ความคิดเห็นที่ 1 ขอเริ่มที่ครอบครัวแรก ครอบครัวของมุตตา และ มุนินทร์  สองสาวฝาแฝด ที่ถูกแม่เลี้ยงดูด้วยการเปรียบเทียบ และกลายเป็นยั่วยุให้อิจฉาซึ่งกันและกันโดยตัวเองไม่ตั้งใจอยู่ตลอดเวลา  เด็กแต่ละคนนั้น ไม่ได้ต้องการแค่ความรักจากพ่อแม่ แต่ต้องการ “การยอมรับ” ต้องการมีตัวตนในบ้าน ต้องการเป็นที่ชื่นชม รักใคร่ เห็นค่า เห็นความสำคัญ  ถ้าคำพูด คำสอนของแม่ที่ออกมาจากปาก มีแต่คำบ่นว่า คำเปรียบเทียบว่าคนอื่นดีกว่าอยู่ตลอดเวลา ย่อมไม่มีเด็กคนใดมีความสุข หรือมีกำลังใจจะทำสิ่งต่างๆในทางบวก   เผอิญว่า มุนินทร์นั้นเป็นเด็กที่ชอบเอาชนะ จึงนำเอาคำบ่นว่าของแม่เป็นพลัง แต่ก็เป็นพลังลบ เพราะถึงมุนินทร์จะประสบความสำเร็จในด้านการเรียน หน้าที่การงาน แต่สิ่งที่มุนินทร์ขาดมากๆ คือ ความอ่อนโยนในจิตใจ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เพราะมุนนินทร์ รู้จักแต่การเอาชนะ การต่อสู้ให้ได้มาซึ่งการยอมรับ  มุนินทร์จึงเป็นผู้หญิงที่แข็งกระด้าง ชอบเผชิญปัญหาด้วยวิธีการตาต่อตา ฟันต่อฟัน สู้กันจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง  กว่ามุนินทร์จะรู้สึกตัวว่า กำลังเดินทางผิด ก็เกือบสายไปเสียแล้ว ในขณะเดียวกัน มุตตา  ผู้ที่วางสถานภาพตนเองมาตั้งแต่เด็กให้เป็นเด็กอ่อนหวาน เรียบร้อย เชื่อฟังพ่อแม่ เพราะมุตตาเรียนรู้ว่า ทำแบบนี้แล้วแม่จะรัก แม่จะเข้าข้าง มุตตาจะมีคุณค่าในสายตาแม่  มุตตาจึงเชื่อมาตลอดว่า ตนเองนั้น เหนือกว่ามุนินทร์ แม้ว่าจะเรียนไม่เก่ง ทำอะไรไม่เป็น ก็เป็นเด็กดีแล้วกัน  แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อถึงเวลาที่ต้องเป็นผู้ใหญ่ มุตตาจึงค้นพบว่า การเป็นเพียงแค่เด็กดี อยู่ในโอวาท ไม่สามารถอยู่ในสังคมจริงๆที่วันหนึ่งต้องพึ่งพาตนเองได้  มุตตาจึงรู้สึกเคว้งคว้าง  ยิ่งมาเจอเหตุการณ์พลิกผันที่ทำให้ตนเองกลายสภาพเป็นลูกชัง(ในความคิดของมุตตา) ก็ยิ่งเกิดความกดดัน  อยากจะหนีไปจากบ้าน  มุตตาจึงเอาแต่วาดวิมานในอากาศ ฝันไปถึงอนาคตข้างหน้าว่า จะสวยสดงดงาม เพราะมุตตาไม่เคยเผชิญโลกจริงในสภาพที่มันเป็น มุตตามีแต่โลกของความฝัน และบ้าน  เมื่อมุตตาลงมาทำงานที่กรุงเทพฯจึงตกเป็นเหยื่อของผู้ชายอย่าง ผอ.เจนภพได้ไม่ยาก ในครอบครัวของมุนินทร์และมุตตา ยังมีแม่ซึ่งดูเหมือนหลายคนมองว่าเป็นผู้ร้ายของครอบครัวนี้เพียงคนเดียว แต่เราไม่คิดอย่างนั้น เรามองว่า ทั้งพ่อและแม่ ต่างก็มีส่วนรับผิดชอบกับความผิดพลาดนี้  แม่พิณเป็นหญิงชาวบ้าน ซึ่งดูจากคำพูดคำจาก็น่าจะขาดการศึกษาอบรมที่ดี ทำให้เธอเลี้ยงดูลูกแบบผิดๆ คิดแต่ว่าอยากให้ลูกได้ดี มีหน้าที่การงาน มีฐานะ มีหน้ามีตา แต่แม่พิณลืมมองศักยภาพของลูกแต่ละคน แม่พิณ นอกจากไม่ได้ส่งเสริมลูกให้ไปตามทางที่ลูกอยากจะไป และอยากจะเป็น  ยังพร่ำเปรียบเทียบความเก่ง ความดีของคนหนึ่ง ให้อีกคนหนึ่งฟัง  ซึ่งตรงนี้ ชอบอกพ่อแม่ทั้งหลายไว้เลยว่า เป็นสิ่งต้องห้ามที่สุดในการสั่งสอนลูก  อย่าเอาลูกของเราไปเปรียบเทียบกับใครเด็ดขาด แม้ว่าคนที่เปรียบเทียบด้วยจะเป็นพี่น้องในครอบครัวเดียวกันก็ตาม  ไม่มีเด็กคนใดอยากจะถูกเปรียบเทียบ ถ้าเขาไม่ดี ก็ให้ตำหนิหรืออธิบายที่การกระทำของเขา  หรือสอนว่า ควรทำอย่างไร แต่ไม่ต้องยกใครหรืออะไรใกล้ตัวมาเชิดชู ยกย่องให้เขาดูเด็ดขาด เพราะนั่นคือ การเหยียบลูกตัวเองให้จมดินโดยที่ตัวคุณไม่รู้ตัว นอกจากแม่พิณ ผู้ซึ่งขาดวิธีการสั่งสอนอบรมลูกที่ถูกต้องแล้ว พ่อแปลก ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ขาด พ่อแปลกขาดความเป็นผู้นำ ขาดความเด็ดขาด  หลายๆครั้ง เราเห็นพ่อแปลกมีทีท่าไม่ค่อยพอใจกับการสั่งสอนของแม่พิณ แต่ความไม่เด็ดขาดของพ่อแปลก ก็ปล่อยให้แม่พิณทำเช่นนั้นต่อไป หากพ่อแปลกจะกล้ากว่านี้ หากหลายๆเหตุการณ์ พ่อแปลกจะเข้าไปมีส่วนร่วมและแสดงความเป็นผู้นำครอบครัวมากกว่านี้  ความสัมพันธ์ระหว่างมุนินทร์กับมุตตาก็ไม่น่าจะแตกร้าวและรุนแรงเท่าที่เป็นอยู่ จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 19:54:02

