ความคิดเห็นที่ 1 -ROTK ยังเป็นภาคที่คุณชอบจากทั้งสามภาคอยู่หรือเปล่า -ใช่ครับ มันเป็นภาคที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่เราเริ่มถ่ายทำในปี 1999 ผมคิดว่าเป็นเพราะมันคือ climax และคลี่คลายเนื้อเรื่องที่ขมวดปมมาจากทั้งสองภาคแรก ทั้งส่วนแอคชั่นและอารมณ์ของเนื้อเรื่อง ใน FOTR และ TTT เรามุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยและทำอย่างไรที่จะซ่อนเร้นการเปิดเผยนี้ ดังนั้นมันเหมือนกับว่าเราไม่ได้แนะนำตัวละครใหม่ๆและฉากต่างๆอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เราได้ทำเช่นนั้น!! ไม่ค่อยมีแบบนั้นใน ROTK เรานำไปสู่บทสรุปของเนื้อเรื่องซะมากกว่า ช่วง climax สำหรับตัวละครบ่อยครั้งที่เน้นอารมณ์ ตรึงใจและเข้มข้นมากๆ และผมก็คิดว่านักแสดงเองต่างก็สนุกในการถ่ายทำ ROTK ในช่วง 3 ปีของการถ่ายทำหลัก มันเป็นฉากที่น่าสนใจและท้าทายเพราะนำเสนออารมณ์ที่เข้มข้น ในฐานะที่เป็นผู้กำกับ ผมสามารถสร้างและกำกับฉากที่ให้ความรู้สึกราวกับว่ามันนำไปสู่ climax ซึ่งผมไม่สามารถทำอย่างนั้นกับสองภาคแรก ถึงแม้ว่าทั้งสองภาคแรกจะมีตอนจบของมันเอง แต่เนื้อเรื่องของไตรภาคยังคงดำเนินต่อไป ภาคสามนี้เนื้อเรื่องทั้งหมดกำลังขมวดเกลียวนำไปสู่บทสรุป ส่งผลต่อวิธีการที่จะถ่ายทำแต่ละซีนเป็นอะไรที่น่าสนุก ไม่มีตัวละครที่จะต้องแนะนำอีกต่อไป ทุกอย่างดำเนินไปอย่างตื่นเต้น เหตุการณ์ณ์ต่างๆคลี่คลายออกตามการควบคุมของตัวละคร เหมือนอย่างที่ Gandalf พูดไว้ในตอนหนึ่งของ ROTK “Things are now in motion that cannot be undone” ผมรู้สึกว่าคือความเป็นไปของภาคสุดท้ายนี้ จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 07:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 -มี prop จำนวนมากสำหรับภาพยนตร์ชุดนี้ คุณคิดว่า prop ชิ้นใดยอดเยี่ยมที่สุด หากคุณเลือกเก็บได้ชิ้นเดียว คุณจะเลือกชิ้นไหน -สิ่งที่ผมคิดว่าผมมีอารมณ์ร่วมมากที่สุด จริงๆแล้วไม่ใช่พวก prop หากแต่เป็นหมวกปลายแหลมของ Gandalf the Grey!! หมวกปลายแหลมของพวกพ่อมดแม่มดเป็นอะไรที่ใช้กันจนเฝือ หากเราให้ Gandalf สวมหมวกที่ดูแล้วไม่เข้ากัน ดูแย่ๆ จะทำให้ตัวละครหมดความน่าเชื่อถือ เรายึดเอาตามจินตนาการของ John Howe ที่เป็นภาพของ Gandalf เดินฝ่าฝนบนทุ่งหญ้า John ได้สร้างหมวกที่ให้ความรู้สึกของพ่อมดนิรนามที่ออกจะดูมอมแมมเร่ร่อนพเนจร เหมาะกับ Gandalf จริงๆ ภาพของ John Howe พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นอะไรที่ยุ่งยากอย่างมากในการผลิตออกมาเป็นของจริง เราใช้เวลาไปมากมายกับความพยายามที่จะทำหมวกที่สร้างความรู้สึกแบบเดียวกันกับภาพของ John Ian McKellen มาถึงที่ New Zealand 2 อาทิตย์ก่อนการถ่ายทำ ได้ลองสวมหมวกหลายๆแบบและปรึกษากันถึงความกว้างของปีกหมวก ความสูงความโค้งงอ อะไรทำนองนั้น ผมคงจะทำให้ Ngila [Dickson] costume designer แทบบ้าเพราะผมยึดเอาตามภาพของ John