+*+*วันวานของดีทูบีกับวันนี้ของบิ๊ก*+*+[by แหม่ม-พัชริดา]

    วันวาน…ของ ดีทูบี กับวันนี้…ของ “บิ๊ก”
    +
    +
    วันแรกที่เขาแถลงข่าวเปิดตัววงบอยแบนด์ ดีทูบี แหม่มน้ำตาซึมด้วยความปลื้มใจที่เห็นเด็กกะโปโล 3 คน แปลงกายมาเป็นหนุ่มหล่อมีแฟนเพลงมากรี๊ดกันเต็มห้อง…
    แหม่มไม่ได้เห็นภาพอย่างนี้มานานแล้ว เพลงของเขาเพราะจริงๆ การแสดงบนเวทียอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับอายุและความสามารถของพวกเขาในตอนนั้น
    แต่จะมีใครสักกี่คนที่ทราบว่ากว่าเด็กหนุ่มหน้าตาสดใส 3 คนนี้จะก้าวขึ้นมาสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมบนเวที พวกเขาก็เป็นเพียงเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง

    สำหรับบิ๊ก…จากวันแรกที่เขาก้าวเข้ามา บิ๊กเป็นเด็กหูเพี้ยนเสียง ร้องหลงคีย์ไปมา จนเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ดีอย่างไม่น่าเชื่อ วันนี้…เขากลายมาเป็นนักร้องเสียงหล่อ ร้องคีย์ตรงเป๊ะได้นี่แหม่มก็ปลื้มใจจะแย่แล้ว …

    ไหนยังจะบีม…คนที่เคยร้องเพลงเสียงแบนๆท่าทางเก้งก้าง ไปๆมาๆกลับกลายเป็นบีมผู้มั่นใจ ( ขึ้น ) ร้องเพลงเพราะขึ้น

    และแดน…ที่เคยเก๊กจนเรากวนตากวนใจ กลายมาเป็นศูนย์กลางของวงที่แข็งขันทั้งเรื่องการร้องและท่าทางการแสดงออก ทั้งที่แดนเด็กที่สุด

    แต่นี้สำหรับความรู้สึกของครูก็ปลื้มใจแล้วค่ะ แหม่มมีความหวังว่าเขาจะยิ่งแข็งแรงขึ้น รอบจัดขึ้นเมื่อผ่านงานไปสักระยะหนึ่ง และเขาจะต้องกลายเป็นศิลปินกลุ่มที่ดังมากแน่ๆ แหม่ม่ก็แค่คิดแค่ปลื้มข่องแหม่มไปตามประสาคุณครูผู้รักเด็กไปตามเรื่องตามราว ไม่คิดว่าเขาจะดังขึ้นมาจริงๆ…
    เริ่มจากเด็กวัยรุ่นรู้จักและคลั่งไคล้ดีทูบีอย่างแรง จนผู้ใหญ่ต้องหันมามองดูกันไปด้วยว่าไอ้เจ้าวง ดีทูบี นี่เป็นใคร ทำไมเด็กๆถึงคลั่งกันนัก แล้ว ดีทูบี ก็ดังทั่วบ้างทั่วเมือง…ภายในเวลาไม่นาน

    แหม่มก็เลยต้องติดตามไปดูแลพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อดังมากความคาดหวังของคนดูก็มากตาม ดีทูบี จะพลาดไม่ได้เมื่อขึ้นเวที หรือไปที่ไหนก็ตามเพราะดังและเป็นที่รู้จักมากพอที่จะเรียกว่าเป็น ซูเปอร์สตาร์ แหม่มและทีมงานจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลเขาอย่างดีที่สุด ดูแลในทุกจุดที่ไปทำงานก็ว่าได้ คอนเสิร์ตแรกที่เขาขึ้นไปแสดง เด็กสามคนสั่น ประหม่า จนสติแตก ลืมสคริปท์ ลืมบทพูด ลืมเนื้อเพลง แม้จะรู้ดีว่า…ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอในงานแสดงสด
    แต่แหม่มก็อดที่จะเกร็งไปพร้อมกับพวกเขาไม่ได้ และต้องคอยช่วยเขาแก้ไขปัญหาให้ผ่านตรงนั้นไปด้วยดี ไม่อย่างนั้นหัวขาดฮ่ะ คือไม่ได้โดนใครมาฆ่าตัดหัวแต่อย่างใด แต่การโดนเจ้านายด่าก็เป็นเรื่องชวนสยอง ให้รู้สึกว่าหัวจะหลุดจากบ่าได้เหมือนกัน ซึ่งทั้งครูทั้งศิษย์ก็กอดคอกันผ่านช่วงช็อกวัดใจกันมาได้ทุกงาน ดีบ้าง แย่บ้างแล้วแต่สถานการณ์