ความคิดเห็นที่ 2 ครอบครัวที่สอง ครอบครัวของ ผอ.เจนภพ กับ นพนภา  ครอบครัวนี้ ต้องบอกว่า ผิดพลาดตั้งแต่จุดเริ่มต้น ตรงนี้เป็นตัวอย่างที่ดีในสังคมปัจจุบันที่วัยรุ่นมักมีความรัก และมีความสัมพันธ์กันอย่างเลยเถิด หลายๆคู่เผลอไผลจนฝ่ายหญิงตั้งท้อง หากไม่เลือกการทำแท้ง ซึ่งบาปมหันต์   ฝ่ายหญิงก็ต้องลาออกจากการศึกษากลางคันเพื่อมาคลอดลูก บางคนกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือยกลูกให้ญาติตัวเองเลี้ยงเป็นลูกแทน  ที่โชคดีหน่อยก็ได้ตบแต่งกันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างเจนภพกับนพนภา  แต่ความโชคดีไม่ได้มีตลอดไป เพราะชีวิตรักไม่ได้จบลงแค่การแต่งงาน ในเมื่อจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ เหมือนอยู่ในสภาพกึ่งจำยอมแล้วนั้น ความมั่นคงในจิตใจย่อมหาได้ยาก  ตามบท เจนภพเป็นชายหนุ่มมีชาติตระกูลดี แม้ฐานะจะไม่ร่ำรวย แต่ด้วยโปรไฟล์ก็สามารถตอบสนองความต้องการของครอบครัวเศรษฐีใหม่อย่างนพนภาไม่ยาก  สิ่งที่เจนภพขาด คือ การยอมรับนับถือจากคนในครอบครัว ทั้งภรรยากับลูกๆ และขาดความเป็นผู้นำครอบครัว เจนภพกลายเป็นตัวอะไรสักตัวหนึ่งในบ้าน เหมือนเครื่องลายครามเก่าแก่หรูหรา มีไว้ตั้งโชว์อวดแขก แต่ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เมื่อครอบครัวเกิดปัญหา เจนภพก็ไม่สามารถประคับประคอง หรือเลือกที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว  เจนภพ กลับเลือกที่จะเอาตัวรอดพอให้ผ่านไปแต่ละครั้ง   และเมื่อเจนภพได้มาพบกับมุตตา  เมื่อแรกๆนั้น เจนภพก็เพียงแค่ทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด ใช้ความกะล่อนกับวาจาเล่นลิ้น หลอกมุตตาไปวันๆ  แต่เมื่อเจนภพได้ตระหนักถึงความรัก ความชื่นชมที่มุตตามีให้ตนนั้น เจนภพก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้เติมเต็มสิ่งที่ขาด เจนภพกลายเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของมุตตา  สำหรับผู้ชายที่มีฐานะเป็นตัวอะไรไม่รู้ในบ้านอย่างเจนภพ ย่อมไม่ยอมตัดมุตตาออกจากชีวิตง่ายๆ และถึงแม้เจนภพจะไม่คิดหย่าขาดจากนพนภา  แต่ลึกๆแล้วเจนภพก็รู้สึกพอใจและอยากที่จะได้อยู่กับมุตตา นอกเหนือจากแค่ความสัมพันธ์ทางเพศ จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 19:55:17

