาจากชุนชอน. เขาบอกว่าเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง และเขาก็โชว์ทักษะการเต้นที่ไม่ธรรมดาเลย. ด้วยทักษะที่ดีเยี่ยม, เขาได้รับคำชมจากครูออกแบบท่าเต้นอยู่เสมอ แม้ว่าชางโจจะอยู่ไกลที่ถึงชุนชอน เขาไม่เคยสายเลยซักครั้งตั้งแต่มาเป็นเด็กฝึก และเขาก็ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยเลย;เขาแข็งแกร่งที่สุด.
ด้วยเหตุผลที่ตอนที่ชางโจยังอยู่ในท้องแม่เขา หมอบอกกับแม่ของเขาว่าเด็กอ่อนแอและมีความเสี่ยงต่อชีวิต ดังนั้นชางโจจึงเกิดมาท่ามกลางความกังวล. ดังนั้นช่วงเวลาที่ชางโจเกิดร่ายกายของเขาจึงอ่อนแอมาก พ่อแม่ของเขาเป็นห่วงมากว่าเด็กจะอ่อนแอและเจอสิ่งที่เลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อชางโจโตขั้นมาหน่อย เขาจะนำสิ่งที่เขาสามารถวางลงบนมือของเขาได้ ใส่มันเข้าไปในปาก และกินมัน เพราะอย่างนี้พวกเขาจึงไปที่โรงพยาบาลบ่อยๆ. มีครั้งนึงที่เขากินฝาขวดเข้าไปจนต้องเข้านอนในโรงพยาบาลเลยล่ะ ในหมู่สมาชิก, เขา 4 มิติที่สุดแล้ว และเขาก็เป็นคนที่แปลงจริงๆ ผมคิดว่ามันน่าจะเริ่มมาตั้งแต่ตอนเด็กแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ
อย่างไรก็ตามในการที่จะเสริมสร้างร่างกายที่อ่อนแอของเขา เขาจึงฝึกเทควันโด้และเจ็ทเคนโด้(ศิลปะการต่อสู้ของบรูซลี) ตั้งแต่เขาอายุ 7 ขวบ ในช่วงนั้นเขาก็ได้เห็นรุ่นพี่ดงบังชินกิในทีวี, ชางโจตกหลุมรักกับท่าทางการเต้น แล้วจากนั้นเขาก็เต้นเป็นประจำทุกวัน
เมื่อเขาเข้ามาเป็นนักเรียนในช่วงกลางเทอม, เขาก็เริ่มทำการออดิชั่น เขาจะหาข้อมูลเกี่ยวกับการออดิชั่นด้วยตัวเอง แล้วมันก็ทำให้เขาโตขึ้น โตพอที่จะจากชูชอนมากรุงโซลเพื่อการออดิชั่น
อ่า...และมีเรื่องราวที่ทำให้ทุกคนตระหนักดีว่าชางโจเป็นมักเน่ เพราะเขาอยู่ไกลถึงชูชอน บางครั้งเขาจึงต้องอาศัยอยู่ที่หอพัก เขามักจะขอร้องพี่ๆหนึ่งหรือสองคนให้ไปอยู่กับเขา เพราะเขากลัวที่จะอยู่คนเดียว แม้ว่าเขาจะพยายามที่จะเอาชนะความกลัวของเขา แต่ชางโจก็ยังคงเป็นมักเน่อยู่วันยังค่ำ มักเน่ที่กลัวการอยู่คนเดียวเวลาที่ห่างจากแม่ของเขา
- ลาก่อน? สวัสดี? เสียงนั้นที่ทุกคนต้องการ...เนียล