อย่างเดียว พูดได้ว่า “ทำให้ได้อย่างนี้เลย!!” เราใช้เวลาเป็นทุกข์กับมันมากและท้ายสุดมันออกมาเป็นแบบที่ผมคิดว่าใช้การได้ดีในภาพยนตร์ ด้วยเหตุที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับ“การผจญภัย”กับหมวกใบนี้ ผมเลยอยากเก็บมันไว้ หมวกของ Gandalf ที่ใช้ถ่ายทำหายไปเป็นปีแล้ว เราให้นิทรรศการเครื่องกายที่ Los Angeles ยืมไปจัดแสดง และระหว่างการส่งคืนโดยสายการบิน Air New Zealand มันหายไป!! เรากรอกแบบฟอร์มทุกอย่างแต่ก็ไม่สามารถหาพบ โชคดีที่ปีที่แล้วเราไม่ต้องใช้มันสำหรับการถ่ายทำ ซักประมาณสี่อาทิตย์ที่แล้วระหว่างการถ่ายเพิ่มเติม ROTK ทีมงานของเราคนหนึ่งบอกว่าหมวกของ Gandalf อันนั้นกำลังจะถูกนำไปประมูลใน Wellington ในวันถัดไป ซึ่งสถานที่จัดประมูลในท้องถิ่นนั้นบอกว่าเป็น “ของหาย” ของสายการบิน Air New Zealand Barrie Osborne เลยรีบไปนั้น และก็แน่นอนว่าหมวกใบนั้นตั้งโชว์อยู่แถมมีคำบรรยายว่าเป็น “หมวกของ Gandalf” สถานที่จัดประมูลคืนหมวกให้กับเรา ในขณะที่สายการบิน Air New Zealand ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมพวกเขาหามันไม่พบแต่ดันเอาไปขาย!! พวกเขาอับอายมาก ผมยังสงสัยว่าจะเอามันไปขายเพื่ออะไร จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 07:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 -ตัวละครใดจากภาพยนตร์ที่ยุ่งยากที่สุดในการดัดแปลงจากหนังสือให้เป็นภาพยนตร์ -ผมคิดว่า Faramir เป็นตัวละครที่ยุ่งยากมาเพราะเขาไม่ค่อยมีความขัดแย้งในตัวละครมากนัก ไม่สร้างความเข้มข้นหรือการพลิกผันของบท ผมรู้ดีว่าใน TTT การจะทำให้บทของ Faramir ใช้การได้เป็นเรื่องยากสำหรับในภาพยนตร์ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีในหนังสือแต่เรากำลังมุ่งไปในทิศทางที่แตกต่างออกไปบ้างสำหรับแนวทางของภาพยนตร์โดยเฉพาะการตอบสนองของ Faramir ที่มีต่อแหวน เราต้องการให้เขามีปฏิกิริยาและการตัดสินใจที่แตกต่างออกไปที่ Tolkien บรรยายไว้ เราพยายามยึดตามหนังสือมากที่สุดแต่ก็เป็นการยาก มีแฟนหนังสือจำนวนหนึ่งไม่พอใจพวกเราอย่างมาก ขว้างปาเราด้วยฉากกั้นขนาดเล็กและต้องการให้เราแก้ไขให้บทของ Faramir ใน extended version ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะทุกอย่างถ่ายทำในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามบทของ Faramir จะได้ประโยชน์จาก TTT extended DVD อย่างมาก มีหลายฉากที่จะอธิบายถึงที่มาที่ไปของเขา มันไม่ได้แก้ไขบทของเขาให้เป็นอย่างในหนังสือ แต่ผมคิดว่าพวกเราจะเข้าใจในตัวละครมากขึ้น นอกจากนี้ก็ถ้าพูดรวมๆของแต่ละเผ่า ก็มีความยุ่งยากเช่นกันสำหรับ Elf คุณมักจะมีภาพของ Elf อยู่ในใจเมื่อคุณอ่านหนังสือ แต่มันก็ไม่ถึงกับเป็นอะไรที่จับต้องได้ พวกเขาเหมือนกับมีตัวตนและไม่มีตัวตนในเวลาเดียวกัน แน่ละที่เราต้องใช้คนธรรมดามาแสดงเป็นบรรดา Elf