ความคิดเห็นที่ 3 คนต่อมา คือ นพนภา เธอเป็นผู้หญิงเก่ง ทั้งๆที่เธอเรียนไม่จบ ก็สามารถตะเกียกตะกายทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ มีฐานะร่ำรวย  แต่สิ่งที่นพนภาขาด คือ จริยธรรม และความเห็นอกเห็นใจคนอื่น   นพนภายึดตนเองเป็นศูนย์กลางโลก เธออยากได้อะไรต้องได้ และด้วยความเก่งกาจของเธอ เธอก็ได้มาเสมอๆ เธอจึงไม่เห็นหัวใคร ไม่ให้เกียรติใคร ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่เธอต้องการ เธอพอใจ จึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  แม้ว่าวิธีการที่จะได้มาอาจจะเลวร้ายหรือสกปรกสักเพียงใด เธอก็ไม่แคร์ คนอย่างนพนภานี้ เห็นได้มากขึ้นเรื่อยๆในสังคมที่เป็นวัตถุนิยมเช่นกัน  สังคมที่ตีราคา ประเมินค่าที่เปลือกนอก ทั้งรูปลักษณ์ ฐานะ สถานภาพในสังคม แต่ไม่สนใจว่าจิตใจเบื้องลึกจะเลวเพียงใด  ขอให้ยังประโยชน์ให้ได้ ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนดี  แต่ด้านมืดของนพนภานั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่ย้อนไปทำร้ายครอบครัวของเธอเอง  การไม่ให้เกียรติสามี  ความฝังใจอยู่กับปมปัญหาเดิมๆ ทำให้เธอมีอคติ มองสามีด้วยสายตาจับผิดอยู่ตลอดเวลา  เราเชื่อว่า สำหรับเจนภพนั้น เมื่อทำหรือไม่ทำ ก็ถูกจ้องจับผิดว่าทำ ก็สู้ทำเสียดีกว่า แล้วหาทางเอาตัวรอดตามวิสัยในภายหลัง  เจนภพกับนพนภา จึงกลายสภาพเป็นเหมือนหนูกับแมว ไล่จับกันอยู่ตลอด  แต่นั่นไม่เลวร้ายเท่าการสั่งสอนลูกๆของเธอ ด้วยธุรกิจรัดตัว แล้วยังต้องคอยตามประกบ ตรวจสอบสามี  เธอก็แทบไม่มีเวลาดูแลลูกๆ  แต่เมื่อถึงเวลาสั่งสอนลูก เธอก็ตั้งแง่ อคติกับลูกสาวคนโตอยู่ตลอดเวลา และคอยเปรียบเทียบลูกชายว่าเลอเลิศ เป็นเด็กดีน่ารักของแม่  ซึ่งแทบไม่ต่างอะไรกับชาวบ้านอย่างแม่พิณ ต้องจึงกลายเป็นเด็กมีปัญหาอย่างไม่น่าสงสัย  นพนภาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่รักต้อง อาจเพราะว่ารู้สึกตลอดเวลาว่าต้องเป็นตัวทำลายอนาคตของตนเอง  นพนภาไม่เคยลืมความผิดพลาด แต่เธอลืมไปว่า ความผิดนั้นไม่ได้อยู่ที่เด็ก แต่อยู่ที่เธอเองต่างหาก  การโยนความผิดให้เด็กจึงไม่ใช่เรื่องที่ดี   ในขณะเดียวกัน ต่อก็ได้รับการดูแล พะเน้าพะนอ เอาอกเอาใจอย่างสุดขั้วจากนพนภา  สภาพต่อจึงเหมือนมุตตาตอนเด็กๆ ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าต่อรู้จักคิด และประคองตนเองไปได้  แต่ที่เป็นปัญหา คือ นพนภามักจะระบายความเลวร้ายของเจนภพให้ต่อฟังเป็นประจำ  นพนภาได้ปลูกฝังความเกลียดฃังพ่อ เกลียดผู้ชายให้กับต่อโดยไม่รู้ตัว  และในทีสุด ต่อก็กลายเป็นเพศที่สาม เพราะต่อเกลียดพฤติกรรมเจ้าชู้ของพ่อ เกลียดความเป็นผู้ชายในตัวพ่อ จึงปฏิเสธความเป็นผู้ชายในตัวเอง ส่วนน้องคนสุดท้อง คือ ต้อมนั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย ให้โตมากับโทรทัศน์ ต้อมขาดการดูแลเอาใจใส่ การอบรมด้วยความรัก และการประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดีจากพ่อแม่ ต้อมจึงกลายเป็นเด็กแก่แดด พูดจาหยาบคาย ไม่รู้จักกาลเทศะ  จริงอยู่ว่า เด็กหลายคนอาจรู้จักคิด รู้จักแยกแยะว่า อะไรเป็นสิ่งที่ควร หรือไม่ควร  แต่เด็กอีกหลายคนก็อาจจะไม่ เด็กผู้หญิงบางคนอยากเป็นสาวเร็วๆ อยากมีแฟน อยากมีความรัก ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากเลียนแบบพฤติกรรมจากตัวอย่างในทีวี นอกจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแล้ว ทีวียังบ่มเพาะนิสัยนิยมความรุนแรง  การตัดสินปัญหาเน้นสะใจและบันเทิงมากกว่าเหตุผล ลงในตัวเด็กอีกด้วย  ซึ่งสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่หลายๆบ้านไม่ทันได้ระวัง ไม่ทันได้คิดว่า ทีวีในบ้านมันคือยาพิษสำหรับเด็กๆที่จะค่อยๆออกฤทธิ์ทีละเล็กทีละน้อย และใช้เวลาในการแสดงผลเป็นระยะหลายปี มันจึงถูกละเลย ย่ามใจ จนเมื่อเด็กโตเป็นวัยรุ่น และแสดงอาการแปลกๆนั่นแหละ พ่อแม่ถึงจะรู้ และเชื่อได้เลยว่า บางคนก็ยังไม่รู้ตัวอีกนั่นแหละว่าเกิดจากการเลี้ยงลูกด้วยทีวีมาตั้งแต่เด็ก จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 19:56:38

