ปัญญาชนก้นครัวละครที่ไม่ได้มีแต่ความตลก และดูเพลินอย่างเดียว
|
|
ละครเรื่องนี้ขอชมคนเขียนบทค่ะเขียนได้ดีมีมิติมาก พอรวมกับการแสดงและการกำกับมาอย่างดีเลยถ่ายทอดออกมาเป็นข้อคิดดีๆให้เห็นง่ายๆ ผ่านตัวละครในเรื่อง
ฉากที่ คุณอรโดนคุณชื่นดุ สอนให้คนดู(เด็กเยาวชน)ได้รู้ว่า ควรตั้งใจเรียนไม่ใช่ไม่อยากเรียนก็ปล่อยผ่านๆไป อย่าเช่นคุณอร พอสอบภาษาหลายรอบไม่ผ่านคุณชื่นก็ดุแสดงให้เห็นว่าคุณชื่นรักลูกตามใจลูกก็จริงแต่ยังคงหวังดีต่ออนาคตของลูกอยากให้ลูกเรียนและมีความรู้
ฉากต่อมา คุณอรแสดงให้เห็นว่าเธอเสียใจกับสิ่งที่ทำไปแต่เธอก็ได้แต่พูดกับตัวเองว่าไม่ถนัดไม่เหมาะกับตัวเองเลยไม่พยายามใดๆให้ดีขึ้น
ฉากต่อมา ที่ป๋อง พาคุณอรไปบ้านเด็กกำพร้า ที่ไม่มีโอกาสเรียนดีๆเลือกชีวิตที่สุขสบายได้แบบเธอ พวกเด็กๆยังสนใจใส่ใจใฝ่ใจที่จะหาความรู้ จึงทำให้คุณอรเริ่มคิดได้ว่า เธอผู้เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่กลับไม่มีความพยายามเหมือนเด็กพวกนี้เลย เอาแต่หนีปัญหาตลอด ได้ข้อคิดว่า เราไม่ควรที่จะบอกว่าเราทำนั่นไม่ได้ทำนุ่นไม่ได้ถ้าเรายังไม่พยายามให้เต็มทีก่อน
ฉากต่อมาคุณแป๊ะ ผู้มีฝันมีความมุ่งมั่นและพยายามมานานเพื่องานของเธอแต่กลับเจอปัญหาคือไม่มีคนจัดงานและนายแบบนางแบบ (เพลงปราสาททรายขึ้นมา) แล้วเล่าเรื่องความผิดหวังท้อแท้หาที่พึ่ง เมื่อกลับมาบ้านเจอคนใช้(ป๋อง) จากความผิดหวังความฝันที่พังทลายเลยหาที่ยึดจิตใจ ขอกอดจากป๋องเพื่อเป็นกำลังใจ (ฉากนี้เราน้ำตาซึมเลยเพราะคนหลายคนอาจเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆกันพยายามมุ่งมั่นแต่สุดท้ายความฝันก็ทลายลงมันเหมือนขาดที่พึ่งจริงๆ) ฉากนี้แสดงให้เห็นว่าคนทุกคนต้องการกำลังใจด้วยกันทั้งนั้น เราควรใส่ใจคนรอบข้าง(ทั้งในครอบครัวและคนที่เรารัก)ให้มากขึ้น อย่าทำให้เขารู้สึกว่าเขาอยู่คนเดียวทั้งๆที่เขาสิ่้นหวังแล้ว เราควรให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ฉากที่ชะเอมร่วมกับเพื่อนๆคิดวางแผนช่วยคุณแป๊ะ เราว่าฉากนี้แสดงให้เห็นถึงการรู้จักการแก้ปัญหาไม่ใช่หนีปัญหา รวมถึงฉากที่นายแบบคนหนึ่งขาเจ็บ แล้วชะเอมก็คิดแก้ปัญหาด้วยการไปขอให้คุณตั้มช่วยเดินให้
อีกฉากหนึ่งพี่คุณอรเข้าใจชะเอมผิดแล้วรู้ตัวว่าผิดจึงอยากขอโทษแต่กลับไม่กล้าฉากนั้นสอนให้รู้ว่า เมื่อเราทำผิดควรยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิดรู้จักการขอโทษ แล้วคุณจะได้รู้จักการให้อภัย
ฉากวันก่อน คุณน้องอ้อยกับคุณอรทะเลาะกันแล้วคุณพ่อตีน้องอ้อยทั้งๆที่คนผิดคือคุณอร จริงๆฉากนี้ผิดทั้งคู่เพราะคนหนึ่งไปขโมยมือถือของน้องก่อน ส่วนน้องอ้อยก็ผิดที่ไปด่าว่าพี่่ ฉากนี้สอนให้รู้ถึงการเคารพซึ่งกันและกันถึงน้องจะอายุน้อยกว่าพี่แต่ถ้าพี่ผิดควรยอมรับผิดและน้องควรเคารพพี่ พ่อ แม่ ไม่ควรไปพูด ด่า ว่า กันข้ามหัวผู้ใหญ่แบบนั้น และทั้งคู่ยังไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่อีก จึงผิดทั้งคู่ เมื่อคุณพ่อน้องอ้อยตีน้องอ้อยแล้วน้องอ้อยเสียใจทำประชดไม่กินข้าว พูดไม่ดีถึงพ่อแม่ ฉากนี้ทำให้เห็นว่า ควรดูแลเอาใจใส่กันในครอบครัวอย่าให้ขาดจนขนาดไปพึ่งพาเทคโนโลยี ให้เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่ขาดไม่ได้ อีกอย่างที่ชะเอมมาสอนให้พูดจาถึงพ่อแม่ดีๆไม่ควรพูดจาแย่ๆกับผู้ใหญ่ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ฉากที่ชะเอมโกหกคุณตั้ม ว่าพ่อป่วย จนตัวเองต้องลำบากไหนจะนั่งรถไปไกลแถมต้องไปหาคนมาหลอกมาโกหกอีก แสดงให้เห็นแล้วว่าการโกหกเป็นสิ่งไม่ดี เราก็จะได้รับผลจากสิ่งที่เราโกหกทั้งนั้นไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว
เราดูเรื่องนี้กับที่บ้าน(ทั้งครอบครัวมีตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่) เมื่อมีฉากต่างๆที่ได้เล่าไปก่อนแล้ว จะได้ยินคุณแม่สอนน้องและหลานเรื่อยๆ เลยเก็บมาเล่าให้ฟังว่าละครเรื่องนี้ไม่ได้แต่จะตลก ขำ ฮา จิ้นกรี้ดกับบทสวีทเท่านั้นยังแทรกข้อคิดดีๆไว้ด้วย
ปล.เราจำได้คร่าวๆประมาณนี้อาจมีตกหล่น ใช้คำพูดงงๆไปบ้างเพราะเราเอามาเล่าต่ออ่ะ ใครมีข้อคิดดีๆที่ได้จากเรื่องนี้มาคุยหรือแชร์กันได้นะคะ
จากคุณ |
:
jaijay
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ต.ค. 55 23:40:32
|
|
|
|