    ถึง LIVE CONCERT นี่อะไรมันจะเกิดขึ้นได้แต่แหม่มก็จะคอยเตือนสติให้พวกเขาทำให้ได้ดีอย่างตอนซ้อม และอย่าตื่นคนดูจนทำให้สติแตก ทำอะไรหลุดไปหมด…เท่านั้นเอง ทุกครั้งก่อนจะขึ้นเวทีใหญ่ๆทั้งสามคนจะมาไหว้และกอดแหม่มคนละทีทุกครั้ง และทุกครั้งแหม่มก็จะบอกให้เขาทำให้ดี มีสติ จนเมื่อเขาเก่งขึ้น ประสบการณ์มากขึ้นจนเรียกได้ว่าไม่มีความติ่นเต้นแบบช่วงแรกๆที่มักจะทำให้พลาดในเรื่องที่ไม่ควรพลาดแล้ว แหม่มก็ดูพวกเขาด้วยความสบายใจขึ้น ไม่เครียดจนปวดท้องเหมืนก่อน ซึ่งอาการนี้ไม่ได้มีแต่กับดีทูบี แต่จะเป็นกับศิษย์ทุกคนทุกกลุ่มที่สอนมา โดยเฉพาะตอนออกงานครั้งแรกๆในฐานะศิลปินใหม่ ทุกวันนี้แหม่มก็ยังเครียดอยู่ เพราะฉะนั้นใครคิดว่าทำงานแบบดิฉันสบายขอเชิญมา…ท้าพิสูจน์ได้เลย หนึ่งปีครึ่งที่ ดีทูบี ออกเทปและกลายมาเป็นศิลปินวัยรุ่นที่ดังมากๆ มีงานกันทุกวันวันละหลายๆงาน สามคนนี้ก็ค่อยๆหายไปจากชีวิตแหม่ม

    หายไปแบบว่า…เขามีงานต้องทำ มีสังคมให้ให้รู้จัก มีเพื่อน พี่น้องใหม่ๆให้ทำงานด้วย ไม่ได้มีแค่คุณครูไหวใจดีอย่างพวกเรา แต่ทุกครั้งที่เขามีเวลาและนึกถึงเรา เขาจะกลับมาหาทุกครั้งและยังคงเป็นเด็กสามคนที่เราคุ้นเคยไม่เปลี่ยนแปลง ความดังไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนนิสัยไปเลย แต่ทำให้เวลาที่เขาเคยมีหายไป และนานๆเราถึงจะได้เจอกันที ซึ่งแหม่มก็ภูมิใจค่ะที่เห็ฯเขาได้ดีและดีใจทุกครั้งที่เด็กๆที่เราเคยสอนกลับมาหา บางทีแหม่มยุ่งๆก็ไม่มีเวลาคุยกับเขาเหมือนกัน ก็ใช้วิธีโทร.คุยกันแทน จนคอนเสิร์ตสุดท้ายที่แหม่มได้ไปดูแลเขาตามหน้าที่ประมาณเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ประจำปีของเขาอีกเช่นกัน เรายังคุยแหย่กันเหมือนเคย เพียงแต่แหม่มเหนื่อยน้อยลงเพราะเขาเก่งแล้ว แค่ไปดูวันซ้อมใหญ่กับวันแสดงจริงเท่านั้น ไม่ต้องไปอยู่ด้วยกันทุกวันก่อนขึ้นคอนเสิร์ตแบบช่วงแรกๆ ดีทูบี วันนั้นเก่งและร้องเพลงดีกันทุกคน

    ใครที่ชอบว่าบอยแบนด์ไทยลิปซิงค์ขอแก้ความใหม่นะคะ ดีทูบี ไม่ได้ลิปซิงค์เลย ยกเว้นเพลงเร็วๆที่ต้องมีเต้นหรือมีภาคของการโชว์แค่เพลงสองเพลง ซึ่งบางครั้งร้องสดแล้วมันมากวนกับระบบการโชว์บนเวที ก็ต้องทำเป็นโชว์ไปซึ่งเขาก็จะร้องกันสดก่อนขึ้นเวทีจริงทุกครั้งไม่ได้เปิดเทปแล้วอ้าปากตาม

    วันนั้น เขายังมากอดแหม่มเหมือนเดิม บิ๊กเองวิ่งมาอุ้มตัวลอยจนแหม่มเขกหัวไปว่าฉันเจ็บ และฉันแก่แล้วกระดูกกระเดี้ยวมันจะหักเอา ไปมันเขี้ยวกับแฟนเพลงบนเวทีโน่น บิ๊กก็ยังหัวเราะสะใจที่ได้แกล้งครูไปมา แล้วก็วิ่งไปขึ้นเวทีทำหน้าที่ศิลปินของเขาไป แหม่มรู้สึกว่า…วันนั้นเป็นวันที่บิ๊กร้องเพลงได้เพราะที่สุด โดยเฉพาะเพลง ตะเกียงของหัวใจ ซึ่งร้องยากมาก เขาอยากร้องเพลงนี้เพราะอยากให้ทุกคนเห็นว่าบิ๊กร้องเพลงเก่งจริงๆนะ ไม่ใช่หล่ออย่างเดียว ซึ่งเขาทุ่มเทตั้งใจกับการร้องเพลงนี้มาก ตอนแหม่มไปแอบยืนดูปะปนกับคนดูทั่วไปยังน้ำตาซึม ( อีกแล้ว ) ที่พอจบเพลงนี้คนกรี๊ดกันกระหึ่มและปรบมือให้แบบรู้เลยว่าชื่นชมอย่างจริงใจ

    สองคนที่นั่งด้านหน้าแหม่มลุกขึ้นยืนปรบมือให้อย่างสุดตัวพร้อมกับพูดว่าร้องดีจริงๆอย่างนี้ประกวดก็ชนะ แหม่มได้ยินแล้วก็ภูมิใจแทนบิ๊กมาก อยากบอกเขาว่าหนูทำได้แล้ว หนูเป็นนักร้องที่ดีจนคนดูเขาชื่นชมได้ด้วยตัวเองจริงๆ แต่ก็ยังไม่ได้บอกเสียทีจนคอนเสิร์ตจบ แยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วงานอันมากมายของ ดีทูบี ก็ทำให้เราห่างกันไปอีก
    +
    +
    มีต่อนะคะ ^+*//

    จากคุณ : แอมป์ (*+*) - [ 1 พ.ย. 46 13:15:49 A:203.157.14.245 X:203.157.29.141 ]