ความคิดเห็นที่ 4 ครอบครัวที่สาม คือ ครอบครัวของคุณนภางค์  แม่ของนพนภา และ เนตรนภิส  คุณนภางค์ ก็ไม่ต่างอะไรกับสองครอบครัวแรก เลี้ยงลูกด้วยคำพูดเปรียบเทียบอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ผลของมันเลวร้ายกว่าใครเพื่อน เพราะเนตรนภิสกลายเป็นคนขี้อิจฉาริษยาอย่างรุนแรง อิจฉาถึงขั้นที่ว่า พร้อมจะทำลายพี่สาวของตัวเองให้ย่อยยับลงไปกับมือได้  ซึ่งไม่น่าเชื่อจริงๆว่าจะมีคนแบบนี้ในโลก จริงๆแล้ว ตัวละครอย่างเนตรนภิส เป็นตัวละครที่เราไม่เชื่อมากที่สุดในเรื่องนี้  เราไม่คิดว่าในชีวิตจริงจะมีน้องสาวที่จ้องจะทำร้ายและทำลายพี่สาวแท้ๆของตัวเองได้มากเท่าเนตรนภิส แต่ก็ไม่แน่กระมัง จะเห็นว่า ทั้งสามครอบครัวนี้ มีจุดที่เหมือนกันอย่างมาก คือ การเลี้ยงดูลูกแบบเปรียบเทียบ ซึ่งกลายเป็นปมหลักที่นำมาสู่ปัญหาขัดแย้ง และการทำร้ายซึ่งกันและกัน ทั้งทางตรงและทางอ้อม  ละครเรื่องนี้จึงน่าจะเป็นอุธาหรณ์ที่ดีสำหรับพ่อแม่ทั้งหลายในประเด็นนี้ว่า ทุกครั้งที่ต้องการจะสั่งสอนอบรม ว่ากล่าวตักเตือนลูก  ขอให้พึงตระหนักไว้ว่า คำพูดของพ่อแม่นั้น เป็นได้ทั้งน้ำมนต์ พร่างพรมให้ความชุ่มชื้นในจิตใจแก่ลูก  และเป็นได้ทั้งน้ำกรด ที่ซัดสาด กัดกร่อนจิตใจลูกได้เช่นกัน จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 20:02:33

