Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[รับฝากมาลงอีกทีหนึ่ง + Spoil] รีวิวหนัง Wolf Children - ความเป็น "หมาป่า" ในตัวเรา ติดต่อทีมงาน

ออกตัวไว้ก่อนว่ารีวิวนี้ผมไม่ได้เขียนขึ้นเองนะครับ แต่เป็นรีวิวที่ทางคนใกล้ตัวของผมคนหนึ่งซึ่งชอบเรื่องนี้มากเขียนรีวิวขึ้นมาแบบชั่วข้ามคืน แล้วส่งมาให้ผมอ่านพร้อมขอให้ช่วยโพสลงที่พันทิพให้ด้วยเนื่องจากเจ้าตัวงานยุ่งมาก ไม่มีเวลาโพสหรือเข้ามาดูในพันทิพเท่าไหร่นัก

ว่าแล้วก็เชิญตามลงไปอ่านกันได้เลยครับ

เตือนล่วงหน้าเล็กน้อยว่ารีวิวอันนี้ค่อนข้างสปอยล์เนื้อหาอยู่พอสมควร ดังนั้น ท่านใดไม่อยากโดนสปอยล์ก็ข้ามรีวิวนี้ไปได้เลยนะครับ


ที่มา: เฟสบุ๊คของเจ้าตัวเองครับ

http://www.เฟสบุ๊ค.com/notes/nithina-preechathaveekid/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87-wolf-children-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2/480756678636104


===============================================


ไม่ได้ดูหนังมานาน เมื่อวานได้ไปดูเรื่อง Wolf Children หรือ Ookami Kodomo Ame to Yuki ("ลูกหมาป่า อาเมะและยูกิ" ...ชื่ออารมณ์เมาคลีหน่อยๆ =w=) ที่ลิโด้ (ปกติฉายสกาล่า แต่ศุกร์เสาร์นี้สกาล่ามีงานเลยย้านมาลิโด้แทนก่อนค่ะ) ปรากฏว่าเป็นหนังที่ถูกใจมาก และมีสัญลักษณ์ที่น่าสนใจมากมาย เรียกได้ว่าดูไปราวๆ กลางเรื่องก็เกิดอยากเขียนรีวิวหนังขึ้นมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยรีวิวหนังมาก่อนเลย

สิ่งที่ทำอยากดูในทีแรกคือ "หน้าหนัง" ล้วนๆ โปสเตอร์รูปหญิงสาวกลางทุ่งดอกไม้ อุ้มเด็กชายหญิงเล็กๆ ที่มีหูและหางอย่างหมาป่า เทรลเลอร์อะไรนั้นไม่ได้แตะก่อนเข้าโรงเลย แต่ผลที่ได้รับคือ เพราะได้ดูโดยไม่รู้อะไรมาก่อนเลย หนังเรื่องนี้จึง "สดใหม่" มากสำหรับเรา

อนึ่ง การรีวิวนี้เน้นไปที่ "แนวคิด" ของเรื่อง แน่นอนว่ามีการสปอยล์ แต่ก็จะพยายามบอกเล่าเท่าที่จำเป็นค่ะ มือใหม่หัดเขียนอาจจะมีอะไรบกพร่องไปบ้าง แนะนำได้นะคะ ^^a


เรื่องย่อ - ทุกสิ่งเริ่มจากความรัก

ฮานะ นักศึกษาสาวพบรักกับหนุ่มแปลกหน้าลึกลับคนหนึ่ง และตัดสินใจอยู่กินกับเขาแม้ว่าเธอจะได้รู้ความลับว่าเขาเป็นสายเลือดมนุษย์หมาป่า (แต่เราคิดว่าเรียก สมิงหมาป่า จะเข้ากว่าแฮะ...) ทั้งสองมีพยานรักสองคน เป็นลูกสาวคนโตชื่อ ยูกิ และลูกชายคนเล็กชื่อ อาเมะ ทว่าหลังจากอาเมะเกิดมาได้ไม่นาน ก็มีเหตุให้ฮานะต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง ซ้ำลักษณะผสมระหว่างมนุษย์กับหมาป่าของลูกๆ ทั้งสองยังทำให้พวกเขาใช้ชีวิตในเมืองได้ลำบาก ฮานะจึงตัดสินใจพาเด็กๆ ย้ายไปอยู่ในชนบท ที่ซึ่งอาเมะและยูกิเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับตัวเธอเอง


