A2460171 เมื่อเช้าในรายการคุณสรยุทธ เขาเล่าว่านักเรียนแลกเปลี่ยน.... [วิทยุ-โทรทัศน์]

ความคิดเห็นที่ 7

นี่กระทู้เก่านะ แต่แนะนำให้อ่านเป็นอย่างยิ่ง
.
Unfair exchange: ความเจ็บปวดของเด็กไทยจากโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน

แปลและเรียบเรียงจาก เรื่องเล่าของคุณ ALONGKORN PARIVUDHIPHONGS จากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post http://www.bangkokpost.com/en/Outlook/29Oct2001_out63.html

โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนในต่างประเทศไม่ใช่จะให้สิ่งที่เราคาดหวังไว้เสมอไป นี่คือบางส่วนที่ผู้ปกครองควรจะทราบไว้ด้วยเหมือนกัน ว่ามันก็มีด้านไม่ดีหรือด้านมืดเช่นเดียวกัน

นักเรียนไทยที่ไปเรียนตามโครงการแลกเปลี่ยนหลายรุ่นๆ เมื่อกลับมาก็มีเรื่องที่น่าประทับใจและความรู้โลกทัศน์มากมายมาเล่า แต่บางส่วนซึ่งก็เป็นส่วนน้อยที่จําต้องหยุดความฝันนั้นและมีอันต้องกลับมาก่อนกําหนด โครงการแลกเปลี่ยนบางครั้งมันก็ไม่ได้สวยงามน่าพิศมัยเหมือนดังที่เขียนไว้ในแผ่นพับโฆษณาเสมอไป

"ขวัญ" ต้องถูก host family (ครอบครัวดูแล) ขับออกจากบ้านในเวลาตีสอง โทษฐานที่ไม่ยอมทํางานหาเงินพิเศษจากการไปทํางานนอกเมืองตามที่ครอบครัวดูแลวางแผนอยากให้ทํา

"อลัน" กลับมาก็ฟ้องว่า ตัวเองไม่เคยได้ทานอาหารที่ดีๆเลย เพราะครอบครัวดูแลของเขากําลังมีปัญหาทางการเงิน ไม่มีปัญญาแม้กระทั่งจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัวตนเอง นับประสาอะไร..

"ป๊อบ" ต้องมาช็อคเมื่อพบว่าครอบครัวดูแลของตนซึ่งเป็นอเมริกันเชื้อสายอินเดียแดงอาศัยบ้านแบบรถพ่วงอยู่ แม้เขารู้ว่าป๊อบเป็นพุทธ ครอบครัวดูแลก็พยายามให้เขาเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาตามแบบเผ่าของเขา

"จุ๋ม" เปลี่ยวเหงาอ้างว้างอยู่ที่บ้านตามลําพัง เพราะhostของเธอยุ่งแต่ทํางานนอกบ้าน ไม่มีเวลาจะมาดูแลเอาใจใส่เธอ

นักเรียนแลกเปลี่ยนไทยที่เหลือก็มักบ่นว่าถูกใช้เหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือคนใช้ทํางานบ้าน

แต่เรื่องของ "นัท" ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสะเทือนใจที่สุดเรื่องหนึ่ง

ตอนที่นัทมาถึงบ้านครอบครัวดูแล นัทกลับถูกบอกว่าไม่ต้องการจะรับไว้(ไม่ต้อนรับ) แต่จะให้อยู่ไปก่อนได้เพียงสองสามวันจนกว่าจะหาครอบครัวใหม่มารับแทน สามเดือนผ่านไปก็ยังไม่มีครอบครัวใหม่มารับต่อ นัทซึ่งมีสภาพเครียดจัดต้องส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล

ต่อมา AISE (American International Student Exchange Program) องค์กรดูแลและจัดนักเรียนแลกเปลี่ยนของอเมริกาที่ร่วมกับ TATCA (Thai-American Technical Cooperation Association) องค์กรที่จัดส่งนัทไปอเมริกาก็ส่งตัวนัทกลับมาก่อน ทั้งๆที่คัดค้านกับความเห็นของแพทย์ที่บอกให้อยู่ต่อได้

คุณพ่อของนัท คือคุณ Sansern Thammavit ตกใจมาก เมื่อมาทราบทีหลังว่า TATCA ไม่ได้แจ้งอะไรให้ทราบเลยว่าลูกชายจะต้องกลับมาก่อน และไม่ได้รับแจ้งว่าลูกต้องไปอยู่โรงพยายาบาลด้วยซํ้าไป ด้วยความโกรธที่ TATCA ไม่ได้ทําหน้าที่ดูแลบุตรชายดังที่สัญญาไว้ จึงทําการฟ้องในข้อหาหลอกลวงต่อประธานและเลขาฯของ TATCA ในเดือนมีนาคม

หากอัยการรับและส่งฟ้องศาล คดีนี้คงเป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ไทยเลยทีเดียวที่เกี่ยวข้องกับโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน คุณสรรเสริญบอกว่าต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจากศาลเพราะ TATCA ปฎิเสธจะรับผิดชอบเรื่องการขาดการเอาใจใส่ดูแลลูกชายของตน และขณะนี้กลับหาหน่วยงานด้านกฏหมายของรัฐที่จะเข้ามาช่วยเหลือเพื่อทําคดีดังกล่าวไม่ได้เลย

Bangkok Post พบว่าจริงๆแล้วไม่มีหน่วยงานรัฐบาลไหนเลยทั้งของไทยและของสหรัฐที่มีหน้าที่ดูแลเฝ้ามองเกี่ยวกับโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน คอยไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง หรือเข้ามาช่วยเหลือยามนักเรียนประสบปัญหาทางจิตใจ แต่ก็น่าแปลกที่ ทั้งที่ไม่มีกลไกดังกล่าว ความต้องการในการไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของไทยกลับสูงขึ้น ทุกๆปีเด็กวัยรุ่นไทยไปเมืองนอกตามโครงการแลกเปลี่ยนแบบดังกล่าวนี้นับหลายพันคน

