ปรัชญาจาก Cloud Atlas มนุษย์ทุกคนล้วนแต่ตกเป็นทาส
|
|
ไปดูมาเมื่อวานก็โอเคแต่ในหนังสืออ่านแล้วได้ปรัชญาลึกซึ้งกว่าในหนัง
บันทึกการเดินเรือของอดัม อีวิงอยู่ในยุคสมัยแห่งการล่าอาณานิคมและการค้าทาส นี่คือทาสจริงๆ มิตรภาพของคนเราไม่ควรเลือกสายพันธ์หรอก ตั้งแต่โลกเกิดมามีการทำสงครามกันมากมายเพียงเพราะว่า"พวกเขาพวกเรา"แค่เกิดพื้นที่คนละทวีป คนละสีผิว คนละชาติกำเนิดไม่ควรเอามาวัดความดีเลวของคน
เพลง6บทของโรเบิร์ต โฟบิเชอร์เป็นตอนที่ชอบน้อยที่สุดตั้งแต่อ่านหนังสือแล้ว ในหนังสือมีบทของลูกสาววิเวียน แอร์ แต่ในหนังตัดออกไป โรเบิร์ตตกอยู่ในทาสของความเลวร้ายที่ตัวเองก่อขึ้น
การแฉข่าวสร้างเตาปฏิกรณ์ของนักข่าวสาวหลุยส์ ซาเรย์ นอกจากมนุษย์ยังต้องตกเป็นทาสของชาติกำหนด ความผิดที่ตนเองกระทำแล้วยังต้องตกเป็นทาสของเทคโนโลยีที่ตยเองสร้างขึ้นอีก ไม่ว่าเทคโนโยยีจะพัฒนาขึ้นมามากแค่ไหน มนุษย์ก็ยิ่งตกเป็นทาสของความอยากในสิ่งที่ตนเองสร้างมา
ทีโมที คาเวนดิชเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์หนังสือตอนนี้ฮาสุด ฮาตั้งแต่ตอนเป็นหนังสือแล้วในหนังสือฮากว่าหนังเยอะ ตลกมาก ตอนที่เดนโฮมส์น้องชายหลอกไปเข้าบ้านพักคนชราแบบนึกไม่ถึงยิ่งกว่าในหนัง ทีโมทีตกเป็นทาสของความอายเขาไม่กล้าไปพบหน้าคนรักที่เลิกกันไป ความอายนั้นคืออะไรไปดูเอง ฮามาก555+
ซอนมี451 ชอบตอนนี้ในหนังสือมาที่สุดรู้สึกว่าคนเขียนเขียนได้มีจินตนาการเก่งมาก ซอนมีเ้ป็นมนุษย์สังเคราะห์ที่มนุษย์พันธ์แท้สร้างขึ้นเพื่อมารับใช้ ก็คือทาสนั้นแหละและมีการให้กิน"โซบ"เพื่อลบเลือนความจำ มนุษย์สังเคราะห์ถูกหลอกว่าถ้าทำงานดีแล้วจะได้เข้าพบถึงจุด"ปิติศานต์"ของชีวิต เหมือนว่าเกิดมาเพื่อจุดมุ่งหมายสูงสุดคือสิ่งนี้
แซครี่ผู้เฒ่าในยุคอารยธรรมล่มสลายเนื่องจากคิดค้นวิจัยสิ่งที่เป็นพิษต่อมนุษย์และธรรมชาติ ในหนังสือแซครี่อายุแค่16-18ปีมั้งในหนังปรับบทให้ทอม แฮงค์แสดง แซครี่ตกเป็นทาสของ"ความกลัว" ความกลัวไอ้ตัวที่มากระซิบข้างๆหูแซครี่อยู่ตลอดเวลานี่แหละคือความกลัว ในอดีตที่มนุษย์ยังไม่พัฒนาอารยธรรมและวิทยาศาสตร์มนุษย์สร้างศาสนาต่างๆออกมาเป็น1000ศาสนาเพื่อขจัดความกลัวและตอบคำถามของแต่ละสิ่งในโลก มนุษย์ โลก จักรวาล ถูกสร้างขึ้นมาได้ยิ่งไง ใครเป็นคนสร้าง อย่างประเทศจีนสมัยก่อนมีการไหว้พระจันทร์หลังจากนิล อาร์มสตองขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้ทำให้ประเพณีการไหว้เสื่อมลง การกระทำของซอนมีแค่สิ่งเล็กๆน้อยๆก่อให้เกิดขึ้นของการเป็นศาสดาในยุคของแซครี่
ชอบคำคมในหนัง "ชีวิตไม่ได้เป็นของตัวเราคนเดียว เรายังเชื่อมอยู่กับผู้อื่น ทุกความผิดที่เราก่อ ทุกความดีที่เรากระทำ ล้วนส่งผลเป็นอนาคตของเรา" ไม่ว่าเราจะมีชาตินี้หรือชาติหน้าหรือไม่จะเชื่อคริสต์ พุทธหรืออศาสนา การทำความดีมันก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ เราอาจจะได้ได้หวังให้ชาติหน้าเราเกิดมาดี แค่เราทำความดีเพื่อความสบายใจและเห็นผู้อื่นมีความสุขนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
"มนุษย์ทุกยุคมีบทเรียนที่ผิดพลาดมาแล้ว ทำไมเรายังปล่อยให้มันเกิดขึ้นซ้ำๆ" อย่างการค้าทาสในสมัยก่อนเหยียดสีผิว ยุคต่อมาก็ยังมีการสังมนุษย์สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อรับใช้อีกหรือ ดูถูกแค่เชื้อชาติ สีผิว คนละทวีปก็น่าจะมากพอแล้ว
ไม่ว่ามนุษย์จะรับรู้ด้วย"ระบบประสาทสมอง"อย่างเดียว หรือ มี"จิตวิญญาณ"แยกออกไปอีกแต่การกระทำของมนุษย์ยุคหนึ่งส่งผลต่อยุคถัดไปแน่นอน
ปล.ใครไม่แข็งภาษาอังกฤษแนะนำให้ไปดูพากษ์ไทยนะคะ ขนากอบเชยอ่านหนังสือไปแล้วดูซาวด์แทรคยังหวอ เพราะว่าตัวหนังสลับตอนไปมาเยอะมาก
จากคุณ |
:
คุณหญิงอบเชย
|
เขียนเมื่อ |
:
30 พ.ย. 55 10:06:24
|
|
|
|