อารมณ์เรื่อง - หนังรัก ครอบครัว ชีวิตและความสัมพันธ์ในความเป็นแฟนตาซี

เรื่องราวทั้งหมดในหนังเป็นการเล่าย้อนโดยยูกิ ตั้งแต่พ่อแม่ของเธอพบกัน จนกระทั่งถึงจุดที่เธอกับอาเมะโตขึ้นและตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตน แม้ปัจจัยสำคัญที่ขับดันเรื่องราวจะเป็นมูลเหตุแฟนตาซีอย่างสายเลือดสมิงหมาป่า แนวคิดในหนังเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องของชีวิตและครอบครัวอย่างชัดเจน หนังเริ่มจากความรักของหนุ่มสาวในรุ่นพ่อแม่ แล้วจึงค่อยๆ ดำเนินเป็นความรักของแม่ที่มีต่อลูก การเกื้อกูลกันและกันในชุมชนชนบท การเติบโตของเด็ก การเรียนรู้ที่จะเข้ากับเพื่อน และความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับสัตว์อื่นๆ และธรรมชาติ

คำสำคัญคือ "ความสัมพันธ์"

ทั้งความสัมพันธ์ฉันคนรัก สามีภรรยา พี่น้อง เพื่อน เพื่อนบ้าน ไปจนถึง "เพื่อนร่วมโลก" และ "ผู้อาศัยในโลก"

ทั้งนี้ ยังรวมถึงความสัมพันธ์กับ "ความเป็นหมาป่า" ในตัวตนของเด็กๆ ทั้งสองด้วย


ความสัมพันธ์ฉันคนรัก - หากยอมรับได้ทุกสิ่ง...

เมื่อฮานะพบหนุ่มหมาป่า เขาคือคนแปลกแยกที่ไม่ยอมสุงสิงกับใครเนื่องจากความเป็นหมาป่าในตัว และใช้ชีวิตที่ยากลำบากกับการเก็บซ่อนด้านหมาป่านั้นเอาไว้ตลอด ทว่าฮานะยอมรับความเป็นหมาป่าของเขาได้ และเริ่มต้นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่ดูราวกับมีเพียงทั้งสองอยู่ในโลกใบนี้ การเล่าเรื่องของหนังช่วงนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และแสดงให้เห็นแต่ภาพของฮานะกับหนุ่มหมาป่าเพียงสองคน จนกระทั่งหนุ่มหมาป่าต้องจากไปเพราะสัญชาตญาณหมาป่าในตนเอง


รักของแม่ - ด้วยสองมือแม่นี้ที่สร้างโลก

หลังสามีจากไป ฮานะต้องรับมือกับยูกิวัยกำลังซน และอาเมะวัยทารกที่ร่างกายไม่แข็งแรงอย่างทรหด ทั้งในฐานะเด็กไม่รู้เดียงสา และเด็ก "ประหลาด" (ตามมาตรฐานคนปกติ) ที่อาจกลายร่างเป็นลูกหมาป่าเมื่อไรก็ได้

แต่ในความเป็นจริง การเลี้ยงเด็กเล็กๆ ที่ทั้งร้องไห้โยเย ฟังไม่รู้ภาษา แถมยังซนแสนซนถึงสองคนพร้อมกันก็คงจะไม่ต่างอะไรกับการดูแลลูกสมิงหมาป่านัก

ฮานะเสียสละหลายอย่างเพื่อลูกๆ ทั้งสอง เธอต้องดรอปเรียน (และคาดว่าคงจะลาออกจากมหาวิทยาลัยไปเลย) ย้ายจากอพาร์ตเมนต์ในเมืองมายังชนบทเพื่อให้ลูกๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างเสรีขึ้นโดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผย จากสาวนักศึกษาตัวเล็กๆ เธอผันตนเองไปเรียนรู้วิธีเลี้ยงลูก ปลูกพืชผักสวนครัว และสุดท้ายก็ทำงานเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวมถึงหน้าที่แม่ที่พยายามทำอย่างสุดความสามารถเช่นกัน


ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน - การช่วยเหลือเกื้อกูลและแบ่งปัน

