ความคิดเห็นที่ 1 ลอกมาเหรอ ? ดูมาแล้วไม่คิดยังงั้นนะ... แต่ก็แล้วแต่คนจะคิดแหล่ะ จากคุณ : all around the world - [ 29 พ.ย. 46 20:40:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านแล้วแปร้บๆครับ เขาเรียกว่าแรงบันดาลใจกะอิทธิพล ไอ้ที่คุณได้ยินได้รู้มาหน่ะ มันเป็นพวกชอบขัดขา สกัดดาว เพราะได้แสดงความฉลาดในการวิจารณ์ ถ้าอย่างนั้นตัวอย่างชัดๆนะ แควนติน ทำเรื่องkill bill ฉากงานปาร์ตี้ กะชุด uma ก็ลอก game of death ของ bruse lee สิครับ ผมว่านั่นเป็นอิทธิพลแล้วก็แสดงความ คาราวะต่อต้นแบบครับ อยู่ที่การนำมาใช้ ปล. ไม่ได้คลั่งเป็นเอกครับแต่ชอบรสนิยมเค้า เรื่องไหนที่ลอกเค้ามาไว้รอให้พวกที่ชอบขัดขาบอกละกัน หรือไม่ก็คนใจดีที่ไม่ขัดขาใคร จากคุณ : กร๊วก - [ 29 พ.ย. 46 20:42:01 A:202.5.82.82 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ใครล่ะครับ ที่บอกว่าลอก จากคุณ : หนุ่มเวส - [ 29 พ.ย. 46 20:50:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นมีคนบอกว่า เรื่องตลก 69 มีลักษณะคล้ายกับเรื่อง Lock, stock and two smoking barrels อะไรนี่แหละ แต่ผมไม่เคยดูหนังฝรั่งเรื่องนี้ครับ ชอบหนังของคุณเป็นเอกทุกเรื่องเลยครับ เมื่อไหร่จะเอา เรื่องตลก 69 มาทำเป็น DVD โซน 3 นะ จากคุณ : หม่องวิน มอไซ - [ 29 พ.ย. 46 21:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เราก็ดู Lock.......ฯ นะ ไม่เห็นจะเหมือน ตลก 69 ตรงไหน จากคุณ : underestimate (underestimate) - [ 29 พ.ย. 46 21:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เหมือนตรงไหนอะ แค่ inspired by ก็คิดไม่ออกแล้วมีแค่เรื่องที่ปืนหายเท่านั้นเองกับเงินหายผมว่า เป็นเอก แกทำได้ตัวหนังเป็นไทยดีมากๆเลย แม้จะมีบางจุดที่ไม่ค่อยคล่องแต่ผมว่าเป็นผู้กำกับไทยที่เก่งสุดคนนึงเลยครับปัจจุบัน จากคุณ : Tt009 - [ 29 พ.ย. 46 21:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ใช่ครับ อยากให้เลิกคิดยิบย่อยเพ่งรายละเอียดว่าหนังเราลอกโน่นลอกนี่ มันฟังแล้วท้อได้นะครับ ไม่งั้นแค่kill billเรื่องเดียวของเควนตินคงต้องบอกว่าเค้าลอก... These are the movies Kill Bill: Volume 1 makes reference to, or borrows stylings from: Wings of Eagles, The (1957) Yojimbo (1961) Thunderball (1965) Tokyo nagaremono (1966) Da zui xia (1966) "Star Trek" (1966) "Green Hornet, The" (1966) "Ironside" (1967) Kurotokage (1968) Da uomo a uomo (1968) Mari้e ้tait en noir, La (1968) Twisted Nerve (1968) Wild Bunch, The (1969) Siu kuen wong (1971) Clockwork Orange, A (1971) Hannie Caulder (1971) Last House on the Left, The (1972) Novia ensangrentada, La (1972) Shurayukihime (1973) High Plains Drifter (1973) Enter the Dragon (1973) Shura-yuki-hime: Urami Renga (1974) Policewomen (1974) Truck Turner (1974) Onna hissatsu ken (1974) Thriller - en grym film (1974) Switchblade Sisters (1975) Du bi quan wang da po xue di zi (1975) Killer Elite, The (1975) Exit the Dragon, Enter the Tiger (1976) Black Sunday (1977) Eaten Alive (1977) 7 note in nero (1977) Hao xia (1978) Game of Death (1978) Grease (1978) Day of the Woman (1978) Resurrection (1980) Exterminator, The (1980) Shogun Assassin (1980) Si wang ta (1981) Xian si jue (1982) Wu dun ren shu (1982) Star Trek: The Wrath of Khan (1982) Tenebre (1982) Scarface (1983) Gai shi ji hua (1984) Wong ga jin si (1986) Nikita (1990) Hong fen zhi zun (1991) Star Trek VI: The Undiscovered Country (1991) Unforgiven (1992) Reservoir Dogs (1992) Tai ji zhang san feng (1993) True Romance (1993) Pulp Fiction (1994) From Dusk Till Dawn (1996) Kite (1998) Samurai Fiction (1998) Proboscis (2000) Wo hu cang long (2000) Battle Royale (2000) จากคุณ : ฮานาแฮมฟาย - [ 29 พ.ย. 46 23:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 "Star Trek" (1966)......................เฮอ..เฮอ..มีป้าโซฟีนิดนึงก็คิดเนอะ Samurai Fiction (1998).............ชอบที่เอามาทำเป็นสีนําเงินนี้มากกว่าต้นแบบที่สีแดงๆอ่ะ...ตื่นตายังกับดูคอนเสิร์ทมาดอนน่าแน่ะ จากคุณ : สมเมี้ยว - [ 29 พ.ย. 46 23:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกะคห.2 ครับ จากคุณ : เจ.เค.กลมกลิ้ง - [ 30 พ.ย. 46 00:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เท่าที่ดูมา เป็นเอกไม่มีสไตล์เป็นของตัวเองครับแกไม่ได้ลอกหนังทั้งยวงหรอก แต่ลอกสไตล์ ใครจะลอกหนังทั้งยวงมาทำก็โง่เต็มทน การเล่าเรื่องแบบ Lock Stock เป็นสไตล์แบบหนึ่งที่เป็นเอกนำมาใช้กับ ตลก69 ถ้าหนังของแกเป็นสไตล์คล้ายๆกันก็จะไม่มีใครว่ามากหรอกครับ เพราะคนเรามีลีลาการเล่าเรื่องที่คล้ายกันได้ แต่ ฝันบ้าฯ มนตร์รักทรานซิสเตอร์ และ รักน้อยนิด แต่ละเรื่องมีสไตล์การเล่าเรื่องคนละแบบ คล้ายๆกับเป็นเอกนำ reference มาใช้จากคนละเรื่อง เรื่องพวกนี้นาๆจิตตังครับ แต่ส่วนตัวผมเฉยๆกับแก ชอบบางอย่างในหนังแก และก็ไม่ชอบบางอย่างเช่นเดียวกัน ความคิดส่วนตัวผมคือแกนำสไตล์ของหนังที่แกชอบมาปรับเปลี่ยนเป็นหนังของแกได้ ซึ่งก็แล้วแต่คนจะคิด จะคิดว่าเป็นแรงบันดาลใจ หรือจะคิดว่าเลียนแบบสไตล์ก็ได้ คุณอาจจะคิดว่าในโลกนี้ไม่มีหรอกสไตล์ใหม่ๆ ยังๆไงก็ต้องมีแรงบันดาลใจกันมั่งแหละ สำหรับผมก็คิดในแง่ว่าก็ใช่ครับ แต่ก็น่าจะมีจุดยืนเป็นหลักของตัวเองบ้าง ผู้กำกับที่ผมชื่นชอบก็จะมีสไตล์และวิธีเล่าเรื่องที่ตนถนัดและเป็นตัวของตัวเองทั้งสิ้น ยกตัวอย่าง Kitaro Quentin Guy Richie Akira Kurezawa พีเก้ง <-อันนี้มีผลงานแค่เรื่องเดียว แต่ก็เห็นถึงจุดยืนในการนำเสนอของแกอย่างชัดเจน พี่วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง พี่ อุ๋ย นนทรี ตัวอย่างที่กล่าวมาผมสามารถแจกแจงจุดเด่น และสไตล์ของแต่ละคนออกมาได้ แต่ของเป็นเอก สไตล์ของเขาคืออะไร? ความแปลก ความ"ลอย"ของตัวหนัง ความ"มีรสนิยม"ของผู้สร้างเหรอครับ เคยอ่านคำให้สัมภาษณ์ของพี่เก้งว่า หนังของแกทำให้คนดู ไม่ใช่ทำออกมาใครไม่ดูถือว่าหัวไม่ถึง ก็รู้ๆกันอยู่ว่าแกหมายถึงหนังเรื่องอะไร ผมชอบฉากมน บุพผาราตรีที่ เด๋อ กับ สายัญ ด่าคนเสื้อเทาหัวโล้นที่มีเสื้อเขียนว่า ฉลาด ชอบตอนที่แกด่าหนังที่ตาคนนั้นเขียน ตลกดี แล้วแต่จะคิดน่ะครับ อ่านมาถึงตรงนี้ได้ก็นับว่าท่านมีจิตใจอดทนไม่น้อย จากคุณ : Composite - [ 30 พ.ย. 46 03:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าเขาอาจจะคิดว่าคนดูหนังไทยส่วนใหญ่จะดูไม่ออกนะว่าเขาชอบลอกหนังคนอื่นมา แต่ผมดูออกตั้งแต่เรื่องแรกแล้วครับ เลยไม่ได้ฮือฮากับหนังเขามาก จากคุณ : Born To Be - [ 30 พ.ย. 46 03:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับผมเรื่องตลก 69 เลียนแบบ Lock, stock and two smoking barrels แน่นอนครับหากพูดว่าได้รับอิทธพล ก็เป็นการได้รับอิทธพลแบบรับมาเต็มๆ เปลี่ยนจากหนังอังกฤษมาเป็นหนังไทยแค่นั้นเอง ความเหมือนของ69 ไม่ใช่แค่เรื่อง ปีนหายเงินหาย ลองมองดูรวมๆมันมากกว่านั้นเยอะมาก ทั้งความวุ่นวายของบทและตัวละคร ฉากไครแม๊ก หรืแจุดจบของหนัง เราไม่สามารถเอาหนังอย่าง Kill Bill มาเปรียบเทียบกับ เรื่องตลก 69 ได้อย่างแน่นอน การที่คุรยกตัวอย่างเรื่องเครื่องแต่งกายของตัวเอก นี่มันคนละเรื่องกับบทภาพยนตร์ หรือแม้แต่ยกสไตร์ของหนังตรงนี้ก็เอามาเทียบไม่ได้อีก Kill Bill: คือหนังที่ทำให้เหมือนกับ สไตร์ของโชว์บราเทอร์ ความเหมือนมันย่ำอยู่กับที่อยุ่แล้วคือ การฆ่าล้างแค้น คิวบู๊ ซึ่งตรงนี้อยู่ที่ความสามารถของผู้กำกับว่าทำให้คนดูสนุกตามได้แค่ไหน และทำได้สนุกว่าหนังแบบนี้เรื่องอื่นๆได้หรือป่าว ผิดกลับ 69 ตลก69 เอาจุดเด่นของบทหนัง ที่ผู้กำกับต้นแบบพยายามสร้างสไตร์ส่วนตัวไว้แล้ว (ตรงนี้ลองไปดูหนังเรื่องอื่นๆของ กายริชี่ ) เป็นเอกกับหยิบตรงนี้มาใส่ใน69 ซึ่งผมว่าดูถูกคนดู้เป็นอย่างมาก ที่สำคัญที่สุดเลย เป็นเอกให้สัมภาคษ์กับนิตรสารต่างๆก็บอกอยู่เสมอว่าเค้าคิดเอง และเป็นสไตร์ส่วนตัวของเค้า เค้าคิดว่าคนไทยโง่นักรึ ไม่มีใครเคยดูหนังของกายริชี่หรือไง ถ้าจะถามว่าเป็นเอก ได้ไอเดียจากหนังเรื่องไหนแล้วเอามาใส่ไว้ในหนังของตัวเอง ผมขอแนะนำให้ดูดังนี้ เรื่องแรก ของแนะนำแบบรวมๆ คือ หนังของ เดวิค ลินค์ แดนนี่ บอย และ2พี่น้องโคเอน 3คนนี้คือบุคคลที่โดนยำใหย่เอามาใส่ใน ฝัน บ้า คาราโอเกะ ลำดับที่2 หนังของหว่องคาไว ลองดูหนังของหว่องซัก 3-4 เรื่องครับ เรื่องอะไรก็ได้ดูแล้วมาดู เรื่องรักน้อยนิดฯ ผมอยากจะถามความรู้สึกของท่านเจ้าของกระทู้ว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ลำดับที่3 เป็นหนังที่เป็นเอก ลอกจนน่าเกลียดมาก คือ Lock, stock and two smoking barrels ของกายริชี่ ตรงนี้ไม่ต้องเชื่อผมว่าลอกหรือไม่ ผมอาจจะอคติเองก็ได้ที่ว่าลอก แต่ผมอยากให้คุณดูแล้วลองมาตอบในกระทู้ว่าคุณรู้สึกเหมือนผมไม๊ว่ามันเหมือนกัน แค่ตัดออกหน่อย เพิ่มนี่นิด แล้วพูดภาษาไทย หนังเรื่องนี้หาเช่าได้ครับ ที่แมงป่อง ชื่อภาษาไทยคือ 4เลือดบ้า มือใหม่หัดปล้น ท่านเจ้าชองกระทู้ไม่ต้องเชื่อใครว่าเป้นเอกลอกหรือไม่ อยากให้ดูอย่างกลางๆแล้วลองมาบอกผมว่ารู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่ผมแนะนำ จากคุณ : เขตปลอดหน้าม้า - [ 30 พ.ย. 46 04:11:13 A:210.86.161.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอเรียกว่า พวกไม่สร้างสรรค์! ผมคนนึงล่ะ ที่ดู Lock, Stock มาแล้ว แล้วก็ไม่เคยคิดว่า เป็นเอก จะตั้งหน้าตั้งตาลอกหนังเอามาใช้อย่างที่คุณบอก ผมว่าสไตล์ของเป็นเอก ก็เป็นสไตล์เฉพาะตัว ตามนิสัย และสิ่งที่ได้รับการบ่มเพาะมา เขาชอบดูหนังแนวนี้ ชอบตลกร้ายแบบนี้ ชอบวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ ทุกอย่างมันถูกสะสมมาจนเข้ามาในหัวสมอง ก่อนจะกลั่นออกมาด้วยซ้ำ แม้แต่มนต์รักทรานซิสเตอร์ก็ตาม มันก็ยังขำแบบเสียดสี เหมือนเรื่องอื่น ๆ ของเขา หรือเรื่องอื่น ๆ ในแนวที่เขาชอบ ทั้ง ๆ ที่มันถูกตีกรอบด้วยบทประพันธ์มาแล้ว ถ้าผมทำหนัง หรือเขียนหนังสือ ผมก็คงทำในแนวที่ผมชอบอย่างนี้เหมือนกัน มันไม่ใช่การยำใหญ่ หรือลอกเอามาใช้ ไม่เหมือนกับหนังไทยอีกหลายเรื่อง ที่ทำขำโดยเอามุกตลกจากหนังสือโจ้ก หรือไดอาล็อกที่คนอื่นเขาพูดมาใส่ในหนังตัวเอง อย่างนั้นซิ เรียกว่าไม่ได้คิดเอง คุณเขตปลอดหน้าม้า เคยลองใช้ความคิดสร้างสรรค์อะไรซักอย่างออกมามั๊ย ลองเล่าให้ฟังหน่อย อย่างเช่น ถ้าคุณจะทำหนังซักเรื่อง คุณจะทำเรื่องยังไง แล้วผมจะบอกให้ฟังว่าคุณลอกจากอะไรมา ขอบอกว่า ผมเป็นวิศวกร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงเลย ไม่ใช่หน้าม้าแน่นอน จากคุณ : กาแฟแกล้มจันทร์ (Cafe de Moon) - [ 30 พ.