เรื่องเด็ดๆๆ ของโอเด็ด จากmanager.com

    วินาทีนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนฮอตไปกว่า “โอเด็ต เฮนเรียต แจ็คโคมิน” อีกแล้ว เพราะคุณเธอช่างขยันเป็นข่าวซะจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำนมหลุดบนเวที หรือว่าเรื่องควงผู้ชายที่ดังสุด ๆ ของประเทศพร้อมกันถึงสองคน



    แน่ละ…จะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้หนุ่มนักหวด “ภราดร ศรีชาพันธุ์” และ “พานทองแท้ ชินวัตร” ลูกชายสุดหล่อของท่านนายกฯ



    ร้อนปรอทแตกซะขนาดนี้ คงต้องไปทำความรู้จักกับ “โอเด็ต” กันให้เยอะๆ ซะแล้ว....



    “โอเด็ตเกิดและก็โตที่ฝรั่งเศส คุณพ่อดุมากเพราะเป็นทหารเรือ เค้าจะชอบเอากฎทหารมาใช้กับลูก ๆ เวลานั่งกินข้าวก็ต้องนั่งหลังตรง กินห้ามมีเสียง ช้อนกระแทกจานนี่ไม่ได้เลย ไม่งั้นจะโดนตบ”



    แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่เปรี้ยวปรี๊ดอย่างโอเด็ตจะมาจากครอบครัวที่โหดสุด ๆ

    “พ่อเค้าจะห้ามโอเด็ตทำทุกอย่าง ห้ามมีเพื่อน ห้ามพาเพื่อนมาบ้าน เวลาเพื่อนโทรมาที่บ้านพ่อรับเค้าจะถามเลยว่ามีอะไร ไม่ต้องคุยกัน และก็ห้ามไปเที่ยว จนอายุ 15 โอเด็ตก็ยังไม่เคยไปไหนกับเพื่อนเลย เค้าจะเข้มงวดในทุก ๆ เรื่อง อย่างเลิกเรียน 3 โมงครึ่ง 3 โมง 45 โอเด็ตต้องถึงบ้าน เลิกเรียนปุ๊บต้องรีบเก็บกระเป๋ากลับบ้านอย่างเดียว ถ้าเกิด 15 นาทีไม่ถึงบ้านพ่อตามมาตบถึงที่โรงเรียนเลย”



    “จำได้ว่าโอเด็ตโดนพ่อตบครั้งแรกตอนอายุ 12 และตบไม่ใช่ตบแบบธรรมดา แต่ตบแบบเลือดกลบปากเลย”



    “คือตอนนั้นพี่เลี้ยงที่เค้าลาออกไปแล้วมาเยี่ยมที่บ้าน ซึ่งคุณพ่อเคยสั่งไว้ว่าห้ามพาใครเข้าบ้านเดี๋ยวเค้าจะมาขโมยของ แต่โอเด็ตมีความรู้สึกว่าเค้าเป็นพี่เลี้ยงเราน่ะ เค้าเลี้ยงเรามาตั้งหลายปี ก็เลยแอบพาเค้าเข้ามา พอพ่อกลับมาเจอเห็นว่ามีพี่เลี้ยงนั่งอยู่ในบ้าน เค้าไม่ด่าพี่เลี้ยงนะ แต่กระชากหัวโอเด็ตเข้าไปตบเพี้ยเลือดกระเด็นเลย”



    “ความรู้สึกตอนนั้นคือมันแย่มาก ๆ ทำไมเค้าต้องทำขนาดนั้นกับเด็กอายุแค่ 12 ตรงนั้นมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โอเด็ตกดดัน รู้สึกว่าทำไมพ่อไม่รักเรา ทำไมเค้าถึงทำกับเราแบบนี้ และยิ่งเค้าทำกับโอเด็ตมาก ๆ ก็ยิ่งทำให้โอเด็ตรู้สึกอึดอัด ทำไมโอเด็ตไม่ได้ไปเที่ยว ทำไมไม่ได้ไปเดินห้าง ทำไมไม่ได้ไปนั่งกินไอติม ทำไมไม่มีเพื่อนผู้ชาย คิดอยู่ในใจอย่างนี้มาตลอดไม่กล้าเถียง แต่ทำเลย หนีไปเที่ยวกับเพื่อน พอกลับมาถึงบ้านคุณพ่อก็ตบเลย”



    และสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อคุณพ่อโอเด็ตแต่งงานใหม่…

