ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มด้วย อันดับ 10 กับหนังใหม่ แนวดราม่า ฟอร์มเต็งรางวัล อย่าง The Master ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของผู้กำกับเฉียดออสการ์(หลายหน!) พอล โธมัส แอนเดอร์สัน ที่ครั้งนี้ ผนึกกำลังกับนักแสดงดีกรีผ่านเวทีออสการ์หลากหลายคน มาเชือดเฉือนบทกัน กับเรื่องราวของชายหนุ่มผู้หวั่นไหวในชีวิต กำลังจะได้พบจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อได้พบกับชายทรงเสน่ห์บนเรือลำหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าลัทธิ และชักชวนชายหนุ่มเข้าสู่องค์กร กลายเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่อาจก่อเป็นสงครามประสาทระหว่างกันในวันข้างหน้า! ดูจากดีกรีผู้กำกับและนักแสดงแล้ว ก็น่าจะเรียกความสนใจจากคอหนังรางวัลได้ไม่น้อยทีเดียว แต่ในเมื่อหนังเข้าแบบน้อยโรง แถมยังเปิดตัวค่อนข้างไกลจากช่วงเทศกาลรางวัลเช่นนี้ ตัวเลขที่ออกมา คงหวังความตื่นเต้น(ในระดับจำกัดโรง)ได้ยากอยู่ซักหน่อย สุดสัปดาห์แรก หนังจึงเปิดตัวไปที่ 1 แสนบาท ถือว่าโอเคอยู่ ไม่มากไม่น้อยเท่าไหร่ สำหรับหนังจำกัดโรงซักเรื่อง (เข้าฉายเพียง 3 โรง ทำเงินเฉลี่ยต่อโรงไป 3 หมื่นกว่าบาท) และถือว่าเป็นหนังเต็งรางวัลเรื่องแรกๆ ของปีนี้ก็ว่าได้ ที่เข้าฉายในโรงบ้านเรา (ก่อนหน้านั้นที่โอกาสเยอะไม่แพ้กัน ก็คงจะเป็น Argo ของหนุ่มเบน แต่ขานั้นเปิดตัวในวงกว้างกว่าเยอะ แม้รายได้จะไม่พุ่งเท่าที่ควรตอนเปิดตัวก็ตาม ที่ 1.5 ล้านบาท) หากลองย้อนกลับไปดูสถานการณ์ของบรรดาหนังเต็งรางวัลปีก่อน ซึ่งเข้าฉายในบ้านเรา ก่อนช่วงเทศกาลรางวัลจะเริ่ม อย่างหนังพลังหญิง The Help ที่ได้กระแสทำเงินถล่มทลายในบ้านเกิด มาช่วยค่อนข้างเยอะ เปิดตัวน้อยกว่าที่ 2 โรง แต่ก็ทำเงินไปได้มากกว่า ที่ 3 แสนบาท หรือก่อนหน้าไปอีก ช่วงซัมเมอร์ฝรั่งโน่นเลยทีเดียว ก็คือดีกรีปาล์มทองคำ อย่าง The Tree of Life ที่ได้หนุ่ม แบรด พิตต์ มาเป็นจุดขายช่วยเรียกคนดูอีกแรง ก็ทำได้โอเคในระดับหนึ่ง เปิดตัวไปที่ 6 แสนบาท จาก 4 โรงฉาย ฝั่งเครดิตของผู้กำกับและนักแสดงนำ ก็ยังคงไม่หนีไปจากบรรดาหนังรางวัลซักเท่าไหร่ เริ่มจากผู้กำกับแอนเดอร์สัน ที่มีผลงานบนจอเงินเพียงแค่หยิบมี แต่ก็ต้องยอมรับว่า แต่ละเรื่องนั้นขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพ “คับแก้ว” ด้วยกันเกือบทั้งนั้น! เรื่องก่อนหน้าคงต้องย้อนกลับไปถึง 4 ปีที่แล้ว กับหนังเต็งออสการ์ในปีนั้น อย่าง There Will Be Blood ที่อาศัยอานิสงค์ออสการ์ เข้าฉายข้ามปี แม้จะเปิดตัวไปเพียงโรงเดียว แต่ทำเงินเท่าเรื่องล่าสุดซะงั้น ที่ 1 แสนบาท ฝั่งนักแสดง นำโดยพระเอกหนุ่ม โจควินท์ ฟินิกซ์ ที่สร้างข่าวรีไทร์ตัวเองไปพักนึง (เพื่อหนังเรื่องก่อนหน้า) การกลับมาครั้งนี้ ถือเป็นการมาในบ้านเราครั้งแรกในรอบ 4 ปีเลยทีเดียวเช่นกัน! ผลงานก่อนหน้าก็คือหนังดองข้ามปี อย่าง Reservation Road (ไม่ใช่หนังของหนุ่มลีโอกับสาวเคทนะครับ!) ที่หวังลุ้นพลังดราม่าของเหล่าดารานำ ดันไปถึงเวลารางวัล แต่หนังก็แป้กเกินคาด(ทั้งรายได้และรางวัล)จนถูกดองเค็มในหลายๆ ประเทศ บ้านเรากว่าจะด้เข้าฉายก็รอกันเกือบค่อนปี หนังจึงแทบหมดกระแส เปิดตัวโรงเดียวไปเพียง 3 หมื่นบาท หรือถัดไปอีก อย่าง We Own the Night ที่กระแสดีกว่าหน่อย ตรงที่ดารานำดังกว่า แต่มาบ้านเราก็ไม่ได้ดูดีขึ้นมามากเท่าไหร่ เพราะเปิดตัวไปเพียง 2 แสนบาท จาก 3 โรงฉาย ฟากนักแสดง ดีกรีออสการ์นำชายยอดเยี่ยม ฟิลลิปส์ ซีมัวร์ ฮอฟแมน ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหนังกลุ่มเต็งรางวัลทั้งหลาย จนไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นเขายังคงได้เข้าชิงรางวัลอยู่บ่อยๆ! เรื่องก่อนหน้าก็คือหนังการเมือง The Ides of March ของผู้กำกับจอร์จ คลูนี่ย์ ที่กระแสบนเวลาทีรางวัลอาจจะไม่แรงเท่าที่คิด เลยทำเงินในบ้านเราไปที่ 9 แสนบาท (แต่จาก 24 โรง) ถัดไปอีกไม่ไกลมาก ก็คือ อีกหนึ่งเต็งรางวัล อย่าง Moneyball ที่ทำเงินไปไม่น้อยในบ้านเกิด มาบ้านเรา หนังเบสบอลอาจจะดูขายยาก แต่พลังหนุ่มแบรด พิตต์(อีกแล้ว!) บวกกระแสชื่นชมจากบ้านเกิด ก็ช่วยให้หนังเปิดตัวไปได้ไม่เลวเลย ที่ 5 แสนบาท จาก 2 โรง ส่วนหนังที่ทำให้เขา คว้ารางวัลออสการ์ อย่าง Capote เก็บเงินในบ้านเรารวมไปที่ 6 แสนบาท ส่วนสาวเอมี่ อดัมส์ จริงๆ ก็ไม่ได้มีแค่กลุ่มหนังรางวัลเท่านั้นหรอกในช่วงนี้ เพียงแต่ว่าหนังที่ได้เข้ามาในบ้านเราของเธอ แทบจะมีแต่หนังหวังรางวัลเข้ามาติดๆ กันเลยก็ว่าได้! เรื่องก่อนหน้า ที่เข้าฉายไปช่วงต้นปีก่อน อย่าง The Fighter ที่เธอได้เข้าชิงออสการ์เช่นกัน ก็ทำได้ไม่เลว เปิดตัวก่อนช่วงประกาศผลออสการ์ไปเกือบเดือน ที่ 8 แสนบาท จาก 7 โรงฉาย หรือก่อนหน้านั้นอีก อย่าง Julie & Julia ที่เธอไม่ได้เข้าชิง แต่ส่งเจ้าป้า เมอรีล สตรีป ไปลุ้นแทน ถือว่ากระแสแรงไม่เบา เพราะเดินสายเก็บเงินไปค่อนข้างดี เปิดตัว 3 แสนบาท จาก 1 โรงฉาย โดยมีหนังตลาดสุดๆ มาคั่น อย่าง Night at the Museum: Battle of the Smithsonian ซึ่งเป็นหนังทำเงินสูงสุดของเธอในบ้านเรา เปิดตัวไปถึง 31.9 ล้านบาท กระแสในบ้านเราก็ค่อนข้างเป็นบวก ไม่ต่างไปจากในบ้านเกิดนัก แต่ในเมื่อไร้กระแสรางวัลมาช่วยดัน แถมแนวหนังเองก็ค่อนข้างขายยากอยู่แล้ว งานนี้ก็คงได้แต่พึ่งพลังคอหนังรางวัล มาช่วยอุดหนุนกันซักหน่อยแล้วล่ะครับ! แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 08:23:28 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:10:52

