Cloud Atlas ทำไมคนเราต้องพยายามเปลี่ยนอดีต ในเมื่ออนาคตนั้นรอพวกเราทุกคนอยู่

คำเตือน กระทู้นี้ สปอย์เนื้อหาเต็มที่ เนื้อหาเขียนคร่าวๆตามที่เจ้าของกระทู้เข้าใจ เพิ่มเติมแก้ไขได้ตามสะดวกครับ

จากคำโปรยของหนังดูเหมือนว่าหนังเรื่องนี้จะคล้ายกับเรื่อง the butterfly effect แต่ ไม่ใช่เลยซักนิดครับ หนังเรื่องนี้ต้องการสื่อว่า อะไรก็ตามที่เราทำวันนี้ ตัดสินใจวันนี้ มีผลต่อไปถึงอนาคต ที่ไม่ใช่แค่อนาคตของชาตินี้ แต่อาจจะส่งผลต่อไปยังถึงอนาคตของชาติต่อๆไป ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันถึงการเดินทางย้อนเวลากลับไปแก้อดีตเลย

หนังเรื่องนี้ประกอบไปด้วยเนื้องเรื่องย่อยถึง 6 เรื่อง !!!! ใช่แล้วไม่ต้องตกใจครับ :) หนังเรื่องนี้มีถึงหกเรื่องย่อย ที่เล่าสลับกันไปมา โดยที่ตัวละครเอกทั้งหกคนนั้นวนเวียนผลัดกันเล่นทั้งหกเรื่องต่างยุคต่างสมัยและ ต่างการตัดสินใจ

เรื่อง 1
ปี 1850 - ล่าทาส

พระเอกของตอน อดัม อีแวง (Jim Sturgess) อดัมได้แต่งงานกับลูกสาวของเศรษฐีที่มีอาชีพค้าทาส เค้าได้ออกเดินทางผ่านทะเลแปซิฟิกเพื่อไปทำสัญญาการซื้อทาส ระหว่างทางเค้าได้จดบันทึกเรื่องราวต่างๆที่เค้า พบเจอ เค้าได้พบกับทาสคนนึงที่แอบหนีขึ้นเรือระหว่างทางที่เค้ากลับบ้าน อดัมได้ตัดสินใจช่วยเหลือทาสคนนั้น ซึ่งทาสคนนั้นก็ได้ตอบแทนเค้าด้วยการช่วยชีวิตเค้าจากหมอบนเรือที่พยายามวางยาฆ่าอดัมเพื่อจะฮุบหีบทอง

ทางเลือกของชีวิต : ถ้าอดัมไม่ตัดสินใจช่วยทาสคนนั้น เค้าอาจจะเสียชีวิต และไม่สามารถเขียนบันทึกการเดินทางจนจบ
จุดเชื่อมต่อไปเรื่อง 2 : โฟลบิเชอร์(ตัวเอกเรื่องสอง) ได้อ่านบันทึกการผจญภัยของอดัม แต่อ่านไม่จบ เพราะอีกครึ่งเล่มถูกนำไปเป็นขาเก้าอี้

เรื่อง 2
ปี 1930 - นักถอดตัวโน๊ต

พระเอกของตอน โรเบิร์ต โฟลบิเชอร์ (Ben Wishaw) เด็กหนุ่มผู้มีความฝันที่อยากเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียง เค้ายอมละจากแฟนหนุ่มของเค้า ซิกสมิธ เพื่อไปเป็นเด็กฝึกงานให้กับโปรดิวเซอร์ชื่อดัง ตลอดเวลาที่ห่างกัน โฟลบิเชอร์ได้เขียนจดหมายถึงซิกสมิธตลอดเวลาเพื่อเล่าถึงสิ่งทีเกิดขึ้นระหว่างที่เค้าฝึกงาน เค้าฝึกงานจนในที่สุดเค้าสามารถแต่งเพลงที่มีความไพเราะเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับโปรดิวเซอร์ชื่อดังมาเล่าความฝันถึงเพลงที่เค้าได้ยินในร้านที่ดูแปลกตา (เรื่อง 5) เมื่อโฟลบิเชอร์ได้เล่นเพลงที่เค้าแต่งขึ้นมา โปรดิวเซอร์ก็อยากจะฮุบผลงานเอาไว้ โดยเอาเรื่องที่เค้าเป็นเกย์มาขู่ สุดท้ายโฟลบิเชอร์ฆ่าโปรดิวเซอร์ตาย และ ตัดสินใจฆ่าตัวเองตายโดยที่ไม่ยอมพบกับซิกสมิธเลย