    “พอพ่อมีแฟนใหม่เราก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี เพราะแค่นี้พ่อก็ไม่รักเราอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมีคนมาแย่งความรักเราไปอีก โอเด็ตสับสนและก็ไม่พอใจ รู้สึกแอนตี้แม่ใหม่มาก ก็เลยหาเรื่องทะเลาะกับแม่ใหม่อยู่บ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่มันไม่มีอะไรเลย คือเราทำตัวเราเอง ทำให้มันมีปัญหาเอง ถามว่า ณ ตอนนั้นจะทำใจให้ยอมรับได้ไหม ก็ทำได้ แต่โอเด็ตไม่ทำ”



    “ทีนี้พอปัญหามันสะสมมาเรื่อย ๆ มันก็เริ่มจะรุนแรง โอเด็ตทะเลาะกับแม่ใหม่จนลงไม้ลงมือตบตีกันเลย วินาทีนั้นคือมันสุดแล้ว รู้สึกว่าไม่ไหว ไม่อยากเห็นหน้าพวกเค้าแล้ว ที่บ้านก็ไม่มีใครเอา และโอเด็ตก็ไม่เอาใคร เลยตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปอยู่อังกฤษ”



    “โอ๊ย ! วันแรกที่ไปถึงอังกฤษนะ เที่ยวก่อนเลย เที่ยวกระจาย เที่ยวทั้งกลางคืนกลางวัน บางวันก็ไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ซึ่งก็ไม่รู้จะไปทำไมเพราะโอเด็ตไม่ใช่เด็กที่แบบรักศิลปะเลย แต่มันคงจะเป็นประมาณขอให้ได้ออกจากบ้านก็พอ แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ไปไหนก็จะไปนั่งแต่งหน้าเล่นอยู่บ้านเพื่อน แต่ไม่ได้แต่งให้ตัวเองนะ ชอบแต่งให้เพื่อนเพราะรู้ว่าตัวเองน่าเกลียด ก็เลยระบายออกโดยการแต่งให้เพื่อน”



    เมื่อได้รับอิสระเสรีซะขนาดนี้ เที่ยวก็ซะขนาดนั้น สงสัยเหลือเกินว่าหัวใจดวงน้อย ๆ ของสาววัยละอ่อนอย่างโอเด็ต เริ่มมีหนุ่ม ๆ เข้ามาจี๋จ๋าบางหรือยัง ….

    “ไม่มีเลยพี่ ตอนอยู่ฝรั่งเศสก็ไม่มี อยู่อังกฤษก็ไม่มีเพราะตอนเด็ก ๆ โอเด็ตเป็นเด็กน่าเกลียด โคตรน่าเกลียดเลยแหละ แบบว่าหน้าตาขี้เหร่มาก เพื่อน ๆ ฝรั่งนะเค้าโตเร็วกันทั้งนั้น มีหน้าอก มีก้นกันทุกคน แต่โอเด็ตไม่มีอะไรเลย ตัวก็ดำ ตาดำ ผมดำ หน้าอกก็ไม่มี เวลาเลิกเรียนเพื่อน ๆ ก็จะมีแฟนมารับกัน แต่โอเด็ตไม่เคยมีเพื่อนผู้ชาย ต้องรีบหอบกระเป๋างก ๆ กลับบ้านไม่งั้นโดนตบ (หัวเราะ)



    แหม…ออกจะผิดวิสัยเด็กฝรั่งเอาการ ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าพวกตะวันตกเค้าค่อนข้างจะฟรีกันจะตาย โดยเฉพาะผู้หญิงฝรั่งเศสว่ากันว่า “เด็ด” นักเชียว

    “ถ้าเป็นเพื่อนโอเด็ตนะจริง คือที่โน่นค่อนข้างโอเพ่นเค้าจะทำอะไรก็ได้ กลับไม่กลับบ้านก็ได้ จะแต่งตัวยังไงก็ไม่มีใครว่า วัฒนธรรมเค้ากับวัฒนธรรมเรามันต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ตัวโอเด็ตไม่ได้เป็นอย่างนั้น อันนี้ก็ต้องขอบคุณคุณพ่อที่เลี้ยงโอเด็ตมาดุขนาดนี้ ไม่งั้นโอเด็ตก็คงใจแตกเหมือนเพื่อน ๆ ตอนนี้โอเด็ตคิดว่ามันเป็นเรื่องดีซะด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้เรารักษาเนื้อรักษาตัวรอดมาจนขนาดนี้”



    แล้วไม่รู้สึกแปลก ๆ บ้างเหรอที่เราเป็นเด็กฝรั่งคนเดียวที่ยังเวอร์จิ้น ?