ความคิดเห็นที่ 5 ขอพักยกชั่วคราว ไปดูละครต่อก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาต่อในประเด็นอื่นของตัวละครรองๆ โดยเฉพาะ หนูนก ค่ะ จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 20:03:15

ความคิดเห็นที่ 6 วิเคราะห์ได้แจ่มแจ๋ว ตรงใจเรามากค่ะ สมเป็นคุณกุ๊กกลาง เราตามมาหลายกระทู้แล้ว :) จากคุณ : keylime เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 20:10:10

ความคิดเห็นที่ 7 โหวตให้และนะคะ... :) จากคุณ : แสงดาวฝั่งตะวันออก เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 20:24:29

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านแล้วคิดต่อทันทีว่า เราเอาลูกเปรียบเทียบกันกี่ครั้งแล้วหนอ โหวต ทันที กับการเตือนสติอันมีค่ายิ่ง ขอบคุณค่ะ จากคุณ : sivalee เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 21:03:47

ความคิดเห็นที่ 10 มาต่อนะคะ ประเด็นอีกประเด็นหนึ่งที่สังเกตได้จากละครเรื่องนี้ คือ ไม่มีผู้ชายคนไหนในเรื่องนี้ที่มีความเป็นผู้ชาย เป็นผู้นำที่ดีเลยสักคน ไล่เรียงตั้งแต่ พ่อแปลก เจนภพ ไปจนถึงวีกิจ ก็ล้วนแต่เป็นผู้ชายที่ไม่เป็นผู้นำทั้งนั้น ส่วนที่เหลือ ไม่เป็นเกย์ เป็นตุ๊ด ก็เลวเกินกว่าจะเป็นผู้นำที่ดี วีกิจ พระเอกของเรื่อง ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีสีขาวมากที่สุด แต่วีกิจเป็นผู้ชายอ่อนโยนที่ค่อนไปทางอ่อนแอ วีกิจได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากแม่ ที่ดูเหมือนจะดีเกินไป ทำให้วีกิจไม่ค่อยเป็นผู้ชายเท่าไรนัก เพียงแต่ไม่ได้ชอบเพศเดียวกันเท่านั้น ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าวีกิจไม่ดีนะคะ แต่หมายถึงว่าวีกิจดีเกินไปจนอาจจะไม่ทันคน อดคิดไม่ได้ว่า หากมุนินทร์มีตัวตนจริงๆในโลกคงจะร้ายกว่าในละคร และวีกิจก็คงตกเป็นเหยื่ออย่างแน่นอน เพราะหากผู้หญิงอย่างมุนินทร์คิดจะจับผู้ชายอย่างวีกิจล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องยากเลย มีคนทำนายไว้ว่า โลกอนาคตจะมีผู้ชายที่เป็นผู้ชายจริงๆน้อยลงเรื่อยๆ เพราะสภาพสังคม ทำให้เด็กผู้ชายขาดโอกาสที่จะทำให้เรียนรู้และเติบโตอย่างชายแท้ ทั้งจากสภาพการเลี้ยงดูที่ขาดกิจกรรมโลดโผน สนุกสนานแบบเด็กชาย การได้เล่น ได้ฝึกการใช้ชีวิตเป็นกลุ่มกลางแจ้ง เช่น การเข้าป่า เด็กๆในปัจจุบันมีแต่เรียนกับเรียน ชีวิตรู้จักแต่บ้านกับโรงเรียน เด็กชายในปัจจุบัน จึงมีแต่กิจกรรมคบหาเพื่อน จับกลุ่มกันเอง ถ้าไม่เป็นตุ๊ดไปเลย ก็จะเป็นเด็กเรียนไปเลย ไม่งั้นก็เจ้าชู้ จีบหญิงบริหารเสน่ห์ไปเรื่อย อยากให้พ่อแม่ที่มีลูกชาย หันมาให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกให้เป็นผู้ชายจริงๆ มากกว่าจะเน้นแต่เรื่องแข่งกันเรี่องเรียนเพียงอย่างเดียว และลองคิดต่อเล่นๆว่า ต่อให้วีกิจลงเอยกับมุนินทร์จริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ใครจะเป็นคนนำ ใครจะเป็นคนตาม และหากว่าแต่งงานกันไปแล้ว วีกิจเกิดเจ้าชู้ขึ้นมา ภาพเจนภพกับนพนนภาก็จะซ้อนกลับเข้ามาทันที การที่เราเปรียบเทียบเช่นนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า หากผู้ชายไม่ทำตัวเป็นผู้นำครอบครัวในเวลาอันสมควร ภาพพ่อแม่ในใจลูกๆก็อาจถูกบิดเบือนไป อย่างที่ครอบครัวเจนภพเป็นเช่นกัน ฉะนั้น วีกิจควรจะเข้มแข็งขึ้นอีกนิด และมุนินทร์ควรจะหัดยอมมากขึ้นอีกหน่อย ไม่ต้องถึงกับเป็นช้างเท้าหน้าเท้าหลัง แต่ขอแค่ก้าวเดินไปด้วยกัน ก็จะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 22:19:02 จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 21:37:39