ย. 46 05:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณสำหรับข้อมูลต่างๆ ครับ ทั้งฝ่ายเสนอและฝ่ายค้านครับ ทำให้อยากดูหนังเรื่องต่างๆ ทั้งของคุณเป็นเอก และของผู้กำกับต่างชาติท่านอื่นๆ ขึ้นมาเยอะเลย แต่คงดูเพื่อความบันเทิงแหละครับ เพราะผมก็ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จากคุณ : หม่องวิน มอไซ - [ 30 พ.ย. 46 07:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไอ้คำว่าลอกเนี่ยไม่น่าจะใช้ได้ สมมุติผมเกิดก่อนคุณ ตอนเช้าผมแปรงฟัน คุณเกิดทีหลัง ตอนเช้าคุณก็แปรงฟันเหมือนกัน ก็แปลว่าคุณลอกผมใช่ป่ะ ผมตอบให้เลยว่าไม่ใช่ เพราะลักษณะการจับแปรง ลักษณะการกวาดขนแปรง ทิศทาง น้ำหนัก ไสตล์การบ้วนปาก การล้างปาก การส่องกระจกขณะแปรงฟัน มันไม่เหมือนกัน มันไม่เรียกว่าลอกกันหรอก เพราะฉะนั้นกะอีแค่คนเค้าแปรงฟันเหมือนกัน ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าลอกกันหรอกนะครับ อืม ช่างเป็นการเปรียบเทียบที่ซับซ้อนอะไรเช่นนี้ จากคุณ : Lu (Love Universe) - [ 30 พ.ย. 46 08:09:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ่า.....ใช่ๆ  "ลอก" กับ "inspired" มันไม่เหมือนกัน ถ้า inspired คือหยิบมาใช้อย่างพิถีพิถัน มีความเคารพในงานต้นแบบ  และนำเสนอในสไตล์หรือรูปแบบที่เด่นชัดเป็นของตัวเอง ในกรณีตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็คงหนีไม่พ้นอาเฮียเควนติน ทารันติโน่  เราได้ดู Kill Bill แล้วเรารู้เลยว่านี่คือหนังของเขา ถึงแม้ตัวเอกจะใส่ชุดบรู๊ซ ลี  ถือดาบซามูไรล้างแค้นเหมือนหนังฮ่องกง ดนตรีประกอบเป็นหนังคาวบอยอิตาลี  แต่เรารู้ว่านี่คือหนังที่ออกมาจากกึ๋นของทารันติโน่จริงๆ ( ผมเรียกว่ายำอย่างมีรสชาติ ) ผมไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญในการตีหนังให้แตก แต่ก็ยอมรับในฝีมือของคุณเป็นเอกว่าเป็นคนทำหนังที่มีความสามารถ เคยดูตลก 69 แต่Lock,stock...นี่ผมก็ไม่เคยดู( อยากดูมานานแล้ว แต่หาดูไม่ได้ ) Last live... นี่ให้อารมณ์เดียวกับหนังของหว่องกาไวก็จริง ผมว่ามันก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียวหรอกนะ แต่ก็เห็นด้วยกับคุณ composite หนังแต่ละเรื่องของคุณเป็นเอกต่างกันเกินไป  มองสไตล์ที่ชัดเจนจริงๆไม่ออก เรื่องลอกหรือไม่ลอกยังไงนี่ก้ไม่ทราบ  แต่ไม่ว่าในกรณีไหนก็ควรจะให้ความเคารพงานต้นแบบด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 46 14:31:22 จากคุณ : don_custom - [ 30 พ.ย. 46 13:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอตอบคุณ คห 13 นิดครับ คุณบอกว่า "ผมว่าสไตล์ของเป็นเอก ก็เป็นสไตล์เฉพาะตัว ตามนิสัย และสิ่งที่ได้รับการบ่มเพาะมา เขาชอบดูหนังแนวนี้ ชอบตลกร้ายแบบนี้ ชอบวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ ทุกอย่างมันถูกสะสมมาจนเข้ามาในหัวสมอง ก่อนจะกลั่นออกมาด้วยซ้ำ" แต่ทำไมหนังเขาแต่ละเรื่องสไตล์ต่างกันคนละแบบเลยครับ ไหนคือเอกลักษณ์ของเป็นเอกครับ ตรงไหน จากคุณ : Composite - [ 30 พ.ย. 46 14:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เอกลักษณ์จากเอกลักษณ์ของคนอื่น? อืม........... มัน"เอก"ตรงไหน?........... จากคุณ : DEIZEL - [ 30 พ.ย. 46 14:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าทำหนังมา ๔ เรื่องสไตล์เดียวกันหมดนี่ไม่ถือว่าดัดดานหรือครับ ถ้า ๔ เรื่องทำมาเหมือนกันหมดใครจะรอดูเรื่องที่ ๕ ครับ เพราะดูเรื่องที่ ๑-๔ ก็ได้ ถ้าทำงานออกมาซ้ำๆกันหมดอย่าทำหนังเลยครับ ไปทำงานนั้งโต๊ะที่บริษัทดีกว่า จากคุณ : สาวกท่านมันตู - [ 30 พ.ย. 46 14:55:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เออ มีดีวีดีเรื่อง lock,....อยู่ที่บ้านด้วยนะนี่ ดูมาตั้งหลายที ไม่เห็นจะเหมือนกันเลย ยกเว้นตอนท้ายเรื่อง ซึ่งก็เคยเห็นแบบนี้ในหนังหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน เล่าเรื่อง lock หน่อย(เผื่อคนไม่เคยดู) พระเอกกับเพื่อน ไปเล่นไพ่กับมาเฟีย แล้วถูกกลุ่มมาเฟียโกงไพ่ แถมยังถูกหลอกให้เป็นหนี้มหาศาล ทางออกคือต้องหาเงินมาคืนภายใน 1 อาทิตย์(มั้ง) ไม่งั้นจะยึดร้านของพ่อพระเอก พวกพระเอกหาทางหาเงินให้เร็วขนาดนั้นไม่ได้ ประกอบกับมีเพื่อนบ้านเป็นแก๊งนักเลง แถมแอบได้ยินว่าไอ้ข้างบ้านจะไปปล้น จึงวางแผนปล้นแก๊งโจรข้างบ้านอีกที แล้วเรื่องยุ่งๆ ก็ตามมา พร้อมกับความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องที่ผูกพันกันยุ่งเหยิง เหมือนกันตรงไหนเนี่ย ไอ้เรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครที่พันกันเนี่ย ในหนังเรื่องอื่นก็มี แต่อาจไม่ได้อยู่ในสไตล์นี้ ตัวอย่างที่นึกออกเดี๋ยวนี้ก็คือ enemy of the state จากคุณ : Jimmy Jim - [ 30 พ.