ผมยังจำได้ชัดเจน เนียลฮยองคือคนที่อายุมากกว่าผมคนแรกที่เข้ามาในห้องซ้อม เขาดูสูงและแขนเขาก็ดูผอมบางด้วย ภาพลักษณ์ของเขาในความคิดผมคือชาวต่างชาติ และยิ่งกว่านั้นชื่อเขาคือแดเนียล ผมรู้สึกชอบนะ ผมก็เลยเข้าไปทักว่า Hello แทนที่จะทักว่า อันนยอง ผมคิดว่าถึงเขาไม่ได้เป็นชาวต่างชาติ เขาจะคงจะเคยอยู่ในต่างประเทศแน่ๆ แต่เขาบอกว่าเขาคือคนเกาหลีแน่นอน บ้านเขาอยู่ที่กยองกีโด ในเขตอันยาง
เสียงของเนียลมีเอกลักษณ์มากครับ ไม่ว่าเขาร้องเพลงอะไร มันจะกลายเป็นเพลงป๊อบไปซะหมด ยังอดคิดไม่ได้ว่าเขาออกเสียงได้ชัดเจนยังกับเจ้าของภาษา
พอผมไปถามเขา...เขาบอกผมว่าวิธีร้องให้ชัดเจนนั้นไม่ยาก แค่ฟังมันทุกวัน ฝึกร้องทุกวันจนนับครั้งไม่ถ้วนก็เท่านั้นเอง
เนียลฮยองและผมตีกันประจำ ชอบเล่นอะไรแผลงๆ พวกเราทำให้ห้องซ้อมเสียงดังจริงๆครับ จนบางครั้งเราจะโดนพวกพี่ๆ(สต๊าฟ)ดุอยู่บ่อยๆ
ก่อนที่เนียลฮยองจะมาเป็นเด็กฝึกหัดเขาเคยฝันอยากเป็นนักฟุตบอล เขาเริ่มเล่นตั้งแต่อยู่ ป.2 เขาใช้เวลาฝึกฝนตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปจนถึงหัวค่ำเลยล่ะ เขาเคยไปดูการแข่งขันฟุตบอลโลก(จัดที่เกาหลี)กับเพื่อนของเขา โดยที่พ่อแม่ของเขาไม่รู้เรื่องเลย นั่นทำให้รู้ว่าเขารักฟุตบอลมากแค่ไหน แม้ว่าเขาจะชอบเล่นกีฬามาก แต่เขาก็ยังชอบออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆของเขา เขารักฟุตบอลมาก เขาจ่ายเงินโดยไม่สนใจการเรียนของเขาเลย เขาบอกแม่ของเขาว่า เขาจะไปเรียนพิเศษ แต่เขากลับโกหกและก็ไปเล่นฟุตบอลแทน จากนั้นเขาก็ถูกสั่งให้ 'หยุดเล่นฟุตบอล'
เขายังเคยไปออดิชั่นเพื่อบทต่างๆ แล้วก็ผ่านมันไปได้ เขาไปออดิชั่นทุกที่ เขาพกโชคดีไปด้วย จึงได้รับคัดเลือกให้เล่นหนัง เล่นละคร และถ่ายโฆษณา
จุดหักเหในชีวิตของเนียลฮยองเกิดขึ้นที่สวนสนุก ขณะที่เขาอยู่กับครอบครัว แม่ของเขาเห็นการเปิดออดิชั่นจึงเข้าไปสมัคร ตอนออดิชั่น เนียลฮยองบอกว่าเขาร้องเพลงได้ไม่ดีจริงๆ เมื่อเขาได้เห็นแอนดี้ฮยองคนดังที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้ตัดสินในวันนั้นด้วย เขาเกือบจะเป็นโรคประสาทและแทบจะไม่ได้ยินเสียงดนตรีแบ็คกราวน์เลย เขากดดันมากตอนที่เขาทำการแสดงอยู่ สุดท้ายก็ไม่ได้รางวัลอะไรและยังถูกคัดออก อย่างไรก็ตามทางบริษัทก็ได้เรียกตัวเนียลฮยองกลับเข้ามาทำการฝึกอีกครั้งเพื่อเป็นเด็กฝึกหัด นั่นคือความเป็นมาของเนียลฮยอง
