 |
*เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์*
หากจินตนาการถึงภาพยนตร์ไซไฟที่คุ้นเคย เราอาจแบ่งพล็อตเรื่องภาพยนตร์ได้ไม่ยากนัก หากไม่ใช่การขึ้นพาหนะสำรวจความเร้นลับในจักรวาล ก็อาจเป็นไปเพื่อประกาศแสนยานุภาพของมนุษย์ที่คิดค้นเทคโนโลยีทันสมัย ดังเช่นเครื่องย้อนเวลาที่วาดฝันพรรณนาเปลี่ยนทั้งอดีตกาลและสร้างอนาคต แม้กระทั่งการผลิตหุ่นยนตร์แอนดรอยด์ก็นิยมเพื่อสำรวจสถานะของมนุษย์ผู้สร้าง หรือกระทั่งการสำรวจความเป็นมนุษย์ในหุ่นแอนดรอยด์เองก็มี โดยช่วงเวลานิยมของภาพยนตร์ไซไฟมักดำรงอยู่ในโลกอนาคตที่ปฎิทินยังเดินไปไม่ถึงในความเป็นจริงปัจจุบัน
เช่นเดียวกัน ภาพยนตร์ Looper ไม่ได้หลีกหนีจากที่กล่าวมาข้างต้นเลย โดยสิ่งที่จำเพาะเจาะจงลงไปนั้นจะอยู่บนโลกมนุษย์เพื่อตรวจสอบสภาวะสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปรวมถึงการใช้เครื่องมือย้อนเวลาทันสมัยที่นำพาให้มนุษย์สูงส่งมิดแกนโลกแต่กลับสร้างขอบเขตจำกัดด้านความเป็นมนุษย์ให้ลดน้อยถอยลงไปในสภาวะที่ตัวเลขปฎิทินรุดหน้าไปเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด
กระนั้นก็ดีทำให้เห็นว่าภาพยนตร์ Looper ไม่ได้แหวกแนวแตกต่างจากภาพยนตร์ไซไฟที่เคยพบเห็นกันก่อนหน้าสักเท่าไหร่ เพราะสภาพโลกมนุษย์ในภาพยนตร์ Looper นั้นมีความทับซ้อนคล้ายคลึงไม่ต่างจาก Blade Runner (1982), Total Recall (1990)(2012) ฯลฯ ซึ่งเป็นโลกอนาคตแบบดิสโทเปีย(Dsytopia) ที่มีต้นกำเนิดมาจากมันสมองนักเขียนนิยายไซไฟสุดล้ำนาม ฟิลิป เคดิค แสดงให้เห็นว่า ภาพยนตร์ Looper เป็นเพียงหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ต่อยอดแตกความมาจากโลกดิสโทเปีย ของ เคดิค นั่นเอง
แต่การกล่าวเปิดหัวเช่นนี้ไม่ได้ต้องการดิสเครดิตผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน แต่อย่างใด เพราะหากศึกษาเข้าไปในตัวงานของจอห์นสัน ซึ่งมีผลงานย่อมๆเพียง 2 เรื่องก่อนหน้า (Brick 2005,The Brother Bloom 2008) ยิ่งทำให้เห็นและค้นพบว่าตัวเขานั้นมีตัวตนและเอกลักษณ์การทำภาพยนตร์ในรูปแบบทรงใด กล่าวกันอย่างฉับไว ไรอัน จอห์นสัน เป็นผู้กำกับที่ชอบล่วงลึกศึกษาภาพยนตร์ในแนวทางที่เขาต้องการจะทำโดยกลับไปค้นหาต้นตอและวิธีการของรูปแบบในตระกูลภาพยนตร์นั้นๆ เพื่อสร้างความผันแปรให้กับความคาดหวังของผู้ชมในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้กลายเป็นงานที่มีเอกลักษณ์ลายเซ็นของเขาติดผสมกลมกลืนกับความเป็นหนังคลาสสิคที่สามารถเดจาวูขึ้นมาหลังจากชมภาพยนตร์ของเขานั่นเอง
เช่นนั้นทำให้ภาพยนตร์ Looper ของเขา มีกลิ่นอายทั้งภาพยนตร์ที่สำรวจหมวดเหมาะมนุษย์ในโลกอนาคต ดังงานของ เคดิค ที่กล่าวไปแล้วข้างต้น กับการยอกย้อนทฤษฎีท่องเวลาที่เคยประสพพบมาจากเรื่อง Back to future(1985),The Terminator(1985),12 monkeys(1995) หรือแม้กระทั่งล่าสุดอย่าง Soure code(2011) ฯลฯ ด้วยวิธีคิดเช่นนี้ทำให้ภาพยนตร์ Looper สามารถสร้างสิ่งพิเศษในความคลาสสิคของหนังไซไฟหลากหลายแนว ที่ทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมาใหม่ได้อย่างลงตัว
--มีต่อ--
จากคุณ |
:
A-Bellamy
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ต.ค. 55 22:07:22
|
|
|
|  |