ความคิดเห็นที่ 1 ไม่แปลกครับ หนังผีญี่ปุ่นจะเล่นกับจิตใจลึกๆของคนดู ซึ่งลึกกว่าหนังผีฝรั่ง ที่จะชอบเล่นกับจิตใจระดับตื้นๆของคนดู สังเกตมั้ยว่าเราดูหนังผีฝรั่งจบแล้วก็แล้วกัน อาจจะมีหลอนๆติดตัวหลับบ้านก็ประมาณอาทิตย์นึงก็ลืมๆได้ แต่หนังผีญี่ปุ่นจะหลอนติดตัวเราไปมากกว่านั้น ประเภตู้ผีอะไรประมาณนี้ คือเค้าจะสื่อออกมาประมาณว่าเห็นจะๆชั้นนึง แล้วมีอะไรที่ลึกกว่านั้นอีกชึ้นนึง ยกตัวอย่างเดอะริงแล้วกันนะ(ผมชอบ^^) มันเล่นกับคนดูประมาณว่า เนี่ย คุณดูวิดิโอนี้แล้วต้องตาย มันก็จะเกิดความรู้สึกสองอย่างขึ้นมาในใจเรา อย่างแรกคือกลัว กลัวตาย อย่างที่สองคือสงสัย ว่ามันมีอะไรอยู่ในวิดิโอหว่า?? อยากรู้จริงจริ๊งงงง สุดท้ายเราก็คิดได้ว่ามันไม่มีอะไรหรอก เปิดดูซะ ผลคือต้องหาคนมาดูต่อ ทีนี้ล่ะไกลเลยครับ เราจะเอามันไปให้ใครดู ดูแล้วเค้าจะเป็นยังไง ถ้าเกิดไอ้คนนั้นมันไม่เอาไปให้คนอื่นดูต่อล่ะ ถ้ามันตายแล้วมันจะกลับมาหลอกหลอนเรามั้ย? แล้วคนที่ดูต่อๆไปจะเป็นยังไง อีกอย่างคือถ้าเป็นหนังฝรั่งก็จะเป็นพวก บ้านผีสิง หรือ ตุ๊กตาผี เราแค่อยู่บ้านก็ปลอดถัย หรือถ้ามันตามเรามาก็แค่หนีอีก แต่เดอะริงนี่คือมันไม่ได้ตามเรามา แต่มันอยู่ในบ้านเราเองเลย บรื๋อๆๆ พิมพ์ถึงตรงนี้แค่เห็นจอทีวีว่างเปล่าก็กลัวแล้ว สำหรับไคโร ไม่แปลกครับที่จะไม่รู้เรื่อง เพราะมันเป็นหนังออกปรัชญานิดๆ ไม่ใช่หนังผัโดยตรง (ชื่อญี่ปุ่นคือ ไคโร แปลว่าวงจร ซึ่งตรงกับชื่อภาษาอังกฤษว่า Pulse มีความหมายเป็นนัยๆ แต่บ้านเรากลับแปลชื่อเป็น ผีอินเตอร์เน็ต เราเลยนึกว่ามันเป็นหนังผี) มันจะสื่ออะไรกับเรา อินเตอร์เน็ตหรือผีในเรื่องคล้ายๆกับอะไร ลองกลับไปดูอีกรอบนะครับ ค่อยๆดู ค่อยคิด อาจจะเข้าใจชัดขึ้นมาก็ได้ครับ จากคุณ : Dead-of-[A]Saleman - [ 18 ส.ค. 46 01:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนกลับไปเมืองไทย ได้ข่าวว่า the ring น่ากลัว เลยไปยืมเพื่อนมา ริง 0 กับ ริง 1 ริง 0 นี่ ตอนจบมีอะไรได้ตื่นเต้นนิดหน่อยเท่านั้น ริง 1 นี่อย่าถามนะ หลับเลย ผมว่าคนญี่ปุ่นเล่นหนังแข็งๆ ฮาๆ ไทยเอามาพากษ์ก็ไม่ค่อยดี เนื้อหา ก็ธรรมดา ไปเช่า ริง ฝรั่งมาดู ก็เฉยๆอะ พูดตรงๆ นะ เฉยๆอะ เดี๋ยวไว้จะไปหาไคโรมาดูบ้าง จากคุณ : 8) - [ 18 ส.ค. 46 02:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เราว่าไคโรไม่ค่อยน่ากลัว เรากลัวเดอะริงมากกว่า จากคุณ : cherrie - [ 18 ส.