มันจึงเป็นความท้าทายเช่นกันในท้ายสุดเราตัดสินใจเลือกนักแสดงที่เราคิดว่าเหมาะมารับบทและก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 -คุณเอาภาคผนวกท้าย ROTK มาใช้ในภาพยนตร์มากน้อยแค่ไหน -เรามองถึงเรื่องของ Aragorn กับ Arwen จากภาคผนวกเพื่อให้ได้ความคิดและเรื่องราวเพิ่มเติมกับเนื้อเรื่องของพวกเขาซึ่งไม่ได้ปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่องหลัก บางภาพที่เราใส่เข้าไปโดยเฉพาะใน TTT ที่เหมือนกับเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า เมื่อ Elrond พูดกับ Arwen ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นซึ่งก็ได้แรงบันดาลใจจากภาคผนวก นอกเหนือจากนั้นแล้วเราไม่ได้ใช้เนื้อหาในภาคผนวกกับเรื่องราวเฉพาะอื่นๆ เราใช้มันเหมือนอย่างที่ใครก็ตามที่อ่านหรือศึกษาหนังสือของ Tolkien เพื่อให้เข้าใจภูมิหลังและความเป็นไปใน Middle-earth ได้ดียิ่งขึ้น ให้เหมาะกับบท แต่ผมไม่คิดว่ามีส่วนอื่นๆในภาคผนวกที่เราเอามาเพิ่มเติมในเนื้อเรื่องนอกเหนือไปจากแรงบรรดาลใจจากเรื่องของ Aragorn กับ Arwen จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 -ผมทราบว่า Christopher Lee ชื่นชมผลงานของ J.R.R. Tolkien เป็นอย่างมาก และอันที่จริงเขาอ่านหนังสือชุดนั้ทุกๆปีตั้งแต่เริ่มมีการพิมพ์จำหน่าย เนื่องจากเขารู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องราวในหนังสือ คุณกับเขาเคยปรึกษาสิ่งที่ควรนำเสนอและการดัดแปลงบทจากหนังสือบ้างหรือเปล่า - Christopher Lee เป็นแฟนหนังสือตัวยงเลยทีเดียว เราพูดคุยกับบ่อยมาก เขามีความคิดดีๆเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง แต่เขาไม่มีเจตนาที่จะสวบสวนเราถึงบทภาพยนตร์ที่เรากำลังเขียนอยู่ เขาปล่อยให้เรามีอิสระและเคารพในความสามารถของเราที่จะนำเสนอแก่คนดูหนัง เขามีมุมมองที่สมดุลของภาพรวม เมื่อเขารับบท Saruman ที่ค่อนข้างแตกต่างจากในหนังสือที่เรานำเสนอมุมมองที่ Tolkien ไม่ได้เขียนไว้ เขาสนับสนุนและสนใจ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพูดบทพูดที่เขาคิดขึ้นมาเอง หรือเล่นฉากที่ไม่มีในหนังสือ เขาทำมันด้วยความสนใจและเข้าใจอย่างใครคนหนึ่งที่เข้าใจ Saruman เป็นอย่างดี เพราะเขาอ่านหนังสือชุดนี้บ่อยมาก เข้าใจทุกแง่มุมของตัวละครอย่าง Saruman เขาสามารถทำให้มันออกมาดูแล้วเป็นผลงานจริงๆของ Tolkien มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและจริงๆแล้วนักแสดงส่วนใหญ่ทำอย่างสุดความสามารถ ระหว่างที่มีการถ่ายทำพวกเขาทั้งหมดอ่านหนังสือหลายครั้ง เพื่อที่พวกเขาสามาร๔ถ่ายทอดตัวละครที่พวกเขารับบทด้วยความรู้ความเข้าใจจากหนังสือ นั้นเป็นส่วนที่ช่วยได้อย่างมาก เพราะตัวภาพยนตร์เองคงถ่ายทอดได้แต่เพียงผิวเผินเมื่อเทียบกับรายละเอียดมากมายในหนังสือ ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่สามารถแสดงออกมาได้ทั้งหมด แต่พวกเขาก็สามารถอ่านรายละเอียดนั้นและนำเอาการศึกษาค้นคว้านั้นมาใช้ในการนำเสนอภาพของตัวละครที่รับบท