แพทย์ให้ยาประคอง “บิ๊ก” จนกว่าสมองตาย...

    แพทย์ให้ยาประคอง “บิ๊ก” จนกว่าสมองตาย...



    โดย ผู้จัดการออนไลน์

    แพทย์แถลงอาการของ “บิ๊ก ดีทูบี” ทรุดหนัก ยอมรับไม่มีปาฏิหาริย์ เหตุเส้นเลือดในสมองแตกมาก เลือดออกไม่หยุด ยานอกที่สั่งเข้ามาระงับเลือดออกไม่ได้ เพียงใช้ยาประคับประคองชีวิต จนกว่าสมองจะตาย แฟนเพลงทราบข่าวปล่อยโฮระงมถึงล้มพับ ด้านจิตแพทย์แนะพ่อแม่ที่มีลูกหลานคลั่ง “บิ๊ก” ต้องดูแลให้มากเป็นพิเศษ

    นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ทีมแพทย์ผู้รักษานายอภิเชษฐ์ กิตติกรณ์เจริญ หรือ บิ๊ก ดีทูบี เปิดแถลงข่าวเมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลา 02.00 น.คืนที่ผ่านมา บิ๊กอาการทรุดหนักจนเห็นได้ชัด เนื่องจากแพทย์พบเลือดออกในสมอง และมีเส้นเลือดแตก มีความดันโลหิตสูง ม่านตาขวาเปิดกว้าง การเต้นของหัวใจช้าลง จึงได้สแกนสมอง พบเลือดออกในสมองมาก ส่วนตัวยาวอริโคโซล ที่สั่งมาจากออสเตรเลีย มาถึงเมื่อเวลา 03.00 น. ได้นำมาใช้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะช่วยได้มาก เนื่องจากเป็นตัวยาที่ใช้ฆ่าเชื้อราที่อยู่ในสมองของบิ๊ก แต่ไม่สามารถช่วยอาการห้ามเลือดในสมอง และสมองบวมได้ จึงได้ปรึกษากับทางญาติ ว่าจะผ่าตัดอีกครั้งหรือไม่ แต่ได้ลงความเห็นว่าไม่ผ่าตัดแล้ว แต่จะประคองอาการด้วยยาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชัดเจนว่าสมองตายจึงจะหยุดให้ยา และแพทย์ยังได้ระบุอีกว่าถ้าเลือดออกไม่หยุด จะทำให้สมองตาย

    ทีมแพทย์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ได้ทำการเอ็กซ์เรย์ด้วยคอมพิวเตอร์เมื่อ 8.00 น.ที่ผ่านมา พบว่า ในสมองส่วนที่ทำการผ่าตัดเอาฝีออกนั้นบวมและมีเลือดออกมากขึ้นและก้อนฝีอื่น ๆ ที่ยังคงอยู่นั้นก็มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย บริเวณอื่น ๆ ของสมองที่ไม่มีก้อนฝีก็มีปรากฏให้เห็น ซึ่งในขณะนี้ ฝีไปกดบริเวณก้านสมอง ทำให้ร่างกายไม่มีอาการตอบสนอง และมีอาการเกร็งตลอดเวลา อาการในขณะนี้ยังไม่เข้าขั้นสมองตาย แต่ร่างกายก็แย่ลงเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะไปเมื่อไหร่เท่านั้นเอง รวมทั้งขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย บางคนไม่กี่วัน บางคนก็อยู่ได้เป็นอาทิตย์ ขณะนี้ได้แต่เพียงประคองอาการเพื่อยืดเวลาเท่านั้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ซึ่งนพ.มนูญ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ปาฎิหาริย์หมดไปแล้ว

    รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่แฟนเพลงของบิ๊ก ได้ฟังการถ่ายทอดเสียงจากห้องแถลงข่าว หลายคนถึงกับร้องไห้และเป็นลมหมดสติ โดยก่อนหน้านี้มีแถลงการณ์อาการของ บิ๊ก ดีทูบี เมื่อ เวลา 07.50 น. วันนี้ แพทย์ได้นำผู้ป่วยไปทำ ซีไอ สมอง หรือเอกซเรย์ ทางสมองอีกครั้งหนึ่ง และได้ติดประกาศอาการบริเวณหน้าห้อง ไอซียู ชั้น 7 ของโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ว่า ผู้ป่วยอาการเลวลงอย่างชัดเจน ยังโคม่า ม่านตาขวาขยายมากกว่าม่านตาซ้าย ปฎิกิริยาตอบสนองต่อการกระตุ้นลดลง สมองบวมมากขึ้น คงเป็นมาจากเลือกออกในสมองมากขึ้น ความดันโลหิต 100/60-120/80 ชีพจร 50-60 ครั้งต่อนาที ยังคงใช้เครื่องช่วยหายใจ หายใจตามเครื่องที่ตั้งไว้ 18 ครั้งต่อนานที และได้เริ่มใช้ยา “วอริโคนาโซล” ซึ่งนำเข้าจากออสเตรเลีย

    ส่วนบรรยากาศที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ยังคงมีแฟนเพลงเดินทางไปเยี่ยมอย่างไม่ขาดสาย
    แต่ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ขึ้นไปถึงชั้น 7 ยังให้รอดูอาการอยู่บริเวณชั้น 1 ของโรงพยาบาล