ความคิดเห็นที่ 11 น่าจะวิเคราะห์ครอบครัวหนูนกกับพี่ชายด้วยนะ /เค้าล้อเล่น คริคริ จากคุณ : คุณหนูแมวร้องบ๊อกๆ เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 21:46:05

ความคิดเห็นที่ 12 มาต่อกันที่หนูนก ตัวละครที่ร้ายลึก ถ้าละครเรื่องนี้เป็นแนวลึกลับ หนูนกนี่แหละ จะเป็นตัวละครที่ถูกเก็บไว้เฉลยตอนจบว่า เป็นตัวร้ายที่สุดในเรื่อง ความร้ายของหนูนก มาแบบสองเรื่องควบ เรื่องแรก คือการเป็นนกสองหัว เป็นคนที่หวานกับทุกคนที่อยู่ใกล้ คนแบบนี้ มีมากถึงมากที่สุดในสังคมไทย ที่ถือเรื่องหน้าตา มากกว่าความจริง เราจึงมักได้พบกับคำพูดหวานเหมือนเคลือบน้ำตาล ฉาบเป็นหน้ากากเข้าหา แต่ลับหลังแล้ว กลับร้ายกาจยิ่งกว่าคนที่พูดจาห้วนๆตรงไปตรงมา แต่อาจทำให้เรารู้สึกไม่ชอบใจ  แต่อยากให้ไตร่ตรองสักนิดนะคะ ระหว่างคำพูดที่อาจจะตรงจนระคายใจ กับคำหวาน แต่ซ่อนดาบไว้ข้างใน   ในปัจจุบัน กับสังคมรีบเร่งเช่นทุกวันนี้ บางทีเราก็รีบกับทุกอย่างในชีวิตอย่างที่ก็ไม่รู้ว่าจะรีบไปทำไม บางทีเราก็เลืิอกจะเชื่อคำพูดที่ทำให้เรารู้สึกดี มากกว่าจะไตร่ตรองหรือพิจารณาให่้้ถ่องแท้ก่อน หรือแม้แต่การส่งข้อมูล ภาพถ่าย คลิปต่อๆกันไป แล้วก็เชื่อทันที โดยหารู้ไม่ว่า เรากำลังกลายเป็นเหยื่อของคนอย่างหนูนกหรือเปล่า เรื่องที่สอง คือการเป็นนางนกต่อล่อผู้ชายให้ติดกับ เรื่องแบบนี้อาจเคยได้ยินมาบ้าง แต่อย่างที่เขียนในความเห็นเรื่องวีกิจ คือ ถ้าเราเลี้ยงลูกชายให้เป็นคนดี เราก็ต้องสอนให้เขาฉลาดทันคนด้วย ลูกสาวก็เช่นกัน ต้องสอนให้เขาดูคนให้ออกว่า คนที่เข้ามาทำดีกับเรานั้น ดีจริงๆหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 21:57:59 จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 21:55:38