ย. 46 15:00:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เอ ผมมองเรื่องตลก 69 นี่ สไตล์มันเป็นไปทางหนังญี่ปุ่นมากกว่านะ พูดน้อย ใช้ภาพเล่าเรื่อง ในขณะที่ Lock,stock @ two smoking barrells นี่ใช้การตัดต่อที่ฉับไว งานกล้องที่หวือหวา บวกกับไดอะล็อกหนุกๆ มันคนละสไตล์กันเลยนี่นา born to be ถามจริง เคยดูหนัง ทั้ง 2 เรื่องนี้รึเปล่า โดยเฉพาะ 69 ไม่เห็นมันมีเรื่องปืนหายอะไรเลย ยิ่งเรื่อง lock,stock นี่ ไม่มีเรื่องเงินหายเลย เคยดูป่าว หรือว่าสักแต่จำขี้ปากเค้ามาพูด บทก็ไม่เหมือน พล็อตก็ไม่เหมือน ที่จะเหมือนกันก็คือฉากตอนท้ายเรื่องเท่านั้นเอง แต่เห็นด้วยกับคุณ Composite ที่ว่างานทั้ง 4 เรื่อง มีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน (ขอยกเว้นเรื่องสุดท้ายไว้ก่อน เพราะยังไม่ได้ดู) แต่ที่เห็นเหมือนกัน จนคิดว่าน่าจะเป็นลายเซ็นต์ของผู้กำกับ ก็คงได้มั้ง ว่าแก จิกกัด เรื่องความงมงายของคนไทยอยู่เสมอๆ อย่างในเรื่องแรกนี่ค่อนข้างชัด กัดเรื่องการทำนายฝัน แล้วมีวิธีแก้เคล็ดแบบแปลกๆ(ต้มไข่ แล้วเอามาถูหน้า แล้วมาบอกทีหลังว่า คำนวนผิด) เรื่องที่ 2 นี่ บรรดาพนักงานที่ถูกเลย์ออฟนี่ จับสลากได้เลขมงคลหมดเลย(3-7-9) ส่วนเรื่องที่ 3 นี่ ถ้าใครสังเกตดีๆ บนหิ้งพระของเสี่ยเจ้าของวงลูกทุ่ง จะเห็นรูปของพระยันตระ จากคุณ : บี - [ 30 พ.ย. 46 16:19:56 A:203.113.32.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ว้า สาวกท่านมันตู มันไม่ถึงกับดักดานหรอก แต่คนทำหนัง มัน"ควร"ที่จะมีสไตล์ของตัวเองอยู่นา แต่ก็ไม่จำเป็นหรอก ผู้กำกับหลายคนในฮอลลีวู้ด ก็ไม่มีสไตล์เป็นของตัวเองเหมือนกัน แล้วก็ที่ว่า last live...จะไปเหมือนหนังของหวังเจียเหว่ย อันนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะตากล้องคือคนเดียวกัน คือคริสโตเฟอร์ ดอยล์(มีใครรู้มั่ง ว่าแกมีชื่อจีนว่าไร ลืมแล้ว) ตากล้องไม่ใช่แต่สักแต่ว่าถ่ายนะ ต้องให้คำปรึกษาแก่ผู้กำกับด้วย ฟังชื่อเรื่อง กับชื่อตากล้องแล้ว ก็พอนึกภาพออกว่างานภาพจะเป็นไง เหวี่ยงๆ ไม่มั่นคง เหงาๆ แต่ผมว่ามันเหงาประดิษฐ์อ่ะ เหงาสวยไปหน่อย จากคุณ : บี - [ 30 พ.ย. 46 16:36:06 A:203.113.32.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 What is the original? ผมลอกการบ้านเพื่อนเพราะผมขี้เกียจคิดขี้เกียจทำหรือทำไม่เป็นหรือทำไม่ทัน..... กับ...ผมลอกเล็คเช่อร์บนกระดานของอาจารย์ลงในสมุดโน๊ตของผม แต่ผมไม่ลอกทุกบรรทัดหรือทุกคำพูด บางครั้งผมก็เขียนใหม่เป็นภาษาของผม เพื่อความเข้าใจของผมเอง แต่เพื่อนของผมลอกเล็คเช่อร์ทั้งหมดที่อาจารย์เขียนบนกระดานแม้แต่รอยชอล์กที่ลบไม่หมด แต่เขากลับไม่เข้าใจอะไรเลยในสิ่งที่ตัวเองลอกใส่สมุดโน๊ต... จากคุณ : MAVEL - [ 30 พ.ย. 46 16:49:35 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมยกตัวอย่างว่า มีเพื่อนคุณคนนึง เขาเล่าเรื่องให้คุณฟัง เรื่องแรก อยากเล่าแบบเอามัน ดุเดือดเลือดพล่าน ต่อมาอยากเล่าเรื่องตลก ๆ แบบเสียดสี ประชดประชัน ต่อมาอยากเปลี่ยนแนว ไปเล่าแบบเรื่องรักเชย ๆ บ้าง หรือเรื่องรักแบบสมัยใหม่บ้าง แต่ละเรื่องมันคนละแนวกันก็จริง แต่ถ้าคุณจับดี ๆ ก็จะรู้ว่านี่มันเป็นเรื่องจากคน ๆ เดียวกัน นั่นแหละมันคือ "ลายเซ็น" ที่เหมือนกัน ไม่ใช่คนนี้ไม่มีแนวทางเป็นของตนเอง ทำไมไม่เล่าเรื่องผี แล้วก็เล่าเรื่องผีให้ตลอดล่ะ ถ้าคุณชอบทำงานสร้างสรรรค์ จะรู้ว่ามันน่าเบื่อ คนขี้เบื่อย่อมอยากจะทำในสิ่งใหม่ ๆ เสมอ นั่นคือบุคลิกของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ โมเดิร์นด๊อก ชุดแรกออกมาเป็นร็อคที่เล่นสด ๆ ได้มันมาก พอชุดต่อมา ก็เปลี่ยนมาออกแนวอีเล็คโทรนิก้าบ้าง จนชุดหลังสุด ก็กลับมาเป็นแบบที่เล่นสดได้มัน ๆ บ้าง Radio Head ก็เป็นอีกวงที่ชอบเปลี่ยนแนวทางของแต่ละชุดตลอด จนคนฟังแทบจะปรับหูตามไม่ทัน นนทรีย์ นิมิบุตร ก็ทำ โอเคเบตง ออกมาคนละแนวกับจันทร์ดารา ยุทธเลิศ ก็ทำกุมภาพันธ์ด้วยอารมณ์หนังแบบหว่องคาไว อย่างที่แกไม่เคยทำมาก่อน พอเรื่องล่าสุด ก็ทำตลกประชดประชัน ดุเดือดเลือดพล่าน แต่สุดท้าย คนที่จับแนวได้ ก็จะรู้ว่า นี่มัน "ลายเซ็น" เดียวกัน ถ้านนทรีย์ หรือคุณเก้ง เอาเรื่องมนต์รักทรานซิสเตอร์มาทำ หรือเป็นเอกเอาเรื่องสนิมสร้อยมาทำ มันก็ย่อมจะได้อารมณ์ที่ต่างกัน สนิมสร้อย เอามาทำแบบเป็นเอก ก็อาจจะเข้ากัน เพราะโดยทั่วไป งานเขียนของปู่รงค์ เขาจะมีมุกเสียด ๆ ซ่อนเอาไว้อยู่แล้ว ตรงนั้นก็อาจจะถูกเอามาเน้นมากหน่อย ขอให้ลองเถอะครับ ลองทำงานสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาดูซักอย่าง แล้วจะเข้าใจกระบวนการคิดในสมองของเรา ว่ามันหยิบ reference ตรงไหนมาใช้ยังไงบ้าง ถ้าผมชอบดูหนังแบบ Pulp Fiction, Trainspotting, Funny Game,Rock Stock, Chunging-Express, Days of ฯ, O Brothers, Cube, 13th Floor ฯลฯ ผมก็คงจะหาแต่หนังแนวนี้มาดู แล้วก็ดูอย่างตั้งใจ มากกว่าแนวอย่าง American Pie หรือหนังรักวัยรุ่นกุ๊กกิ๊ก แล้ว reference ของผมก็ย่อมจะมีน้ำหนักไปทางอย่างแรกมากกว่าอย่างหลัง แต่ถ้าผมชอบดูแต่อย่างหลัง ผมก็อาจจะทำหนังออกมาแบบ ปอบ หวีดสยอง หรือไม่ก็ แอ้มเกิน 100 พวกนั้น ก็ผมชอบแนวอย่างนี้ จะให้ผมทำหนังอย่างบ้านทรายทองได้ยังไง??? ทำได้ แต่ถ้าผมทำบ้านทรายทอง ก็คงจะเป็นบ้านทรายทอง ที่วุ่นวายน่าดู ขอสรุปสุดท้ายที่คำว่า "ลายเซ็น" ครับ นักแต่งเพลง นักเขียน นักดนตรี ทุกคนก็ย่อมมี "ลายเซ็น" ที่ต่างกันไปตาม reference จะไปบอกว่าเขาเหมือนอันนั้น เล่นไปลอกมาเปลี่ยนหัวนี่หว่า มันก็ใจร้ายเกินไป ไอ้นิสัยลอกการบ้านมาเปลี่ยนหัว เพื่อนผมสมัยเรียนมีเยอะ ไม่ใช่บุคลิกอย่างนี้หรอก จากคุณ : กาแฟแกล้มจันทร์ (Cafe de Moon) - [ 30 พ.