โครงการแลกเปลี่ยนที่มีชื่อที่สุดในเมืองไทยก็คือ AFS (American Field Service) ที่อยู่ใต้การอุปถัมภ์ของรัฐบาลสหรัฐ โครงการอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นเอกชน (แม้บางอันจะบอกว่าร่วมกับรัฐบาล) ปีนี้ TATCA เรียกค่าใช้จ่ายสําหรับการเข้าโครงการของตน 250000 บาทต่อหัว ซึ่งบอกว่าอันเพื่อเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าประกัน ค่าปฐมนิเทศน์ และอื่นๆ ที่ต้องจัดเตรียม แต่คุณสรรเสริญไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่

TATCA รับนักเรียนประมาณ 70-100 ต่อปี รวมๆแล้วในปี 2002 น่าจะได้ถึง 17.5ล้านบาท แต่ AISE เป็นองค์กรไม่เอาผลประโยชน์ และครอบครัวดูแลในสหรัฐก็เป็นการอาสาสมัครฟรี ไม่ต้องไปจ่ายเขา ซึ่งก็เป็นคําถามต่อคุณสรรเสริญว่าอันนี้เป็นธุรกิจหากําไรขนาดใหญ่ในนามโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนหรือเปล่า

เกือบปีแล้วที่คุณสรรเสริญพยายามก่อตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวของผู้ปกครองที่ส่งลูกไปเรียนในโครงการแลกเปลี่ยน โดยเรียกร้องให้ผู้ปกครองที่ลูกๆของตนได้รับความเดือดร้อนกลับมาออกมาร่วมร้องทุกข์ เพื่อจะได้รวบรวมคําร้องและหลักฐาน เพื่อจะได้เพิ่มนํ้าหนักในการนําไปส่งฟ้องคดีความ

ในส่วนหนึ่งของจดหมายร้องทุกข์โดยผู้ปกครองอื่นๆที่ส่งมาร่วมสนับสนุนในสํานวนฟ้องของคุณสรรเสริญทําให้เราเห็นภาพความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับเด็กๆหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในขณะอยู่กับครอบครัวดูแลหรือ host family เช่น

คุณประสงค์ เขียนว่า "ลูกสาวผมร้องห่มร้องไห้กรีดร้องแทบเหมือนเป็นบ้า ตอนที่คุยกันทางโทรศัพท์ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน" (เด็กคนนี้ถูกส่งกลับหลังจากอยู่ในอเมริกาได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ คุณพ่อเธอบอกว่าลูกสาวมีอาการกระทบกระเทือนทางจิตอย่างรุนแรง)

เลขานุการของ TATCA คุณ Ramyong Sakornpan แย้งว่า TATCA กําลังจัดการปัญหาเพื่อแสดงความรับผิดชอบหลังจากได้รับการร้องเรียนมา ซึ่งได้ให้ AISE เข้ามาเป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จากการวิเคราะห์รายงานที่เขียนร้องทุกข์มา AISE พบว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการขาดความเข้าใจที่ดีในส่วนของผู้ปกครอง และความยังไม่เป็นผู้ใหญ่ของนักเรียนไทย

"เห็นได้ชัดว่าปัญหาเกิดจากความแตกต่างทางวัฒนธรรม และการไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของโครงการแลกเปลี่ยน ผู้ปกครองรู้สึกจะคาดหวังมากเกินไป คิดว่าชีวิตในอเมริกาจะเป็นเหมือนที่เห็นในภาพยนตร์ ดิฉันมักยํ้าแก่นักเรียนเสมอตอนปฐมนิเทศน์ว่าช่วงเดือนแรกที่ไปอยู่อเมริกานี่เหมือนอยู่ในนรกเลย เราต้องพยายามเรียนรู้รีบปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมเขามากที่สุด"

เพื่ออํานวยความสะดวกสบายแก่นักเรียนไทยให้มากขึ้น AISE ได้คัดเลือกครอบครัวดูแลจากชนชั้นกลางที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆให้ แต่ลักษณะรูปแบบชีวิตสไตล์เงียบๆ เรียบง่ายแบบชนบท อาจจะไม่เข้ากับรสนิยมของนักเรียนไทยทุกคนได้ เด็กไทยส่วนใหญ่ยังติดผู้ปกครองอยู่ บางทีก็ได้รับการตามใจเลยเอาแต่ใจตัวเกินไปจนไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวใหม่ที่แตกต่างจากของตนได้

มีบ่อยครั้งที่ผู้ปกครองของนักเรียนไทยเข้าใจผิดว่า ลูกหลานของตนถูกใช้งานหรือเอาเปรียบทางแรงงานเพียงเพราะถูกhost family ขอให้ช่วยเหลือทํางานบ้านต่างๆ "นี่คือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของโปรแกรม"

"โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องของความสนุกสนาน มันเป็นเรื่องของประสบการณ์ชีวิตและความเป็นเลิศทางวิชาการบวกกัน" คุณ Rattiya Pitakwong ผู้ส่งลูกสามคนไปเรียนแลกเปลี่ยนกล่าว "เด็กๆควรรู้จักเรียนรู้การแก้ปัญหา แต่ถ้าปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขหรือทําให้ดีขึ้น ก็ไม่ควรท้อถอยยอมแพ้ ควรจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลโปรแกรมทราบโดยเร็ว"

จากคุณ : แปลและเรียบเรียงโดย (Neung U.P.)
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topicstock/H1160386/H1160386.html

จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 18 ก.ย. 46 17:49:52 ]