ความคิดเห็นที่ 13 สุดท้าย ขอพูดถึงแก๊งค์กระเทยขายตรง ที่เห็นเรื่องของชาวบ้านเป็นงานของเรา ... พฤติกรรมของแก๊งค์กระเทย คือ การหาความบันเทิงจากเรื่องเลวร้าย หรือความทุกข์ของคนอื่น ทั้งวิพากษ์วิจารณ์ ถ่ายคลิป ฟอร์เวิร์ดต่ออย่างเมามันส์   อย่างที่มุนินทร์พูดในตอนเมื่อวานค่ะว่า มันก็นับได้ว่าเป็นการใช้ความรุนแรง เป็นการทำร้ายผู้อื่นทางอ้อม   พวกเราทั้งหลายอาจจะไม่ได้มีพฤติกรรมชัดเจนหรือตั้งหน้าตั้งตาจะหาเรื่องอย่างแก๊งค์นี้ แต่ก็คงมีบางขณะ บางเวลา ที่เราเผลอเมามันส์ไปกับข่าวกอสซิพ แบบเน้นดราม่า แต่ขาดสติไตร่ตรอง และขาดความยั้งคิดว่า กำลังทำร้ายเขาทางอ้อมอยู่หรือเปล่า บางครั้ง เราก็ไหลตามๆกันไปโดยที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงด้วยซ้ำ หากการดูละครเรื่องนี้ การได้เห็นจุดจบของแก๊งค์กระเทยทำให้เราได้สติมากขึ้น กับการดราม่า ตามน้ำ เชื่อและรุมด่าใครบางคน ทั้งที่เราอาจไม่รู้จัก แต่เขาคนนั้นตกเป็นจำเลยสังคม ก็ขอให้เราชะลอและวางใจเป็นกลาง หนักแน่นให้มากขึ้นน่าจะเป็นการดีอย่างมากค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 55 22:26:18 จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 22:07:13

ความคิดเห็นที่ 14 แจ่มครับ จากคุณ : HengKung เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 01:49:11

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบคุณกุ๊กกลางตั้งแต่มาลัยสามชายค่ะ วิเคราะห์ได้แจ่มมาก แต่ๆๆๆกิฟท์หมดค่ะติดไว้ก่อนนะ จากคุณ : หนูวาลี เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 08:22:48

ความคิดเห็นที่ 16 วิเคาระห์ได้ดีมาก  โดยเฉพาะวีกิจ  หายข้องใจแล้วว่าทำไมฝ่ายที่คัดเลือกตัวละครจึงเลือกเคน ภูภูมิ  มารับบทนี้  ขอบคุณมาก จากคุณ : dbugkris เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 09:15:07

ความคิดเห็นที่ 17 กิฟสุดท้ายของเดือน ขอมอบให้ท่าน จขกท. ขอรับ จากคุณ : Yuusai_Zombolt เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 09:24:43

ความคิดเห็นที่ 18 แจ่มมมมมมมมมมมมมมม พรุ่งนี้จะตามมาให้ กิฟ  เพราะหมดตั้งแต่กลางเดือนคร่า....... จากคุณ : Alin_Alin เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 18:13:40

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่า ที่ทุกคนแบบแบบนี้ เป็นเพราะว่า ฮวงจุ้ย ไม่ดี ฮวงจุ้ยคือทุกสิ่งรอบตัวเรา มันคือพลังรอบข้าง หากถูกเลี้ยงดูไม่ดี อยู่ในสถานที่ไม่ได้ ก็จะทำให้คนเราไม่ดีออกมาด้วย เหมือนคนตกน้ำคลำ ขึ้นมายังไงก็ต้องปนเปื้อน จากคุณ : เฉาฮ้อ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 23:55:47