ย. 46 17:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เหตุผลชัดเจนดีครับ ค ห 24 ทำได้แต่อย่าเด่นครับ คนอื่นเค้าอิจฉา เพราะเค้าจะคิดว่า ตู ก็รู้เยอะ ตู ก็ดูเยอะ แต่ทำไม ตูไม่มีโอกาส ดังเหมือนมันวะ (เพราะจิตใจแคบไง นี่ว่าแต่คนที่คอยจ้องจับผิดคนอื่นนะ ไม่ได้ว่าคนที่วิจารณ์ ติ-ชม อย่างสร้างสรรค์) จากคุณ : ค ห 2 - [ 30 พ.ย. 46 20:04:32 A:202.57.173.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมชอบผู้กำกับหลายคนมากในเมืองไทย ที่พูดเรื่องคุณเป็นเอกนี่ไม่ใช่ anti คนอื่นนะครับ ผู้กำกับคนไหนทะเลาะกัน เหน็บกันยังไงผมไม่สน ผมดูหนังแล้วมีความสุข ก็โอเค แต่จะไม่ไปบอกใครว่า ต้องดูเรื่องนี้ดูงานผู้กำกับคนนี้ ต้องดูหนังartนะ มันโกหกตัวเองนะ ถ้าดูแล้วไม่มีความสุข แต่รู้สึกเท่ สาตๆ ว่าตูดูหนัง art หนังนอกกระแส หนังอินดี้ มัน fake เฮี่ยๆ จากคุณ : ค ห 25 - [ 30 พ.ย. 46 20:18:30 A:202.57.173.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผ,แปลกใจมากทำไมถ้ามีคนวิจารณ์ถึงเป็นเอก ต้องมีคนด่าคนที่แสดงความคิดเห็นตรงข้ามกับตนเอง ว่าคนเหล่านั้นเป็นพวกไม่สร้างสรรค์ อยากให้คุณกาแฟแกล้มจันทร์ (Cafe de Moon)ตอบมาหน่อยที่ว่าไม่สร้างสรรค์ มันไม่สร้างสรรค์ยังไงครับ ไม่สร้างสรรค์เพราะว่าเค้าเอาข้อมูลของผู้กำกับต้นแบบของเป็นเอกมาแนะนำให้ดูกันรึ??? ส่วนตัวของผมชอบหนังของเป็นเอก มีความรู้สึกดีๆกับผู้กำกับคนนี้ที่พยายามสร้างความแปลกใหม่ให้กลับตลาดหนังไทย แต่เป็นเอกเป็นคนที่อีโก้แรงมาก ผมอยากจะยกตัวอย่างเพื่อนผมที่ไม่ชอบเป็นเอก เพราะเป็นเอกบอกคนดูหนังอยู่เสมอว่าหนังของเขาคิดเอง เป็นเอกพูดไว้ในช่วงอัดรายการของ แชลเนลวีไทยแลนค์ ตอนที่มนต์รักทรานซิตเตอร์พึ่งฉาย ถ้าเป็นเอกรู้จักถ่อมตัวซักนิดให้เกียรติผู้เป็นต้นแบบเสียหน่อย เป็นเอกคงมีคนรักมากกว่านี้ กลับมาเรื่องที่เป็นเอกลอกหนังของต่างชาติหรือป่าว?? ก่อนจะเข้าเรื่องของเป็นเอก ผมอยากจะยกตัวอย่างของคุณพจน์ อานน มาประกอบซักหน่อย 18 ฝนคนอันตราย มีอยู่1ฉากที่คุณ พจน์ อานน หยิบมาจาก โหด เลว ดี แบบเต็มๆคือ ฉากที่ยิงกันในห้องอาหาร เอาละฟังดูแค่นี้ต้องมีคนบอกว่าหนังจีนหรือหนังแอคชั่น เรื่องไหนๆมันก็ยิงกันในร้านอาหารทั้งนั้น แต่ฉากนี้ต่างกัน หนังแต่ละเรื่องยิ่งเป็นหนังที่ดี คนดูจะจดจำฉากนั้นไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ และเมื่อมีการนำมาทำใหม่ถึงเม้จะยิงกันในร้านอาหาร แต่ผู้กำกับต้องใช้จิตรการของตัวเองในการคิดฉาก แอคชั่น การตัดต่อ มุมกล้อง และจุดจบของตัวละคร คุณพจน์ อานน หยิบยืมมาแค่ฉากเดียวโดนนักวิจารณ์บันเทิงและสมาคมนักดูหนังตามเว็บบอทต่างๆรุมด่าซะเลอะ แต่ตรงนี้คุณพจน์ ยังมีความรับผิดชอบ ยืดอกรับว่าตนเองเอาฉากนี้มาจากหนังฮ่องกงจริง ต่อที่เรื่องตลก 69 และ เรื่องรักน้อยนิดฯ คุณเป็นเอก เอาข้อดีและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ กาย ริชี่ และ หว่องกาไว มาทำเป็นหนังของตัวเอง ตรงนี้ผมว่าคงจะไม่มีใครเถียงว่า 69 เป็นหนังตลกร้ายที่ใช้ความสับสนวุ่นวายของตัวละคร และเรื่องเหนือความคาดฝัน ทำให้เกินเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งแต่ละเหตุการเชื่อมโยงซึ่งเกี่ยวเนื่องกับตัวเอก เอกลักษณ์ตรงนี้กาย ริชี่เอามาใช้กับหนังของเค้าแทบทุกเรื่อง (ยกเว้นเรื่องล่าสุดที่เจ๊มาดอนน่าเล่น) เรื่องตลก69 ก็เอาจุดนี้มาใส่ในหนังเหมือนกัน ซึ่งที่เป็นเอกเอามามันไม่ใช่ เรื่องการประเภทของหนังคือ แอคชั่น ตลกร้าย หนังผี ไม่ใช่แบบนี้ แต่เป็นเอกหยิบเอาองค์รวมของ Lock,stock คือบทและการดำเนินไปของเนื้อเรื่อง เอามาดัดแปลงบ้างแล้วทำให้เป็นเรื่องตลก 69 เรื่องตลก 69 ก็เหมือนเพลงล่ะครับ Wsen I Come around ของกรีนเดย์ กับ ดีเกินไป ของสไมย์บัฟโร่ ดีเกินไปไม่ได้ลอกมาแบบเต็มๆ แต่เปลี่ยนท่อนฮุค แต่ทางครอสยังเหมือน หากเปลี่ยนทางครอสกีต้าร์เป็นองค์รวมของหนังและสไตร์ส่วนตัวของผู้กำกับ เรื่องตลก 69 ย่อมเป็น Lock,stock ภาคภาษาไทยในความรู้สึกของผม (ผมดูหนังทั้ง2เรื่องแล้ว อารมณ์มันเหมือนกันหลายๆอย่างของหนังแทบจะถอดกันมา) ส่วนเรื่องรักน้อยนิดฯ นี่ผมยิ่งว่าไปกันใหญ่ครับ หากผมไม่รู้ว่าใครกำกับหนังเรื่องนี้แล้วเข้าไปดูผมคงต้องคิดว่า เรื่องรักน้อยนิดฯ เป็นผลงานใหม่ล่าสุดของหว่องกาไว อย่างแน่นอน หว่องกาไว ถ้าคนอื่นที่ชอบเป็นเอกแล้วคิดว่าผมติเพื่อทำลายหรือไม่สร้างสรรค์ก็สุดแล้วแต่ครับ ผมได้ดูหนังของเป็นเอก และหนังของกาย ริชี่ ความรู้สึกส่วนตัวของผมบอกว่าเหมือนขนาดยิ่งกว่าได้รับอิทธิพล จึงมาบอกเล่าให้คนอื่นฟังต่ออีกที จากคุณ : กลุ่มบ้าบอคอหนัง พันทิพ#2544 - [ 30 พ.ย. 46 21:30:57 A:203.144.143.250 X:202.133.178.55 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สไตร์ส่วนตัวของผู้กำกับไม่ใช่ว่าจะต้องทำหนังประเภทนั้นๆไปตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าทำหนังผีต้องทำหนังผีตลอด อันนั้นมันไม่ใช่ สไตร์ครับแต่มันเป็นประเภทของหนัง ยกตัวอย่าง หว่องกาไว อีกครั้งหว่องทำทั้งหนังแอคชั่น หนังรักโรแมนติก หนังจีนกำลังภายใน และหนังดราม่าแรงๆ แต่ทำหนังทุกเรื่องคนดูถึงรับรู้ได้ว่านี่คือหนังของหว่อง จากคุณ : บ้าบอคอหนัง พันทิพ#2544 - [ 30 พ.ย. 46 21:38:42 A:203.144.143.250 X:202.133.178.55 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอถามหน่อยครับ......ทำไมหมิวในเรื่องตลก69ต้องชอบเจ้าหญิงไดอาน่าอ่ะคับ มุขนี้ผมไม่เก๊ทอ่ะ ต้องการสื่ออะไร หรือว่าการเขียนบทให้ตัวละครเอกมีidolประจำใจ เป็นสไตล์เฉพาะตัว(ของใคร?)อีกรึป่าวครับ? จากคุณ : ลูกชายสปีลเบิร์ก - [ 30 พ.ย. 46 21:48:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราดูทั้งเรื่องตลก 69 กับ Lock stock แล้วเราก็ว่าเหมือนกันตอนท้ายๆ ที่ปืนลั่นโครมคราม ตายเป็นเบือนะแหละ บางคนดูว่าเหมือนมากลอกแน่ แต่เราก็ดูเหมือนกันเราว่าคล้าย ๆ ไม่ถึงกับลอก คือดูเรื่อง Lock stock แล้วคิดถึง ตลก 69 เหมือนดูแฟนฉันแล้วคิดถึงโดเรมอนตอนนึง แต่เราก็ไม่ได้ว่าแฟนฉันลอกโดเรมอนมานิ แล้วเราดูตลก 69 ในโรง แล้วค่อยได้ดูวีดีโอ (หรือแผ่นวีซีดีแหละ นานหละจำไม่ได้) ช่วงเวลาใกล้เคียงกันเลย เรื่องตลก 69 ก็น่าจะมีการเขียนเรื่อง เตรียมงานมานาน ไม่ใช่พอมาดูเรื่อง lock stock แล้วก็ลอกมาหรอก แล้วไม่ใช่มีแต่เรื่องตลก 69 และ lock stock ที่เงินหาย ปืนหายนะ เรื่องอะไรที่ชิงออสการ์นะ ที่เงินปล้นมา สุดท้ายก็ต้องเผาทิ้งนะ เรื่องนั้นก็เหมือน 2 เรื่องนี้นะ เคยอ่านสัมภาษณ์คุณเป็นเอกเค้ายังว่าเรื่องของเค้าเหมือนเรื่องนี้มากกว่า สรุปใครก่อนใครหลัง ลอกกันไปมา แต่มีหนังหลายเรื่องมีพล็อตประมาณนี้ ไม่ใช่มีแต่ 2 เรื่องซักหน่อย จากคุณ : Utaka - [ 30 พ.ย. 46 23:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ต้องใช้สิทธิพาดพิงอีกครั้ง ไม่อยากเถียงเรื่อง ผู้กำกับคนดี ดี หรือไม่ดี แต่แค่อยากขยายความคำว่า"ไม่สร้างสรรค์" ของผม ที่พูดอย่างนั้น เพราะเท่าที่อ่านจากการโพต์กระทู้ แล้วรู้สึกว่าคนพูดนี่ด่วนสรุปอะไรบางอย่าง "ในแง่ลบ" มากเกินไป โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ข้านี่แหละฉลาดที่สุดในจักรวาล ข้าคือศูนย์กลางของจักรวาล คำว่าสร้างสรรค์ มันก็ใกล้เคียงกับคำว่า positive นะครับ ไม่ใช่ผมไม่รับความเห็นด้านตรงข้าม แต่มันอยู่ที่ความเห็นนั้นมันตั้งอยู่บนเจตนาอะไร หวังดี หรือดูถูกความคิดคนอื่น คนที่แสดงความเห็นดูถูกความคิดคนอื่น สมควรได้รับปฏิกิริยาอย่างไร คนหวังดี ควรได้รับอย่างไร คุณน่าจะรู้ดี ตามหลักวิทยาศาสตร์ การชอบไม่ชอบ เป็นสิทธิของแต่ละคนก็จริง แต่ควรหรือไม่กับการวิจารณ์คนอื่นอย่างเสียหาย ทั้ง ๆ คุณก็ดูแค่จากภายนอก ไม่ได้รู้จักสิ่งที่คุณวิจารณ์ลึกพอ นี่ไม่ใช่เรื่องของหนังดี หรือไม่ดี แต่ประเด็นคือ ลอก หรือไม่ลอก คุณคิดหรือว่าวันที่เป็นเอก จะกำกับเรื่องตลก 69 เขาจะนั่ง ๆ นอน ๆ ดู Lock Stock จบ แล้วก็คิดว่า "เอาละ วันนี้กรูจะทำ Lock Stock ภาคภาษาไทย มาหลอกเอาตังค์คนไทยบ้าง" การมองในแง่ร้าย ก็คือการคิดอย่างนั้น แต่ถ้ามองด้วยสายตาที่สร้างสรรค์ และรู้จักให้อภัย ก็อาจจะมองได้ว่า นี่คือก้าวแรก ของคน ๆ นึง ที่อยากจะทำหนังที่ไม่เหมือนกับหนังที่เราดูกันจนเอียน การตัดต่อ โครงเรื่อง อาจจะอ่อนไปบ้าง สไตล์อาจจะได้รับอิทธิพลของฮีโร่ในดวงใจบ้าง แต่วันนึง มันก็จะมีการพัฒนาไปสู่ความเป็นตัวเองอย่างแท้จริง หรือจุดประกายให้คนที่อยากทำงานสร้างสรรค์คนอื่น ๆ อยากทำบ้าง ไม่มีใครทำงานชิ้นแรก ๆ ออกมาโดยไม่มีอิทธิพลของสิ่งที่เขารักหรอก แต่เจตนาของพล็อตเรื่อง หรือการดำเนินเรื่อง มันมาจากจิตใจอันชั่วร้าย ว่าจะลอกหนังของกายริชี่ อย่างนั้นหรือ?? นี่แหละที่ผมบอกว่าความคิดคุณ "สร้างสรรค์" หรือ "ไม่สร้างสรรค์" การวิจารณ์น่ะมันง่าย อยากจะพ่นอะไรก็พ่นออกมาได้ แต่นักวิจารณ์ ก็ตกม้าตายไปหลายคนแล้วนะ ตั้งแต่น้าสนานจิตต์ ที่ผมเคยชื่นชม พอทำหนังออกมาจริง โอ้โฮ... อย่าให้เซด ถ้าวันนึง คุณคิดอะไรขึ้นมาได้ซักอย่าง ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์อันบริสุทธิ์ของคุณ ก็ลองประกาศออกมาดัง ๆ เลยซิว่า "นี่ไง ของจริง สิ่งที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์จริง ๆ ไม่ใช่อย่างที่พวกนั้นแม่มทำกันออกมา... อย่างนั้นมันเรียกว่า Fake!" แต่ทฤษฎีของผมอย่างนึงก็คือ "ความคิดสร้างสรรค์ ย่อมเกิดจากจิตใจที่สร้างสรรค์เท่านั้น" ครับ ถ้ายังมีความขุ่นมัว คิดแต่ว่าคนอื่นมันโง่ มันเ ล ว ข้ามันฉลาดอยู่คนเดียว ดีอยู่คนเดียว ก็ย่อมไม่มีทางเห็นอะไรที่สร้างสรรค์ได้ เมื่อเห็นไม่ได้ ก็ไม่มีทางจะสร้างได้ เช่นกัน เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้... สาธุ :) (ไม่อยากเถียงเอาเป็นเอาตาย แค่จะชี้ประเด็นเท่านั้น คนที่รู้ดีก็คือตัวเราเองทุกคน) จากคุณ : กาแฟแกล้มจันทร์ (Cafe de Moon) - [ 30 พ.ย. 46 23:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คนที่เป็นตัวของตัวเองจริงๆนั้นมองออกง่ายครับ เช่นคนนี้มันแต่งตัวออกแนวนี้ ฟังเพลงแนวนี้ เป็นการแสดงออกอย่างเด่นชัดครับ ถึงแม้เสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่ซ้ำกันทุกวัน แต่เราดูก็ออกว่าเออ คนนี้แนวไหน ส่วนที่จะว่าพวกเขาดักดานหรือไม่ที่แต่งตัวหรือทำผมเป็นสไตล์อย่างชัดเจน อันนั้นก็ต้องไปถามเขากันครับ ถามว่าเป็นเอกประสบความสำเร็จกว่า พี่เก้ง พี่วิศิษฐ์ พี่อุ๋ย พี่ต้อม หรือไม่ ก็อยากจะบอกว่าไม่ครับ ดังนั้นคนเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องอิจฉาเป็นเอกเลย เขาคงแค่หมั่นไส้อ่ะครับ (และ ไม่แน่ คนที่ชอบหนังเป็นเอก พอมาเจอตัวจริงอาจเลิกชอบไปเลยก็ได้ครับ เพราะเขาอาจมองข้ามหัวคุณไปเลยก็ได้ อิอิ ในวงเล็บไม่เกี่ยวกับตัวหนัง แต่เป็นเรื่องบุคลิกส่วนตัว) จากคุณ : Composite - [ 30 พ.ย. 46 23:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 34 การที่ผมเห็นไม่ตรงกับคุณเรื่องเป็นเอก คือ ผมเลวโง่ ไม่สร้างสรรค์ คุณคิดว่าคุณเป็นเทวดาหรือครับ คุณลองไปอ่านข้อความของผมอีกครั้งผมบอกว่าดูแล้วไม่ต้องมาเชื่อใคร แต่พิจรณาเองว่าลอกหรือไม่ลอก ซึ่งผมไม่ได้ว่าผมถูกหรือผิดแต่ตรงนี้มันคือความคิดเห็นส่วนตัว คุณมากกว่าที่ คิดว่า "ว่า ข้านี่แหละฉลาดที่สุดในจักรวาล ข้าคือศูนย์กลางของจักรวาล " คนที่อ่านกระทู้นี้ท่านอื่นๆลองตัดสินดู คนที่ดูหนังแล้วเห็นตรงห้ามกับคุณนี่คือเลว โง่ ตอแล คุณคิดแบบนี้จริงๆหรือ ??? จากคุณ : นี่ล่ะเฉลิมไทย - [ 30 พ.ย. 46 23:31:51 A:203.118.78.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 ใครไปว่าคุณน่ะ ว่า โง่ เลว (ชี้ชัด ๆ ครั่บ) ?? ผมไปพูดตอนไหนรึ?? ผมแค่บอกว่าการที่คุณไปว่าคนอื่นเขาอย่างนั้น คำพูดมันไม่สร้างสรรค์เลย เหมือนไปดูถูกว่าคนอื่นเขาโง่คิดเองไม่เป็นต้องลอกเขา แถมไม่ได้ระบุว่าใครพูดอีกต่างหาก เป็นการพูดโดยรวมว่าไม่เห็นด้วยกับการด่วนสรุปว่าเขาลอกมา อย่างเช่น "ลำดับที่3 เป็นหนังที่เป็นเอก ลอกจนน่าเกลียดมาก คือ Lock, stock and two smoking barrels ของกายริชี่ " คุณคิดก่อนพูดบ้างมั๊ย กับประโยคพวกนี้? หรือสักแต่ว่าพ่นออกมาโดยไม่คิดว่าผู้ที่ได้รับจะรู้สึกอย่างไร เอาแค่เสี้ยวเดียวของสมองที่คุณมีมากกว่านั้นมาคิด แล้วก็ตัดสินคนอื่น (ในทางลบ) มันคือการกระทำของผู้เจริญงั้นรึ? หรือนี่แหละคือเฉลิมไทย ที่จะว่าร้ายใส่คนอื่นยังไงก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่าคนพูดป็นใคร บอกแล้วว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับความชอบ ไม่ชอบ เป็นเอก ไม่เกี่ยวกับว่า หนังดี หรือไม่ดี แต่ประเด็นคือ ลอก หรือไม่ลอก ถ้าคุณไม่รู้ชัดเจน เดาเอา คุณกล้าตัดสินคนอื่นได้อย่างไร แม้แต่เจตนาผม คุณยังตีเป็นอื่นไปได้ ก็ป่วยการแล้ว คุณคงชอบมองโลกอย่างนี้นะ ชีวิตยังมีความสุขดีหรือ? ขี้เกียจเถียงเหมือนเถียงแทนเป็นเอก เพราะไม่ได้รู้จักกันซักหน่อย แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 46 02:07:59 แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 46 01:12:33 จากคุณ : กาแฟแกล้มจันทร์ (Cafe de Moon) - [ 1 ธ.ค. 46 01:10:49 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ก่อนที่จะเถียงกันไปใหญ่ Lock,stock...เป็นหนังเรื่องแรกของ กาย ริชชี่ Snatch เป็นเรื่องที่ 2 และการเกิดหนังเรื่องที่ 2 นี่ ผู้กำกับตั้งใจจะให้คล้ายกับเรื่องแรก เพราะทำให้คนดูในอเมริกาดู ไม่ใช่สไตล์ของเค้าโดยเฉพาะนะ จากคุณ : เดี๋ยวเลยเถิด - [ 1 ธ.ค. 46 01:55:05 A:203.113.33.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องลอกไม่ลอกเนี่ย เถียงไปก็เท่านั้นอะ ก็อย่างที่เจ้าของกระทู้เค้าต้องการนะ ใครคิดว่าเป็นเอกลอกเรื่องอะไร และของใครก็บอกเค้าไปเถอะ เจ้าของกระทู้เค้าจะได้ไปพิสูจน์ ทุกคนมีสิทธิ์พิสูจน์นี่ ความคิดมีนี่ ถ้าดูแล้วรู้สึกลอก ก็คือลอก ในความคิดของคุณเองนะน่ะ แนะนำเจ้าของกระทู้อีกเรื่องน่ะ Shallow Grave ของ แดนนี่ แปง เอ้ย บอย(ฮาหน่อยจิ-_-') ^^ ดูหนังเยอะๆ สนุกดีครับ หนังโลกเรามีเป็นล้านๆ ดูกันทั้งชีวิตก็ไม่หมดหรอก ดูแล้วรู้สึกสนุก รู้สึกดีกับชีวิต รู้สึกเฮ้ยแกจะสร้างทำไมวะ ,เฮ้ยหนังห่วยจังวุ้ย หนังเท่ห์ฉิบเป๋ง,โอโห้ คิดได้ไงวะเนี่ย... สารพัดที่จะรู้สึกกับมันได้ ใจจะยึดติดกับความรู้สึก "ก๊อป" ความรู้สึกเดียวแค่นี้เชียวหรือ? โฮะๆๆๆๆๆ(หัวเราะแบบตาแก่งั่กๆ) จากคุณ : วัชเจียเหว่ย - [ 1 ธ.ค. 46 02:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณวัชเจียเหว่ยไปดูที่ไหนมาอ่ะ ที่เมเจอร์ปิ่นเกล้ารึเปล่า จำได้แค่ว่าเป็นหนังคลับ ไม่ได้มีการฉายเก็บตังค์ แค่อยากรู้เฉยๆ ว่ารุ่นเดียวกันป่าว จากคุณ : อิอิ - [ 1 ธ.ค. 46 03:05:13 A:203.113.33.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านมาทั้งกระทู้มีคห.ที่ 12 เท่านั้นที่ตอบตรงประเด็น ผมอ่านที่คุณกาแฟแกล้มจันทร์ (Cafe de Moon) คุณด่าเค้าได้แรงและแก้ตัวได้เก่งมากตรงนี้ผมไม่ได้เข้าข้าง ใคร เรื่องมันนิดเดียว ประเด็นที่เค้าเห็นว่าลอก คุณเห็นว่าไม่ลอก คุณด่ากันแรงถึงขนาดนี้เลยรึ ใจเย็นๆหน่อยครับ จากคุณ : ชัยยะ - [ 1 ธ.ค. 46 10:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 40 โอ้โฮ บทมันไม่เหมือนกันเลย ยังหาว่าเหมือนกันอีก ลอกน่ะ มันต้องใช้กับสิ่งที่มันเหมือนกันเกินไป อย่างกาเหว่าที่บางเพลง กับ village of the damned เนี่ย ถือว่าลอก หรือว่าอย่างเพลง รักปอนปอน กับ stacey เนี่ย ก็ถือว่าลอก(แฟนไมโครอย่างเพิ่งโวย เค้าไม่ได้แต่งเอง) แต่เล่นจับองค์ประกอบในการเล่าเรื่องมาจับ แล้วบอกว่านี่เป็นการลอกนี่ จบเลย หนังเกือบทุกเรื่อง ลอกคนที่มาก่อนทั้งนั้น งี้ cookie's fortune ของ robert altman ก็ลอก กาย ริชชี่ด้วยดิ ตัวละครมีความสัมพันธ์กันยุ่งเหยิงไปหมด traffic ของโซเดอร์เบอร์ก ก็ลอกหนังสามสีของคิชลอฟสกี้ด้วย โทษฐานตัวละครไม่รู้จักกัน แต่เฉี่ยวกันแวบๆ แถมใน traffic ความสัมพันธ์ของตัวละครก็วนอยู่ในวังวนของยาเสพติด ก็พันกันอีกอยู่ดี จากคุณ : เอาเข้าไป - [ 1 ธ.ค. 46 20:32:28 A:203.113.32.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่าที่สำคัญเลยแล้วเค้าหมั่นไส้กันเป็นเพราะเป็นเอก ไม่เคยให้เกียรติหนังที่ได้แรงบรรดาลใจมากกว่าครับ ผมเห็นด้วยนะว่าถ้าลดอีโก้ลงหน่อยใครเกียรติต้นฉบับ ไม่บอกคนโน้นคนนี้ว่าข้าคือสุดยอดอินดี้ คนดูหนังบางกลุ่ม คงชอบเป็นเอกมากกว่านี้ จากคุณ : ชอบอัธยาสัยพี่เก้ง - [ 1 ธ.