ความคิดเห็นที่ 2 ยังคงอยู่ในกลุ่มหนังใหม่เช่นกัน เปิดตัวเข้ามาใน อันดับ 9 กับหนังเอเชียย้อนยุค The Four หนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ กอร์ดอน ชาน ที่ได้สาวสวย ขวัญใจคอหนังหลายๆ คน อย่างสาวหลิวอี้เฟย มารับบทนำในหนังซึ่งดัดแปลงจากนิยายดัง และลงจอแก้วมาแล้วหลายครั้ง กับเรื่องราวของสี่สุดยอดมือปราบ คอยทำหน้าที่ในการปกป้องยุทธภพ และสะสางปัญหาให้วังหลวง อาจจะดูน่าสนใจสำหรับคอหนังเอเชียและแฟนๆ สาวหลิว แต่กระแสหนังเอเชียในช่วงนี้ของเรา ก็อย่างที่รู้กันว่า ซบเซาลงไปมาก รวมไปถึงตัวหนังที่เลื่อนฉายแล้ว เลื่อนฉายอีก และเปิดฉายแบบจำกัดโรงจำกัดเครืออีกด้วย (แม้กระแสและรายได้ในบ้านเกิด ยังอยู่ในระดับที่ไม่เลวเลยก็ตาม) สุดสัปดาห์แรก หนังจึงเปิดตัวไปเพียง 2 แสนบาท ถือว่าอาการไม่ดีซักเท่าไหร่ แม้หนังจะเข้าฉายไม่ถึง 10 โรงก็ตาม (เข้าฉายไป 7 โรง แต่เฉลี่ยต่อโรงก็ออกมาค่อนข้างน้อย ไม่ถึง 3 หมื่นบาทด้วยซ้ำ!) แต่เป็นอาการที่ค่อนข้างเห็นได้ทั่วไปในกลุ่มหนังเอเชียปีนี้เช่นกัน ทำเอาปีนี้ แทบจะเป็นปีที่หนังแอนิเมะ ครองตลาดหนังเอเชียเลยก็ว่าได้! (หลังจากที่ทั้งโดราเอม่อน และโคนัน ต่างก็เปิดตัวในหลักล้านด้วยกันทั้งคู่!) หนังเอเชียคนแสดงเรื่องก่อนหน้า ก็คือหนังเกาหลี อย่าง The Taste of Money ที่หาญกล้าชนป๋าบอนด์แบบไม่กลัวเกรง โดยหวังกระแสฉาวช่วยเรียกคนดู แต่ก็ไม่ร้อนแรงเท่าที่คิด เปิดตัวโรงเดียวไปที่ 5 หมื่นบาท หรือหนังจีนเรื่องก่อนหน้า อย่าง Tai Chi 0 ที่อาจจะเปิดตัวด้วยโรงฉายมากกว่าเกินเท่าตัว (17 โรง) แต่เฉลี่ยต่อโรงออกมาดีกว่าหน่อย เลยทำตัวเลขไปเฉียดๆ ล้าน ที่ 9 แสนบาท   สำหรับผู้กำกับ กอร์ดอน ชาน ปีนี้ก็เพิ่งจะมีผลงานในการกำกับเข้าฉายไปไม่นาน แต่เป็นผลงานค้างปี อย่าง Mural ที่หาญกล้า เข้าฉายในช่วงซัมเมอร์ฝรั่ง เลยทำเงินไปได้กร่อยๆ ไม่แพ้เรื่องล่าสุด ที่ 1 แสนบาท จาก 8 โรงฉาย หรือก่อนหน้าไปอีก ก็คือหนังดัดแปลงจากเกมต่อสู้ชื่อดัง The King of Fighters ที่กระแสเละไม่เป็นท่าในอเมริกา (ส่งลงดีวีดีกันเลยทีเดียว!) ส่วนในบ้านเรา หดหู่ไม่แพ้กัน เข้าฉายโรงเดียว แต่ก็เปิดตัวไปเพียง 6 พันบาทเท่านั้น!!! ผลงานดูดีสุดในยุคหลังก็คงหนีไม่พ้น Painted Skin ที่ภาคต่อก็เพิ่งจะเข้าฉายไปไม่นาน แต่สำหรับภาคแรก กระแสแรงดีทีเดียวในบ้านเกิด เลยแผ่อานิสงค์มาบ้านเราพอสมควร เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไปที่ 2.8 ล้านบาท ฝั่งสาวหลิวอี้เฟย ปีนี้ก็เพิ่งจะมีผลงานเข้าฉายในบ้านเราเช่นกัน แต่เข้าฉายทีหลังในบ้านเกิด อย่าง The Assassins ที่ได้เฮียโจวเหวินฟะมาสวมบทโจโฉ ก็เรียกแฟนสามก๊กในบ้านเราได้พอสมควร เปิดตัวไปที่ 1.2 ล้านบาท (จาก 26 โรง) หรือถัดไปอีกไกล(มาก)ถึง 4 ปีเลยทีเดียว! ก็คือหนังร่วมทุนฟอร์มดี The Forbidden Kingdom ประกบสองนักบู๊ ที่แฟนๆ อยากให้ประมือกันมานาน อย่าง เฮียเฉินหลง และ เฮียเจ็ท ลี ที่อาจจะมาช้าไปซักหน่อย และไม่ถึงกับเต็มอิ่ม แต่ก็เรียกคนดูตอนเปิดตัวไปไม่น้อย ที่ 23.7 ล้านบาท กระแสในบ้านเราออกมาค่อนข้างเงียบเหงาเสียเหลือเกิน แม้จะมีการวางแพลนสร้างภาคต่อเอาไว้แล้วในปีหน้า แต่ถ้าแฟนๆ สาวหลิวยังอยากดูเธอกลับมาอีกครั้งในซีรี่ย์นี้อีก ก็คงต้องรีบไปอุดหนุนกัน(อย่างหนัก)หน่อยล่ะครับ (ก่อนที่จะโดนหนังใหญ่ ตบเท้าเข้ามาแย่งซีนไปหมด!) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:11:42

ความคิดเห็นที่ 3 โดนสูบมาไกลมากๆ หลุดจาก Top 3 มาอยู่ท้ายตารางใน อันดับ 8 เลยทีเดียว! สำหรับหนังตลกผสมกลิ่นไซไฟ สูบคู่กู้โลก ที่อนาคตเริ่มหมดลงไปทุกทีๆ เพราะหนังใหม่เริ่มทยอยเปิดตัวกันมากมาย แม้จะไม่มีหนังแนวตลกมาแย่งลูกค้าด้วยเลยก็ตาม แต่สุดสัปดาห์นี้ รายได้ยังคงโดนสูบไม่เลิก ลดลงมาเกือบ 80%! เหลือเพียง 4 แสนบาท กู้โลกสัปดาห์ ฮา(??)แพ็คคู่ กู้เงินคนดูไปแล้ว 9.5 ล้านบาท เอาไปเอามา หลังจากที่คิดว่าหนังน่าจะผ่านหลัก 10 ล้านไปแบบเฉียดฉิวสวัสดิภาพแล้ว มาถึงตอนนี้ก็ชักไม่แน่ใจแล้วสิ แม้ว่าจะเหลืออีกนิดหน่อยก่อนจะถึงหลักนั้น แต่รายได้ที่ลดลงฮวบฮาบก็มีสิทธิ์ทำเอาหนังไม่ถึงฝั่งฝันอีกเช่นกัน! ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะได้รับตำแหน่งหนังค่ายใบโพธิ์เรื่องที่ 3 ของปีนี้ (จากตอนนี้ทั้งหมด 12 เรื่อง) ที่ไม่สามารถผ่านหลัก 10 ล้านไปได้! (แต่ก็ยังดีที่ทำได้ดีที่สุดในกลุ่ม “สามบ๊วย” ของค่าย เพราะสองเรื่องก่อนหน้า อย่าง The Melody รักทำนองนี้ และ คน-โลก-จิต ต่างก็เก็บเงินกันไปเพียง 6.7 และ 4.8 ล้านบาทเท่านั้น!) ในกลุ่มหนังตลกไทย แม้ปีนี้จะมีออกมาน้อยเรื่อง แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่ไปไม่ถึงฝั่ง 10 ล้านเช่นกัน เรื่องก่อนหน้า(ที่ย้อนกลับไปนานหน่อย) ก็คือ รัก 555 อย่าท้าก๋อย ที่อาจหาญไปท้าชนกับภาคต่อสงครามเทพ เลยโดนอัดกระเด็น เก็บเงินกลับมาได้เพียง 2.8 ล้านบาท ถัดมาอีกพอประมาณก็คือหนังตลกกลิ่นอายผี แก๊งค์ตบผี ที่เฮียปื๊ด หวังจะปลุกผี เรียกแฟนๆ “สยึ๋มกึ๋ย” กลับมาอุดหนุน แต่สงสัยหนังจะเก่าเกินไปซักหน่อย เลยเก็บเงินไปแบบหงอยๆ เพียง 2.4 ล้านบาท ขณะที่ กระดึ๊บ หนังตลกไซไฟเรื่องก่อนหน้า จากค่าย GTH แม้จะเก็บเงินไปได้ไม่เข้าเป้า แต่ก็ยังทะลุหลัก 10 ล้านไปได้อยู่ดี (ตั้งแต่สัปดาห์ที่สอง) เก็บเงินรวมไปที่ 13.8 ล้านบาท ฝั่งสองนักแสดง จากข่าวที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว กลับดูแย่ลงไปอีก ถ้าหากหนังไม่สามารถผ่านหลัก 10 ล้านได้จริงๆ อย่างเฮียหม่ำ แม้จะเคยมีหนังทำเงินไม่ถึง 10 ล้านมาแล้วในเครดิต แต่ก็มีจำนวนน้อยมากๆ ซะจนแทบนับนิ้วได้ (เฉพาะยุคหลัง มือปืน/โลก/พระ/จัน แล้วนะ) เรื่องก่อนหน้าก็คือหนังร่วมทุน ไทย/เกาหลี The Kick วอนโดนเตะ!! ร่วมกับสาวจีจ้า ที่กระแสแผ่วซะจนเก็บเงินไปน้อยนิดเหลือเกิน เพียง 5.3 ล้านบาท หรือถัดไปอีก ในบทสมทบเช่นกัน อย่าง ครูบ้านนอก บ้านหนองฮีใหญ่ ก็ไม่สามารถสร้างกระแสเหมือนเวอร์ชั่นในอดีตได้ เก็บเงินไปแบบเหงาหงอยเช่นกัน ที่ 3.5 ล้านบาท แต่ถ้าพูดถึงคุณหม่ำในฐานะบทนำ น้อยที่สุดเท่าในตอนนี้ยังคงเป็นของ จั๊กกะแหล๋น ที่คุณหม่ำกำกับเองด้วย ควงสาวจีจ้ามาแป้กเกินคาด ที่ 19.8 ล้านบาท ส่วนเฮียเปิ้ลก็แย่ไม่แพ้กัน แต่ต่างกันหน่อยตรงที่ ไม่เคยมีหนังเรื่องไหน ทำเงินต่ำกว่า 10 ล้านในเครดิตเลย นับตั้งแต่หลังยุคนางนากเป็นต้นมา! (ซึ่งเอาเข้าจริงๆ คงมีเพียงหนังยุคแรกๆ ของเฮียเปิ้ลเท่านั้นแหละ ที่ไม่ถึงหลักนี้) หรือพูดให้ลึกกว่านั้น ก็คือ เป็นหนังเรื่องแรกในรอบ 22 ปี ของเฮียแกเลยทีเดียว ที่ไม่ผ่านหลัก 10 ล้าน! โดยมีหนังเก่ามากๆ อย่าง ฉลุย โครงการ 2 เก็บเงินทะลุสิบล้านเป็นเรื่องแรกไปที่ 18 ล้านบาท โดยมี รักเว้ยเฮ้ย เป็นหนังทำเงินต่ำสุดในกลุ่มสิบล้าน+ เก็บเงินรวมไปที่ 13.8 ล้านบาท ไม่ต่างจากผู้กำกับผู้กำกับนฤบดี เวชกรรม ที่เกาะติดหนังตระกูลสาระแนมาตลอด มาถึงตอนนี้ก็เลยได้หนังเรื่องล่าสุด เป็นหนังเรื่องแรกที่ไม่ผ่านหลัก 10 ล้านไปแล้ว! (กระทั่งเคยน้อยสุด อย่าง สาระแนเห็นผี ก็ยังเก็บเงินไปถึง 49.6 ล้านบาท เลยทีเดียว!) งานนี้ คงทำเอาทั้งค่ายและดารานำ ที่ยิ้มไม่ค่อยออกกันอยู่แล้ว เศร้าใจกันลงไปอีก เพราะนอกจากจะ “กู้” สถานการณ์หนังตลกด้วยกันไม่ได้แล้ว ยัง “สูบ” ชื่อความเป็นดาราทำเงินของทั้งคู่ลงไปอีก ไม่รู้ว่าปีหน้าจะมีหนังตลกไทยฟอร์มใหญ่ออกมาให้เห็นกันอีกหรือเปล่าน้า?? จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:12:18