    “ตอนนั้นโอเด็ตก็รู้สึกแปลก ๆ รู้สึกเป็นตัวประหลาดเหมือนกันนะ แต่โอเด็ตไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนั้น คือโฟกัสของโอเด็ตตอนนั้นก็คือเราอยากเป็นอิสระ ไม่ได้มาคิดเรื่องมีแฟน อีกอย่างโอเด็ตเป็นเด็กขี้เหร่ค่อนข้างเจียมตัว คิดว่าคงไม่มีใครสนใจเราหรอก แต่ถ้าถามว่ามองเรื่องนี้ยังไง โอเด็ตว่ามันเป็นความสุขของแต่ละบุคคล ถ้าเค้าจะมีไม่มีอะไรกันมันก็เป็นเรื่องของเค้า เพราะเค้าไม่ได้ทำอะไรให้สังคมเดือดร้อน”



    จะด้วยความขี้เหร่หรืออะไรก็ไม่รู้แหละ…แต่ก็เอาเป็นว่าโอเด็ตสามารถรักษาความบริสุทธิ์อยู่รอดปลอดผู้ชายจนกระทั่งกลับมาถึงเมืองไทยได้ละกัน

    “อยู่อังกฤษได้ปีกว่า ๆ มันเริ่มเบื่อเพราะเราอยู่แบบไร้สาระ คือไม่ได้ไปเรียน แค่ตั้งใจว่าไปไหนก็ได้ให้มันพ้นจากพ่อ เลยมานั่งคิดว่าเราจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานไหม น่าจะกลับมาเรียนได้แล้วนะ แต่จะให้กลับไปฝรั่งเศสก็ไม่เอา อังกฤษก็เบื่อแล้ว ก็เลยโทรหาแม่ว่าอยากกลับมาเมืองไทย แม่เค้าก็โอเค โอเด็ตก็เลยกลับมาอยู่กลับแม่ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนเลย พอมาถึงที่แอร์พอร์ตแม่ก็มารับ นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้มาเห็นแม่ แม่เค้าใจดีนะถึงคนอื่นจะบอกว่าดุ ๆ แต่ถ้าเทียบกับพ่อแล้ว แม่ดุไม่ได้เศษเสี้ยวของคุณพ่อ รู้งี้น่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยตั้งนานแล้ว”



    ชีวิตในเมืองไทยของโอเด็ตจัดว่ามีความสุขดี วัน ๆ หนึ่งโอเด็ตใช้เวลาไปกับการเรียน พอเวลาว่างก็จะมาเสิร์ฟอาหารที่ร้านของคุณแม่ และก็เป็นไปตามสูตร วันหนึ่งความสวยที่เธอบอกว่าขี้เหร่นักขี้เหร่หนาก็ไปสะดุดตาแมวมองเข้า

    “วันหนึ่งก็มีพี่ที่โมเดลลิ่งไปกินข้าวที่ร้าน เค้าก็เลยอยากให้โอเด็ตไปแคสงาน ซึ่งตอนนั้นโอเด็ตก็เริ่มจะโตเป็นสาวแล้ว เริ่มจะขาว เริ่มจะมีเชฟอะไรแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนเด็กไม่มีเลย นมก็ไม่มีสะโพกไม่มี ไม่รู้ว่ามันโตขึ้นมันมาได้ไง...”



    ไปแอบอัพมาหรือเปล่า ? เราแกล้งแหย่เล่น..



    “บ้าสิ ! ทุกอย่างที่เห็นหมดนี่ของจริงหมดเลย จมูกอะไรนี่ของจริงหมดไม่เคยไปทำอะไรเลย”



    จ้าๆๆๆ เชื่อแล้ว……ละงานชิ้นแรกของโอเด็ตคืออะไร..

