นางิสะ คาโอรุ ในภาค 3.0
คาโอรุในภาคนี้จะเป็นนักบินที่ถูกเตรียมไว้สำหรับ Eva-13 ที่ต้องใช้นักบิน 2 คน โดยชินจิเห็นเขาครั้งแรกตอนที่กลับเข้ามายังฐานทัพ Nerv ในขณะที่คาโอรุกำลังเล่นเปียโนอยู่ ก่อนที่ชินจิจะได้รู้ในภายหลังว่าเขาจะต้องขับ Eva-13 คู่กับคาโอรุ ภายหลังจากที่ชินจิตกอยู่ในสภาพซึมเศร้าเนื่องจากได้รับรู้ความจริงว่าเรย์คนที่เขาพบนั้นเป็นคนละคนกับเรย์ที่เขาเคยช่วยเอาไว้ในเหตุการณ์ 3rd Impact คาโอรุก้ได้ฉวยโอกาสนี้เข้ามาใกล้ชิดกับชินจิโดยการสอนให้ชินจิเล่นเปียโนคู่กับเขา โดยเขาได้บอกเคล็ดลับในการเล่นเปียโนให้เก่งกับชินจิว่าต้องอาศัยการเล่นซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะได้เสียงที่เพราะถูกใจ (คำใบ้เรื่องการสร้างโลกใหม่ซ้ำไปซ้ำมา) คาโอรุยังได้พาชินจิไปดูสภาพของโลกในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจาก 3rd Impact ซึ่งสภาพเลวร้ายที่ได้เห็นก็ทำให้ชินจิตกอยู่ในสภาวะโศกเศร้าอีกครั้งจนปฏิเสธที่จะขึ้นขับ Eva-13 คาโอรุได้ถอดเอาปลอกคอติดระเบิดของชินจิออกมาใส่ไว้ที่คอของเขาเอง แล้วมอบความหวังกับชินจิว่า มีวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขโลกใหม่อีกครั้ง โดยการขับ Eva-13 ไปดึงเอาหอกลองกินุสและหอกแคสสิอุสที่ถูกปักเอาไว้บนร่างของลิลิธ ซึ่งหากชินจิสามารถทำได้สำเร็จก็จะสามารถไถ่บาปอันใหญ่หลวงที่เขาก่อเอาไว้ได้ ทำให้ชินจิไม่ลังเลที่จะขึ้นขับ Eva-13 อีกต่อไป
เมื่อชินจิกับคาโอรุไปถึงเทอร์มินัลด็อกม่า เขาก็พบร่างของลิลิธและ Eva Mk-6 ถูกหอกทั้ง 2 ปักอยู่ ซึ่งหน้าที่ของพวกเขาก็คือการดึงเอาหอกทั้ง 2 ออกมา แต่การจะใช้หอกทั้ง 2 เล่มนั้นจำเป็นต้องใช้วิญญาณ 2 ดวง อันเป็นสาเหตุที่ Eva-13 ต้องใช้ระบบนักบินคู่ แต่ในขณะที่ชินจิจะเริ่มทำการดึงหอกออกมา คาโอรุก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง หอกทั้ง 2 เล่มที่ควรจะเป็นหอกลองกินุสกับแคสสิอุส กลับมีหน้าตาเหมือนกันทุกประการ ความผิดปกตินี้ทำให้คาโอรุลังเลที่จะดึงหอกออกมา ทันใดนั้นอาสึกะกับมาริก็ได้มาถึงพร้อมกับยาน Wunder ทำให้ชินจิต้องทิ้งเรื่องการดึงหอกออกไปต่อสู้กับ Eva-02 และ 08 แทน ซึ่งตลอดการต่อสู้คาโอรุก็ได้เอาแต่ขบคิดเรื่องที่หอกมีรูปร่างเหมือนกันโดยไม่สนใจคำขอร้องให้ช่วยต่อสู้ของชินจิ จนในที่สุดเขาก็คิดได้จึงได้พยายามที่จะบอกให้ชินจิล้มเลิกความคิดที่จะดึงหอกออก แต่ชินจิกลับดึงหอกออกโดยไม่สนใจคำห้ามปรามนั้น ทำให้ร่างของลิลิธกลายสภาพเป็นของเหลวข้นสีแดงใสทันที ในขณะที่ Eva Mk-6 ก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง โดยเรย์ได้ขับ Eva Mk-9 เข้ามาตัดหัวของ Mk-6 ทิ้งจนมีร่างของเทวทูตปรากฏออกมาแทน อาสึกะเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจว่า เทวทูตตัวที่ 12 ยังมีชีวิตอยู่! เธอรีบพยายามกำจัดเทวทูตทิ้งทันทีโดยไม่สนคำเตือนของมาริที่เอ่ยว่า หากฆ่าเทวทูตตัวสุดท้ายไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรน่ากลัวออกมาอีกรึเปล่า
ทันใดนั้น Eva-13 ก็สูญเสียการควบคุม เนื่องจากคาโอรุที่เคยอยู่ในฐานะเทวทูตตัวที่ 1 (อดัม) ที่อยู่ในร่างมนุษย์ บัดนี้ได้ถูกลดขั้นกลายมาเป็นเทวทูตตัวที่ 13 แล้ว โดยปลอกคอที่คาโอรุใส่อยู่ก็ได้ระบุว่าเขามีรูปแบบเลือดสีฟ้า นี่คือสิ่งที่เก็นโดวางแผนเอาไว้โดยสลับเอาหอกลองกินุสเข้ามาแทนที่ทั้ง 2 เล่ม ซึ่งหมายความถึงการทำลายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น 4th Impact ได้อุบัติขึ้นแล้วด้วยน้ำมือของชินจิคนเดิม ชินจิที่ตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวังที่ตัวเองกลายเป็นต้นเหตุแห่งความพินาศของมวลมนุษยชาติอีกครั้ง ได้พยายามขอคำแนะนำจากคาโอรุ ซึ่งคาโอรุก็ได้บอกกับชินจิว่า ถึงแม้วิญญาณจะสูญสลายไป แต่ความปรารถนากับคำสาปก็จะยังคงอยู่บนโลกนี้ ความตั้งใจที่จะส่งผ่านไปยังโลกในรูปแบบข้อมูลก็จะเปลี่ยนแปลงไป สักวันหนึ่ง ตัวตนของเราเองก็คงจะถูกเขียนซ้ำใหม่อีกครั้งเช่นกัน ขอโทษนะ นี่คงไม่ใช่ความสุขที่นายปรารถนาหรอก...ผมจะปิดประตูแห่งกาฟเอง จากนั้นเพื่อเป็นการหยุดยั้ง 4th Impact คาโอรุก็ยอมปล่อยให้ร่างของตัวเองระเบิดไปต่อหน้าต่อตาของชินจิ อันเป็นเหตุทำให้ชินจิตกอยู่ในสภาพหมดอาลัยตายอยากโดยสิ้นเชิง