ในขณะที่ตัวภาพยนตร์บรรยายได้แต่เพียงระดับหนึ่ง แต่หนังสือช่วยในการสื่อภาพของตัวละคร จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 -จากทั้งสามภาค ภาคใดที่ยากที่สุดในแง่ของเทคนิค -ที่ยากที่สุดไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพราะเทคนิคต่างๆคือ TTT เมื่อมองถึงภาพรวม TTT มีการพัฒนาของเนื้อเรื่องน้อยที่สุด การถายทำแต่เดิมนั้นเราใช้เวลามากไปกับการมุ่งความสนใจไปที่ FOTR เพราะเป็นภาคแรกที่เปิดตัว เราต้องทำมันออกมาให้ถูกต้องมากที่สุด เราใช้เวลามากเช่นกันกับ ROTK เพราะเป็นบทสรุปของเรื่องและความสนใจของทุกคนมุ่งไปที่นั้น เมื่อเรากำลังถ่ายทำ TTT เรารู้สึกว่ามันเป็นช่วงกลางของเนื้อเรื่อง เป็นผลกระทบต่อการเขียนบทและการถ่ายทำ ท้ายสุดแล้วมันต้องการความสนใจเป็นอย่างมากในขั้นตอน post-production ถ้าพูดกันถึงแง่เทคนิคอย่างเดียว ROTK เป็นภาคที่ยากที่สุด เพราะมีความซับซ้อนของ visual effect อาจจะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นถ้าผมบอกว่า visual effect ทั้งหมดใน ROTK มีมากเท่ากับหนังธรรมดาสองเรื่องรวมกันเลยทีเดียว ใน FOTR มีช็อต CG ทั้งหมดประมาณ 500 ช็อต และ 800 ช็อตใน TTT ในขณะที่ ROTK มีช็อต CG 1300 ช็อต Weta ก็พัฒนาฝีมือไปมากตามลำดับซึ่งผมคิดว่าทุกอย่างคงง่ายขึ้น แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น!! เมื่อคุณทำ TTT แล้วคุณคิดว่าคุณได้ทำ visual effect ที่สุดหินเท่าที่เคยมี แต่เมื่อมาถึง ROTK ทุกอย่างยากยิ่งขึ้นไปอีก!! เราอยู่ในสถานการณ์ที่งาน computer effect ได้ประโยชน์และประสบการณ์จากการทำสองภาคแรก เมื่อผมมองย้อนกลับไป ตอนแรกนั้นผมคิดว่า FOTR ซับซ้อนและยุ่งยากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนี้เรากำลังทำ CG 1300 ช็อตสำหรับ ROTK ซึ่ง CG 500 ช็อตสำหรับ FOTR แทบจะง่ายเหมือนปอกกล้วยไปเลย!! เหมือนกับว่าแต่ละภาคสร้างขึ้นจากภาคก่อนหน้า มันช่วยให้คนที่ทำ visual effect พัฒนาฝีมือสั่งสมประสบการณ์ตามลำดับจากภาคแรกเรื่อยมาถึงภาคสามนี้ ผมก็ได้รับผลอันนี้ในฐานะที่เป็นคนทำหนังด้วย ความคาดหวังและความทะเยอทะยานก็เพิ่มขึ้นในแต่ละภาคด้วย ซึ่งก็เป็นแรงกดดันให้กับ Weta ไปโดยปริยาย จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 -หลังจากที่ได้ทำโปรเจ็คใหญ่ๆอย่าง LOTR อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เลือกทำโปรเจ็คต่อไปอย่าง King Kong -มันเป็นความฝันของเรามานาน King Kong เป็นโปรเจ็คที่เราเตรียมการมาก่อน LOTR ตอนนั้นเรากำลังทำ King Kong มาได้ 6-7 เดือนก่อนที่ Universal จะยุติการถ่ายทำชั่วคราวในปี 199ึ เป็นโปรเจ็คที่เรารัก เราอยากที่จะทำมากในปี 1997 และเรายังคงอยากที่จะทำอยู่ตอนนี้ ความรู้สึกนั้นไม่เคยเปลี่ยน แต่ในเวลาเดียวกันเรารู้สึกว่าการพักบ้าง แล้วมาทำโปรเจ็คเล็กๆหลังจาก LOTR เป็นสิ่งที่เราอยากทำ แต่ที่เปลี่ยนไปคือ Universal ติดต่อเราและสนใจที่จะทำ King Kong เหมือนเป็นคำถามที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจนกระทั่งพวกเขาถามเรา เป็นสิ่งที่พวกเราำไม่เคยคิด เมื่อพวกเขาถามเราว่าอยากกลับไปทำมันอีกหรือเปล่า เราถึงได้ตระหนักถึงความรู้สึกที่โดยทางปฏิบัติแล้ว เราน่าจะทำ King Kong ต่อทันทีหลังจาก LOTRเพราะเราสามารถได้ทีมงานหลักร่วมงานกันต่อ ทีมงาน art production, ออกแบบฉาก ทำ prop และทีมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย สามารถพักชั่วคราวแล้วเริ่มทำ King Kong ต่อได้เลย เช่นเดียวกับทีม visual effect ของ Weta ที่กำลังทำLOTR เมื่อพวกเขาเสร็จจาก ROTK ในอีกหลายเดือนถัดไป พวกเขาสามารถรับงาน King Kong ต่อเนื่องได้เลย เราอยู่ในตำแหน่งเหมาะที่จะย้ายจากโปรเจ็คใหญ่ไปโปรเจ็คถัดไป ในทางกลับกันถ้าเราจับโปรเจ็คเล็กๆในช่วงสองปีถัดไป แล้วต้องกลับมารวบรวมทีมงานเดิมดูเหมือนว่าจะเป็นความคิดที่กล้าบ้าบิ่นเกินไป เราไม่ได้ละทิ้งแผนงานของเราที่จะทำหนังเล้กๆ หากแต่เพียงเลื่อนออกไปปีหรือสองปีจนกระทั่ง King Kong เสร็จ จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 -คุณจะถ่ายทำ King Kong ใน New Zealand ทั้งหมดเลยหรือเปล่า -ใช่ครับ เราคิดกันว่าอย่างนั้น ไม่มีเหตุผลใดที่จะหาสถานที่ถ่ายทำภายนอก New Zealand สถานที่ในเนื้อเรื่องที่เป็น the South Seas เราสามารถทำได้ใน New Zealand และเนื่องจากมันเป็นเขตร้อนเราจะไม่ใช้สถานที่เดียวกันกับ LOTR!! มันจะนำเสนอความหลากหลายของประเทศเล็กๆนี้ สำหรับฉากที่เป็น New York เราจะถ่ายทำในช่วงเวลาทศวรรษ 1930 เช่นเดียวกับในฉบับเดิม ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปถ่ายทำที่ New York ในเวลาปัจจุบันนี้และเปลี่ยนกลับให้เป็นช่วงปี 1930 เมือง New York ยุ่งยากเกินไปที่จะถ่ายทำและตกแต่งให้ดูย้อนยุคไปในช่วงเวลานั้น เรากำลังจะสร้างส่วนหนึ่งของ New York ที่นี่และใช้คอมพิวเตอร์ตกแต่งต่อเติมทั้งเมืองตามที่ต้องการ จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 -คำถามจากสมาชิก Fan Club Louise Bristow ถามว่า มีการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องใดบ้างที่คุณทำเป็นภาพยนตร์บ้าง -ผมคิดว่าหนังสือการ์ตูนเป็นวัตถุดิบที่มีค่าแก่การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เช่นกัน เพียงแต่ผมไม่ได้อ่านหนังสือการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ ดังนั้นผมคงไม่มีประโยชน์สำหรับคำถามนี้!! มีแต่เพียงการ์ตูนของ Disney Classic และการ์ตูนของอังกฤษเรื่อง Lion เท่านั้นที่ผมเคยอ่านตอนเป็นเด็ก ผมไม่เคยอ่านการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่เลยในชีวิต ผมดูหนังอย่าง Batman, Spiderman, the Hulk อะไรทำนองนั้นแต่ผมไม่เคยอ่านหนังสือการ์ตูน Spiderman มาก่อนเลย คุณถามผิดคนนะ ผมไม่ปฏิเสธที่จะดัดแปลงหนังจากหนังสือการ์ตูนถ้ามีบทและวัตถุดิบที่ผมชอบ แต่ผมไม่รู้ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 -Marina Cuello ถามว่านอกเหนือจาก กำกับ เขียนบท มีหน้าที่อื่นในการทำภาพยนตร์ที่คุณชอบมากที่สุด -ผมชอบขั้นตอนการตัดต่อและพยายามทำให้ภาพยนตร์เป็นรูปเป็นร่าง นอกจากนี้ผมยังชอบทำแบบจำลองตัวอาคารด้อย การที่ได้ทำเช่นนั้นอย่างมืออาชีพคงเป็นอะไรที่ยอดไปเลย มีทีมงานใน LOTR ที่ผมอิจฉามากเมื่อผมๆได้เห็นแบบจำลองที่พวกเขาทำใน Weta Workshop ผมได้แต่คิดว่า “ผมอยากทำอย่างนั้นบ้าง!! ถ้าได้ทำคงเยี่ยมไปเลย!!” เป็นวิธีที่ดีที่จะใช้เวลาทำอย่างนั้น ผมพยายามต่อและทำสีพวกโมเดลของเล่น แต่หาเวลาว่างที่จะทำได้ยากเย็นจริงๆ!! จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 -Dr. Joseph C. Crabtree กล่าวว่า “เมื่อ ROTK เสร็จสมบูรณ์ ความสำเร็จของ LOTR จะเป็นเหมือนความกดดัน คุณรู้สึกอย่างไรที่ภาพยนตร์เรื่องถัดไปจะได้รับผลกระทบจากความสำเร็จของ LOTR นี้ หรือคุณกำลังมองหา (ในสิ่งที่ Monty Python จะบอกว่า) สิ่งที่แตกต่างไปเลย” -ผมไม่คิดจะจำกัดสิ่งที่ผมจะทำหลังจาก LOTR ผมไม่เคยมองย้อนกลับไปในสิ่งที่ทำไปแล้วหรือตัวตนในขณะนี้และจะต้องเดินไปบนทางที่กำหนด ผมมักจะใช้สันชาตญาณมากกว่า ความสำเร็จของ LOTR ไม่ได้ชี้นำว่า “ผมจะไม่ทำอย่างนี้” หรือ “ผมจะทำแบบนี้อีกในอนาคต” มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าจะต้องเดินเส้นทางที่กำหนด ผมจะทำหนังที่ผมอยากทำ King Kong เป็นหนังที่ผมอยากจะทำตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคุณได้แรงบันดาลใจจากความคิดแบบนี้ได้แต่มันเกิดขึ้นแล้ว คุณได้ไอเดียอะไรบางอย่าง ฝันถึงมัน และพูดถึงมันกับบรรดาเพื่อนฝูง เมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจุดประกายความสนใจแก่คุณ คุณจะจมอยู่กับมันชั่วขณะ พัฒนาบทภาพยนตร์ แล้วก็ทำเป็นหนัง นั้นเป็นสิ่งที่ผมจะทำแน่ๆในอนาคต ผลงานของผมก่อนหน้า LOTR เป็นสิ่งที่สนุกสนานที่ได้ทำ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ทำรายได้มากมาย หากผมต้องคิดถึงอาชีพของผมแล้ว ความกดดันได้ลดลงไปในระดับหนึ่ง เพราะไปได้มากว่าผมคงไม่สามารถทำหนังที่ประสบสำเร็จทางรายได้ได้มากเท่าภาพยนตร์ชุด LOTRนี้ ผมไม่อยากจะกระเสือกกระสนมากจนเกินไป ถัดจากความกดดันของ King Kong ผมพยายามที่จะมุ่งไปที่หนังทุ่นต่ำเล็กๆ ที่ผมสามารถถ่ายทำได้ในช่วงสุดสัปดาห์อีกครั้ง รวบรวมบรรดาเพื่อนฝูงหิ้วกล้องกันไป และก็สนุกสนานไปกับมัน ผมอยากกลับไปในโลกของหนังเล็กๆทุ่นต่ำที่ผมเหินห่างไปในช่วงที่ผ่านมา แน่นอนว่าต้องประสบปัญหาและน่าผิดหวังบ้าง แต่สิ่งที่ได้คือความอิสระ ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังทุนต่ำ แต่ก็เป็นสิ่งท้าทายที่ทำอย่างไรถึงจะทำให้เป็นหนังที่ดี และนั้นคือเหตุผลที่ทำไมมันถึงสนุก!! จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:32:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ฉบับหน้าพลาดไม่ได้เด็ดขาดกับ The Return of the King Special และก็มีบทสัมภาษณ์ Viggo จากคุณ : melkor - [ 21 ต.