ความคิดเห็นที่ 4 เปิดตัวเข้ามาใน อันดับ 7 กับอีกหนึ่งหนังใหม่ แต่เป็นการเข้าฉายรอบพิเศษ ของหนังฟอร์มดี อย่าง Cloud Atlas ที่ขอชิมลาง หยั่งกระแสคนดูในบ้านเราซักหน่อย (ไม่รู้ว่าเพราะผลจากการที่หนัง “แป้ก” ในบ้านเกิดด้วยหรือเปล่า!) ด้วยการเปิดฉายรอบหลังสองทุ่มเป็นต้นไป โดยเก็บรายได้สุดสัปดาห์นี้ไปที่ 5 แสนบาท ถือว่าแรงมากทีเดียว เนื่องจากหนังได้โรงฉายไปเพียง 6 โรงเท่านั้น! เทียบกับบรรดาหนังเปิดตัวรอบพิเศษด้วยกัน ใกล้เคียงที่สุดก็คงจะเป็น Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ที่เปิดตัวไปได้มากกว่านิดหน่อย ที่ 6 แสนบาท (แต่ได้โรงฉายไปมากกว่า) หรือหนังตลก ปนสยองภาคต่อ  อย่าง Piranha 3DD ที่หวังใช้ “แคลเซี่ยม” เป็นจุดขายเหมือนภาคแรก แต่ก็ดูจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร แม้จะเปิดตัวไปมากกว่าเมฆาของเรา ที่ 7 แสนบาท ส่วนหัวแถวในกลุ่มรอบพิเศษ ก็คงหนีไม่พ้น หนังตลกฮิตเกินคาด อย่าง Ted ที่ได้ใจคนดูไปไม่น้อย เปิดตัวรอบพิเศษไปแรงไม่เบา ที่ 2.9 ล้านบาท ส่วนสถิติต่างๆ ก็เช่นเคย ขอยกยอดไปสัปดาห์หน้า ที่หนังเปิดตัวจริงๆ แล้วกันครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 55 08:25:06 จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:12:47

ความคิดเห็นที่ 5 ก็ยังคงเป็นหนังใหม่อีกเช่นกัน แต่คราวนี้เป็นคิวของหนังไทย เข้ามาใน อันดับ 6 กับละครเวทีชื่อดัง รักจับใจ ซึ่งถือเป็นละครเวทีไทยเรื่องแรก ที่ได้ขึ้นจอใหญ่ในฐานะภาพยนตร์ ผลงานการกำกับของเจ้าพ่อละครเวที คุณบอย ถกลเกียรติ ที่ได้สองนักแสดงชื่อดังยุคนี้ อย่างหนุ่มบี้ สุกฤษฎิ์ และ สาวหนูนา หนึ่งธิดา กับเรื่องราวโรแมนติกเคล้าเสียงเพลง ของซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง ที่เต็มไปด้วยข่าวฉาว กลับได้มาพบรักกับหญิงสาวตาบอด แต่รักนี้ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค จากคนรอบข้างที่คอยคัดค้าน และรอวันที่เธอจะหายกลับมามองเห็นได้ดังเดิม ว่าจะยังคงรักเขาเช่นเดิมอยู่หรือเปล่า?? อาจจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ซักหน่อยสำหรับคอหนังไทย แต่กระแสที่ค่อนข้างออกมาดี (ตั้งแต่ตอนเป็นละครเวที) ก็น่าจะช่วยให้คนดูตัดสินใจง่ายขึ้น สุดสัปดาห์แรก หนังจึงเปิดตัวไปที่ 2.5 ล้านบาท ถือว่าโอเคทีเดียว สำหรับหนังที่ค่อนข้างแปลกแนวแบบนี้ แม้ว่าในแง่ตัวเลขจะไม่ได้เยอะแยะอะไร เมื่อเทียบกับหนังแนวโรแมนติกทั้งหลาย แต่ดูจากจำนวนโรงฉายที่จำกัดเครือด้วยแล้ว ก็ถือว่าโอเคอยู่ (20 กว่าโรง เฉลี่ยต่อโรงอยู่ประมาณหนึ่งแสนบาทได้) ก็อย่างที่บอกไปว่าในบ้านเรา แทบไม่มีหนังแนว “ถ่ายทอดละครเวที สู่จอใหญ่” มาก่อน จึงมีเพียงเรื่องเดียวก่อนหน้าเมื่อปีก่อน ก็คือ Phantom of the Opera (25th Anniversary) ในฐานะ หนังละครเวทีเรื่องแรกในบ้านเรา (เท่าที่จะนึกออก) ซึ่งอาจจะเทียบได้ยาก ด้วยจำนวนโรงที่แตกต่างกันมาก (4 โรง) กับค่าตั๋วที่แพงกว่า แต่ก็เก็บเงินไปน่าพอใจทีเดียว ที่ 6 แสนบาท หรือใกล้เคียงสุดในกลุ่มหนังไทย ก็คงจะเป็น ล่า ฝ่า ฝัน หนังคอนเสิร์ตของกลุ่ม AF ในฐานะหนังสามมิติเรื่องแรกของไทย ที่เปิดตัวน้อยโรงเช่นกัน (ไม่ถึง 10 โรง) รายได้เลยออกมาค่อนข้างน้อย เพียง 4 แสนบาท ฝั่งนักแสดงนำนั้น หนุ่มบี้เพิ่งจะมีหนังบนจอใหญ่เป็นเรื่องแรกกับเค้าเสียที (แม้จะไม่ใช่การแสดงในหนังจริงๆ ก็เถอะ!) ส่วนสาวหนูนา นอกจากบทรับเชิญเล็กๆ ใน รัก 7 ปี ดี 7 หน เมื่อช่วงกลางปี ก็เพิ่งจะมีหนังเรื่องก่อนหน้าเพียงเรื่องเดียว ที่ถือว่าแจ้งเกิดเธอเต็มๆ อย่าง กวน มึน โฮ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีหนังใหม่ของเธอมาล้มได้หรือไม่ เพราะเปิดตัวเอาไว้ถึง 40.1 ล้านบาท กระแสตอบรับจากคนดูถือเป็นบวกอยู่พอสมควร หากงานนี้ หนังยังคงเดินหน้าเก็บเงินไม่แพ้ตอน Phantom เข้าฉายแล้วล่ะก็ เราคงได้เห็นละครเวทีดังๆ ขึ้นจอกันอีกหลากค่าย หลายเรื่องกันแน่นอน! (แต่ไม่รู้ว่า ต้องไม่ต่ำกว่าสิบล้านหรือเปล่านี่สิ!!) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:14:08