แม้กระทั่งตอนนี้ ในบรรดาพวกเราทั้งหมด วีดิโอการออดิชั่นของเนียลฮยองเป็นวีดิโอต้องห้ามและมันยังเป็นปริศนาอยู่อีกด้วย
- ผู้มีออร่าที่แข็งแกร่ง แคป
ออร่าที่รู้สึกนั่นคือแคป คนที่แก่ที่สุดของเรา เขาเป็นคนที่ให้อารมณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเวลาที่เขายิ้มและเวลาที่อยู่เฉยๆนิ่งๆ
ไม่เพียงแค่แร็พ แต่เขาเป็นบีบอยด้วย ผมปลื้มเขาจริงๆครับ เวลาที่เขาอยู่เงียบๆจะฮัมเพลงแร็พและเขียนมันไว้ แมนโคตร ผมรู้สึกว่าเขาเท่จริงๆครับ
ในขณะที่พ่อแม่ของแคปฮยองทำงานทั้งคู่ มีหลายครั้งที่เขาต้องอยู่ด้วยตัวเอง ดังนั้นตอนมัธยม 2 เขารวมตัวกับเพื่อนของเขาเพื่อไปเรียนเต้น หลังจากที่เขาได้สัมผัสกับบีบอย มันทำให้เข้าถึงตัวตนของเขา เขาตกหลุมรักการแร็พ
อาจเป็นเพราะเขารู้สึกเหงา ตอนที่แคปฮยองอยู่ในโรงเรียน เขาเป็นเด็กมีปัญหาและเป็นคนที่ค่อนข้างจะแข็งกร้าว แต่หลังจากที่เขาเข้าบริษัทมา นิสัยแข็งกร้าวของเขาก็ลดลง ในขณะที่เขาก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนแทบทุกวัน
แล้วก็...แคปฮยองวาดรูปเก่งจริงๆครับ เขาจะวาดภาพบางอย่างในแบบของเขาเอง แต่เมื่อพวกเราได้เห็นผลงานแล้ว มันน่าประทับใจมากครับ บางครั้งเขาก็วาดแค่โต๊ะในห้องซ้อม บางทีทั้งมือและแขนของพวกเราทุกคนก็กลายเป็นสมุดวาดภาพของฮยองไปด้วยล่ะ
เด็กฝึกหัดคนอื่นๆ ผม ชางโจ เนียลฮยอง แคปฮยอง กำลังฝึกซ้อมร้องเพลงและเต้น ใช้ชีวิตเด็กฝึกหัดของพวกเราเพื่อจะจัดกลุ่ม เรายังอยู่ในช่วงวัดผล
แล้วจากนั้น คนนึงที่หน้าเล็กๆ พร้อมด้วยฟันหน้า(?)และใส่เครื่องแบบนักเรียนอย่างเรียบร้อยก็เข้ามา คนๆนั้นคือ...ชอนจีฮยอง
- ชอนจีผู้น่ารัก
แม้ว่าความประทับใจแรกของผมกับเขาคือนักเรียนตัวอย่าง แต่หลังจากที่ได้คุยกับเขาไม่กี่ประโยค ผมพบว่าเขาเป็นพี่ชายที่น่ารัก เฮฮาและสนุกสนานมาก
ชอนจีฮยองเป็นลูกเสือตั้งแต่สมัยประถม และในปีสุดท้ายเขากลายเป็นหัวหน้าลูกเสือ แล้วก็ได้ขึ้นเป็นผู้นำ(หัวหน้ากองลูกเสือ)หลังจากนั้น นั่นบ่งบอกว่าเขามีความเป็นผู้นำมากแค่ไหน และเขามักจะยืนอยู่ด้านหน้าเสมอ
เมื่อเขาเข้าเรียนมัธยม ส่วนหนึ่งในโปรแกรมพิเศษของโรงเรียนเขา เขาได้เริ่มทำการร้องเพลงในห้องเรียนฝึกเสียงร้อง เมื่อเขาร้องเพลงเพลงแรกตามลำพังบนเวที เขาบอกว่าเขาไม่สามารถลืมความรู้สึกตอนนั้นได้เลย เขาตั้งใจแล้วว่าเขาจะเป็นนักร้องให้ได้
