เราไม่ใช่ เรย์ แมคโดนัลด์ แล้วเราก็ไม่เท่แบบนั้น ใครจะดูเรา(วะ) วันนั้น ยอด-พิศาล แสงจันทร์ และบอล-ทายาท เดชเสถียร คนทำหนังสั้นจากรั้วเกษตรศาสตร์ ฮึดส่งเทปรายการ หนังพาไป ที่เขาสองคนถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างการเดินทางไปร่วมเทศกาลหนังสั้นในประเทศต่างๆ ไปยังสถานีทีวีไทยเพื่อขอเวลาออกอากาศ ด้วยคิดว่าคนจำนวนหนึ่งน่าจะสนุกไปกับการเดินทางแบบประหยัดมากของสองหนุ่มหน้าบ้านๆ อย่างเขา วันนี้รายการซีซั่นแรกเพิ่งจบลงหลังออกอากาศยาวนานตลอด 8 เดือน ส่วนชื่อ บอลกับยอด และ หนังพาไป ก็กลายเป็นที่รู้จักและกลายเป็น แรงขับฝัน ในกลุ่มเด็กวัยรุ่น นักเดินทาง และนักทำหนังสั้นไทย
อะไรที่ทำให้เด็กวิศวะกับเด็กวิทยาศาสตร์อยากลองทำหนัง บอล: ตอนนั้นเมเจอร์รัชโยธินเพิ่งมาเปิดใกล้เกษตรฯ เด็กเกษตรฯ ทุกคนต้องดูหนัง ต้องรู้เรื่องหนังเยอะๆ มาโม้ใส่กัน ช่วงนั้นเริ่มมีการประกวดหนังสั้นในเมืองไทยได้ไม่กี่ปี ผมก็ชอบดูหนัง เคยอยากเรียนนิเทศแต่ที่บ้านไม่ชอบ พอถึงเวลาได้ลองทำหนังประกวดก็เลยสนุก ยอด: ของผมก็คล้ายๆ กัน สมัยปี 4 เริ่มมีนิตยสารไบโอสโคป (BIOSCOPE) เล่มแรก การวิจารณ์หนังก็มาแรง อ่านแล้วได้รู้ว่ามีหนังสือเล่มเล็กที่ทำได้ด้วยตัวเอง เราก็น่าจะลองทำหนังได้ตัวเองนะ
เครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่มี เรียนก็ไม่ได้เรียน ทำไมกล้าส่งหนังสั้นเข้าประกวด บอล: จุดเริ่มต้นจากงานประกวดของมูลนิธิหนังไทย เราอยากลองทำหนังกับพี่ๆ น้องๆ ในชมรมค่าย ก็เริ่มไปหาหนังสือเรื่องสั้นที่ต้นกลางท้ายดีมาแปลงเป็นบท อยากทำให้คนเห็นภาพเดียวกับที่เราเห็นแค่นั้น ยอด: ไม่ได้คิดถึงฝีมือเลย อยากประกวดก็ประกวด มีแค่กล้องจริงๆ ไมค์ก็ไม่มี ความรู้ก็ไม่มี บอล: ตอนนั้นวางโปรดักชั่นไว้ใหญ่โต ต้องมีดอลลี่ ซึ่งเอาจริงๆ ไม่มีดอลลี่ เราก็เอากล้องตั้งบนซาเล้ง ซึ่งหนังเรื่องนี้ (เหรียญบาท) ก็ได้เข้ารอบ จากนั้นเราส่งประกวดเรื่อยๆ จนมาได้รางวัลตัดต่อยอดเยี่ยม จากการทำมิวสิควิดีโอประกวดของแชนแนลวี ยอด: งงมาก เพราะเด็กที่เข้าประกวดเป็นเด็กนิเทศที่เค้ามีดอลลี่ (ฮา) กรรมการบอกว่ารางวัลที่เราได้เป็นรางวัลที่เซียนมาก พวกนิเทศอยากได้รางวัลนี้แต่เรามาสอยไป บอล: มิวสิควิดีโอนี้เป็นจุดเปลี่ยน ตอนทำ เหรียญบาท เรามีปัญหาเรื่องการตัดต่อเพราะค่าจ้างแพง จากนั้นเลยตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์มาตัดต่อเอง หาหนังสืออ่านเอง เอ็มวีตัวนี้เลยเป็นผลจากการตัดต่อครั้งแรก พอได้รางวัลเลยรู้สึกว่าเราทำได้ ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าการตัดต่อดีไม่ดีเป็นยังไง