ความคิดเห็นที่ 6 ยังคงเป็นหนังใหม่อีกเช่นกัน เปิดตัวเข้ามาใน อันดับ 5 กับหนังไล่ล่า ลุ้นระทึก Premium Rush ผลงานเรื่องล่าสุดในบ้านเรา ของนักแสดงหนุ่มงานชุม โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ ที่ครั้งนี้ เปลี่ยนแนวมาบู๊ไล่ล่า ในบทสิงห์นักปั่นส่งของ ที่กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะโดนตำรวจกังฉินตามล่าจากของที่เขารับมาล่าสุด งานนี้ เลยถึงเวลาที่จะต้องตามหาความจริง และเอาชีวิตรอดให้ได้ ด้วยทักษะกับขับจักรยานที่มีอยู่ นานๆ ทีจะได้เห็นหนังแอ็กชั่นที่ใช้การปั่นจักรยานเดินเรื่อง ก็น่าจะดึงความสนใจจากคนดูได้อยู่ แม้พล็อตเรื่องจะค่อนข้างตามสูตรหนังแนวไล่ล่าทั่วไปก็ตามที (แถมรายได้ “แป้ก” ในบ้านเกิด ซะจนวันฉายในบ้านเรา เลื่อนแล้วเลื่อนอีก อีกต่างหาก!) สุดสัปดาห์แรก หนังจึงเปิดตัวไปที่ 3.2 ล้านบาท ถือว่าไม่มากมายอะไร เพราะโดยปกติ จะหาหนังแนวไล่ล่าฟอร์มนี้ ทำเงินเปรี้ยงปร้างได้ยากอยู่แล้ว แต่เมื่อลองเทียบกับหนังแนวคล้ายๆ กันในปีนี้ด้วยกัน ก็ทำเอารายได้ของหนัง ดูน้อยลงไปเลย อย่าง Safe ที่ได้เฮียโล้นขาบู๊ เจสัน สเตทแธม มาพิทักษ์เด็กน้อย ก็ทำไปได้เกินคาดมากพอสมควร เพราะเปิดตัวไปถึง 6.5 ล้านบาท หรือถัดไปอีกหลายเดือนหน่อย อย่าง Man on a Ledge ที่ได้หนุ่มแซม “ลูกครึ่งเทพ” แกล้งโดดตึก ก็ยังเปิดตัวไปได้ดีกว่า ทั้งที่กระแสก็ไม่แรงเท่าไหร่ ที่ 4.4 ล้านบาท ถ้าพูดถึงหนังแอ็กชั่นบนจักรยาน ที่มีพล็อตคล้ายๆ กัน หลายคนคงนึกถึงหนังเมื่อปีก่อน อย่าง จั๊กกะแหล๋น ผลงานการกำกับของเฮียหม่ำ ที่ได้สาวจีจ้ามาตระเวนส่งของ (ปนพระบู๊) แต่ไม่รู้เพราะต้องชนของแข็งในสัปดาห์เดียวกันด้วยหรือเปล่า เลยเปิดตัวผิดฟอร์มเฮียหม่ำไปเพียง 10.3 ล้านบาท สำหรับหนุ่มเลวิตต์ในปีนี้ อย่างที่บอกไปว่างานชุกมาก เพราะปีนี้เขามีหนังถึง 4 เรื่องเลยทีเดียว (แต่เข้าฉายในบ้านเราปีนี้ 3 เรื่อง ส่วนอีกเรื่อง โดนโยกไปฉายช่วงออสการ์ตอนปีหน้าโน่น!) เรื่องก่อนหน้าคือหนังแนวไล่ล่า-ไซไฟ อย่าง Looper ประกบป๋า(งานชุก) บรูซ วิลลิส ที่ได้รับคำชมไปไม่น้อย แต่อาจไม่ใช่หนังเน้นแอ็กชั่นอลังการเท่ากับไซไฟเรื่องอื่นๆ เลยเปิดตัวไปพอสมควรในบ้านเรา ที่ 12 ล้านบาท ถัดไปอีกก็คือฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง The Dark Knight Rises ที่หลายๆ คนรอคอย แน่นอนว่ามาซะอลังการแบบนี้ เลยเปิดตัวในบ้านเราสูงถึง 56 ล้านบาท (สูงสุดในเครดิตของหนุ่มเลวิตต์อีกด้วย!) ฝั่งผู้กำกับเดวิด โคเอปป์ ที่โดยปกติแล้ว มักจะรับบทมือเขียนบทให้หนังฟอร์มใหญ่ซะมากกว่า (อย่าง Angels & Demons หรือ อินเดียน่า โจนส์ ภาคล่าสุด) ผลงานการกำกับเรื่องก่อนหน้าของเขาที่เข้าบ้านเราเลยต้องย้อนกลับไปถึง 8 ปีก่อน! กับ Secret Window ที่ได้ป๋าเดปป์ (หลังพลุแตกไปกับแจ็ค สแปร์โร่) มารับบทนำ แต่แนวหนังลึกลับก็ยังขายยากอยู่ดี เก็บเงินรวมในบ้านเราไปเบาะๆ เพียง 6 แสนบาท แม้จะเน้นดูเพลินๆ ไม่คิดอะไรมาก แต่ถ้าต้องเจอคู่แข่งที่แข็งกว่านี้อีกหน่อย ก็มีสิทธ์กระเด็นตกจักรยานได้เหมือนกัน! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:14:46

ความคิดเห็นที่ 7 อาจจะเหงาซักหน่อย (เพราะเพื่อนเก่าหายไปแทบหมดตาราง!) แต่อย่างน้อย ก็หล่นจากตำแหน่งรองแชมป์ลงมาไม่กี่ขั้น มาอยู่ใน อันดับ 4 กับสายลับนักบู๊ตอนล่าสุด Skyfall ที่อาจจะเป๋ไปบ้างจากการโดนสูบโรง สูบคนดูโดยแวมไพร์ยักษ์ใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน มาสัปดาห์นี้ แม้จะมีหนังใหม่เข้ามาอีกเพียบ แต่ก็ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงซะทีเดียว ยังคงยึดโรงฉายไว้ได้เหนียวแน่นเกินคาด ทำให้สุดสัปดาห์นี้ หนังทำเงินลดลงเกินครึ่งไปนิดหน่อย เก็บไปอีก 3.3 ล้านบาท เก็บเงินจากการปฏิบัติภารกิจไล่ล่า(เงิน)มาสี่สัปดาห์ได้แล้ว 112 ล้านบาท เพราะสัปดาห์นี้ที่ยังทรงตัวค่อนข้างดี ทำให้รายได้สัปดาห์ที่สี่ออกมาค่อนข้างดีเกินคาด โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้สัปดาห์ที่สี่ สูงสุดประจำปีนี้ ที่หนังสามารถกระโดดเข้าสู่ Top 5 ได้อีกครั้ง ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 แซงหน้า The Dark Knight Rises ที่ 3 ล้านบาทไปแบบหายห่วง แต่รายรับรวม อันดับในกลุ่มทำเงินปีนี้ก็ยังคงไม่ไปไหนเช่นเคย (ตามหลังพี่แบท ที่ 132 ล้านบาท อยู่ในอันดับ 6 เหมือนเก่านั่นแหละ!) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:15:25

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนในกลุ่มสายลับนั้น นอกจากทำเงินเพิ่มขึ้นมาจนสามารถแซงเพื่อนร่วมอาชีพ อย่างเฮียอีธาน ฮันต์ ทั้งสองภาคหลังสุดได้แล้ว (Mission: Impossible ภาค 3 และ 4 ที่ 106.5 และ 107.3 ล้านบาท ตามลำดับ) ยังควบไปถึงตระกูลบอนด์ด้วยกัน ด้วยการแซงบอนด์ร้อยล้านเรื่องก่อนหน้าเพียงตอนเดียว อย่าง Die Another Day ซึ่งเคยเก็บไว้สูงสุด ที่ 108.5 ล้านบาท ทำให้บอนด์ภาคนี้ กลายเป็นหนังสายลับ ทำเงินสูงสุดในบ้านเราเรื่องใหม่ไปโดยทันที! รวมไปถึงตำแหน่งบอนด์ทำเงินสุงสุดในบ้านเราอีกด้วย ถือเป็นการรับไม้ต่อจากป๋าบรอสแนน หลังจากที่รอคอยมายาวนานถึง 10 ปีทีเดียว!! พูดถึงแฟรนไชส์บอนด์ในบ้านเรานั้น หากนับตั้งแต่ภาคของป๋าบรอสแนนถึงล่าสุดนี้ ถือว่าทำเงินรวมกันไปแล้วเกือบ 600 ล้านบาทเลยทีเดียว (593 ล้านบาท) และยังคงติดอยู่ใน Top 5 ตระกูลหนังทำเงินสูงสุดในบ้านเรามาอย่างยาวนานจนถึงตอนนี้ (ล่าสุดอยู่ในอันดับ 5 พยายามไล่แซงตระกูล Spider-Man สุดชีวิต ที่ 602 ล้านบาท เพราะมีโอกาสที่จะโดนตระกูล The Lord of the Rings กลับขึ้นมาเขี่ยตก Top 5 ไม่น้อยทีเดียว!) แม้จะตามหลังน้องใหม่อย่าง พ่อมดน้อยแฮร์รี่ ที่ใช่เวลาสิบปี เก็บเงินในบ้านเราทะลุหลักพันล้านบาทอยู่ไกลมาก! แต่ซักวัน หากป๋าบอนด์ยังมีภาคต่อต่อไป ยังไงก็คงถึงหลัก 1,000 ล้านในบ้านเราอยู่ดีล่ะน่า! (แต่อีกกี่ปีนั่นก็อีกเรื่องนึง) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:16:24

