[INTERVIEW] 121026 สัมภาษณ์ของแจจุงกับนิตยสาร Elle เกาหลี สัปดาห์แห่งการเดินทางของผม
ในอินเดียตอนเหนือ หนทางไปยังเมืองอัลวาที่ตั้งอยู่ใช้รัฐราชสถานนั้นลำบากกว่าที่พวกเขาคาดคิด ไว้ พวกเขาไม่น่าจะเชื่อง่ายๆ ตอนที่ได้ยินว่ามันจะใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงครึ่งจากสนามบินเดลี สำหรับผู้คนที่นับเวลาตามที่นาฬิกาตีบอก มันไม่ง่ายที่จะไปอยู่ร่วมกับผู้คนในเมืองที่ใช้เวลาตามจิตวิญญาณ บ่อยครั้ง พวกเขาบ่นว่า เราออกมาที่นี่เพื่อถ่ายทำเรื่อง The Laws of the Jungle กันหรือเปล่า
เป็นเวลากว่า 7 ชั่วโมง ฝุ่นตลบใหญ่ปกคลุมรอบรถตู้ราวกับเป็นยักษ์จีนี่จากตะเกียงวิเศษ ท่ามกลางฝุ่นควันนั้น รุ่งสางกำลังใกล้มาถึง และเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถตู้ พวกเขาเห็นชาวเมืองอาจับกาห์ทำกิจวัตรประจำวันในชีวิตเหมือนเป็นภาพลวงตาใน ทะเลทราย คนหนึ่งออกความเห็นอย่างตกตะลึงว่า ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังอินเดียน่า โจนส์เลย มันราวกับว่าเรากำลังเดินทางมายังอดีต แต่เคหสถานที่เคยเป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์เมื่อหลายร้อยปีก่อนไม่เหลือ อะไรนอกจากกลายเป็นหมู่บ้านที่แห้งแล้งสำหรับคนยากจน ทะเลสาบแทบไม่อยู่รอดพ้นจากมรสุม กลายเป็นแอ่งเยลลี่ลูกโอ๊กเหนียวๆ (T/N: อาหารพื้นบ้านเกาหลี) แต่พวกเขาดีใจที่ยังได้เห็นว่าจิตใจของผู้คนยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่เต็ม เปี่ยม
ว้าว นี่เป็นประเทศที่สุดยอดไปเลย การมองสะท้อนความสุขและความเศร้าของแจจุงกระตุ้นแรงบันดาลเมื่อรีสอร์ตสุด หรูเปิดรับเราแม้ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าแม้แต่น้อย ท่ามกลางเสียงของความเศร้าโศกที่เลือนลาง ความคิดของพวกเขาชัดเจนขึ้น
แจจุง สมาชิกวง JYJ ใส่ใจกับความหลากหลายของพรสวรรค์อันส่องประกายแทนที่จะยึดติดอยู่กับอะไร เรื่องเดียว เขาไม่เคยเผชิญกับประสบการณ์หลากหลาย ภาพลักษณ์และการท้าทายทั้งหมดพร้อมๆ กันมาก่อน การตัดสินใจของเราที่จะเลือกสถานที่ในประเทศอินเดียนั้นมาจากความมั่นใจของ เขาในความหลากหลาย ในการเดินทางไปหลายๆ ที่ทั่วโลกของเขา ที่หนึ่งที่เขายังไม่เคยมาถึงคืออินเดีย โชคดีที่เราสามารถหาสถานที่ดีๆ ที่จะเดินทางมาได้ ดังนั้นการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น
ด้วยชื่อในฐานะนักแสดง โลกในจินตนาการที่เขาวาดฝันไว้ยังมีปัญหาเรื่องความแตกต่างและหลากหลาย ในละครเรื่อง Dr. Jin แจจุงแสดงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ซื่อตรงนามว่าคิมคยองทัคและได้มี ประสบการณ์กับความรักที่เต็มไปด้วยปรัชญา ในขณะเดียวกัน เขาแสดงเป็นผู้ชายแปลกๆ ชื่อชเวฮยอนในหนังเรื่อง Code Name: Jackal แม้ว่าแจจุงทรมานจากการอดนอน การรับรู้และตอบสนองของเขาเป็นธรรมชาติราวกับว่าเขากำลังอยู่ในพะวัง
