ความคิดเห็นที่ 1 เราว่านะก็กินยาเลื่อนประจำเดือนไงจ้ะ เพราะมันจะเลื่อนได้ประมาณ1-2เดือนนะ มั้งนะ จากคุณ : แม่ลูก1 - [ 18 ธ.ค. 46 14:36:18 A:203.144.143.250 X:203.118.101.233 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่รู้ว่าในรายการเค้าทำกันยังไงอะนะคับ.. ถ้าจำไม่ผิดเคยเห็นมีคนในนี้เล่าว่าบางทีก็มีบางคนมีประจำเดือนช่วงระหว่างถ่ายทำเหมือนกันนะ... แต่ว่าในความเป็นจริงมีวิธีที่ทำให้ไม่มีประจำเดือนไปสักระยะได้สบายๆ... วิธีที่ง่ายๆและทุกคนรู้จักดีก็คือการฉีดยาคุมกำเนิด... วิธีนี้จะทำให้ไม่มีประจำเดือนไปประมาณ 3 เดือน... แต่นี่หมายถึงกรณีปกตินะ... เพราะในบางคนก็จะทำให้มีประจำเดือนกระปิดกระปอยหรือมีอาการข้างเคียงอื่นๆได้... ถ้าจะกินยากจะยุ่งยากกว่าเพราะส่วนมากต้องกินทุกวัน.... ยาที่กินง่ายๆก็คือพวกยาคุมกำเนิดธรรมดานี่ก็ได้...เพียงแต่มีเทคนิคการกินนิดหน่อยเท่านั้นเอง... จากคุณ : dragonite - [ 18 ธ.ค. 46 15:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อิอิ นั่นสิครับ อยากรู้เหมือนกันๆ แต่มีด้วยหรอครับ ยาเลื่อนประจำเดือน ? ทำไมเด่วนี้วิวัฒนาการมันลําจัง นี่ก้อเพิ่งรู้เรื่องยาอั้นอึว่ามีจิงๆ เลยสบายใจไปเลย ในที่สุดก้อหาวิธีอั้นอึที่เขาชนไก่ได้แล้ว จากคุณ : มือกระบี่วายุ - [ 18 ธ.ค. 46 19:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มือกาบี่ๆๆๆๆ มีนะยาเลื่อนฯนั่นน่ะ แต่ก่อนมีแต่พวกนักกีฬากิน แต่ตอนนี้มันแพร่หลายน่ะ คนจะไปเที่ยว ไปทะเล ไปเข้าค่าย เค้าก็กินกัน มันสะดวกดีน่ะ แต่ว่าเลื่อนไม่ได้เป็นเดือนหรอกนะ กินวันละเม็ด ถ้าหยุดกินแล้วก็เจอกันอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ( ราคาถูกมาก เม็ดละไม่กี่ตังค์ ) จากคุณ : vilandra - [ 18 ธ.ค. 46 21:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คือประจำเดือนของผู้หญิงเนี่ย.. โดนควบคุมโดยฮอร์โมนหนะครับ.. ตามปกติมันจะเป็น cycle ประมาณทุกๆเดือน....(จริงๆควรประมาณ28วันแต่บวกลบได้7วันโดยยังนับว่าปกติ) เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้มีหรือไม่มีประจำเดือน... ก็คือการรู้จักใช้ฮอร์โมนโดยทางอื่นที่ไม่ใช่ร่างกายสร้างขึ้นไปเปลี่ยนแปลงวงจรของประจำเดือนก็แค่นั้นเองครับ.. วิธีการพวกนี้มีการใช้กันมานานมากแล้ว... เพียงแต่มีได้ก็ต้องมีเสีย... การที่ใช้ฮอร์โมนจากภายนอกเข้าไปรบกวนฮอร์โมนภายในร่างกายก็ย่อมที่อาจจะได้รับผลข้างเคียงของฮอร์โมนที่กินเข้าไปได้.. เพียงแต่ว่าโดยทั่วๆไปมันไม่ได้เป็นกับคนส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ค่อยได้ร้ายแรงหรือสำคัญอะไร... ยาที่คุณ vilandra พูดก็คือฮอร์โมนเพศสังเคราห์พวกนี้นั่นเอง.. ที่ง่ายที่สุดเลยก็คือยาคุมกำเนิด... เพียงแต่ว่ายาคุมกำเนิดนั้นมีหลายชนิด..