ความคิดเห็นที่ 9 อีกหนึ่งหนังใหม่เช่นกัน เปิดตัวเข้าสู่ Top 3 ใน อันดับ 3 กับหนังแอ็กชั่นสาดกระสุน Red Dawn หนังแอ็กชั่นรีเมคเรื่องล่าสุด ที่ได้หนุ่มค้อนสายฟ้า คริส เฮมส์เวิร์ธ มารับบทนำ (แต่จริงๆ แล้ว หนังถ่ายทำเสร็จต้องแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก่อนหนุ่มธอร์ของเราจะดังซะอีก เพราะ MGM มามีปัญหาเรื่องการเงินพอดี) โดยเวอร์ชั่นนี้ เปลี่ยนกลุ่มผู้ร้ายให้เข้ากับยุคสมัย โดยให้เกาหลีเหนือ มาบุกยึดอเมริกาแทน (เวอร์ชั่นก่อนเป็นโซเวียต เพราะอยู่ในช่วงสงครามเย็นพอดี) แต่แทนที่ชาวอเมริกันจะเป็นฝ่ายสิโรราบ กลับมีกลุ่มวัยรุ่นผู้ต้องสูญเสียลุกขึ้นต่อสู้ เพื่อยึดบ้านของพวกเขากลับคืนมา! แม้พล็อตเรื่องจะออกแนวเก่าๆ ไปซักหน่อย (ส่วนหนึ่งเพราะรีเมคตามเวอร์ชั่นเดิมด้วยแหละ) แต่พลังดาราวัยรุ่น และฉากวินาศสันตะโร ก็น่าจะเรียกคอหนังบู๊ในบ้านเราได้พอสมควร สุดสัปดาห์แรก หนังจึงเปิดตัวไปที่ 5.5 ล้านบาท เป็นรายได้ที่ค่อนข้างธรรมดา ไม่หวือหวาอะไร เทียบกับแนวหนังที่ค่อนข้างขายง่าย แต่เมื่อเทียบกับหนังแนวคล้ายๆ กันแล้ว ก็ทำเอารายได้ของหนังดูน้อยลงไปถนัดตาอีกเช่นกัน อย่าง The Expendables 2 ที่เปลี่ยนจากก๊วนหนุ่ม มาเป็นก๊วนแก่(แต่เก๋า)แทน ซึ่งอาจจะโกงกว่าซักหน่อย เพราะเป็นภาคต่อ แถมดาราแต่ละคนก็(เคย)บารมีหนักในบ้านเรามา รายได้เปิดตัวเลยมากกว่ากันเกือบ 4 เท่า ที่ 21 ล้านบาท! หรือก๊วนวัยรุ่น ตะลุยต่างดาวกลางมอสโคว อย่าง The Darkest Hour ที่อาจจะได้เปรียบกว่าตรงที่เป็นแอ็กชั่นไซไฟ เลยเปิดตัวไปไม่เลว ที่ 8.2 ล้านบาท พูดถึงหนังแอ็กชั่นรีเมค ปีนี้ออกฉายอย่างน้อยก็ 4 เรื่องเข้าไปแล้ว เรื่องก่อนหน้าคือหนังแป้ก อย่าง Dredd ที่ได้รับคำชมไปไม่น้อย (เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นก่อน) แต่เรื่องรายได้ ถือว่าเจ็บหนักหน่อย มาในบ้านเราเปิดตัวไปได้พอประมาณ ที่ 8.8 ล้านบาท ถัดไปอีกก็คือแอ็กชั่น-ไซไฟฟอร์ม(เกือบ)ดี Total Recall ที่อาจจะสู้ทั้งฟอร์มและกระแสกับเวอร์ชั่นเก่าไม่ได้ (ในช่วงเวลานั้น) แต่รายได้ในบ้านเรา ก็ถือว่าเข้าตามฟอร์มอยู่ เพราะเก็บไปที่ 28 ล้านบาท ที่ดูจะสูสีหน่อย คงจะเป็น Contraband ที่ในบ้านเกิด ฮิตเกินคาดมากๆ แต่ในบ้านเรา ค่อนข้างธรรมดามากๆ เปิดตัวไปเพียง 3.7 ล้านบาท สำหรับหนุ่มแซมในปีนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนุ่มงานชุกในปีนี้ก็ว่าได้ (มีหนังเข้าฉายในปีนี้ทั้งสิ้น 4 เรื่อง มากกว่าหนุ่มเลวิตต์ ที่เพิ่งจะบอกไปข้างบน) แม้เรื่องนี้จะทำได้ไม่ค่อยหวือหวา แต่สามเรื่องก่อนหน้า มีทั้ง “ดีมาก” และ “เกินคาด” เลยทีเดียว! เรื่องก่อนหน้าก็คืออีกหนึ่งฟอร์มเต็งแห่งปี อย่าง Snow White and the Huntsman ที่แม้คำวิจารณ์จะออกมาแย่เกินคาด แต่ก็เปิดตัวไปค่อนข้างโอเคทีเดียว ที่ 33 ล้านบาท ถัดไปอีกหน่อยก็คือหนังสยองกระแสดี The Cabin in the Woods ที่ได้กระแสปากต่อปากตั้งแต่รอบพิเศษ ช่วยดันให้รายได้หนังขึ้นไปเกินคาด เปิดตัวไปที่ 7.3 ล้านบาท เขยิบไปก่อนหน้าอีกสัปดาห์ก็คืออภิมหาฟอร์มยักษ์แห่งปี อย่าง The Avengers ที่ล่าสุด แม้จะเสียแชมป์รายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์สูงสุดประจำปีนี้ไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นรายได้ที่มหาศาลอยู่ดี เพราะเปิดตัวไปถึง 78 ล้านบาท อีกหนี่งหนุ่มที่บ้านเราเริ่มคุ้นหน้า อย่างหนุ่มจอช ฮัทเชอร์สัน ปีนี้ก็งานชุกเช่นกัน เพราะมีหนังเข้าฉายในบ้านเราถึง 3 เรื่องเลยทีเดียว เรื่องก่อนหน้าคือหนังที่ทำให้เค้าดังขึ้นมาอีกไม่น้อย อย่าง The Hunger Games ที่อาจจะฮิตถล่มทลายในบ้านเกิด แต่ในบ้านเรายังคงต้องสะสมแฟนๆ อีกซักหน่อย แต่ก็เปิดตัวไปได้ไม่น้อย ที่ 21 ล้านบาท หรือถัดไปอีก กับหนังภาคต่อ อย่าง Journey 2: The Mysterious Island ที่เข้ามารับไม้ต่อจากภาคแรกได้ไม่เลว (แม้จะเปลี่ยนตัวนำจากแบรนดอน เฟรเซอร์ มาเป็นเดอะ ร็อก ก็ตาม) เปิดตัวในบ้านเรา(ในยุคที่สามมิติบูมกว่าภาคแรกเยอะ) ที่ 20 ล้านบาท กระแสที่ออกมาค่อนข้างก้ำกึ่ง (ส่วนคำวิจารณ์ในบ้านเกิด เละเทะตามคาด) ก็อาจจะทำให้หนังเหนื่อยหน่อยในการเรียกคนดู โชคดีที่ช่วงนี้ยังไม่มีหนังแอ็กชั่นฟอร์มโตมาแย่งลูกค้า หนังก็น่าจะมีเวลาเก็บเงินเก็บทองไปได้อีกซักพักอยู่ล่ะ! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:17:11

ความคิดเห็นที่ 10 ก็ยังคงเป็นหนังใหม่อีกเช่นกัน ทำได้ดีที่สุดด้วยการขึ้นมาถึง อันดับ 2 แต่เป็นคิวของหนังไทยสยองขวัญ อย่าง ตีสาม หนังเรื่องล่าสุดจากค่ายห้าดาว ที่ยังคงจับแนว(เริ่ม)ถนัดอีกครั้ง กับหนังแนวสยองขวัญสามมิติ ที่แทบจะไร้คู่แข่ง(หนังไทย)ด้วยกัน ณ ขณะนี้ ครั้งนี้ เปลี่ยนการเล่าเรื่องโดยการแบ่งออกเป็นสามตอน สามแนว ร่วมด้วยดาราคุ้นหน้าคับคั่ง จนน่าจะเรียกคนดูได้ไม่ยาก ยิ่งในปีนี้ จะหาหนังผีไทยฟอร์มใหญ่ซักเรื่องก็ถือว่ายากมากทีเดียว แต่เอาเข้าจริง กระแสตอบรับจากหนังเรื่องที่แล้วของค่ายก็ไม่ได้ดีซักเท่าไหร่ ทำให้สุดสัปดาห์แรก หนังเปิดตัวไปที่ 15 ล้านบาท ถือว่าโอเคอยู่สำหรับหนังไทยปีนี้ แม้จะไม่ใช่ระดับที่หวือหวาอะไรมากมาย (โดยเฉพาะในฐานะหนังสามมิติไทย ที่มีน้อยเรื่องอยู่ด้วย) เอาเป็นว่าอย่างน้อย ในกลุ่มหนังไทยเปิดตัวสูงสุดประจำปีนี้ หนังก็ยังสามารถติดเข้ามาถึง Top 10 ได้อยู่ดี (อยู่ในอันดับ 8 ตามหลังรุ่นพี่อย่าง 407 เที่ยวบินผี ที่แทบจะทับรอยเดียวกันก็ว่าได้ เพราะเปิดตัวไปที่ 15 ล้านบาทเท่ากัน) ส่วนในกลุ่มหนังสามมิติไทยตลอดกาล (ซึ่งมาถึงตอนนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 5 เรื่อง) อย่างที่บอกไปว่า หนังยังตามหลัง 407 เที่ยวบินผี อยู่ จึงทำให้หนัง หยุดอยู่เพียงอันดับ 2 เท่านั้นในกลุ่มนี้ (ขณะที่อีกสองเรื่องในปีนี้ อย่าง ตำนานรักแม่นาค 3D และ เอคโค่ จิ๋วก้องโลก ต่างก็เปิดตัวไปไม่ถึง 10 ล้าน ที่ 4.8 และ 6.2 ล้านบาท ตามลำดับ) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:18:02