เมื่อชอนจีฮยองเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดก็ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างมาก เพื่อการเดบิวต์
ก่อนที่จะเป็นเดือนของพวกเราในการเดบิวต์ เดือนของการออดิชั่นก็จบลง พวกเขาบอกว่าเด็กฝึกหัดทุกคน ใครที่ล้มเหลวในการแสดงแก้ตัวจะต้องคัดออกไป ผมคิดเกี่ยวกับมันในตอนนั้น มันทำให้ผมแทบคลั่ง หากพลาด มันคงจะทำลายเวทีเดบิวต์ของพวกเราแน่ๆ และในวันประเมินผล ผมเห็นพวกพี่ๆที่ฝึกฝนกับพวกเรามานานได้ถูกคัดออก พวกเราร้องไห้ตอนที่ส่งพวกเขากลับ ขณะเดียวกัน พวกเราที่ยังอยู่ก็ต้องยิ่งมุ่งมั่นที่จะทำงานให้หนักกันขึ้นไปอีก
- ลีบยองฮอนของเรา,แอลโจ คนสุดท้ายที่เข้ามาร่วมกับเรา
ชื่อจริงๆของเขาคือบยองฮอน, เราเรียกเขาว่าแอลโจฮยอง ในช่วงที่เขาออดิชั่น เราไม่สามารถดูการออดิชั่นของแอลโจฮยองได้ เพราะพวกเราต้องเก็บรักษาเวลาที่มีอันน้อยนิดไว้เพื่อการประเมินผลงานรายเดือนของเราที่จะมีขึ้นในห้องซ้อมนี้
ผมจำได้เต็มตา พวกเราพากันแตกตื่น...เมื่อตอนที่เราเห็นรายชื่อสำหรับการออดิชั่นในวันนั้น ในรายชื่อ...มีชื่อ 'ลีบยองฮอน' และ 'ปาร์กจินยอง' (นักแสดงเรื่อง Dream High2) [จริงๆแล้วคือ Jr. แห่ง JJ project] อยู่ เรายังล้อกันว่ามีดาราดังร่วมออดิชั่นกับเราด้วย
รูปร่างเล็กของแอลโจฮยองใส่ชุดแนวจัมเปอร์ไม่มีแขน และแสดงการแร็พที่เขาแต่งเองในการออดิชั่น เขาคือผู้แข็งแกร่งตัวเล็กๆในเกาหลี เราคิดในใจว่า 'ในที่สุดก็จะมีคนที่มาจากต่างประเทศอยู่ด้วย' แต่..ในเวลาเดียวกันก็ต้องระวังเขาไว้ มันสร้างแรงกดดันในหมู่เด็กฝึกหัด เพราะว่าทางบริษัทบอกกับพวกเราว่าจะมีการประเมินผลเร็วๆนี้เพื่อยืนยันตัวสมาชิก พวกเราที่เป็นเพื่อนกันจะต้องมาแข่งขันกันเอง แล้วในท้ายที่สุด แอลโจฮยองก็สามารถผ่านการแสดงในช่วงการเปิดออดิชั่นได้ และเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดหลังจากที่เขาได้รับรางวัลสูงสุด
เราพยายามยืนยันว่าเขามาจากต่างประเทศ โดยขอให้เขาบอกความหมายจากเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ
คราวนี้ถ้าคุณได้ยินว่าแอลโจฮยองเดินทางมาสู่การเป็นนักร้องได้ยังไง คุณคงต้องคิดว่าเขากล้าหาญมากที่สุดในหมู่เมมเบอร์ทั้งหมดแน่ๆ...