บางชนิดฮอร์โมนจะมีปริมาณเท่ากันหมดทุกเม็ดทั้ง21เม็ด21วัน... บางชนิดก็จะมีปริมาณฮอร์โมนไม่เหมือนกันในแต่ละเม็ดโดยพยายามเลียนแบบและแก้ไฟธรรมชาติของผู้หญิงทำให้ผลข้างเคียงจากยาน้อยลง... (ในหนึ่งแพ็กของยาคุมกำเนิดจะมีฮอร์โมนสังเคราะห์อยู่ 21 เม็ด... ส่วนอีก 7 เม็ดจะเป็นพวกอื่นๆที่ไม่มีฮอร์โมน...ซึ่งจริงๆพวกนี้ไม่ต้องกินก็ได้..ส่วนมากที่มีให้กินเพื่อให้จำง่ายแค่นั้นเอง) ส่วนยาอั้นอึนั้น.... จริงๆแล้วมันก็คึอ antispasmodic ทั้งหลายนั่นเอง... พูดง่ายๆคือยาที่ไปทำให้ลำไส้หยุดการเคลี่ยนไหวหรือทำให้เคลื่อนไหวน้อยลง... แต่ถ้าถามว่าแนะนำให้ใช้ไม๊... ต้องบอกว่าไม่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่รู้มันคืออะไรมีข้อดีข้อเสียยังไง... พวกนี้ใช้กันมากในสมัยก่อนเพื่อแก้ท้องเสีย... เช่น Lomotil Immodium Buscopan และอื่นๆ โดยพวกนี้จะทำให้หยุดถ่าย... เพียงแต่ว่า...อึนั้นยังมีอยู่ในร่างกายเรา.. เพราะฉะนั้นการไปทำให้ลำไส้หยุดการเคลื่อนไหว(ลดหรือหยุด peristalsis) ย่อมไม่เป็นการดีแน่นอน..ยกเว้นแค่ชั่วคราวในกรณีจำเป็นเท่านั้น.. โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีท้องเสียแบบติดเชื้อ (infective diarrhea) การที่กินยาพวกนี้เข้าไปจะทำให้หยุดถ่าย.. แต่เชื้อโรคจะยังอยู่ในลำไส้...ทำให้เชื้อโรคไม่ถูกถ่ายออกมากับอุจจาระ.. เชื้อโรคก็จะเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนมากขึ้นมากๆทำให้อันตรายได้....^_^ จากคุณ : dragonite - [ 18 ธ.ค. 46 23:52:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ้อ... อีกนิดคับ.. ปกติแล้วถ้าเกิดมีอะไรที่มันผิดปกติกับร่างกายคนเราเกิดขึ้น.. ก็อาจมีผลไปถึงฮอร์โมนภายในร่างกายให้ผิดปกติไปด้วย... ตย. เช่น ผู้หญิงหลายๆคนคงเคยเป็นเวลาที่เครียดมากๆจะทำให้มีประจำเดือนผิดปกติไป... อาจเป็นไปได้ทั้งลักษณะน้อยไปหรือมากไป..หรืออาจเว้นเดือนไม่มีหรืออาจมาช้าหรืออาจมาเร็วก็ได้... แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไปในลักษณะ การมาช้า หรือไม่มา หรือออกกระปิดกระปรอยมากกว่า... เพราะงั้นผู้แข่งsurvivorถ้าพูดจริงๆแล้วก็มีความเครียดทั้งทางร่างกายและจิดใจ... ในบางคน(บางคนนะ)ถึงแม้ไม่ใช้ยาก็อาจทำให้ประจำเดือนไม่มาตามปกติก็เป็นไปได้... (จะดูง่ายๆก็ลองไปถามพวก backpacker ที่มาเที่ยวเมืองไทยทั้งหลาย..จะพบบ่อยมากที่ประจำเดือนขาดหรือเลื่อนหรือผิดปกติไป) จากคุณ : dragonite - [ 19 ธ.ค. 46 00:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยาอั้นอึ...