ความคิดเห็นที่ 11 ในกลุ่มหนังค่ายห้าดาวด้วยกัน ปีนี้มีหนังออกมาสามเรื่อง ในเมื่อทั้ง 407 และ ตีสาม ต่างก็ทำรายได้ไปพอๆ กัน บ๊วยจึงตกไปอยู่กับ รักสุดท้ายป้ายหน้า ที่แป้กเกินคาด(แม้จะมาตามกระแสในบ้านเรา) ทำเงินเปิดตัวไปค่อนข้างห่าง ที่ 4.6 ล้านบาท เอาเป็นว่าแม้จะไม่ได้คว้าอันดับหนึ่งในค่ายปีนี้ได้ แต่อย่างน้อย ก็เป็นหนังเปิดตัวสุงสุดอันดับ 2 ของค่ายในรอบ 4 ปีที่ผ่านมานี้ก็แล้วกันล่ะน่า! (นับตั้งแต่ ลองของ 2 ที่เคยทำเอาไว้กระหึ่มอันดับต้นๆ ของค่าย ที่ 20.2 ล้านบาทเลยทีเดียว) ส่วนในกลุ่มหนังผีไทย อย่างที่บอกไปว่าปีนี้แทบจะไม่มีฟอร์มดีๆ ออกมาเลย รายได้ผีไทยหัวตารางทั้ง 3 เรื่องเลยแทบจะเรียกได้ว่า “เกาะกลุ่ม” กันเอาไว้เลยก็ว่าได้ เพราะขณะที่ 407 และ ตีสาม ก็อย่างที่บอกไป เปิดตัวเอาไว้ที่ 15 ล้าน แชมป์ซึ่งยังคงเป็นของ I MISS U รักฉันอย่าคิดถึงฉัน ก็แทบจะไม่หนีกันเท่าไหร่เลย เพราะเปิดตัวเอาไว้ที่ 15.5 ล้านบาทนี่เอง! ทำเอาดูเหมือนว่าปีนี้กลุ่มคนดูหนังผี ออกมาดูผีไทยกันแทบจะคงที่เลยก็ว่าได้ (เพียงแต่ว่าสองเรื่องแรก ค่าตั๋วแพงกว่าก็เท่านั้นเอง!) ในกลุ่มหนังผีไทยแบ่งออกเป็นตอนย่อย ปีนี้ก็เพิ่งจะมีออกมาหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือ บอก-เล่า-๙-ศพ ที่แบ่งออกเป็น 9 ตอนย่อย!! แต่ก็น่าเสียดาย ที่การจัดจำหน่ายค่อนข้างเงียบเหงา (แถมชนกับสาวอลิซ ถล่มซอมบี้อีกต่างหาก!) เลยเปิดตัวไปไม่มากเท่าไหร่ ที่ 3.3 ล้านบาท ที่ทำได้ใกล้เคียงกันหน่อยก็คงจะเป็น ตายโหง ที่ได้เจ๊พจน์ช่วยกำกับหนึ่งตอน แม้จะอ้างอิงเหตุการณ์จากข่าวดัง แต่ก็ไม่ได้ช่วยเรื่องรายได้มากนัก เปิดตัวไปพอสมควร ที่ 15.1 ล้านบาท (ขณะที่ตระกูลดังอย่าง สี่แพร่ง และ ห้าแพร่ง ถือว่านำไปไกล เพราะเปิดตัวไปถึง 29.3 และ 48.2 ตามลำดับภาค สูงสุดในกลุ่มนี้เลยก็ว่าได้!) ในส่วนของเครดิตดารานำ ถือว่ามีจำนวนคนเยอะมาก (เอาคร่าวๆ ก็หกคนเข้าไปแล้ว!) เอาเป็นว่าขอบรรยายแต่ละคนสั้นๆ ดีกว่า เริ่มด้วยสองสาวเกศสยอง สายป่าน และ สาวโฟกัส โดยสาวสายป่าน มีหนังเข้าฉายในปีนี้เยอะมาก (4 เรื่องเลยทีเดียว) เรื่องก่อนหน้าคือหนังอินดี้ อย่าง ปาดังเบซาร์ เปิดตัวไปตามฟอร์มหนัง ที่ 7 หมื่นบาท จาก 2 โรงฉาย ส่วนหนังผีเรื่องก่อนหน้า ก็คือ I MISS U รักฉันอย่าคิดถึงฉัน ที่เพิ่งจะพูดถึงไปนี่เอง ส่วนหนังเปิดตัวสูงสุดของเธอในปีนี้ ตกเป็นของ วาเลนไทน์ สวีทตี้ ทำเอาเอาไว้ที่ 27 ล้านบาท ส่วนสาวโฟกัส ปีนี้ก็เพิ่งจะไปรับเชิญเล็กๆ ในหนังรวมดาว GTH รัก 7 ปี ดี 7 หน แต่ผลงานก่อนหน้า คงต้องย้อนกลับไปไกลถึง 4 ปีก่อน กับ ปิดเทอมใหญ่...หัวใจว้าวุ่น ที่ถือว่าเปิดตัวเอาไว้สูงสุดในเครดิตของเธอ ที่ 33.5 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มเรือนหอคนตาย นำมาโดยหนุ่มโทนี่ รากแก่น ที่มีหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 5 ในเครดิต โดยปีนี้มีหนังเข้าฉายไปเมื่อต้นปีเช่นกัน อย่าง วาเลนไทน์ สวีทตี้ ส่วนหนังทำเงินเปิดตัวสูงสุดยังคงเป็น สุดเขตเสลดเป็ด เช่นเดิม (39.5 ล้านบาท) ส่วนสาวเกรซ กาญจน์เกล้า เพิ่งเคยแสดงหนังใหญ่เป็นครั้งแรกในเรื่องนี้ กลุ่มสุดท้าย กับกลุ่มโอ.ที. นำทีมโดยหนุ่มชาคริต แย้มนาม โดยหนังเรื่องก่อนหน้า ต้องย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว กับ ผู้ชายลัลล้า ที่ถือว่าทำได้เกินคาด เพราะเปิดตัวไปถึง 20.2 ล้านบาท ส่วนหนังผีก่อนหน้า ก็คือหนังฮิตเกินคาดอีกเช่นกัน อย่าง แฟนเก่า ก็ได้กระแสช่วยดันหนังเปิดตัวไปที่ 23.3 ล้านบาท ฝั่งหนุ่มเรย์ ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนเช่นกัน กับหนังเรื่องก่อนหน้า อย่าง สะบายดี 2 ไม่มีคำตอบจากปากเซ ตอนต่อจากตระกูลสบายดี ที่เริ่มจะแผ่วลงไป แต่ก็เปิดตัวไปไม่แย่เท่าไหร่ ที่ 3.2 ล้านบาท ส่วนหนังผีเรื่องก่อนหน้า ก็คือ ห้าแพร่ง นั่นเอง (เปิดตัวสูงสุดในเครดิตของหนุ่มเรย์ด้วย) สาธยายมาซะยาว ดูเหมือนว่ากระแสหนังที่ออกมาก็ค่อนข้างก้ำกึ่ง ไม่ต่างจาก 407 เท่าไหร่ (แต่อาจจะไม่ “สับ” กันหนักหน่วงขนาดนั้น) แม้จะต้องเหนื่อยหน่อย เพราะหนังสามมิติเรื่องใหม่ๆ กำลังจะเริ่มทยอยเปิดตัวกันหลังจากนี้ แต่ในกลุ่มหนังผี ยังมีพื้นที่ให้หนังอยู่พอสมควร ดังนั้น ถ้าจุดขาย(??)อย่างโรงสามมิติไม่หายไปหมดซะก่อน ก็น่าจะยืนโรงเก็บเงินได้พอสมควรอยู่ล่ะ (แต่จะแซง 407 ได้หรือไม่นั้น?? อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับคนดูแล้วล่ะ!) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:18:44

ความคิดเห็นที่ 12 รายงานสดเลยนะนี่ ติดตามอ่านอยู่ค่ะ จากคุณ : Gibzaa13 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:19:19

ความคิดเห็นที่ 13 ครอง อันดับ 1 อีกหนึ่งสมัยแบบสบายๆ สำหรับภาคปิดตำนานแวมไพร์-หมาป่าสุดยิ่งใหญ่ The Twilight Saga: Breaking Dawn - Part 2 ที่ยังคงเดินหน้าเก็บเงินในฐานะโปรแกรมหลักอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย แม้จะต้องมาแชร์โรงให้กับบรรดาหนังใหม่ (ที่เข้ามารุมกินโต๊ะมากมายเหลือเกิน!) แต่ด้วยกระแสที่ค่อนข้างออกมาเป็นบวก ก็น่าจะช่วยให้หนังเอาตัวรอดไปได้ระดับหนึ่ง (รวมถึงฟอร์มที่ใหญ่กว่าด้วยแหละ) ถึงอย่างไร สุดสัปดาห์นี้ หนังก็ทำเงินลดลงไปถึง 65% เก็บไปอีก 32 ล้านบาท รวมสองสัปดาห์ ปิดตำนานสุดยิ่งใหญ่ไปแล้ว 158 ล้านบาท แม้จะลดลงมาค่อนข้างเยอะ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับหนังฟอร์ม(ที่เปิดตัวแรง)อยู่แล้ว โดยตัวเลขรายได้สัปดาห์ที่สองนั้น เทียบกันในปีนี้ก็ถือว่าเยอะมาก แต่ยังไม่พอที่จะยึดตำแหน่งรายได้สัปดาห์ที่สองสูงสุดในปีนี้ได้อยู่ดี (แชมป์ยังคงเป็นของ ATM เออรัก เออเร่อ ที่เกาะเอาไว้ได้เหนียวแน่นเกินคาด ที่ 33 ล้านบาท) เอาเป็นว่าอย่างน้อยก็ได้ตำแหน่งปลอบใจไป คือ หนังต่างประเทศทำเงินสัปดาห์ที่สองสูงสุดในบ้านเรา ไปแทนก็แล้วกัน! (เฉือนชนะ The Avengers ไปแบบฉิวเฉียด ที่ 32 ล้านบาทเท่ากัน) ฝั่งรายรับรวม หนังผ่านหลัก 100 ล้านไปได้ตั้งแต่วันจันทร์โน่นแล้ว (จันทร์ที่ 19) ทำให้หนัง สามารถผ่านหลัก 100 ล้าน เร็วที่สุดในปีนี้ของบ้านเรา ที่ 5 วัน เทียบเท่ากับ The Avengers ซึ่งใช้เวลาไป 5 วันเท่ากัน (แต่ก๊วนฮีโร่ของเรา เก็บรายได้ 5 วันไปมากกว่านิดหน่อย เลยทำให้ยังคงเป็นแชมป์ในกลุ่มนี้ต่อไป) ขณะที่หลัก 150 ล้าน ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 11 วัน ทำได้ดีที่สุดในอันดับที่ 2 ของปีนี้ (ช้ากว่า The Avengers ไปพอสมควร เพราะเรื่องหลัง ใช้เวลาเพียง 7 วันเท่านั้น! ส่วนหนึ่งเพราะได้วันหยุดมาช่วยเยอะหน่อย) ทางด้านอันดับทำเงินสูงสุดของปีนี้ ในเมื่อเพิ่งจะมีหนังทะลุหลัก 150 ล้านได้เพียง 2 เรื่อง จึงหมายความว่า ก๊วนแวมไพร์ของเรา ตอนนี้ ไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 2 ของปีนี้ได้แล้ว เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น! (แต่ยังคงตามหลังก๊วน The Avengers อีกไกลถึงเกือบ 100 ล้าน! ซึ่งก็ต้องลุ้นกันหนักหน่อย ถ้าจะให้แซงกัน) พ่วงตำแหน่งหนังที่เข้าฉายในระบบสองมิติ ทำเงินสูงสุดในปีนี้ไปอีกตำแหน่ง (แซงแชมป์เก่าอย่าง Battleship ไปแบบสบายๆ ที่ 148.4 ล้านบาท) จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:19:24