มันยากที่จะถ่ายทำงานทั้งสองเรื่องไปพร้อมๆ กัน แต่ผมอยากจะแสดงให้เห็นถึงตัวละครที่แตกต่างกัน และนี่เป็นโอกาสของผมที่จะแสดงให้เห็นถึงตัวละครสองตัวที่ต่างกันโดยสิ้น เชิง โชคดีที่ผมเก่งเรื่องการท่องบท (จริงจัง) ผมคิดว่ามันเป็นเพราะผมดื่มโอเมก้า 3 เครื่องดื่มที่ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด เพราะว่า Dr. Jin เป็นละครประวัติศาสตร์ มีเรื่องที่ลำบากอยู่บ้าง มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยๆ เรื่องทิวทัศน์และความสนใจ ดังนั้นมันยากสำหรับคนที่อยากจะลองอะไรใหม่ๆ เมื่อละครโด่งดังและผู้ชมเริ่มให้ความสนใจ แจจุงพบว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติของตัวเองได้
และด้วยความโด่งดังนั้น แม้กระทั่งผู้ชมที่ชอบละครเรื่อง A Gentlemans Dignity มากกว่าก็ให้ความสนใจกับตัวละครของแจจุง ผมคิดว่าผมสามารถพยายามให้มากขึ้นในงานครั้งหน้า และผมก็รู้สึกดีขึ้นมาทันทีครับ ผมสามารถประเมินตัวเองได้อย่างแน่นอน เพื่อตัวของผมเอง
ในละครประวัติศาสตร์ แจจุงต้องค้นคว้าและหาวิธีที่จะแสดงออกถึงตัวละครของคิมคยองทัค แต่ในหนังเรื่อง Code Name: Jackal เขาสามารถเป็นตัวเองเมื่อแสดงบทของชเวฮยอนได้ ผมแสดงถึงด้วยเองแบบรั่วๆ มีบางฉากทำให้ผมคิดว่า จริงๆ เหรอ? เอาแบบนี้จริงๆ น่ะนะ? ผมหัวเราะสุดตัวจริงๆ ครับ ตัวละครของผมดูเหมือนกับนักร้องที่หลงตัวเองจัดๆ แต่คุณจะได้รับรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนไร้เดียงสา เขากลายเป็นดาราและพอเขาโด่งดัง เขาก็ถูกลักพาตัวโดยนักฆ่า นักร้องและดาราดังชื่อชเวฮยอนถูกลักพาตัวไปวันหนึ่ง เรื่องที่ว่าเขาเป็นนักร้องนั้นมีประโยชน์เพราะมันช่วยพัฒนาตัวละครที่คล้าย คลึงกับแจจุงเอง มันเป็นโอกาสสำหรับแจจุงที่จะสามารถอวดการแสดงที่สมจริง ด้านที่เขาไม่เคยได้เผยให้เห็นมาก่อน
เราทั้งคู่เป็นนักร้อง ดารามักจะมีข้อกำหนดให้แสดงถึงความสมบูรณ์แบบอยู่บ่อยๆ แต่มันควรจะมีด้านที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็เป็นคนเหมือนกัน ว่าพวกเขาก็ไม่สมบูรณ์แบบ ผมคิดว่าผมสามารถแสดงเรื่องดีๆ ที่ซ่อนไว้ของตัวเองออกมาได้อย่างช้าๆ ครับ แจจุงเป็นเพื่อนกับนักแสดงร่วมอย่างซงจีฮโย แต่ด้วยโอกาสครั้งนี้ พวกเขาสามารถรับรู้ถึงสไตล์การแสดงของกันและกันได้
เพราะว่ามันเป็นแนวตลก บางเทคก็เลยน่าสนใจพอสมควรเลยครับ นอกจากตามที่ผู้กำกับต้องการแล้ว มีหลายครั้งที่ซงจีฮโยกับผมแสดงบางเทคด้วยมุมมองที่ต่างออกไป นี่เป็นตอนที่ผมได้นอนน้อยลง พอได้ไปดูมอนิเตอร์ ผมบอกได้เลยว่าบางฉากทำได้ไม่ดีนัก แต่ผมไม่เคยห่วงเรื่องการทำลายภาพลักษณ์ของตัวเอง ผมโอเคกับการที่ตัวเปียกปอน โดนฝนสาดใหญ่หรือแม้กระทั่งโดนไฟช็อต การเผชิญหน้าของแจจุงอาจโยงเข้าได้กับมุมมองของเขาที่จะมีใจเปิดกว้าง ระหว่างที่แสดง