น่ากลัวอ่ะ เคยอ่านเจอว่า Shawna เค้ามีประจำเดือนตลอด 18 วันที่อยู่ในเกมเลยนะ เป็นเราคงตายไปแล้ว คือด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป อาหารที่เปลี่ยนไป ร่างกายมันก็คงปั่นป่วนพอสมควรแหละ บางคนอาจจะหายไปเป็นเดือนๆด้วยซ้ำมั้ง จากคุณ : Gardenia - [ 19 ธ.ค. 46 00:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ dragonite คะ ยา Buscopan มันแก้ท้องเสียจริงๆเหรอ คือเราเคยกินเวลาปวดท้อง(โรคกระเพาะ)อะค่ะ ถ้ามันแก้ท้องเสีย เราจะได้เลี่ยงถ้าไม่จำเป็น(แสดงว่าไอ้ที่ท้องผูกนี่อาจเพราะยา Buscopan รึเปล่าคะ -_-") >>Shawna เค้ามีประจำเดือนตลอด 18 วันที่อยู่ในเกมเลยนะ >> โหยยย น่าสงสารอะ งั้นก็ไม่แปลกที่มีช่วงนึงเธอป่วยกายป่วยใจจนไม่ไหว(ทนได้ไงนะ เก่งจิงๆ) เอก เพื่อนเราเคยกินยาอั้นอึตอนไปเขาชนไก่(ไม่รู้ยาตัวเดียวกันรึเปล่า) ปรากฏว่าป่วยไปเลย เลยได้นอนห้องพยาบาลตลอดไม่ต้องฝึก(เอ๊ะ อาจจะถือว่าดีก็ได้นะ555) ไปๆมาๆกลายเป็นกระทู้ปรึกษาเรื่องยาและสุขภาพ :) แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 46 11:17:31 จากคุณ : ล่ำ ดำ ถึก - [ 19 ธ.ค. 46 11:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Buscopan มันจะไปลดการบีบตัวของลำไส้หนะคับ... แต่จะไม่มากเท่ากับอีกสองตัวที่กล่าวไว้... ตัวนี้จะแค่อ่อนๆ... มักใช้เวลามีอาการปวดท้องที่เกิดจากบีบีตัวของลำไส้มากเกินไป... ซึ่งจริงๆก็ใช้แล้วได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง... คือเวลาลำไส้บีบตัวที่เรียกว่าperistalsisเนี่ย... มันจะเป็นลักษณะบีบแล้วคลาย...บีบแล้วคลาย.... (ลองสังเกตเวลาเราท้องเสียดู).. บางทีร่างกายเราก็จัดการกะมันให้หายเองไปก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์ซะอีกในรายที่เป็นน้อยๆ.. สรุปคือ..ตัวนี้ไม่คอ่ยอันตรายหรอก...อาจทำให้เกิดท้องผูกได้นะแต่คงไม่มากมายอะไร...ขึ้นกับปริมาณที่กินด้วย... แต่ถ้าเป็นอีกสองตัวหละก็...เกิดท้องผูกได้สบาย... ส่วนการปวดจากโรคกระเพาะยาตัวนี้ใช้ช่วยบรรเทาอาการได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น... ไม่ได้ช่วยรักษาโรคกระเพาะ... ถ้ามั่นใจว่าเป็นโรคกระเพาะแน่ๆ... ยาที่ใช้อาจเป็นพวก... 1. กลุ่มเคลือบกระเพาะ...เช่น Alummilk หรือพวกนม..ซึ่งจริงๆพวกนี้ก็ไม่ได้แก้ที่สาเหตุ...เป็นยาค่อนข้างโบราณหนะ.. 