ชวนดูหนังเกี่ยวกับสถานภาพสตรีจากเยอรมนี-ตุรกี และอินเดีย สัปดาห์หน้าค่ะ

    ในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีหนังเกี่ยวกับสถานภาพสตรีที่น่าสนใจสองเรื่องเปิดฉายให้ชมฟรี ซึ่งได้แก่หนังเยอรมันเรื่อง Farewell to False Paradise ที่กำกับโดยชาวตุรกีและมีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงตุรกีในเยอรมนี โดยเรื่องนี้จะเปิดฉายที่สถาบันเกอเธ่ อินเตอร์นาซิโอนเนส ซ.สาทร 1 ในวันพุธที่ 3 ก.ย. เวลา 18.30 น. ติดต่อสอบถามข้อมูล โทร.02-287-0942-4

    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือหนังอินเดียแนวเลสเบียนเรื่อง Fire (1996) ซึ่งจะเปิดฉายให้ชมฟรีในวันศุกร์ที่ 5 ก.ย. เวลา 17.00 น. ที่ห้องกิจกรรมเรวัต พุทธินันทน์ ชั้นใต้ดิน 2 หอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ 02-613-3530 ต่อคุณจิราพร

    (สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องของสถานภาพสตรี ขอแนะนำให้ดูละครเวทีเรื่องโชคล้านดวงที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาค่ะ ละครจะมีแสดงวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย เวลา 14.00 น. และ 18.30 น. เป็นละครที่สนุกมากๆเรื่องนึง)

    โอกาสนี้ก็เลยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหนังสองเรื่องนี้, หนังเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ และข่าวอื่นที่ไม่เกี่ยวกับหนังมาให้อ่านกันด้วยค่ะ

    ลำดับข้อมูลในวันนี้
    1 .FAREWELL TO FALSE PARADISE
    2.FIRE
    3. แนะนำหนังสือ War Talk ของนักเขียนหญิงอินเดีย
    4. NADJA
    5. GASOLINE
    6. LOVE AND HUMAN REMAINS
    7. MULTIPLE MANIACS
    8. SPUN
    9. TAN DE REPENTE
    10. MISSING YOUNG WOMEN
    11. SALMONBERRIES
    12. A BOY NAMED SUE
    13. JOHNY GREYEYES
    14. GAUDI AFTERNOON
    15. THE GIRL
    16. CHRISSY
    17. HEAVEN (หนังเรื่องนี้จะเริ่มฉายที่โรงสกาล่าวันอังคารที่ 2 ก.ย.)
    18. เคท เบคคินเซล, LAUREL CANYON และโดโรธี แอร์สเนอร์

    ***ข้างล่างนี้จะมีการเล่าเรื่องย่อของหนังบางเรื่อง***

    1. FAREWELL TO FALSE PARADISE (1988)

    ภาพยนตร์เกี่ยวกับผู้อพยพที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือภาพยนตร์เยอรมันเรื่อง Farewell to False Paradise (1988) ซึ่งกำกับโดยเทฟฟิค เบเซอร์ ซึ่งเป็นชาวตุรกี และจะมาเปิดฉายให้ชมฟรีที่สถาบันเกอเธ่ อินเตอร์นาซิโอนเนส ซ.สาทร 1 ในวันพุธที่ 3 ก.ย. เวลา 18.30 น. โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงตุรกีที่ยินดีใช้ชีวิตอยู่ในคุกในเยอรมนีแทนที่จะกลับประเทศของตัวเอง

    Farewell to False Paradise ดัดแปลงมาจากนิยายของซาลินา ไชน์ฮาร์ดท์ และมีเนื้อหาเกี่ยวกับเอลิฟ นักโทษหญิงที่พยายามฆ่าตัวตายก่อนจะถูกปล่อยออกจากคุก โดยเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านั้นเธอได้รับการพิพากษาให้ติดคุก 6 ปีในข้อหาฆ่าสามีของเธอเอง เธอพูดภาษาเยอรมันแทบไม่ได้ และต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวในคุกในช่วงแรกๆ ในขณะที่ยามประจำคุกก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับเธอเป็นนักโทษธรรมดา