ค. 46 05:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เราดูมา 2 รอบแล้ว จาก VCD กับที่ช่อง 7 เอามาฉาย ยังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ จากคุณ : brichea - [ 18 ส.ค. 46 09:55:57 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่า kairo นี่แค่บรรยากาศก็น่ากลัวมากแล้วนะ.. โอโห.. ขนพองเลย.. เรื่องทั้งเรื่องจะเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาในเมืองเหมือนปกติเรอะ ไม่มีซะละ.. วังเวงกันทั้งเรื่องเลย.. ยิ่งไอ้ตอนผีหกกะล้มอ่ะนะ.. เพื่อนมันหัวเราะกัน แต่ผมน่ะกลัวจับใจเลยคุณเอ้ย... จากคุณ : (อิ_อิ) บัญชีออมทรัพย์ - [ 18 ส.ค. 46 10:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 lkffffffffffffffffffffffffffffffffffffff หัวใจแทบวายตาย รูปอ่ะ วันนี้ยิ่งครึ้มๆ จากคุณ : บีบจอเล็กสุดๆ (yog_bf) - [ 18 ส.ค. 46 10:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เราว่าเกมส์ Fatal Frame ดิ โครตน่ากลัวเลย จริงๆพวกญี่ปุ่นนี่มันไม่ได้น่ากลัวแบบใจสั่น ระทึก สะดุ้งอะไรหรอก แต่มันหลอน และติดตามากๆเลย(โดยเฉพาะรูปในคห.3 โครตติดตาเลย ตั้งแต่ดูมาจนถึงป่านนี้ยังลืมภาพนี้ไม่ได้เลย แต่หลังจากดูภาค0แล้วพบว่า ซาดาโกะน่าร้ากก) จากคุณ : Lu (Love Universe) - [ 18 ส.ค. 46 11:24:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จะว่าน่ากลัวก็น่ากลัวดีค่ะ เขาห้ามเข้าไปในประตูที่ปิดเทปสีแดง ก็ดันเข้าไปเอง สมควรแล้วที่จะโดนผีหลอกแบบนั้น น่ากลัวเหมือนกันนะ แต่พอดูจบแล้ว ก็ยังสรุปใจความอะไรไม่ค่อยได้เลย จากคุณ : S@iYoJang - [ 18 ส.ค. 46 12:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มันเป็นหนัง ผีแบบแอบเสริ์ด(absurd)น่ะครับ เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้กลัวมากมายแบบ sixth sense หรือ ring แต่ตั้งใจทำให้เข้าใจความหมายที่แตกต่างออกไปอีก ผีก็คงเป็น สัญญลักษณ์อย่างหนึ่ง แต่ที่สังเกตเห็นได้ชัดก็คือความเปลี่ยวเหงา,แปลกแยก,การติดต่อสื่อสารที่ล้มเหลว,ความไม่เข้าใจกัน ในความสัมพันธ์ของ มิตรภาพและความสิ้นหวัง... แม้โลกเทคโนโลยี จะมีบทบาทมากขึ้น แต่ก็ยิ่งทำให้มนษย์ห่างเหินในแง่ของความเข้าใจกัน มีกลอนไฮกุด้วยนะ ตอนที่ผีผู้ชายปรากฎตัวน่ะ แต่ผมลืมไปแล้ว เกี่ยวกับความตาย..ความโดดเดี่ยวและอ้างว้าง ประมาณนี้ จากคุณ : คิตาโน่ - [ 18 ส.ค. 46 13:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เพิ่งรู้ว่า Kairo เป็นหนังผีแฝงปรัชญา มิน่าไม่สนุกเล้ย จากคุณ : I_Feel_Control - [ 18 ส.