ทางเลือกของชีวิต : โฟลบิเชอร์ ตัดสินใจฆ่าโปรดิวเซอร์เพื่อให้เพลงที่เค้าแต่งขึ้น เป็นของตัวเค้าเอง
จุดเชื่อมต่อไปเรื่อง 3 : ซิกสมิธ , เพลงที่ หลุยซา(ตัวเอกเรื่องสาม)  ได้ฟังในร้าน

เรื่อง 3
ปี 1975 - การสืบสวน

นางเอกของตอน หลุยซา (Halle Berry) สาวนักข่าวที่มีจิตวิญญาณรักความถูกต้องที่ได้มาจากพ่อ หลุยซาได้พบกับซิกสมิธนักฟิสิกส์ซึ่งกุมความลับเกี่ยวกับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียส์เอาไว้ ในที่สุดซิกสมิธตัดสินใจที่จะบอกความลับนั้นกับหลุยซา แต่เขาถูกเก็บเสียก่อน หลุยซาได้เสี่ยงชีวิตสืบหาความจริงจนได้รู้ว่าบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ได้ว่าจ้างคนไปบริหารโรงไฟฟ้านิวเคลยร์เพื่อให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น หลุยซาได้ตีแผ่ข่าวสารจนนำไปถึงการจับกุมตัวการใหญ่ได้ในที่สุด

ทางเลือกของชีวิต : หลุยซารอดชีวิตอย่างหวุดหวิดจากการลอบฆ่า แต่ก็ยังกล้าที่จะสืบหาความจริงต่อ
จุดเชื่อมต่อไปเรื่อง 4 : ทิโมตี้ คาเวนดิชได้อ่านบันทึกของหลุยซา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของทิโมตี้

เรื่อง 4
ปี 2012 - อิสรภาพ

พระเอกของตอน (Jim Broadbent) ทิโมตี้ เจ้าของโรงพิมพ์ได้รับชื่อเสียงอย่างโชคช่วยเมื่อหนึ่งในนักแต่งนิยายในสังกัดโรงพิมพ์ของเค้าได้ตัดสินใจโยนนักวิจารณ์หนังสือลงจากตึก ข่าวนี้ทำให้หนังสือขายดีแต่ข่าวร้ายก็คือมีคนตามมารีดไถเงินหกหมื่นดอลล่าที่เค้าไม่มีเนื่องจากเงินที่ได้จากการขายหนังสือได้ถูกนำไปจ่ายหนี้หมดแล้ว เขาตัดสินใจบากหน้าไปหาพี่ชายเค้า พี่ชายทิโมตี้ยังคงแค้นทิโมตี้อยู่เนื่องจากทิโมตี้เคยแอบมีอะไรกับภรรยาของพี่ตัวเอง พี่ชายทิโมตี้จึงจัดแจงส่งไปขังที่บ้านพักคนชราออโรร่าที่ตัวเองถือหุ้นอยู่โดยทิโมตี้เข้าใจผิดตลอดว่าเป็นโรงแรม ทิโมตี้โดนกักขังไม่สามารถหนีออกมาได้ และได้พบกับเพื่อนอีกสามคน ทั้งหมดจึงวางแผนอันชุลมุนยุ่งเหยิง แต่ก็น่ารักไปในตัวเพื่อจะหนีจากบ้านพักคนชรา ในที่สุดพวกเค้าทั้งสี่คนก็สามารถหนีออกมาได้ และทิโมตี้ได้ออกมาแต่งหนังสือจนกลายเป็นภาพยนตร์ในที่สุด

ทางเลือกของชีวิต : ทิโมตี้ พยายามทุกทางเพื่อที่จะหนีออกมา ไม่ยอมให้ใครกักขังอิสรภาพของเขาไว้ได้
จุดเชื่อมต่อไปเรื่อง 5 : หนังของทิโมตี้ ที่ซอนมี 451(ตัวเอกเรื่องห้า)ได้ดูวนๆไปวนมา กับคำว่า อย่ายอมศิโรราบให้กับความไม่ถูกต้อง

