 |
หมาป่าคนพ่อไม่มีชื่อครับ :)
[Spoil]
- ประทับใจ + ดูแล้วอบอุ่นที่สุดในบรรดาหนังการ์ตูนของปีนี้เลย
- ชอบวิธีการใช้ฝนมาประกอบตัวหนังมากๆ ฉากที่พ่อของทั้งคู่ตาย เสียงฝนตกหนักมาก แล้วจู่ๆ ก็ตัดฉาก... เงียบ อารมณ์คนดูแบบ แมร่งงงงงง T______T
- ฉากที่อาเมะจะเดินออกไปจากบ้าน แล้วฮานะห้ามไว้ อาเมะไม่ตอบอะไร มีแต่เสียงฝนที่ดังขึ้น
- การใช้เสียงเพลง ความดัง-ค่อย ไปกับฉากและอารมณ์ได้ดีมากๆ
- อาเมะเหมือนทำตัวงี่เง่าไปหน่อย แต่ถ้าไปนึกถึงปัจจัยด้านร่างกาย + สภาพแวดล้อมของเค้าแล้วก็เป็นเด็กที่น่าสงสารมากๆ เหมือนกัน ทางเดียวที่เค้าจะเข้มแข็งได้มีอยู่ทางเดียว
- "แม่ครับ ผมไม่อยากเป็นหมาป่า" ----> T_____________T
- บางคนบอกว่าไม่มี Climax ชัดๆ แต่ก็เหมือนอนิเมฉบับหนังโรงหลายๆ เรื่องก่อนหน้านี้นะ
- ดูจบแล้วรู้สึกเหงาๆ หน่อยๆ (แต่สำหรับผมไม่หน่อย ฮ่าๆ) หนังยาวเกือบสองชั่วโมง แต่ใช้เวลาได้คุ้มค่ามากๆ ดูจบแล้วก็ยังคิดถึงหมาป่าน้อยทั้งสองอยู่ดี
- ใช้ฉากนิ่งๆ บ่อยอยู่ แอบหลอกให้คนดูคิดไปก่อน แล้วก็ตัดเอาดื้อๆ เปลี่ยนอารมณ์ไม่ค่อยทัน (ทีแรกผมนึกว่าอาเมะจะไปตั้งแต่ตอนตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนแล้ว orz)
- เห็นฉากที่พี่สาวมองน้องแม่โอ๋น้องอยู่บ่อยๆ แล้วจี๊ดๆ แฮะ แถมแช่ฉากด้วย =3=
- ดูเรื่องนี้ฟีลลิ่งเหมือนกำลังดูโตโตโระของมิยาซากิ ไม่ใช่ว่าทำมาเหมือนกันอะไรหรอก แต่ทั้งสองเรื่องนี้ดูแล้วสามารถจะสื่อและทำให้คนดูนึกถึงตัวตนของคนเขียนบทและกำกับได้เหมือนกัน แล้วก็เป็นเรื่องที่ผู้กำกับทั้งสองคนทำถึงประเด็นเรื่องแม่กับชีวิตของตัวเองด้วย ^^
- ชอบที่ฟังเพลงในเรื่องแล้ว recall ฉากที่เคยดูชัดมากๆ อย่างเพลงตอนที่ฮานะใช้ชีวิตคู่, เพลงตอนหมาน้อยสองตัววิ่งเล่นกลางหิมะ
- เพลงประกอบตอนฟังในโรงแล้ว ...อืม เรื่องนี้เพลงเฉยๆ แฮะ พอลองมาหาฟังแล้ว ...ขนลุกครับ หยุดฟังไม่ได้
- ดูจบ เดินออกมาฝนทำท่าจะตกทุกที -*-
เด็กๆ - ดูได้เพราะสนุก น่ารัก วัยรุ่น - จดจำประโยคสุดท้ายที่ฮานะพูดกับลูกเป็นครั้งสุดท้ายเอาไว้ แล้วกลับบ้านไปกอดแม่กันนะครับ คนเป็นพ่อแม่ - ดูแล้วควรนึกถึงสิ่งที่ฮานะตัดสินให้กับทางเดินของลูก
บทสัมภาษณ์ Hosoda Mamoru จากบอร์ดฝรั่งครับ
A journalist praised Hana for letting her kids make their choice and wondered how Hosoda's parents handled the news that he wanted to be an animator, given that it's not a well-regarded profession.
Hosoda said he was interested in the arts (be it drawing, live-action movies or anime) since he was quite young (in a 6th grade essay, he wrote that he wanted "to be a director like Miyazaki"). This was all quite foreign and a bit odd for his parents, but they encouraged him and did what they could to help him. Hosoda noted that he grew up in the region where Wolf Children is set, so, just like in the movie, he was far from everything.
He moved to Tokyo at age 18 and 'never really went back' home. Working on Wolf Children forced him to rediscover his home region.
"Hosoda said his parents always supported his choices and were proud of him, but when he reflects on it today, he suspects that, privately, they may have wanted him to return home and be an art teacher at the local school after his graduation from college. He had gone into animation instead. Hosoda said his parents accepted his choice, but it's only now that he realises what his parents might have wanted.
"Hosoda's mother died three years ago, shortly after he started working on Wolf Children. There were questions he wanted to ask her, about what it was like to bring him up but, unfortunately, he never got to."
จากคุณ |
:
Shinjitsu
|
เขียนเมื่อ |
:
11 พ.ย. 55 16:01:12
|
|
|
|
 |