แล้วจุดไหนที่เริ่มประกวดหนังในต่างประเทศ ยอด: ก็คือที่เราเอามาใส่ในไตเติ้ลรายการ คือเราเอาหนัง กลางวันแสกๆ ไปประกวดแล้วกรรมการบอกเราอย่างนั้น (หนังอย่างพวกคุณมันไปเมืองนอกไม่ได้หรอก) บอล: กลับมาด้วยความเจ็บใจ เพราะเรารู้สึกว่าหนังได้รางวัลป๊อบปูล่าร์โหวต ทำให้คนไทยกลุ่มหนึ่งขำได้ เลยค้นข้อมูลเทศกาลหนังซึ่งมีตลอดทั้งปี ต้องมีสักงานที่ชอบหนังเรา ยอด: เคยคิดว่าการทำหนังสั้นเพื่อไปประกวดในต่างประเทศต้องผ่านองค์กร ผ่านกรรมการ แต่มันไม่ใช่ เราสามารถส่งได้เอง เอาดีวีดีส่งไปรษณีย์เลย ตอนนั้นเราก็รู้จักเทศกาลหนังไม่กี่เทศกาล คานส์ ปูซาน คนที่ไปเท่มาก ไม่ได้รางวัลก็เท่มาก ได้ไปเมืองนอกด้วย เราก็เลยอยากไป
ต้องขอทุนไปร่วมเทศกาลหนังที่ได้รับเชิญ? ยอด: ในเมื่อได้แล้วก็ต้องไปให้ได้ เราก็เพิ่งรู้ว่าเค้าไม่ได้ส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ มีที่พักมีอาหารให้เฉยๆ เราก็เริ่มขอทุนจากมหาวิทยาลัย กระทรวงองค์กรที่สนับสนุนหนังไทย องค์กรรัฐที่สนับสนุนวัยรุ่น ก็เดินเข้าไปเลย
จากภาพในรายการ ทำไมต้องประหยัดกันขนาดนี้ ยอด: เรามีเงินไปแค่นั้นจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เงินของเรา ตอนที่ไปเราก็ไม่รู้ว่าวันหนึ่งมันจะได้เป็นรายการจริงๆ ครับ แค่ถ่ายเก็บไว้เผื่อๆ บอล: อยากไปเมืองนอก บ้านเราก็ไม่รวย ทุกอย่างเป็นความฝันที่อยู่ไกลเกินเอื้อม พอมีเหตุผลในการเดินทางไปเพื่อประกวดหนัง เราก็ต้องประหยัดมากๆ ยอด: การกินต้องประหยัดที่สุด ต้องเสิร์ชหาข้อมูลวัด นักศึกษาไทย โฮสเทลที่ถูกที่สุด ถึงขนาดโทรไปถามสมาคมนักเรียนไทยในประเทศนั้นๆ ว่าผมเอาหนังไปประกวดแต่ไม่มีเงินจะขอไปพักด้วยได้ไหม เขาก็ส่งต่อกันเป็นทอดๆ บอล: นักเรียนไทยใจดีมาก เค้าจะรู้ว่าควรประหยัดยังไง ซื้อตั๋วรถไฟยังไง ถ้าเรามีเงินเราก็จะไม่รู้ว่าคนไทยมีน้ำใจขนาดนี้
มีเรื่องสนุกๆ ที่ไม่ได้ออกอากาศมาเล่าให้ฟังบ้างไหม บอล: ทริปแรกเราได้ไปอิตาลี-สวิสเซอร์แลนด์ ทริปนี้เป็นจุดเริ่มต้นให้เราต้องเริ่มถ่ายเก็บไว้ เรานั่งรถไฟจากอิตาลีเข้าสวิสฯ เพื่อไปประกวดอีกงานหนึ่ง ระหว่างทางเราไม่เจอคนไทยเลย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งพูดภาษาไทย เราก็เฮ้ย ลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนข้ามตู้รถไฟ พี่คนไทยหรือเปล่าครับ พี่เค้าก็หันมา ใช่ค่ะๆ เลยนั่งคุยกันยาว ตอนหลังพี่เขาชวนไปพักที่บ้านบนเขา วิวสวยมาก พาไปเที่ยว พาไปรู้จักชีวิตคนไทยในสวิสฯ มันมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นเยอะมากในการเดินทาง
คิดว่าอะไรที่ทำให้ หนังพาไป มีผลตอบรับดีมาก ทั้งที่คุณก็ไม่ใช่ เรย์ แมคโดนัลด์ ยอด: เราไม่ใช่ใครเลย ไม่ได้เป็นดารา เดินทางแบบร่ำรวย กินอาหารดีๆ เราทำตรงข้ามกันหมดเลย โชคดีที่ทีวีไทยให้โอกาส ตอนเสนอไปที่ทีวีไทย เราก็ให้เพื่อนๆ มาดูก่อน ส่วนใหญ่ก็รับไม่ได้กับวิธีนำเสนอแบบนี้ แต่เราทำให้เห็นว่าคนดูออกเดินทางไปกับเรา ดูเป็นชีวิตจริง ไม่ใช่แบบว่า อันนี้นะครับปราสาท บอล: หรือว่าเนื้อสัตว์ต้องเลือกซีเลปอลองซ์อะไรแบบนี้ (ฮา) เราตั้งโจทย์การเดินทางไว้ว่าไปแบบคนไม่รู้ เพราะเราเดินทางหนึ่งเดือน จะมารู้ทุกอย่างก็คงไม่ใช่ จะมานั่งเปิดไกด์บุ๊คภาษาอังกฤษก็ขี้เกียจอ่าน ไปรับเอาความรู้สึกที่นั่นดีกว่า ผมเดินทางเยอะๆ แล้วรู้สึกว่า ความรู้สึกบางครั้งสำคัญกว่าข้อมูล การที่เรารู้ว่ามันสร้างในปีไหนโดยใคร อาจไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึก ณ ตรงนั้น