นอกจากการเรียนรู้ที่จะเลี้ยงลูกแล้ว ฮานะยังต้องทำความรู้จักและเข้าหาเพื่อนบ้านในชนบทที่เธออาศัยอยู่ หลังจากพยายามปลูกพืชผลเองด้วยวิธีที่ศึกษาได้จากตำราแล้วล้มเหลว จนในที่สุดจึงสำเร็จได้ด้วยการแนะนำสั่งสอนจากลุงนิราซากิ ชาวไร่ปากร้ายจอมซึนแต่มากประสบการณ์ จนฮานะปลูกมันฝรั่งจำนวนมากได้และแบ่งปันแลกเปลี่ยนเป็นข้าวสาร ไข่ และผักต่างๆ กับชาวบ้านคนอื่นๆ เป็นตอนนั้นเองที่เธอค้นพบว่า เหตุใดนิราซากิจึงบังคับขู่เข็ญให้เธอปลูกมันฝรั่งเยอะเกินกว่าที่ตนกับลูกจะกินเพียงสามคน

แม้มูลเหตุที่ย้ายจากในเมืองจะเป็นการหลีกหนีผู้คนที่อาจล่วงรู้ความลับของยูกิกับอาเมะและพรากทั้งสองไป ฮานะก็ได้ตระหนักว่า หากจะใช้ชีวิตอยู่ เธอต้องผูกสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ในชุมชนเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน เพราะ มนุษย์ไม่อาจอยู่ได้โดยลำพัง


การสร้างมิตร - การปรับตัวเข้าหาคน/สิ่งรอบข้าง

เมื่อลูกๆ ของฮานะโตขึ้น พวกเขาก็พบว่าตนเองจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับสังคมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสังคมเมืองหรือสังคมของป่า

ยูกิผู้กระตือรือร้นแสนซน และดูเหมือนจะมีสัญชาตญาณหมาป่าในตัวสูงกว่าอาเมะในวัยเด็กได้เข้าโรงเรียนก่อน และพยายามปรับตนเองให้เข้ากับเพื่อนฝูงด้วยการเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวและรสนิยมของตน จากเด็กหญิงหมาป่าที่เก็บงูมาพันแขนในขณะที่เพื่อนๆ ร้อยมงกุฎดอกไม้ และสะสมซากสัตว์แห้งกับกระดูกสัตว์ขณะที่เพื่อนๆ สะสมเครื่องประดับและกิ๊บติดผม เด็กหญิงเปลี่ยนจากชุดสีแดงชมพู (สีโทนร้อนที่เป็นสัญลักษณ์ของสัญชาตญาณ) ที่ตนใส่ในวัยเด็ก (และแปลงร่างในชุดสีนั้นประจำ) มาเป็นกระโปรงสีน้ำเงินเข้มปักลายดอกไม้สีขาว (สีโทนเย็นขรึม สัญลักษณ์ของระเบียบและความอ่อนหวานแบบผู้หญิง) และพยายามใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์โดยไม่คืนร่างเป็นหมาป่า แม้แม่จะบอกเธอว่าจะแตกต่างเพื่อเป็นตัวของตัวเองก็ไม่ผิดแต่อย่างใด

เด็กหญิงเผชิญปัญหาเมื่อโซเฮย์ เด็กชายที่ย้ายมาใหม่ทักว่า เธอมีกลิ่นของสัตว์

ด้วยกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผย ยูกิพยายามหนีหน้าโซเฮย์ที่ตามตื๊อเธอ จนกระทั่งพลั้งมือใช้กรงเล็บหมาป่าฟาดเข้าที่หูของเขาเมื่อรู้สึกว่าถูกต้อนจนมุม

ถึงอย่างนั้น โซเฮย์ก็พูดปกป้องยูกิ และกลายมาเป็นเพื่อนที่ยอมรับความลับของเธอได้

อาจเป็นเพราะเขาเองก็มีความเป็น "หมาป่า" อยู่ในตัวเช่นกัน

โซเฮย์อาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคน และต่อมาแม่ของเขาก็แต่งงานใหม่

เมื่อทั้งสองติดอยู่ที่โรงเรียนซึ่งปิดไฟมืดสนิทเพียงสองคนในยามพายุ เด็กชายที่กำลังจะกลายเป็นเด็กหนุ่มบอกยูกิว่า จะออกไปใช้ชีวิตเป็น "หมาป่าเดียวดาย" และหางานเลี้ยงตัวเองในโลกของผู้ใหญ่

คงเพราะโซเฮย์เองก็มีความแปลกแยกจากคนรอบข้างในบางแง่ การเป็นหมาป่าในคราบเด็กผู้หญิงของยูกิจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับโซเฮย์ มิตรภาพของทั้งสองดำเนินต่อไปจวบจนเขาและเธอเรียนจบชั้นประถม