แจจุงก้าวเข้าสู่วงการการแสดงด้วยละครญี่ปุ่นเรื่อง Sunao Ni Narenakute แต่การก้าวเข้ามาอย่างเป็นทางการคือจากเรื่อง Protect the Boss กับชเวคังฮี เขาแสดงเป็นลูกเศรษฐีร่วมกับเลขาสาวเพี้ยนๆ แต่ตัวละครที่เขาแสดงนั้นมีชีวิตชีวาน้อยกว่าที่เขาหวังไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ ความรู้สึกจริงๆ ของเขาจะมองเห็นได้แม้จะพยายามทำหน้าไร้อารมณ์
มีเรื่องยากหลายเรื่องครับ ในฐานะนักร้องที่ร้องเพลงและเต้น ผมไม่มีทักษะเมื่อมาแสดงในฐานะนักแสดง ดังนั้นผมวางแผนที่จะเรียนทีละขั้นไปอย่างช้าๆ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผมจะหมดความสนใจเรื่องดนตรีนะครับ มันอาจดูเหมือนผมแสดงมากขึ้นและร้องเพลงน้อยลงกว่าแต่ก่อน แต่ผมจะไม่ใช้ประโยคว่า ผมยุ่งกับการแสดง หรือ ผมหมดแรงบันดาลใจ มาเป็นข้ออ้างและผมใช้เวลาว่างในการเขียนเพลงและฟังเพลงครับ
มันเป็นเรื่องดีที่จะพัฒนาทักษะของผมและผมไม่อาจจะทอดทิ้งความสามารถหลายๆ อย่างที่ผมได้รับมาก่อนหน้านี้เพื่อจะไปคว้าหาสิ่งใหม่ ดังนั้นผมรู้สึกว่าผมไม่ควรจะสูญเสียความเป็นตัวตนของผมและให้เวลากับตัวเอง ในการทำหลายๆ สิ่งเพิ่มเติมที่ผมอยากจะทำแทนครับ ตอนแรกผมก็ไม่ได้เก่งเรื่องเพลงเหมือนกัน การเต้นและการร้องไม่ใช่เรื่องที่ผมถนัด การฝึกฝนช่วยผมได้เยอะ แต่สุดท้ายแล้ว ประสบการณ์ส่วนตัวเป็นสิ่งที่ช่วยผมได้มากที่สุด ดังนั้นผมหวังว่าการแสดงจะทำแบบเดียวกันโดยทำให้ผมมีประสบการณ์มากขึ้นทีละ เรื่อง
ในอดีต เพราะภาพลักษณ์ของเขา ผู้คนมักมองทัศนคติของเขาว่าเย่อหยิ่งและช่างประชดประชัน ดังนั้นหลายต่อหลายคนกล่าวว่า ฉันไม่คิดว่าบุคลิกของเขาจะดีขนาดนี้ แต่ด้วยการทำงานอย่างหนัก เขาล้มล้างความคิดก่อนหน้าเหล่านั้นไปได้ หนทางในฐานะนักแสดงของเขาทำให้เขาปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้มากขึ้น แน่นอนว่ามันยังคงมีเรื่องที่ยากลำบากอยู่บ้าง
เมื่อคิมแจจุงเริ่มแสดงละครมากขึ้น เขาก็ได้รับการจดจำจากผู้คนเพิ่มขึ้น แต่ผมรู้สึกเศร้าที่แฟนๆ ในต่างประเทศมองข้ามวง JYJ และยังคงคิดกับผมในฐานะของยองอุงแจจุงคนเก่า มันเป็นปัญหาเรื่องเวลาและทั้งหมดที่ผมทำได้ก็คือพยายามให้หนักขึ้นครับ
สมาชิกทั้งสามคนของวง JYJ ที่กำลังทำงานด้วยตัวเองเพื่อโอกาสที่จะสร้างอาชีพของกันและกัน พบว่าพวกเขากำลังอยู่บนหนทางสายที่สองในอาชีพที่สามารถมุ่งมั่นกับเรื่อง สำคัญต่างๆ ได้ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาความสามารถและเพิ่มความรู้ ดังนั้นผมสงสัยว่าการรวมพลังของเราจะยิ่งใหญ่แค่ไหนพอเราได้มาเจอกัน
สิ่งหนึ่งที่แจจุงเศร้าใจคือว่าเขามีโอกาสที่จะได้พบปะกับแฟนๆ น้อยลงกว่าแต่ก่อน มันเหมือนกับเทศกาลครับ เทศกาล! โอกาสที่จะได้มีคอนเสิร์ตในอเมริกาใต้และสเปนเพิ่มมากขึ้นอย่างช้าๆ ตอนที่ผมอายุน้อย ผมคิดว่าความโด่งดังก็จะตามมาถ้าผมทำได้ดี ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าถึงแม้จะทำได้ดี มันก็ไม่ใช่แบบนั้น เพราะมันขึ้นกับคนอื่นๆ ด้วย