ความคิดเห็นที่ 14 ในกลุ่มรายได้สัปดาห์ที่สองสูงสุดตลอดกาลนั้น ในเมื่อหนังไม่สามารถคว้าแชมป์ในปีนี้ได้ (แม้จะแพ้ไปเพียงเล็กน้อยก็ตาม) โอกาสที่หนังจะคว้าอันดับสูงๆ ในกลุ่มนี้ จึงยากขึ้นไปอีก ซึ่งก็จริงตามนั้น เพราะเอาแค่ตั้งแต่ปี 2547 หนังยังไม่สามารถทะลุเข้าสู่ Top 20 ได้ด้วยซ้ำ! (ปล่อยให้แชมป์อย่าง Transformers 3 ยังคงเริงร่าอยู่บนบัลลังก์ต่อไป ที่ 53.6 ล้านบาท) ส่วนการผ่านหลัก 100 ล้านเร็วที่สุดนั้น เวลา 5 วันถือว่า เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ตลอดกาลในบ้านเรา (โดยมีหนังร่วมอันดับนี้ทั้งสิ้น 4 เรื่อง คือ ต้มยำกุ้ง, 2012, The Avengers และแวมไพร์ของเรา แต่แวมไพร์ของเราเก็บรายได้รวม 5 วัน มากกว่า 3 เรื่องที่กล่าวมา อันดับในตารางจึงสูงกว่า อยู่ที่ อันดับ 3) โดยมี Transformers 3 และ Harry Potter 7.2 ครองแชมป์ร่วมกันที่ 4 วันเท่ากัน! (แต่ Transformers 3 ทำได้มากกว่านิดนึง!) ส่วนรายรับรวมนั้น หนังถือเป็นเรื่องที่ 23 ที่สามารถผ่านหลัก 150 ล้านในบ้านเราได้ (แต่อย่างไม่เป็นทางการนะครับ เพราะบางเรื่องที่ปริ่มๆ ในปีนี้ บางแห่งก็บอกว่าทะลุไปแล้ว จึงต้องรอสรุปเป็นทางการอีกที) โดยใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ ไต่ขึ้นมาถึง Top 20 หนังทำเงินสูงสุดในบ้านเราอย่างง่ายดาย ล่าสุดขึ้นมาถึงอันดับ 19 แซงหน้า Spider-Man 2 ที่ 157.4 ล้านบาท อย่างง่ายดาย และน่าจะไต่ขึ้นไปได้อีกหลายอันดับ ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าหนังจะสามารถทะลุหลัก 200 ล้านไปได้หรือไม่ (แม้ในปัจจุบัน หลักนี้จะไม่การันตีอันดับใน Top 10 สูงสุดในบ้านเราไปแล้วก็ตาม!) เรื่องการผ่านหลัก 200 ล้าน ถือว่ายังเป็นเรื่องที่ไม่ชัวร์สำหรับหนังซักเท่าไหร่ แม้จะเทียบกับกลุ่มหนังที่ผ่านหลัก 200 ล้านไปแล้วทั้งหมด ในการใช้เวลาทะลุหลัก 150 ล้าน ก๊วนแวมไพร์ของเรา จะสามารถทำได้ดีที่มากถึงอันดับที่ 7 (จากทั้งสิ้น 12 เรื่อง ถ้านับแวมไพร์ของเราเข้าไปด้วย) แต่โอกาสนั้นก็ยังไม่แน่นอนซะทีเดียว เพราะรายได้ของหนังนั้น ลดลงมาค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับหลายๆ เรื่องในกลุ่มนี้ เอาเป็นว่าถ้าลองมาเทียบดูกลุ่มหนังที่เปิดตัวระดับ 90 ล้านด้วยกัน (ซึ่งมีก่อนหน้าอยู่ 2 เรื่อง) พบว่า 2012 ใช้เวลา 11 วัน ทำเงินแซงไปแล้ว ที่ 162 ล้านบาท (รายได้สัปดาห์ที่สองมากกว่า 6 ล้านบาท) ขณะที่ ต้มยำกุ้ง ยังคงทำเงินน้อยกว่า ใช้เวลา 11 วัน ทำเงินไป 151 ล้านบาท (ทั้งที่ทำเงินสัปดาห์ที่สองได้มากกว่าไป 3 ล้านบาท) โดยที่เรื่องแรก (2012) สามารถทะลุหลัก 200 ล้านไปค่อนข้างไกล (214 ล้านบาท) ส่วนเรื่องหลัง (ต้มยำกุ้ง) ก็วืดหลัก 200 ล้านไปพอสมควรเช่นกัน (183 ล้านบาท) จึงยังพอเป็นข่าวดีอยู่หน่อย ที่เหล่าแวมไพร์ของเรา ยังทำเงิน 11 วันสูงสุดเฮียจา แม้ว่ารายได้สัปดาห์ที่สองจะลดลงมาน้อยกว่าทั้งสองเรื่อง (ที่เคยเปิดตัวได้น้อบว่าแวมไพร์ของเราราว 5 ล้าน) ก็เลยทำให้โอกาสผ่านหลัก 200 ล้าน ยังคงก้ำกึ่งอยู่ ซึ่งที่จะตัดสินได้ก็คงไม่พ้นสัปดาห์หน้านี่แหละ ว่าถ้าหากลดลงไปเกินครึ่งเยอะหน่อย โอกาสที่จะผ่าน 200 ล้านก็คงหนักหน่อยทีเดียว! จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:20:12

ความคิดเห็นที่ 15 ในกลุ่มหนังแวมไพร์+หมาป่าด้วยกัน แทบจะข้ามไปได้เลยทีเดียว เพราะหนังแซงเรื่องอื่นๆ ไปหมดตั้งแต่สุดสัปดาห์แรกโน่นแล้ว! (ขนาดเคยสูงสุดของปีนี้ อย่าง Underworld: Awakening ที่เก็บรวมไปได้ 57 ล้านบาท ก็ยังทำได้แค่เกินครึ่งนึงของรายได้เปิดตัวเหว่าแวมไพร์เท่านั้น!) กระทั่งในกลุ่มแวมไพร์ทไวไลท์ด้วยกัน แม้รายได้สัปดาห์ที่สองจะตกลงมาค่อนข้างหนักกว่าภาคอื่นๆ (พอๆ กับภาคที่แล้ว ซึ่งตกลงมา 65 % เช่นกัน แต่ก็ถือว่าย่ำแย่กว่าภาคอื่นๆ มากอยู่ดี!) แต่ทั้งตัวเลขรายได้สัปดาห์ที่สอง และรายได้รวมสองสัปดาห์ ถือว่ากินขาดทุกภาคหมด! โดยแชมป์เก่ารายได้สัปดาห์ที่สองเคยตกเป็นของ ภาค 3 ซึ่งทำเอาไว้ห่างไกล ที่ 19 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมสองสัปดาห์นั้น ในเมื่อหนังผ่านหลัก 100 ล้านได้ภายใน 5 วัน ภาคอื่นๆ ก็คงไม่ต้องเทียบแล้วล่ะ เพราะใช้เวลากันอย่างน้อยสามสัปดาห์เลยทีเดียวถึงจะทำได้!! (ภาคที่เคยทำเงินสูงสุดอย่าง ภาค 4.1 ปิดรายได้ไปที่ 106 ล้านบาท) ทำให้ทไวไลท์ภาคล่าสุด ครองแชมป์ในตระกูลของตัวเองอย่างง่ายดาย แต่ยังเหลืออีกกลุ่มที่หนังยังคงต้องไต่ขึ้นไปอีกเยอะหน่อย ก็คือ กลุ่มหนังดัดแปลงจากวรรณกรรม ที่มีคู่แข่งสำคัญ อย่างตระกูล Harry Potter ขวางอยู่เต็มไปหมด แม้ล่าสุด หนังจะไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 7 ได้แล้ว (แซง Harry Potter ภาคแรก ที่ 153 ล้านบาท) แต่หนทางก็ยังอีกยาวไกลอยู่ โดยเฉพาะตำแหน่ง Top 3 ที่แทบจะรับประกันตำแหน่ง 200 ล้านด้วยเช่นกัน ดังนั้น กว่าจะถึงตอนนั้น เราก็คงได้กลับมาดูกันอีกทีอยู่ดีล่ะครับ (อย่างน้อยก็อีกซัก 2 สัปดาห์ข้างหน้านี่แหละ) ส่วนเครดิตของทั้งดารานำและผู้กำกับ ก็คงไม่ต้องเดากันเลย เพราะหนังแทบจะขึ้นไปรอเป็นแชมป์ตั้งแต่ตอนเปิดตัวแล้ว! แต่คนเดียวที่ยังไม่ได้หนังใหม่เป็นแชมป์ คือหนุ่มโรเบิร์ต แพททินสัน เพราะแชมป์ตอนนี้ อย่าง Harry Potter and the Goblet of Fire ปิดเอาไว้สูงถึง 190 ล้านบาทเลยทีเดียว! งานนี้ เป้าหมายจึงถูกเพ่งเล็งไปที่หลัก 200 ล้านเสียแล้ว ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งดูจากโปรแกรมในสัปดาห์ต่อๆ ไปแล้ว ก็ยังถือว่าพอมีทางโล่งให้ได้หายใจอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์ (แม้จะไม่ถึงกับเป็นงานเบาสบายซะทีเดียว) แม้จะยังไม่สามารถรับประกันได้อีกเช่นกันว่าจะไม่โดนเรื่องอื่นๆ เหล่านี้ขัดขาไปซะก่อน แต่จากกระแสที่เป็นบวก ก็น่าจะพอทำให้อุ่นใจได้อยู่บ้างล่ะมั้ง?? จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:20:53

ความคิดเห็นที่ 16 แวมไพร์ยังคงกอบโกย ท่ามกลางหนังใหม่ที่ทำได้โอเคไม่แพ้กัน เลยช่วยกันพยุง Top 10 สัปดาห์นี้  ให้หล่นลงมาไม่มาก ที่ 62.7 ล้านบาท น้อยกว่า Top 10 ของสัปดาห์ก่อน (107.5 ล้านบาท) 42%! แต่ยังคงมากกว่า Top 10 สัปดาห์เดียวกันของปีก่อน (25.2 ล้านบาท) ไปไกลถึง 148%!! ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่ Puss in Boots ชิมลางเป็นแชมป์ ทั้งๆ ที่เข้าฉายเฉพาะโรงดิจิตอลสามมิติ แต่ก็เก็บไปได้ไม่เลวเลยทีเดียว ที่ 7.7 ล้านบาท จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:21:29