ค. 46 08:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากครับบบ คุณmelkor จากคุณ : korn king - [ 21 ต.ค. 46 09:52:10 A:203.152.53.126 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 กระทู้คุณภาพอีกแล้วครับ จากคุณ : Iron-Spider - [ 21 ต.ค. 46 11:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เย่! จากคุณ : Elf-Oil (น้ำมันพราย) - [ 21 ต.ค. 46 11:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่พลาดเด็ดขาดค่ะ ... ขอบคุณมากค่ะ ^^ จากคุณ : หญิงเหล็ก - [ 21 ต.ค. 46 14:36:52 A:203.148.252.235 X:210.203.178.25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณค่ะ....รออ่านต่อนะคะ จากคุณ : underhill - [ 21 ต.ค. 46 15:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณที่แปลให้อ่านกันค่ะ จะรออ่านต่อนะคะ จากคุณ : สุขสันต์วันฮาโลวีน!! (Namarie) - [ 21 ต.ค. 46 16:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่ะ จะติดตามต่อไปค่ะ จากคุณ : faramir - [ 21 ต.ค. 46 20:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ Melkor ไวม้ากก ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่แปลลงให้อ่าน ^^ ติดตามต่อไป จากคุณ : scarborough - [ 22 ต.ค. 46 00:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณค่ะ ^^ อยากจะสมัครเป็นสมาชิกแมกกาซีนนี้มั่งจังเลย รอเดือนธันวาอย่างจดจ่อต่อไป จากคุณ : tigger* - [ 22 ต.ค. 46 02:39:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากค้าบ จากคุณ : ตาอิน - [ 22 ต.ค. 46 11:37:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โอววว อยากอ่านฉบับหน้าอ๊ะๆๆๆ อยากอ่านๆๆๆ จากคุณ : นานานะจัง - [ 22 ต.ค. 46 16:55:56 A:203.156.43.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 มาอ่านเช่นเคย จากคุณ : ช่างไม้ - [ 22 ต.ค. 46 21:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ Melkor แปลไวมากค่ะ เรายังอ่านไม่จบเลย - -" คุณ Tigger* ขาสมัครเลยค่ะ รับประกันว่าคุ้มสุด ๆ ตาม URL นี้เลยค่ะ www.lotrfanclub.com จากคุณ : enedtarma (enedtarma) - [ 22 ต.ค. 46 23:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่า....... จากคุณ : narusaru - [ 25 ต.ค. 46 22:55:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณเหมือนเดิมค้าบบบบ.... จากคุณ : หม่าว แกมจี - [ 27 ต.ค. 46 03:17:20 A:203.113.41.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 กลับมาแจ้งข่าวคุณ enedtarma tigger* สมัครไปแล้วค่า เอิ๊กๆ ยุขึ้นจริงๆ แต่ว่ารู้สึกว่าจะสมัครช้าไปหน่อยนะเนี่ย หนังเค้าจะจบกันอยู่แล้ว เศร้าจัง T_T จากคุณ : tigger* - [ 27 ต.ค. 46 17:06:01 ]