นอกจากนั้น เวลา 9 ปีในวงการบันเทิงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติและพวกเขาพัฒนาความ สัมพันธ์กับแฟนๆ ขึ้นมาใหม่ จริงๆ แล้วพอคิดถึงเรื่องการสูญเสียแฟนๆ มันก็ทำให้เรื่องยากลำบากมากนะครับ คนที่บอกว่าพวกเขาพอใจแค่ได้ทำเพลงคงไม่เคยได้รู้สึกถึงความรักของแฟนๆ การทำเพลงและการได้รับความรักเพราะเรื่องนั้นเป็นความสุขที่คนส่วนใหญ่ไม่ เคยได้รู้จัก การทำเพราะชอบทำก็เรื่องหนึ่ง แต่การทำเพื่อคนอื่นมันแตกต่างออกไป มันเป็นความพึงพอใจที่อยู่คนละระดับกันเลยล่ะครับ เหมือนกับการทำอาหาร คุณทำอาหารโดยคิดว่า ฉันหวังว่าคนคงคิดว่าอาหารอร่อยนะ ถ้าไม่มีใครอยู่ฟังเพลงของคุณแล้ว นั่นคงเป็นความรู้สึกที่แย่ที่สุดเลยครับ
เมื่อเรามองย้อนกลับไปยังการเดินทางไปอินเดียของเรา พวกเรายังจำได้ว่ามีแฟนๆ โทรมาที่รีสอร์ทที่เราพักอยู่ทุกวัน อีเมล์มาหาและแม้กระทั่งตามมาถึงรีสอร์ทนั้น สิ่งที่เหลืออยู่หลังจากเวลาแปดเก้าปีดูเหมือนจะเป็น จิตวิญญาณ พวกเรามีหลายสิ่งมากมายเกินไปที่ต้องทำ ถ้าคุณคิดถึงเรื่องนี้ เรากำลังอยู่ในจุดที่คล้ายคลึงกัน มันใช้เวลามากเท่านั้นในการพัฒนาให้ดีขึ้น และความโด่งดังไม่ได้ยั่งยืนอยู่ตลอดไป ผู้คนบอกว่าให้ใช้ชีวิตเหมือนอยู่อายุ 20 กว่าปีแม้ตอนคุณอายุ 30 กว่า ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากในอดีต ผมคิดว่ามันคือว่าความกลัวต่อการท้าทายของผมได้หายไปแล้ว แต่แรงบันดาลใจของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับคนที่เติบโตแล้วอย่างเขา การเดินทางไปยังสถานที่แห่งใหม่เป็นโอกาสที่เขาจะได้สัมผัสกับชีวิตที่ ดำเนินไปท่วงทำนองที่ช้าลงกว่าเดิม แต่กิจกรรมในชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นทุกทีและการเดินทางอาจได้รับการมองว่าเป็น การพักช่วงสั้นๆ จากชีวิตอันยุ่งเหยิงของเขา ที่สุดแล้ว ชีวิตคือการผจญภัยและการผจญภัยก็เป็นเรื่องยาก ในอดีต อารยธรรมเคยเฟื่องฟูในเมืองเล็กๆ ของอินเดียแต่ จิตวิญญาณ ของพวกเขาดูเหมือนจะอยู่กับพวกเขาไปตลอดกาล
สำหรับแจจุง การเดินทางครั้งนี้ให้กำเนิดความเป็นจริงของวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึงและ อนาคตที่ยังมองไม่เห็น การเดินทางครั้งนี้ทิ้งความประทับใจอันงดงามไว้กับเขาอย่างแน่นอน
ดูข้อความต้นฉบับเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมดได้ ที่นี่ (cr. @126×204)
Source: ELLE Korea November 2012
Translated by: Yule @ PrinceJJ
Cover photo scanned by: Frapbois
Interview text scanned by: Ces @ PrinceJJ
Shared by: PrinceJJ
แปลไทย: ลูกแก้วใสกิ๊งระริ๊ง