ความคิดเห็นที่ 17 สุดสัปดาห์หน้า เหล่าแวมไพร์+หมาป่าของเราอาจจะต้องเริ่มหวั่นไหว เพราะกลุ่มเต็งหน้าใหม่ก็ถือว่าฟอร์มดีพอที่จะเป็นแชมป์ได้เช่นกัน แม้กลุ่มคนดูของหนังจะค่อนข้างจำกัดอยู่ก็ตาม! ดูดีสุดก็คงหนีไม่พ้นแอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากค่ายดรีมเวิร์ก ที่จับเอาบรรดาตัวละครผู้วิเศษประจำเทศกาลต่างๆ มารวมตัวกันเฉพาะกิจ เพื่อปกป้องเด็กๆ จากตัวร้าย ที่กำลังจะนำฝันร้ายมาสู่ทุกคน! ใน ” Rise of the Guardians” ตามมาติดๆ กับหนังดราม่าเจือหลากกลิ่น ฟอร์มใหญ่ ที่ชิมลางเปิดตัวรอบพิเศษในบ้านเราไปแล้ว ก็ถึงเวลาขยายรอบแบบเต็มที่ซะที! กับเรื่องราวสุดซับซ้อนของหลากคน ต่างเผ่าพันธุ์ ต่างช่วงเวลา แต่กลับมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การันตี(??)โดยสองพี่น้องวาชอวสกี้ ผู้สร้างสรรค์ The Matrix ที่หลายๆ คนงงงวยกันมาแล้ว! ใน ”Cloud Atlas” ร่วมด้วยหนังดราม่าแดนกระทิงดุ ดัดแปลงจากเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นในบ้านเรา อย่างเหตุการณ์ “สึนามิถล่ม” ซึ่งสร้างความสูญเสียให้แก่ทุกชีวิตในแถบนั้น รวมไปถึง ครอบครัวของตัวเอกเรื่องนี้ด้วย ใน ”The Impossible” และหนังจำกัดกลุ่มคนดู แต่ลุ้นสร้างความแตกต่าง ทั้งแอ็กชั่นทริลเลอร์ฝั่งเอเชีย เรื่องราวของกรมตำรวจฮ่องกง ที่ถูกลูบคมโดยกลุ่มเรียกค่าไถ่ ซึ่งจับเจ้าหน้าที่ระดับสูงไป ปฏิบัติการกู้ศักดิ์ศรีของกรมตำรวจคืนมา จึงเริ่มต้นขึ้น ใน ”Cold War” หนังตลกไทยที่ได้เข้าฉายในบ้านเรา(ซะที!!) กับเรื่องราวของหนุ่มทายาทเจ้าของโรงแรมร้าง ที่ได้ก๊วนหมอผีสุดฮา(??) มาปราบผีเฮี้ยนในโรงแรมของตน ใน ”เก๋าเกรียน” และหนังทริลเลอร์สุดฮือฮาในเทศกาลเมืองคานส์ ที่ได้สาวนิโคล คิดแมน มาพลิกบทเป็นสาว “แรง” ประกบสามหนุ่มหล่อ กับเรื่องราวของนักข่าวกับน้องชาย ที่หวังจะหาหลักฐานเคลียร์คดีของนักโทษคนหนึ่ง แต่กับต้องเจอเรื่องวุ่น เมื่อแฟนสาวของนักโทษคนนั้นเข้ามาพัวพัน กับ ”The Paperboy” ก๊วนผู้พิทักษ์ จะหักเขี้ยวแวมไพร์ได้หรือไม่??? สัปดาห์หน้า มาลุ้นกันต่อครับ! เครดิตข้อมูลอันดับรายได้หนังประจำสัปดาห์ http://www.entertainweekly.in.th/file_detail.php?cid=01119&c=11 http://www.boxofficemojo.com/intl/thailand/?yr=2012&wk=47&currency=local&p=.htm จากคุณ : gunki_kun เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:22:16

ความคิดเห็นที่ 18 THE FOUR เข้าทั้งหมด 7 โรง (เป็นโรงที่ค่อนข้างห่างไกลตัวเมืองด้วย) บางวันก็โดนแย่งรอบ เหลือ 5-6 โรง รอบฉายรวมต่อวันเฉลี่ย 25 รอบ/วัน โรงที่ฉายเป็นโรงเล็ก ไม่เกิน 200 ที่นั่ง เท่ากับว่าวันนึง ถึงคนจะดูเต็มทุกที่นั่งทุกโรง ก็จะจุได้แค่ 5000 ที่นั่ง ราคาตั๋วโปรโมชั่นพิเศษ 100 บาท สำหรับทุกคน มี M Gen เหลือ 80 บาท ทุกรอบฉาย เท่ากับว่า ถึงมีคนดูเต็มที่ทุกรอบทุกโรง และทุกที่นั่ง (ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับหนังทุกเรื่องไม่ว่าจะดังแค่ไหนก็ตาม) ก็จะทำรายได้เต็มที่แค่ 5 แสนบาท รวมไปถึงบิทและแผ่นผีที่ออกมาเกลื่อนเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว จากข้อเท็จจริงข้างต้น รายได้ 4 วันแรก 2 แสนบาท เราคิดว่ารายได้ไม่น่าเกลียดเลย สัปดาห์นี้โดนลดรอบลดโรงไปอีก แต่ยังพอเหลือบ้าง ใครยังไม่ได้ชม หรืออยากจะชมอีก ก็ยังพอมีโอกาสนะคะ สัปดาห์นี้น่าจะยืนโรงสัปดาห์สุดท้ายแล้ว ขอบคุณสำหรับรายงานผลค่ะ จากคุณ : มารกระบี่วายุจี้เชี่ยน เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 08:48:29

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ.. สัปดาห์นี้ มาเร็ว..ปกติ  ติดตามเรื่อยๆครับ จากคุณ : บ่าวเมืองเทิง เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 09:06:10

ความคิดเห็นที่ 20 จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 09:40:02

ความคิดเห็นที่ 21 นิดนึงครับ ข้อมูลเรื่องการเข้าโรงฉายผิดพลาดนิดนึงครับ The Master เข้าฉายแค่ 2 โรง มีที่ เอเพ็กซ์ และ พารากอน เท่านั้นครับ ส่วน Cloud Atlas เข้าฉายรอบพิเศษแค่ 3 โรง มีที่ เอเพ็กซ์, พารากอน และ Sf เซ็นทรัลเวิล์ด เท่านั้นครับ จากคุณ : yamato_waki เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 09:42:44

ความคิดเห็นที่ 22 Rise of the Guardians จากคุณ : dsเด็กป้อมsc เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 09:49:29

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่ได้อ่านรีวิวสนุกๆแบบนี้มานานแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : balleazy7749 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 11:14:26

ความคิดเห็นที่ 24 ว้าว ขอบคุณมากค่ะ เอาใจช่วย รักจับใจ ให้ถึง 10 ล้าน เย้ๆ จากคุณ : Do the best as you can เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 11:46:46

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลครับ จากคุณ : พุงพลุ้ย เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 15:23:38

ความคิดเห็นที่ 26 ตีสามไม่เลวเหมือนกันนะ หนักก็สนุกพอใช้ได้ กะว่าจะไปดู The Impossible อยู่ครับ ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมูลครับ จากคุณ : PAXIFIZTA เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 15:38:11

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ จากคุณ : 2 Undifferent เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 22:08:09

ความคิดเห็นที่ 28 ฉบับนี้ส่งตรงเวลา โกยรายใด้มโหราญ กดรายใด้ฉบับย้อนหลังตกลงกว่า 80 เปอร์เซ้น ครับ ล้อเล่นนะครับ จากคุณ : Rick_Kiss เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 22:20:10

ความคิดเห็นที่ 29 ตามมาอ่านต่อ ชอบค่ะ จากคุณ : joy_bph เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 23:14:10

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณสำหรับข้อมูล..เป็นกำลังใจให้หนังไทยทุกเรื่องนะคะ ( แต่ทั้งหมดที่ฉายอยู่ตอนนี้..ไปดูมาเรื่องเดียวคือ..รักจับใจค่ะ ( ตั้งใจไปดูเพราะได้ดูละครเวทีมาแล้ว ประทับใจมาก ) จากคุณ : by boat เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 55 00:32:57

ความคิดเห็นที่ 31 ได้ดูอยู่เรื่องเดียวค่ะ รักจับใจ และคิดว่าจะมีอีกรอบที่ 2 3 4 5 เพราะสนุกมากจริงๆค่ะ จริงๆอยากจะอวยมากกว่านี้แต่เขียนไม่เก่ง ประทับใจมาจากละครเวทีเหมือน คห 30 จากคุณ : รักพฤษก เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 55 06:33:58

ความคิดเห็นที่ 32 รายได้สัปดานี้แต่ละเรื่องเป็นไงบ้างคะ รบกวน จขกท อีกครั้งคะ ขอบคุณคะ จากคุณ : รักหมดใจบ้านแสนสุข เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 55 16:57:33

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณคุณ  gunki_kun มากๆเลยสำหรับข้อมูล ถ้ามีโอกาสอยากไปดูรักจับใจ จากคุณ : ป็อกป็อกแป็กแป็ก เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 00:14:43

ความคิดเห็นที่ 34 จำกัดโรงฉายเฉพาะเครือเมเจอร์ และต้องเป็นโรงดิจิตอลด้วย ขนาดจังหวัดใหญ่ๆ ภูเก็ต หาดใหญ่ ยังไม่มีฉายเลย รักจับใจ ทำรายได้ติดอันดับ 6 หนังทำเงินก็โอเคแล้วค่ะ แต่ถ้าคิดรายได้เฉพาะเครือเมเจอร์อันดับ ที่ 4 ค่ะ ใครยังไม่ได้ดูรีบไปดูเลยเพราะได้ข่าวว่าจะลาโรงในสัปดาห์หน้าแล้ว ละครเวทีในราคาหนัง หาไม่ได้อีกแล้ว..และคุณบอยบอกไม่มี DVD จากคุณ : เกิร์ลสีชมพู เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 55 17:05:29