ค. 46 13:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นกระทู้ข้างบนๆ บอกว่าเป็นหนังเสียดสี ไม่ใช่หนังผีหลอกอะไรหรอก ประเด็นคือ คนเราถ้าติดอินเตอร์เน็ต อยู่ในโลกเน็ต แบบให้เวลาเต็มๆ ก็จะขาดการติดต่อกับโลกแห่งความจริง อาจกลายเป็นคนที่ไม่มีใครใส่ใจ ไม่มีสังคม จนกลายเป็นคนอ้างว้าง เปลี่ยวเหงาได้ จนเหมือนคนไม่มีชีวิต จากคุณ : คิดตึ๋งมาก - [ 18 ส.ค. 46 16:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมไม่น่ากลัวทั้ง2เรื่องแหละทั้งริงทั้งไคโร แต่เดอะริงในหนังสืออ่านแล้วเกิดอาการกลัวที่ไม่รู้ว่ากลัวอะไร หลอนมาก แต่หนังงั้นๆ จากคุณ : Xiangong - [ 18 ส.ค. 46 19:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โห ! หลบภาพบนไม่ทัน ดูซาดาโกะ จบตั้งนาน หน้าตอนท้าย ๆ ที่ไต่ขอบบ่อขึ้นมานะ ติดตาเพิ่งจะหาย เห็นกระทู้ ไคโร ตั้งแต่เมื่อวาน ไม่กล้าตอบ เพราะต้องนึกถึงเนื้อเรื่อง .. แค่อ่านชื่อยังเสียวสันหลัง ใครไม่กลัวไม่รู้ แต่เรากลัวน่ะ .. หนังผี ๆ นี่กลัวทุกเรื่องเลย .................................... ประเด็นหนึ่งที่หนังพยายามเสนอ คือ ปริมาณของผีที่มากขึ้น ไม่มีที่อยู่ จึงต้องหาทางออกมา แต่คนกลัวผีมาก จึงพยายามปิดกั้นทุกทาง ไม่เชิง ว่า จะเปรียบคนเล่นเน็ท ติดเน็ท เก็บตัว เดียวดาย จนไร้วิญญาณเหมือนผีโดดเดี่ยว แต่ น่า จะเป็นประเด็นตรงข้ามด้วย คือ ไม่มีคน สามารถเข้าถึง คนไร้วิญญาณได้ .. ไม่มีความเห็นใจ ไม่มีความเมตตาต่อผี เพราะความกลัวความโดดเดี่ยวแห่งโลกวิญญาณ ซึ่งในที่สุดคนเหล่านี้ ก็ถูกความกลัวครอบงำ จนกลายเป็นการโดดเดี่ยว ในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ต่างกับ ผี ซึ่งในที่สุด คนเหล่านั้นแหละ ที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของผีเช่นกัน ผีเพราะโดดเดี่ยว ผีเพราะปฏิเสธคนที่โดดเดี่ยว .. ท้ายที่สุด ตนเองก็โดดเดี่ยว เช่นกัน ชายหนุ่ม ตัวที่เดินเรื่อง .. ไม่ใช่คนที่ติดเน็ทนะ เล่นคอมพ์ ใช้คอมพ์ ไม่เป็นเท่าไหร่ แค่เป็นคนที่อยากมีเพื่อน เป็นคนที่แสวงหาเพื่อน หรือนัยนึงอยากมีเพื่อน ฉากสุดท้าย บนเรือ ผู้หญิงคนนั้น พูดว่าไง จำไม่ได้มากนัก แต่เป็นประเด็น ของเพื่อน ส่วนผีย้วย ๆ ทั้งหลาย ไม่มีโอกาสได้เห็นเลย แค่ได้ยิน ซาวน์ดประกอบว่า ย้วยมาแน่ ๆ .. เราปิดตาไว้หมด จบเห่กัน ไม่รู้จะดูหนังผีไปทำไร จากคุณ : totoh995 - [ 18 ส.