ความสามารถในการตัดต่อช่วยด้วยไหม ยอด: ต้องขอบคุณพี่เช็ค ทีวีบูรพา (สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ) เพราะเราเคยทำงานกับทีวีบูรพามาช่วงหนึ่ง เราได้วิธีการเล่าเรื่อง ขั้นตอนตัดต่อ จะเน้นตรงไหนเล่าเรื่องยังไง จะรวบเรื่องขมวดเรื่องยังไง บอล: การตัดต่อคือหัวใจของรายการ ทีวีบูรพาจะบอกเลยว่าคนตัดต่อคือหน้าที่ที่สำคัญของบริษัท เราตั้งโจทย์ที่ความรู้สึกมากกว่าข้อมูล เวลาเราใส่เพลง ลำดับการเล่า เราเอาความรู้สึกเป็นหลัก ถ้าเราเดินสายเส้นข้อมูล เราอาจไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ซึ่งมันจะเหนื่อยน้อยลงด้วยนะ แต่พอหยิบเรื่องความรู้สึกมันต้องสร้างทุกด้าน ภาพ เสียง จังหวะไหน เรื่องเป็นยังไง ขนาดเราดูเองยังเหมือนไปยืนอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง
ประโยคทิ้งท้ายในรายการ จุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม แปลว่าอะไร บอล: เราเคยทำสารคดีเรื่อง โบก เพื่อประกวดกับ ททท. เรารู้สึกว่าระหว่างทางที่เจอคนหลงทาง เจอน้ำใจคนที่รับเราขึ้นรถ ต่อให้ไปถึงจุดหมายมันก็ไม่ได้สำคัญเท่าระหว่างทาง คำนี้มันมาจากไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามันแทนความรู้สึกของเราได้ พอมาถึงจุดนี้มันใช้ได้หมดเลยนะ ไม่ใช่แค่การเดินทาง ใช้กับชีวิตได้ด้วย
ใครที่อยากทำหนังสั้นสักเรื่องแบบบอลกับยอดควรเริ่มจากอะไร ยอด: แรงตั้งใจอย่างเดียวไม่พอต้องลงมือทำด้วย เราเคยกลัวคอมพิวเตอร์สมัยเรียนปาสคาลก็ยังทำได้เลย ต้องทำแล้วจะได้เรียนรู้ อะไรขาดเราจะได้รู้ว่าต้องเรียนรู้เพิ่ม บอล: ผมเชื่อเลยว่า ไม่ใช่ว่าเราดูหนังเยอะแล้วจะทำได้ดี หรืออ่านบทวิจารณ์เยอะ ก็ใช่ว่าจะทำหนังได้ดี ในขณะเดียวกันคนที่ไม่รู้อะไรเรื่องนี้เลยก็อาจจะทำหนังได้ดีเช่นกัน ส่วนใหญ่คนจะไม่กล้าทำเพราะคิดว่าจะต้องทำออกมาเป็นมาสเตอร์พีซ สุดท้ายต่อให้มันออกมาไม่ดี แต่ถ้าไม่ท้อ นั่นคือประสบการณ์ เราได้เรียนรู้ว่า วิธีนี้ทำแล้วไม่เวิร์ค ต่อไปอย่าทำแบบนี้ หรือถ้าทำแบบนี้ต้องแก้ปัญหายังไง เมื่อก่อนได้ยินว่า เอดิสัน ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ เลือกวัสดุที่ผิดพลาดมาไม่รู้เท่าไหร่ แต่เค้าก็เรียนรู้ว่าวัสดุอย่างนั้นทำหลอดไฟไม่ได้ ผมไม่เคยอินกับคำพูดนี้มาก่อน จนกระทั่ง หนังพาไป เกิดในวันนี้ รู้สึกว่าคำพูดนี้มันจริงมากๆ
จากคุณ |
:
ปอทิพย์
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ต.ค. 55 20:02:54
|
|
|
|