เรื่อง 5
ปี 2044 - ซอนมี 451(ชอบตอนนี้ที่สุด)

นางเอกของตอน ซอนมี 451 (Donna Bae) เหตุการณ์ที่เมืองนีโอโซล ที่มีการผลิตหุ่นจีโนมผู้หญิงเพื่อมาเป็นคนรับใช้,บริกร หุ่นจีโนมมีความรู้สึกนึกคิดแบบคนแต่หุ่นทุกตัวได้ถูกฝังกฏข้อบังคับเอาไว้แน่นไม่ให้ละเมิดและหุ่นทุกตัวจะถูกใส่ปลอกคอเอาไว้ ถ้าเกิดกบฏเจ้าของสามารถระเบิดเส้นเลือดที่คอได้ทันที หุ่นจีโนมทุกตัวเมื่อผ่านพ้น 1 ปี จะได้แสตมป์ที่คอ 1 ดวง เมื่อครบ 12 ดวง ก็จะได้เข้าพิธีการไปสู่เรือแห่งอิสรภาพ หน้าที่ของหุ่นจีโนมมีหน้าที่แค่ตื่นเช้าจัดโต๊ะ บริการแขกที่เป็นคน และสุดท้ายก็ดื่มเครื่องดื่มที่เรียกว่าสบู่แล้วก็เข้านอน

ซอนมี451หุ่นจีโนมสาวก็มีหน้าที่ไม่ต่างกับหุ่นตัวอื่นๆ เฝ้าฝันถึงอิสรภาพที่รออยู่ จนมาวันหนึ่งยุนอา 939 หุ่นจีโนมเพื่อนสนิทของซอนมีได้มาปลุกซอนมีกลางดึกเพื่อให้ไปดูเครื่องเล่นภาพยนตร์ที่ยุนอาเก็บเอาไว้ หนังเรื่องนั้นเสีย ฉายซ้ำวนไปวนมาแค่คำว่า อย่ายอมศิโรราบให้กับความไม่ถูกต้อง ต่อมายุนอาได้ไปมีเรื่องกับลุกค้าในร้านและพยายามจะหนี ยุนอาจึงถูกเจ้าของร้านฆ่าตาย ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ที่ทำให้ ซอนมีได้เจอ แฮจู นายพลกองทัพปฏิวัติ แฮจูได้พาซอนมีหนีมาเพื่อจะให้ซอนมีเป็นคนบอกเล่าถึงความโหดร้ายของการผลิตหุ่นจีโนม ตอนแรกซอนมีไม่ยอม แฮจูจึงได้พาไปเรือแห่งอิสรภาพ ซอนมีจึงรู้ว่าสบู่ที่พวกตัวเองดื่มก่อนนอนทุกคืนผลิตมาจากหุ่นจีโนมหมดอายุที่นำมารีไซเคิล ซอนมีตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพปฏิวัติ และได้ไปยึดสถานีออกอากาศ ซอนมีได้ถ่ายทอดความจริงออกอากาศให้คนทั่วไปรู้ถึงความโหดร้ายของสมาพันธ์ ความไม่เท่าเทียมกันของคนกับหุ่นจีโนม แต่ในที่สุดแล้วกองทัพปฏิวัติถูกกำจัด ซอนมีถูกจับกุม โดยมีอาลักษณ์มาบันทึกคำสอบสวน ประโยคที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้อยู่ในตอนนี้

อาลักษณ์ : คิดว่าคุ้มเหรอที่ทำแบบนี้ คิดว่าจะมีใครเชื่อเรื่องที่คุณพูดเหรอ
ซอนมี : ตอนนี้คิดว่าอย่างน้อยก็มี 1 คนแล้วที่เชื่อ

ทางเลือกของชีวิต : ซอนมีตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพปฏิวัติ
จุดเชื่อมต่อไปเรื่อง 6 : แซคครี (ตัวเอกเรื่องหก)ได้ดู โฮโลแกรมของซอนมี และรู้ถึงตัวตนของพระเจ้าที่ตัวเองนับถือ