    “งานชิ้นแรกเป็นโฆษณาของต่างประเทศไปถ่ายที่เมืองจีนได้เงินค่าตัวมา 6 หมื่นบาท ดีใจมาก โอ้โห ! เด็ก 17 มีเงินตั้ง 6 หมื่นจะเอาไปทำอะไรดี เงินมันหาง่ายจังเว้ย…ก็รับงานมาเรื่อย ๆ แต่ที่เด่น ๆ ก็มีเอฟบีแบตเตอรี่ที่เป็นผู้หญิงเข็นรถแล้วพูดว่า เปลี่ยนใหม่ทั้งคันเลยเหรอคะ และก็มีสเต็ปซิลที่เป็นมิวสิควีดีโอปาล์มมี่ แล้วมีผู้หญิงเคาะกระจกโทรทัศน์อันนั้นแหละโอเด็ต”



    “จนมีอยู่วันหนึ่งไปถ่ายโฆษณาให้โตโยต้าก็ได้ไปเจอป้าตือซึ่งเป็นออร์กาไนซ์ที่เก่งมาก ๆ เค้าเห็นโอเด็ตก็ปิ๊งเลยบอกว่าเออไอ้เด็กคนนี้มันหน่วยก้านดีนะ และด้วยความที่โอเด็ตเป็นคน[^_^]แด๊ะ ๆ แด๋ ๆ อะไรแบบนี้ เค้าก็เลยให้โอเด็ตไปเดินแฟชั่นโชว์ของพี่หนุ่มเสกเป็นงานแรก จากนั้นก็มีงานเดินมาเรื่อย ๆ จนเริ่มจะมีชื่อเสียง”



    ท่ามกลางงานที่กำลังจะไปได้สวย แต่ด้วยความที่เป็นเด็กอ่อนประสบการณ์ก็ทำให้โอเด็ตสะดุดขาตัวเองจนได้

    “คือพอเราหาเงินได้ง่ายๆ มันก็เริ่มเหลิงไม่รู้ว่าคุณค่าของเงินคืออะไร ไม่รู้จักคำว่ารับผิดชอบ เราคิดว่าเรามีเงินอยู่ก้อนนึงก็แบบพอละไม่ต้องทำอะไรละ นัดงาน 6 โมงเช้าไปถึงเที่ยงไปถึง 6 โมงเย็น บางวันไม่ไปเลยด้วยซ้ำ ใครจะรอก็รอไป ใครไม่รอก็เป็นไร เรายังมีงานอีกเยอะแยะ”



    ไอ้อาการแบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่าเหลิงหรอกมั๊ง น่าจะเที่ยวดึก เมาเละ ตื่นไม่ไหวซะมากกว่า…….

    “ไม่เกี่ยวกับเรื่องเที่ยว ไปเที่ยวตี 2 ก็กลับบ้านแล้ว มันยังมีเวลาเหลืออีกต่างหลายชั่วโมงกว่าจะไปทำงาน แต่ทีนี้โอเด็ตเป็นคนที่นิสัยเสียเรื่องมาสาย แต่ไม่เคยวีน ไม่เคยเรื่องมากนะ พอมาก็จะทำงานเต็มที่ แต่จะชอบมาสายเท่านั้นเอง เป็นอยู่แบบนี้จนพี่ ๆ เค้าเริ่มเอือม และก็โดนแบนไม่มีใครจ้างให้ไปเดินแบบ 1 เดือนเต็ม ๆ“



    “เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้โอเด็ตเข็ดมาก พอสำนึกได้ ก็เลยไปขอโทษพี่เค้าไปอ้อนวอนเค้าไปขอโอกาสเค้า โดยที่ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าอะไรเลย คือถ้าโอเด็ตผิดโอเด็ตจะยอมรับผิดยกมือขอโทษเลย แต่ถ้าไม่ผิดอย่ามาด่ารับรองว่าโดนแน่ แต่นี่โอเด็ตรู้ตัวว่าทำผิดจริง ๆ และไอ้สิ่งที่เราทำมันก็แรงมาก ถ้าเรายังอยากจะยืนอยู่ตรงนี้เราต้องขอโทษเค้า”



    “สมัยนี้เด็กรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาทุกวัน ๆ อายุ 14-15 ก็เดินแฟชั่นโชว์แล้ว นับวันเราจะยิ่งแก่ลง ถ้าเราไม่มีตรงนี้ไว้เราจะเอาอะไรไปสู้กับเค้า เพราะจะว่าสวยก็ไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น แต่โอเคอาจจะได้หุ่นได้ขาได้ความ[^_^] แต่ว่ามันก็ไม่จีรัง วันหนึ่งเราอาจอ้วนฉุได้ ถ้าเราไม่รู้จักคนเยอะ ๆ ไว้ เราไม่ชนะใจเค้า แล้วเราจะเอาอะไรกิน เราจะอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”

    จากคุณ : มามี่นีน่า - [ 26 ก.ย. 46 21:46:50 ]