    เมื่อพี่ชายของเอลิฟมาเยี่ยมเธอ เขาก็เตือนเธอว่าพี่น้องของสามีของเอลิฟรอที่จะแก้แค้นเธออยู่ เอลิฟรู้สึกทุกข์ทรมานกับการใช้ชีวิตในต่างแดนในช่วงแรกๆ และเธอเขียนจดหมายไปหาแม่ของเธอเพื่อเล่าเรื่องนี้ แต่ในเวลาต่อมา เอลิฟก็เริ่มผูกมิตรกับนักโทษหญิงคนอื่นๆ และนักโทษชายชื่อเคมัลก็เขียนจดหมายรักมาหาเธอด้วย เอลิฟเริ่มรู้สึกไม่ต้องการออกจากคุก เพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอออกจากคุก เธอจะถูกส่งตัวกลับประเทศบ้านเกิด

    Farewell to False Paradise เป็นผลงานการกำกับเรื่องที่สองของเทฟฟิค เบเซอร์ และเนื้อหาของเรื่องนี้คล้ายกับเป็นตอนต่อของผลงานการกำกับเรื่องแรกของเขา ซึ่งได้แก่เรื่อง 40 Square Metre of Germany โดยในเรื่องแรกนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งถูกสามีทุบตีและข่มขืนและไม่สามารถหาทางออกในชีวิตได้ และเหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การฆาตกรรมในเวลาต่อมา

    ในเรื่องที่สองนี้ เบเซอร์มุ่งความสนใจไปที่ความพยายามของผู้หญิงชาวต่างชาติคนหนึ่งในการทำความรู้จักกับผู้หญิงคนอื่นๆ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการเรียนภาษาเยอรมัน, การพูดคุยกันอย่างระมัดระวัง และการรู้จักเข้าไปหาผู้อื่น

    คุกในภาพยนตร์เรื่องนี้มีลักษณะตรงข้ามกับภาพยนตร์ทั่วไป เพราะในขณะที่ภาพยนตร์ทั่วไปนำเสนอภาพของคุกในฐานะสถานที่ที่ทำลายความเป็นมนุษย์ คุกในภาพยนตร์เรื่องนี้กลับเป็นโลกที่ให้ความสงบสุขแก่เอลิฟ เพราะคุกนี้มีแต่ผู้หญิง เอลิฟไม่ต้องถูกกดขี่ด้วยผู้ชายและอำนาจของผู้ชายอีกต่อไป

    เบเซอร์ซึ่งเป็นชาวตุรกีไม่ได้ตั้งใจที่จะเปรียบเทียบค่านิยมของเยอรมนีกับตุรกีในเรื่องนี้ เขาเพียงแค่ต้องการแสดงให้เห็นสิ่งที่ขัดแย้งกันเมื่อโลกทั้งสองโลกมาบรรจบกัน โดยเขากล่าวว่า "การที่เอลิฟปรับตัวเข้ากับสังคมเยอรมัน ไม่ได้หมายความว่าเธอทิ้งอดีตของตัวเอง เธอเพียงแค่ไม่ตกเป็นทาสของอดีต เธอมีเสรีภาพที่จะทำในสิ่งที่เธอต้องการกับอดีต แต่ในอนาคตเธอจะไม่ทำตัวเหมือนอย่างผู้หญิงเยอรมันหรือรู้สึกเหมือนกับผู้หญิงเยอรมัน เอลิฟจำเป็นต้องค้นหาหนทางของตัวเอง"