ขณะเดียวกัน อาเมะที่เคยอ่อนแอและเงียบขรึมผู้ตั้งคำถามว่า "ทำไมหมาป่าจึงต้องเป็นตัวร้ายที่ตายและถูกเกลียดชังอยู่ตลอด" ก็ผันตนเองไปเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของสัตว์และธรรมชาติ แทนที่จะเรียนรู้ชีวิตของมนุษย์ผ่านทางโรงเรียนเช่นเดียวกับพี่สาว เขามักจะหนีเรียนไปพบ "อาจารย์" จิ้งจอกชราผู้ดูแลป่าเขาในแถบนี้ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอ่านภูมิประเทศ ดินฟ้าอากาศ ไปจนถึงการล่าสัตว์


ความสัมพันธ์กับตนเอง - การเลือกทางชีวิต ความเป็น "หมาป่า" คือ...

ในช่วงท้ายของหนัง เส้นทางของสองพี่น้องที่ฮานะเลี้ยงดูมาได้แยกจากกัน ตามวิธีที่พวกเขาเลือกรับมือกับความเป็น "หมาป่า" ในตนเอง

ยูกิเลือกที่จะฝังความเป็นหมาป่านั้นไว้เพื่ออยู่ในสังคมมนุษย์ และเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมโดยไม่คิดกลายร่างกลับเป็นหมาป่าอีก

ส่วนอาเมะเลือกที่จะตอบรับต่อความเป็นหมาป่า ทิ้งความเป็นมนุษย์ กลายร่างเป็นหมาป่าเพื่อรับหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าเขาต่อจากอาจารย์ชรา

ไม่มีทางเลือกที่ผิดหรือถูกต้อง มีแต่ทางที่ผู้เลือก "สมัครใจ" ที่จะเลือกหรือไม่เท่านั้น

ฮานะอนุญาตให้ลูกๆ ได้เลือกเส้นทางชีวิตตามแต่พวกเขาปรารถนา ตามที่คุณพ่อหมาป่าบอกต่อเธอว่า "พวกเขาจะได้เป็นทุกอย่างตามที่พวกเขาต้องการ" เมื่อยูกิเพิ่งถือกำเนิด แม้ในทีแรกเธอจะลังเล ไม่เห็นด้วยและไม่สบายใจกับทางเลือกของอาเมะ ซึ่งตัดสินใจกลับสู่พงไพรด้วยวัยสิบขวบ แต่ร่างกายดูสูงใหญ่กว่านั้นตามสายเลือดหมาป่า

สิ่งที่น่าคิดคือ ความเป็น "หมาป่า" ในเรื่องนี้แสดงถึงสิ่งใด

หากนั่นคือความเป็นปัจเจก ก็น่าคิดอีกว่า ไม่มีทางเลยหรือที่พวกเขาจะรักษาทั้งสองด้านไว้ในตัวพร้อมกัน แต่กลับต้องเลือกเพียงฝังตัวตนส่วนหนึ่งไว้เพื่อกลมกลืนกับคนรอบข้างเหมือนยูกิ หรือปลีกวิเวกไปอยู่ในโลกที่ตนสามารถเป็นปัจเจกชนอย่างสมบูรณ์เช่นอาเมะ

และน่าคิดอีกว่า เพศที่แตกต่างกันของสองพี่น้อง สะท้อนปัจจัยทางสังคมบางอย่างที่ทำให้พวกเขาเลือกเส้นทางต่างกันหรือไม่ ในเมื่อยูกิที่เคยเป็นลูกหมาป่าซุกซนเลือกที่จะทำตัวอ่อนหวานเรียบร้อยแบบเด็กผู้หญิง ปรับตัวเข้ากับคนรอบข้าง ส่วนเด็กชายอย่างอาเมะที่เคยมีร่างกายอ่อนแอกว่าและติดแม่กลับเติบโตเข้มแข็งขึ้นด้วยการเรียนรู้ชีวิตของหมาป่า แยกห่างจากมนุษย์ด้วยรู้สึกว่า การเป็นหมาป่ามอบพลังอันฮึกเหิมและความสุขให้เขามากกว่า

หากการเป็นหมาป่าในสังคมมนุษย์คือความยากลำบาก การหวาดระแวงไม่อาจเปิดใจต่อใครด้วยกลัวความลับถูกเปิดเผย กลายเป็นที่รังเกียจหรือหวาดกลัว ความเป็นหมาป่าก็ไม่ใช่สิ่งดี...ใช่หรือไม่