ค. 46 21:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นอย่างที่คห.13บอกแหละคับ ในหรังก็จะมีบอกด้วยนะ ว่าทำไมผีในเรื่องถึงสามารถแพร่พันธุ์ออกไปได้ แล้วก็เพราะความอยากรู้อยากเห็นของคนเราเลยทำให้เรื่องราวมันดำเนินไปแนวนั้นแหละ จากคุณ : ฉันมีความสุขในทุกๆวัน - [ 18 ส.ค. 46 23:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เค้าถึงแปลว่า ผีอินเตอร์เนต ไงครับ มันเหมือนกับว่า คนเรามันติด net จนหลุดจากสังคมที่แท้จริง ไปอยู่รวมกับพวกผีขี้เหงา อะไรทำนองนี้แหละ แต่อ้ายฉากบนเรือ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จากคุณ : โต - [ 19 ส.ค. 46 11:00:22 A:210.86.204.166 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอสรุปตอนจบนิดนึงนะ ใช่แบบนี้รึป่าว เป็นว่านางเอกกับพระเอก ขึ้นเรือหนีทั้งเมือง เกือบหายไปกันหมดแล้ว (ขนาดบนเครื่องบินคนขับยังหายไปเลย) ตอนที่อยู่บนเรือ นางเอกก็พูดในใจว่า "...ชั้นอยู่กับเพื่อนคนสุดท้ายในโลกนี้....."พระเอก นั่งพิงกำแพงแล้วก็ค่อยๆหายไปเหมือนคนอื่น (โธ่ สงสารอ่ะ) ถ้าผิดขออภัยด้วยน้า เพลงตอนจบก็เพราะดี จากคุณ : นายกระเทียมเจียว - [ 19 ส.ค. 46 20:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรียบเรียง จากคุณ เจ้าชายน้อย ณ บอร์ดลานไทยมุงครับ http://www.thaimung.net/lanthaimung/ ......................................... หนังเล่าเรื่องของสองเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่เกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน การหายไปของโปรแกรมเมอร์ นำตัวละครหลักไปสู่เงื่อนงำบางอย่าง จากแผ่นดิสก์ที่ถูกทิ้งไว้ กับความผูกพันของชายหนุ่มกับหญิงสาวอันเนื่องมาจาก อินเตอร์เนทที่เปิดเองได้แล้วถามว่า ......คุณอยากเจอผี มั้ย........ จริงๆแล้วหนังพูดถึงความโดดเดี่ยว.... ตัวละครในเรื่องแทบจะไม่ได้คุยกับใครที่-สนิท-กันจริง แม่ถามมิตจิว่าทำไมไม่ไปหาพ่อ เธอตอบว่าไม่เป็นไรเธอมีเพื่อน ............ เพื่อนแบบที่เจ้านายของเธอพูดไว้ตอนกลางๆเรื่อง .....เธอต้องการเหรอ ความสัมพันธ์ที่ยิ่งแน่นแฟ้นจนย้อนกลับมาทำร้ายเธอเอง .....อันนี้ก็คือแนวคิด ดวงไฟในหน้าจอนั่นเอง ถ้าดวงไฟอยู่ใกล้กันมากเกินไปมันจะทำลายกันเอง แต่ถ้าไกลเกินไปมันจะดึงดูดเข้ามาหากัน ....... ทั้งสองเรื่องพุดถึง -การสื่อสาร-ของเรานั่นเอง ......................... การสื่อสารที่ล้มเหลวมักเป็นประเด็นของหนังเอเซียสมัยใหม่ ความเปลี่ยวเหงาของคนเมือง อันมาจาก การสื่อสารที่มากเกินไป ....นักวิจารณ์คนนึงเคยบอกว่า เหตุที่มันดดเด่นในหนังเอเซีย เพราะชาติเรายังยึดอยุ่กับสถาบันครอบครัว.....