เรื่อง 6
ปี 106 - ทางเลือก

เปิดฉากมาที่เกาะแห่งหนึ่ง พระเอกของตอน แซคครี (Tom Hanks) เข้าป่าไปพร้อมกับ อดัม (พี่เขย) และหลานของเขา ระหว่างที่อยู่ในป่า ได้มีชนเผ่ากินคนมาฆ่าอดัมและลูก อดัมพยายามเรียก แซคครีให้มาช่วย แต่ด้วยความกลัว แซคครีก็ได้แต่หลบซ่อน ในที่สุดอดัมกับลูกก็เสียชีวิตซึ่งเป็นตราบาปในใจของเค้าตลอดมา ทุกๆปีจะมีกลุ่มคนที่เรียกว่าบรรพชน ได้เดินทางมาที่เกาะ เพื่อทำการซื้อขายแลกเปลี่ยน ซึ่งจริงๆแล้วกลุ่มคนพวกนี้ได้มาจากดาวดวงอื่นนั่นเอง เมโรนิมสาวจากบรรพชนได้มาที่เกาะ แต่คราวนี้เธอต้องการหาพรานนำทางเพื่อไปสู่หุบเขาแห่งเทพ หลานสาวของแซคครีเกิดป่วย แซคครีมาขอร้องเมโรนิมให้ช่วยโดยแลกเปลี่ยนกับการเป็นพรานนำทาง ซึ่งเมโรนิมก็ตกลง

เมื่อแซคครีพาเมโรนิมไปถึงหุบเขาที่ต้องการ เมโรนิมบอกว่านี่คือเครื่องมือสื่อสารไปนอกโลกเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งได้สารภาพกับแซคครีว่าตัวเองมาจากดาวอีกดวงนึงอีกทั้งยังได้บอกถึงประวัติซอนมี เทพที่ชาวหมู่บ้านในเกาะให้ความเคารพ ตอนขากลับ แซคครีพบว่าหมู่บ้านตัวเองถูกพวกชนเผ่ากินคนทำลายและฆ่าทุกคน เขาพบว่าหลานสาวเค้ายังซ่อนตัวปลอดภัยอยู่ในบ้าน และที่นั่นแซคครีได้พบหัวหน้าเผ่ากินคน แซคครีตัดสินใจเชือดคนหัวหน้าตายทำให้ถูกไล่ล่าจากเหล่าลูกน้อง แซคครีและหลานสาวหนีเข้าป่าและโดนจับกุมที่เดียวกับที่อดัมถูกจับและโดนเชือดคอ ภาพเหตุการณ์กำลังจะซ้ำรอยเดิม แต่เมโรนิมได้ออกจากที่ซ่อนและได้ต่อสู้ช่วยเหลือแซคครีกับหลานสาวออกไปได้ ในที่สุดทั้งหมดก็ได้ย้ายไปอยู่ดาวอีกดวงหนึ่งที่ที่เมโรนิมจากมา และทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในที่สุด

หนังเรื่องนี้แปลกและสนุกดีครับ เริ่มตอนแรกก็งงไปเลยทีเดียวต้องพยายามตั้งใจดูมากๆ แต่พอผ่านไป 15 นาทีก็เริ่มจับทางหนังได้ หนังยาว สองชั่วโมงครึ่ง มีอะไรให้ติดตามให้ดูตลอดไม่น่าเบื่อครับ อาจจะไม่ใช่หนังแอคชั่น แต่หนังก็มีข้อคิดเล็กๆน้อยๆแฝงกับในตัวหนัง รายละเอียดเยอะมากครับ ดูรอบเดียวจำได้ไม่หมดแน่นอน ฮ่าๆ ชอบที่สุดก็ตอนซอนมีครับ ไม่ทุกครั้งที่เราลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่ผิดแล้วเราจะชนะ แต่อย่างน้อยก็แสดงให้รู้ว่าเราไม่ได้กลัวเราไม่ได้ยอม และอย่างน้อยเราก็ได้ทำในสิ่งที่เราควรทำ we can do the thing that we can not

ปล. หนังจบอย่าเพิ่งรีบลุกไปไหนนะครับ :)

จากคุณ	: PDU
เขียนเมื่อ	: 30 พ.ย. 55 01:45:06