ถึงอย่างนั้น ภาพของเด็กๆ ลูกหมาป่าที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานตามทุ่งหญ้าเขียวขจี และเนินเขาที่ขาวโพลนด้วยหิมะก่อนได้เรียนรู้การเข้าสังคมและเติบโต เปี่ยมชีวิตชีวาและอิสรเสรี ก็คงเป็นภาพที่ใครๆ หลายคนปรารถนา

บางที ความเป็น "หมาป่า" อาจสะท้อนถึงความเป็นเด็กที่สามารถวิ่งเล่นร่าเริงอย่างไร้กังวลนั้นเอง

หรือบางที มันอาจจะเป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปสำหรับคนทุกคนก็ได้

หนังจบลง ณ จุดที่เป็นการเริ่มต้นของเส้นทางที่สองพี่น้องเลือกเดิน โดยมีฮานะคอยเฝ้ามองและอวยพรให้พวกเขาเช่นเดียวกับคุณพ่อหมาป่า ทว่าชีวิตของสองพี่น้องหมาป่าในฐานะผู้ใหญ่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น


จุดประทับใจ - การถ่ายทอดที่ลื่นไหลลงตัว

หนังมีความยาวเกือบสองชั่วโมง แต่ขณะชมแทบไม่รู้สึกเลยว่า ยาวนานถึงเพียงนั้น

การดำเนินเรื่องอยู่ในจังหวะที่เหมาะสม แม้ช่วงเกี่ยวกับความรักของฮานะกับคุณพ่อหมาป่าที่เป็นการปูพื้นจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลอดเรื่องมีการแทรกมุกตลกจากความไร้เดียงสาของลูกหมาป่าทั้งสองเป็นระยะๆ ทำให้ไม่รู้สึกว่าความเป็นดราม่าของเนื้อหาเครียดหรือหนักจนเกินไป ดนตรีประกอบที่เน้นเสียงเปียโนให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสงบสุขที่เข้ากับภาพทิวทัศน์ของชนบทและธรรมชาติ

เรารู้สึกว่า จุดแข็งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือ ตัวละคร

ตัวละครหลักทั้งหลายมีบทบาทของตน และมีเสน่ห์ดึงดูดต่างๆ กันไป ทั้งคุณแม่สู้ชีวิตอย่างฮานะ คุณพ่อหมาป่าที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนผ่อนคลาย ยูกิที่ร่าเริงมีชีวิตชีวาในวัยเด็กและเป็นสาวน้อยเรียบร้อยเข้ากับคนง่ายในตอนโต อาเมะที่เป็นเด็กบอบบางน่าทะนุถนอม ก่อนจะกลายเป็นเด็กหนุ่มเงียบขรึมสุขุม ไปจนถึงลุงนิราซากิที่ปากร้ายแต่ใจดีกับฮานะ ตัวละครทุกตัวนำพาเรื่องราวไปในจุดที่ควรเป็นไปได้อย่างลงตัว

อย่างไรก็ดี ด้วยข้อจำกัดของความยาวหนังก็ยังมีบางจุดในเรื่องที่ชวนให้สงสัย หรือรู้สึกว่าบทบาทกับปฏิสัมพันธ์ของตัวละครบางตัวน่าจะมีจุดที่ควรขยายความมากกว่านี้ (เช่น ความขัดแย้งระหว่างยูกิกับอาเมะเกี่ยวกับทางเลือกของต่างฝ่าย) ถึงอย่างนั้นโดยรวมก็นับว่าหนังแจกจ่ายบทให้ตัวละครเพื่อนำไปสู่แนวคิดได้ดีมาก

Wolf Children เป็นหนังเกี่ยวกับเด็กและครอบครัวก็จริง แต่ก็มีประเด็นที่เด็กอายุต่ำกว่าสิบขวบอาจจะยังไม่เข้าใจ เช่นเรื่องของความตาย และการแปลกแยกของคนกับมนุษย์ รวมถึงมีฉากเรทอ่อนๆ ในช่วงต้น กลุ่มวัยที่เหมาะสมกับหนังน่าจะเป็นเด็กที่กำลังจะเข้าสู่วัยรุ่น (10 ขวบขึ้นไป)  ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวเช่นเดียวกับยูกิและอาเมะ วัยรุ่น ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ที่ผ่านช่วงปรับตัวหรือการสร้างครอบครัวมาแล้ว และเปิดมุมมองเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ในรูปแบบที่หลากหลาย ไปจนถึงความเป็น "หมาป่า" ในตัวของมนุษย์แต่ละคน กับทางเลือกที่แตกต่างกันไป

จากคุณ : Drake
เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 22:31:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com