    2. FIRE (1996, Deepa Mehta)

    Fire มีเนื้อหาเกี่ยวกับสิตา ( Nandita Das) ซึ่งแต่งงานกับจาติน (Jaaved Jaafari) และย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัวของเขาที่เปิดร้านวิดีโอกับร้านขายของเบ็ดเตล็ดในนิวเดลี โดยในบ้านนี้เธอต้องอยู่ร่วมกับอโศก (Kulbushan Kharbanda) ซึ่งเป็นพี่ชายของจาติน, รัดฮา (Shabana Azmi) ซึ่งเป็นภรรยาของอโศก, บีจี (Kushal Rekhi) ซึ่งเป็นแม่ของจาตินกับอโศก และมุนดู (Ranjit Chowdhry) ซึ่งเป็นคนใช้ที่คอยรับใช้บีจีในเวลากลางวัน โดยมุนดูนั้นชอบแอบหยิบวีดีโอจากร้านขึ้นมานั่งดูเพื่อทำมาสเตอร์เบชัน พฤติกรรมดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้บีจีแต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรมุนดูได้เพราะร่างกายของเธอไม่แข็งแรง

    สิตากับจาตินแต่งงานกันแบบคลุมถุงชน เพราะอโศกยืนยันว่าครอบครัวนี้ต้องการทายาทแต่เขาไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้เพราะรัดฮาเป็นหมัน จาตินเป็นชายหนุ่มหัวสมัยใหม่แต่เขาก็ยอมทำตามคำสั่งของอโศก โดยเขายังคงคบหากับจูลี (อลิซ ปูน) เมียน้อยของเขาที่เป็นชาวจีนต่อไป และเมื่อสิตาค้นพบว่าสามีมีเมียน้อย จาตินก็ไม่ได้ขอโทษสิตาแต่อย่างใด เขากลับกล่าวว่า “จูลีฉลาดและน่ารัก คุณน่าจะได้พบกับเธอ”

    สิตาเป็นทุกข์ที่สามีไม่รักเธอ ส่วนรัดฮาก็เป็นทุกข์เพราะสามีห่างเหินจากเธอหลังจากรู้ว่าเธอเป็นหมัน โดยอโศกนั้นเชื่อฟังคำสอนของสวามีผู้หนึ่งที่แนะให้อโศกงดเว้นจากกิจกรรมทางเพศ หลังจากนั้นไม่นานสิตาและรัดฮาก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน และความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันก็นำไปสู่การแตะเนื้อต้องตัวกันและนำไปสู่เพศสัมพันธ์ในเวลาต่อมา

    Fire ยังแสดงให้ผู้ชมเห็นอีกด้วยว่าเลสเบียนเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีหลักฐานบันทึกไว้มากนักในสังคมอินเดียสมัยก่อน ซึ่งเห็นได้จากการที่ภาษาฮินดีไม่มีคำว่าเลสเบียน ในขณะที่สามีของทั้งสองรู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าจะรู้สึกว่าสถานะของตัวเองถูกคุกคาม ทางด้านสิตาและรัดฮานั้นเข้าใจสถานการณ์ได้ดีกว่าฝ่ายสามี ทั้งสองมองออกว่าชีวิตของทั้งสองนั้นว่างเปล่าและไร้จุดหมาย เพราะสามีของทั้งสองเห็นว่าทั้งสองเป็นเพียงแม่พันธุ์และพนักงานที่ไม่ต้องจ่ายเงินจ้าง

    Deepa Mehta ผู้กำกับหญิงวัย 53 ปีของเรื่องนี้กำลังจะมีหนังเรื่อง Bollywood/Hollywood เข้ามาเปิดฉายที่โรงภาพยนตร์ลิโดในโครงการ Little Big Film Project นอกจากนี้ Mehta ยังเคยกำกับหนังเรื่อง Earth (1998), Camilla และ Sam & Me

    จากคุณ : Madeleine de Scudery - [ 29 ส.ค. 46 22:04:29 A:203.156.48.39 X: ]