แต่ตอนนี้เราไกลออกมาทั้งที่ใจโหยหามัอยู่ .............. หนังเปิดประเด็นทำนองว่า เมื่อมีผีมาแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ คิดดูซิว่าปัจจุบัน ผีจะมากมายแค่ไหน มากจนล้นออกมาในโลกของเรา ........โดยผ่านทางโมเด็มและห้องติดเทปสีแดง ....................... การหายไปของตัวละครทุกตัวเกดในห้องหับคับแคบ ห้องที่เราเปิดเชื่อมต่อโลกด้วยคอมพิวเตอร์ฃแต่ปิดจากคนรอบข้าง เราเอาเทปสีแดงปิดทับทุกรอยแตกจนมิดชิด ห้องต้องห้าม...บางทีอาจไม่ใช่อะไรนอกเหนือจากใจของเราเอง หัวใจที่ถูกปิดและจมอยู่กับความเดียวดายของตัวเอง สุดท้ายก็สลายกลายเป็ร่องรอยสีดำที่คอยกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ......และทำลายตัวเองกลายเป็นอณูเล็กๆกลมๆล่องลอย ...เหมือนกับภาพ ดวงไฟในหน้าจอนั่นเอง การสื่อสารที่มากเกินไป ทำให้เราไกลจากคนอื่นเหมือนอยุ่ในห้องต้องห้ามและจมลึกในตัวเองจนทำลายวิญญาณของตัวเอง .................................................................................................................................................. ช่วงนี้ ถ้าใครยังไม่ดูหนัง ข้ามไปก่อนนะครับ ต้องเฉลยตอนจบ ยิ่งเวลาดำเนินไป ตัวละครก็ลดลงเรื่อย สูญหายไปในห้องต้องห้ามเหล่านั้น จนท้ายที่สุดคนที่เหลือรอดไปกับเรือลำหนึ่ง ผมดันรู้สึกเหมือนนี่เป็นเรเรือของโนอาห์ และวันสิ้นโลกเดินทางมาถึง .................... ภาพจากระยะไกลตอนท้ายมองเห็นเรือเป็นจุดสีขาว กลางจุดเล้กสีขาวอีกมากมายที่ทิ้งระยะห่างกัน เอ...นี่มันภาพ ดวงไฟในจอ ..งนี่นาอีกทีนึง ................................ ................................................................................................................................................... สมมติข้ามเมื่อกี้ไปตรงนี้อ่านได้แล้วครับ เหนือไปจากเรื่องชวนคิดที่ผมคิดเตลิดไปไกลข้างบน จุดเด่นของหนังอยู่ที่ภาพและเสียง ผี ที่เห็นในหนังถูกนำเสนอแบบ คนที่แอบอยู่หลังเสา มองเห็นหน้าไม่ชัด .....เป็นผีแบบที่ไม่ต้งมาแลบลิ้นปลิ้นตา แต่ได้ภาวะของความกลัวอย่างถึงที่สุด เพาะความกลัวเกิดจากความไม่รู้ ในหนังฝรั่งเวลาผีออกมาแล้วเราจึงกลัวลดลง หันไปขยะแขยงกับภาพที่นักวาดคิดค้นมาแทน ..........เรื่องของเสียง หนังใช้พลังด้านี้อย่างเต็มที่ ทั้งความเงียบ ดนตรีหลอนๆ หรือเสียงโมเด็ม กลายเป็นเสียงน่ากลัวขึ้นมาได้เลย ........................... จากคุณ : [win] - [ 21 ส.ค. 46 21:53:47 ]