    ด้าน นพ.อภิชัย มงคล รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีมีนักเรียนวัยรุ่นแฟนเพลงเฝ้าให้กำลังใจ “บิ๊ก” บางคนถึงขั้นขาดเรียนว่า เป็นการไม่ถูกต้อง หากนักเรียนไม่ยอมไปเรียนหนังสือ และใช้เวลาเรียนไปเฝ้าดูนักร้อง ถือว่านักเรียนคนนั้นมีปัญหาในการตัดสินใจว่า เรื่องไหนเหมาะ เรื่องไหนไม่เหมาะ และเป็นสัญญาณชี้ว่า เริ่มมีปัญหาด้านจิตใจ ส่วนกรณีเมื่อมาเฝ้าอาการแล้วร้องไห้คร่ำครวญหลายครั้ง หรือมีการร้องไห้เป็นหมู่คณะทุกครั้ง ผู้ที่เป็นคนแรก ๆ ในการร้องไห้นำ หรือเป็นผู้ร้องนำคนอื่น ถือว่าเริ่มมีปัญหาด้านจิตใจเหมือนกัน แต่กรณีที่เมื่อเห็นผู้อื่นร้องไห้แล้วร้องไห้ตามนั้น ถือว่ายังไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม เท่าที่เห็นขณะนี้ ยังไม่น่ากังวลว่าวัยรุ่นเหล่านี้จะถึงขั้นทำร้ายตัวเองได้

    นพ.อภิชัย กล่าวแนะนำว่า กรณีวัยรุ่นเกิดการคลั่งเป็นห่วงนักร้อง “บิ๊ก” มาก สำหรับพ่อแม่หรือผู้ปกครองกับวัยรุ่นที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ให้พ่อแม่เพิ่มเวลาอยู่กับลูกหลานมากขึ้นในช่วงนี้ อยู่เป็นเพื่อนมากขึ้น พยายามให้เด็กใช้เวลาอยู่ในบ้านมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะเด็กที่ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านเป็นระยะเวลายาวนานนั้น บางคนอาจจะผูกพันกลุ่มเพื่อนและสิ่งต่าง ๆ นอกบ้าน จนกลายเป็นการหมกมุ่น แต่หากวัยรุ่นไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ทางพ่อแม่คงต้องพิจารณาว่า ทำอย่างไรให้ดึงวัยรุ่นกลับไปอยู่ในสังคมปกติได้ก่อน ซึ่งต้องทุ่มเทกับเรื่องนี้เป็นพิเศษจนกระทั่งเรื่องคลี่คลายไป เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น และต้องชักชวนให้วัยรุ่นพูด ระบายออกมาหรือแม้กระทั่งให้ร้องไห้ออกมา แล้วพ่อแม่ต้องฟังอย่างตั้งใจ อาจไม่ต้องให้คำแนะนำมากมาย เมื่อเขาได้พูด หรือร้องไห้แล้วมีคนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ จะสามารถคลี่คลายความคับอกคับใจได้มาก

    รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า อาจชักจูงให้ไปทำกิจกรรมอื่นบ้าง แต่หากเขาไม่ยอมไปโดยยืนยันจะอยู่กับกลุ่มเพื่อนเพื่อเฝ้านักร้อง พ่อแม่อาจแนะนำหรือขอร้องให้กลับบ้านเป็นเวลา หากไม่ยอมกลับบ้าน ยังวนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาล ก็คงต้องไปตามกลับ ให้กลับบ้านใช้ชีวิตตามปกติบ้าง อย่าปล่อยให้เป็นไปเช่นนั้นตลอด เพราะอาจจะเกิดการหมกมุ่น หากเกิดปัญหาว่าพ่อแม่พูดแนะนำแล้วลูกไม่เชื่อ คงต้องทบทวนว่ามีใครบ้างที่เป็นญาติ หรือเพื่อนฝูงที่มีอิทธิพลต่อเขา ให้คนเหล่านั้นได้พูดชักจูงให้เขาเข้าใจ เพราะวัยรุ่นจะเชื่อฟังเพื่อนฝูงมากกว่า หากได้เพื่อนที่มีพื้นฐานทางอารมณ์หรือบุคลิกที่แข็งแกร่ง จะเป็นตัวอย่างที่ดีและช่วยเหลือพ่อแม่ในการชักจูงลูกกลับมาใช้ชีวิตปกติได้

    รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ฝากถึงวัยรุ่นที่เฝ้าดูอาการ “บิ๊ก” และเป็นกังวล ไม่ยอมเรียนหรือกลับบ้านว่า ขณะนี้ใกล้สอบแล้ว ควรจะพิจารณาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่ความรู้สึก เป็นอารมณ์เท่านั้น จริง ๆ อาจไม่ใช่สิ่งที่เราประสงค์และโหยหาสำหรับชีวิตจริง แต่อารมณ์และความรู้สึกมาบังตา ลองคิดให้ดีว่า ชีวิตนี้ต้องการอะไร ก็จะพบว่าหากจะได้สิ่งที่ต้องการนั้น จำเป็นที่จะต้องทุ่มเวลาให้ทุกอย่างมีความสมดุล เช่น การศึกษา ความสัมพันธ์กับเพื่อน ความสัมพันธ์กับพ่อแม่พี่น้อง ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตบั้นปลายที่เราประสงค์ แต่การที่ใช้เวลาอยู่กับเรื่องนี้มากเกินไป เป็นการทำชีวิตไม่เกิดความสมดุล

    ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 11 สิงหาคมนี้ เวลา 13.30 น. กรมสุขภาพจิต เตรียมแถลงข่าวเรื่อง “เฝ้าระวังจิตใจวัยรุ่นไทย (กรณี บิ๊ก ดีทูบี)” ที่ห้องประชุม 2 กรมสุขภาพจิต ผู้ร่วมแลงข่าวประกอบด้วย นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต และคณะจิตแพทย์จากกรมสุขภาพจิต คณะแพทย์จากโรพยาบาลวิชัยยุทธ และตัวแทนบริษัท อาร์ เอส โปรโมชั่น

    จากคุณ : KaewKids - [ 10 ส.ค. 46 14:40:18 ]