เมื่อแอลโจฮยองเป็นเด็ก เขาชอบเล่นตลกกับคนอื่นๆและก็มีการแสดงออกทางสีหน้าที่หลากหลาย หลายคนบอกกับเขาว่าเขาจะต้องดังแน่นอน อย่างไรก็ตามเมื่อแอลโจฮยองย้ายมาจากอเมริกาในช่วงมัธยม เขาพบว่ามันยากที่จะปรับตัวในสถานที่ใหม่ๆและเขาก็กลายเป็นคนเก็บตัว แถมพูดน้อยลงด้วย แม้ว่าเขาจะอยู่ในอเมริกา เขาก็อ่านหนังสือ ดูหนัง ดูละครเกาหลีในอินเตอร์เน็ทที่บ้านของเขา แอลโจฮยองใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นนักร้องที่เปล่งประกาย เขาได้ดูการออกอากาศของรุ่นพี่ลีจุนกิ แล้วพบว่าก่อนที่เขาสามารถจะเปิดตัวในฐานะนักแสดงได้ เขาเองก็ผ่านการออดิชั่นมาแล้วเป็นพันๆ
แล้วโอกาสก็มาถึง แอลโจฮยองจึงตัดสินใจที่จะกลับมาที่เกาหลีเพื่อท้าทายความฝันของเขา เขาบอกกับพ่อที่เป็นคนเกาหลีว่าเขาจะกลับประเทศเพื่อที่จะได้ทำอะไรที่สนุก และวันที่เขาต้องการก็มาถึง... เขาค้นคว้าหาทุกข้อมูลการออดิชั่นรวมถึงการเดินทางของพวกเขา เขาทำมันเพียงลำพังเท่านั้น เขาสืบเสาะหาโรงเรียนในเกาหลีที่สามารถย้ายไปได้ แล้วก็เดินทางกลับไปเพื่อจัดการเตรียมเอกสาร แม้จะต้องเผชิญหน้ากับการคัดค้านจากแม่ของเขาก็ตาม
ครั้งหนึ่ง เขาเคยไปออดิชั่นที่บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง แล้วถึงแม้ว่าเขาจะเตรียมการแร็พไว้เป็นอย่างดี... แต่พวกเขากลับบอกว่าให้ร้องเพลง(ภาษาเกาหลี) ดังนั้นเขาจึงร้องเพลงชาติ(เกาหลี)แทน การออดิชั่นในวันนั้นใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง แล้วพวกเขายังเคยบอกอีกว่า ให้เขาไปใส่สติ๊กเกอร์ตาสองชั้นมาด้วย
เขากำลังอยู่ในช่วงสิ้นหวังจากความล้มเหลวในการออดิชั่น แต่นั่น...ก็เป็นช่วงที่เขากำลังเข้าร่วมการออดิชั่นกับบริษัทของเราพอดี แล้วเขาก็ผ่านได้ในช่วงการเปิดให้ออดิชั่น เขาได้รับรางวัลสูงสุดและได้เข้าร่วมทีนท็อปเป็นคนสุดท้ายโดยชอบธรรม
ตอนที่เขาไปทำการออดิชั่น เขาอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วน เป็นไปได้ว่า เขากำลังคิดว่าควรจะไปรับการผ่าตัดตาสองชั้นดีหรือเปล่า เราให้คำมั่นสัญญากับแอลโจฮยองว่าพวกเราไม่มีซักคนที่จะไปทำศัลยกรรมพลาสติก และนั่นก็คงจะตลกน่าดูถ้าจะมีใครทำ พวกเราบอกเขาว่าถ้าทำ(ศัลยกรรม)อะไรก็ตาม คนนั้นจะต้องออกจากกลุ่ม แล้วถึงแม้ว่าจะไม่มีตาสองชั้น ตาของแอลโจฮยองก็มีเสน่ห์มากอยู่แล้ว
เช่นเดียวกับที่เราทุกคนที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน มารวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่งก็เพราะความฝันของเราที่จะกลายมาเป็น "นักร้อง"
ENG: @oursupaluv TH: @Angel_Thailand/@ChunJoe_TH
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 00:05:48
แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 23:04:09
จากคุณ |
:
มือฉันกางร่ม หูฉันฟังเสียงฝน
|
เขียนเมื่อ |
:
วันออกพรรษา 55 23:01:57
|
|
|
|
 |