ค. 46 22:51:03 A:203.144.143.250 X:203.118.97.174 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมว่าคุณไม่มองเป็นเอกที่เป็น เป็นเอกกันครับ ผมสนับสนุนให้เขาทำหนังออกมาเรื่อยๆ เพราะผลงานที่ออกมาของเขาก็ดูดีครับ อย่างน้อยเขาก็มี look แบบฟิล์ม รู้จักการใช้สื่อได้เต็มประสิทธิภาพ และมีความสามารถในการกำกับการแสดง ไม่เหมือนยุทธเลิศครับ ที่มีความสามารถในการใช้SPACEในหนังเยี่ยมอยู่อย่างเดียว เรื่องมุมมองด้านการสื่อความหมายไม่ได้เรื่องเลยครับ เล่าเรื่องไม่ได้ความ สิ่งที่เขาทำอยู่ ล้วนแล้วแต่มีคนเคยทำมาหมดแล้ว และไม่ได้สร้างอะไรใหม่ในภาษาหนังเลยแม้แต่ลายเซ็นต์ของตัวเองก็ตาม ถ้าเขาไม่ปากจัดคงจืดๆ แถมกำกับการแสดงก็งั้นๆหนักไปทางทดลองมากกว่า ถ้านักแสดงที่เลือกมาเขาเล่นได้ไม่ดี หนังเขาก็จะห่วยเลยล่ะ ดูเหมือนเขาจะหลีกเลี่ยงการเล่าเรื่องแบบสมจริง หรือเมโลดราม่า ซะด้วยซ้ำ คาดว่าคงไม่มีฝีมือด้านกำกับการแสดง (แต่ผมก็สนับสนุนให้เขาทำหนังออกมาเรื่อยๆ เพราะทุกเรื่องผมดูก็สนุกดี ดีกว่าผกก.หนังบนโลกนี้อีกหลายคนมาก และมีพัฒนาการที่ดีให้เห็นครับ - ไม่ได้ตบหัวและลูบหลังแต่พูดจริงๆ ว่าอยากดูอีก -) พี่เก้งบอกว่าชอบหนังแนวเรียลลิสติก ผมดูตั้งแต่ ไทยชูรสตราชฎาแล้ว (คุณแม่ขา ปูน้อยหนีบมือ) คาดว่าเรียลลิสติกของพี่เขาจะเหมือนการแสดงของคุณหมอในสิบห้าค่ำ ที่เหมือนจะจริง สมจริงอย่างที่สุด แต่ก็มีแสร้งอยู่บ้างเจือในคาแรคเตอร์ให้น่าสนใจ ทำให้ดูแล้วความเชื่อในบทบาทของเขา น้อยมาก เหมือนเขาไม่ได้เป็นหมอ แต่เป็นนักแสดงหรือเรียนมาทางสถาปัตย์มากกว่า ซึ่งบทบาทของอีกหลายคนในเรื่องนี้ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย ผมเชื่อในการแสดงของเด็กผู้ชายที่ชื่อโจ้ ในหนังเรื่องเกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ ที่ออกมาแค่แวบเดียวมากกว่าซะอีก ฉากสร้างอารมณ์ของเขาในตอนจบ 15 ค่ำเดือน 11 ถ้าตัดเพลงประกอบออกแล้ว จะเป็นจังหวะหนังที่ไม่ลงตัวเอาเสียเลย เพราะไม่ได้ก่อร่างอารมณ์คนดูขึ้นมาจากการไต่ระดับของไคลแมกซ์ มันเป็นการบังคับโดยฉากยิ่งใหญ่ของดวงไฟเท่านั้นเอง เห็นไหม แค่อคติคำเดียวก็ก่อร่าง อะไร{^_^}ๆ อย่างความเห็นของผมด้านบนได้แล้ว พูดเอามันส์ให้สนุกง่ายจะตาย แค่มองสิ่งที่เขาทำในแง่ความคิดเราแบบลบๆ แต่พูดอะไรสร้างสรรค์ท่าทางจะยากกว่า เพราะคนไม่ชอบฟัง และไม่สนุกในการร่วมแสดงความคิดเห็น........ จากคุณ : bud - [ 2 ธ.ค. 46 02:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คนตั้งกระทู้ป่านนี้ได้กลับมาอ่านยังเนี่ย ว่ามีคนเค้าแสดงความเห็นกันอย่างท่วมท้น จริงๆแล้วตอนตั้งอาจจะแค่อยากรู้ว่า เรื่องที่"เค้าว่ากันว่า"คุณเป็นเอกลอกมา (ลอกจริงรึเปล่าไม่สนล่ะ) คือเรื่องอะไรบ้าง กลายเป็นว่า เถียงกันไปซะไกล ยังงี้เข้าข่ายเบี่ยงเบงประเด็นป่าว 55 จากคุณ : all around the world - [ 2 ธ.ค. 46 10:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านแล้วครับมาทีเป็นชุดเลย ยังไงขอบคุณคห.ที่ 12 มากครับ รู้สึกจะเป็นคนเดียวที่ตอบตรงประเด็นที่ผมถามที่สุด วันเสาร์นี้เพื่อนจะพาไปซื้อหนังที่ จัตุจัก คิดว่าคงได้เรื่องที่ต้องการมา ผมดูหนังมาน้อยแต่ผมว่าเรื่องแค่นี้ คุณกาแฟฯ ไม่น่าจะถึงขั้นด่าคนอื่นนะครับ ขอแบบนี้มันความคิดเห็นส่วนบุคคลอะ ไว้ดูแล้วผมจะตัดสินใจเองอย่างที่ คห.12 แนะนำครับ ขอบคุณทุกๆคน จากคุณ : แมวโบราณ - [ 2 ธ.ค. 46 12:23:59 A:203.118.82.60 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 หนัง60นาทีup ถ้าเหมือนเรื่องอื่นในบางฉากบางตอนแล้วกลายไปลอกเขามา ต่อไปหนังผีเจอแล้วก็ต้องไม่วิ่งหนีนะสิ ไม่งั้นก็จะไปลอกหนังผีเรื่องอื่น..ฮิ..ฮิ จากคุณ : gu ชื่อ koi - [ 2 ธ.ค. 46 16:31:39 A:203.144.143.250 X:203.118.113.12 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าลอกแล้วทำได้ดีก้อ ไม่เป็นไรหรอก ดีกว่าพวกคิดเอง ทำเอง แต่ว่าดูไม่รู้เรื่องเลยซักกะนิด ฉลาดไม่พอค่ะ จากคุณ : ตะวันขึ้นดูนก ตะวันตกดูดาว - [ 3 ธ.ค. 46 01:06:14 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ใช้สไตล์การเล่าเรื่องแบบเดียวกัน ไม่น่าจะเรียกว่าลอกนะ ยังพอเรียกได้ว่า ได้รับแรงบันดาลใจซะมากกว่า แต่ถ้ามีเนื้อเรื่องแบบเดียวกันเนี่ย ลอกแน่นอน จากคุณ : ป้าตัวกลม - [ 3 ธ.ค. 46 08:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่เคยรู้สึกว่า เป็นเอก “ลอก” หนังแนวเดียวกับ เรื่องตลก 69 : ได้เงินมาโดยไม่คาดฝัน แล้วพาให้มีเรื่องตามมา เช่น A simple plan / Shallow grave / Fargo / Lock, Stock and two Smoking Barrels อารมณ์ขันแบบตลกร้าย ลองดูจากหนังพี่น้อง Coen เช่น Barton Fink / the Hudsucker Proxy / the Man who wasn’t there อารมณ์ขันแบบหึหึ คิดนิดแล้วค่อยยิ้ม เสียดสีแอบขี้ประชด ลองดูหนังของวู้ดดี้ อัลเลน ไม่รู้จะแนะนำเรื่องอะไร ลองหยิบมาดูสัก 3-4 เรื่องตามอัธยาศัย ส่วนเรื่องลอก wong kar wai ไม่ขอออกความเห็นเพราะยังไม่ได้ดู last life เวลาดูอย่าตั้งเป้าว่า ฉันจะดูให้รู้ชัดไปเลยว่านายเป็นเอกลอกหนังเหล่านี้มา ลองดูแบบดูหนังทั่วไป เอาสนุก เอาอารมณ์ จบแล้วคุณคงบอกตัวเองได้ว่าเขาลอกรึเปล่า จากคุณ : jimkong - [ 3 ธ.ค. 46 11:37:35 ]