2. กลุ่มH2 Receptor Antagonist เช่น cimetidine ranitidine ฯลฯ พวกนี้ดังมากสมัยหลายปีก่อน.. พวกนี้จะช่วยลดกรดทำให้ทั้งอาการดีขึ้นแล้วก็ถ้ากินตามแพทย์สั่งก็ช่วยรักษาและป้องกันการเป็นมากขึ้นด้วย... (แผลที่เป็ฯไปแล้วร่ายกายเราจะค่อยๆซ่อมแซมไป) 3. กลุ่ม proton pump inhibitor เช่น omeprazole esomeprazole ฯลฯ กลุ่มนี้เป็นยาที่ได้รับการใช้กันแพร่หลายในปัจจุบันเพราะใช้ได้ผลดีที่สุดในการลดกรดและใช้ร่วมยาอื่นเพื่อรักษาโรคกระเพาะจากสาเหตุต่างๆ... ทั้งนี้ทั้งนั้น.. การใช้ยาแต่ละชนิดต้องพึงตระหนักเสมอว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย.. ไม่มียาอะไรในโลกที่ไม่มีข้อเสีย... เพราะงั้นการใช้ยาควรใช้ด้วยความระมัดระวังและถ้าไม่แน่ใจควรรัรบคำปรึกษาจากผู้รู้... โรคกระเพาะนั้นมีสาเหตุมาจากหลากหลายกันแล้วแต่แต่ละคน.. การใช้เพียงยาชนิดหนึ่งๆหรือหลายชนิดรวมกันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะหายหรือจะดีขึ้นได้... ต้องดูที่สาเหตุด้วย...เช่น 1. Life style - alcohol..การกินอาหารผิดเวลา..ความเครียด..อาหารรสจัด..ฯลฯ 2. ยาบางอย่างก็ระคายเคียงต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร เช่น ยาในกลุ่ม NSAIDS (non-steroidal anti-inflammatory drugs) เช่น Aspirin, Ibuprofen ฯลฯ...ซึ่งก็คือยาแก้ปวดเมื่อยทั้งหลายนั้นเองที่ไม่ใช่ paracetamol.......หรือยาอื่นๆเช่น Doxycycline หรือยาปฏิชีวนะอีกหลายๆตัว..ฯลฯ....และอื่นๆ... 3. Helicobactor pyroli เป็นเชื้อจุลินทรีย์ หรือเรียกง่ายๆว่าเชื้อโรคซึ่งสามารถทนภาวะกรดอย่างแรงในกระเพาะเราได้..สามารถอาศัยอยู่ในกระเพาะได้เป็นเวลานานมากๆและเป็นสาเหตุร่วมให้เกิดโรคแผลในกระเพาะอาหารได้... สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะแบบพยายามแก้ไขที่สาเหตุอื่นแล้วไม่ดีขึ้นควรได้รับการตรวจเกี่ยวกับเชื้อตัวนี้ด้วย... เพราะเชื้อตัวนี้จะไม่หายโดยยารักษาโรคกระเพาะที่ใช้กันทั่วๆไป... ต้องได้รับยาปฏิชีวนะสำหรับฆ่าเชื้อตัวนี้ซึ่งส่วนใหญ่จะแนะนำให้ใช้วิธีที่เรียกว่า Eradication therapy ซึ่งเป็นการใช้ยาสามถึงสี่ตัวร่วมกันในเวลาเดียวกัน... (ถึงแม้ด้วยวิธีนี้โอกาสสำเร็จก็ไม่100%) ฯลฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ ปล... เล่าให้ฟังเล่นๆ... สมัยป๋มสอบเอ็นท์เมื่อนานมาแล้ว.. มีอยู่ปีหนึ่ง... ป๋มกิน Lomotil (ตอนนี้เป็นยาควบคุมไปแล้ว) ทุกวันเลย.. วันละ 2 เม็ด...(ที่กินเยอะเพราะว่าป๋มกินยาตัวนี้แต่เด็กกินขนชินแล้วเม็ดเดียวไม่รู้สึกรู้สาอะไร---แหะๆ..ตัวอย่างที่ไม่ดีนะคับ -_-") เพราะป๋มเป็นประเภทที่เค้าเรียกกันว่าไรหละ...ธาตุเบาหละมั๊ง.. เวลาเครียด เวลากินอิ่ม เวลาตื่นเต้นก็จะถ่ายเหลวได้ง่ายๆ... ตอนนั้นกินทุกวันติดกันสี่วัน...+ กับ แทบไม่แตะอาหารรสจัดหรืออะไรที่แปลกๆเลย..พยายามกินแต่ขนมปังไรพวกนี้... แต่แล้วเช้าวันสอบวันสุดท้ายทีเป็นความถนัดทางวิชาชีพ... ในที่สุดก็เอาไม่อยู่ต้องไปเข้าห้องน้ำ... แต่ที่ถ่ายออกมากลับเหลวนะไม่แข็งทั้งๆที่ไม่ได้ถ่ายมา4วันแล้ว....-_-" จากคุณ : dragonite - [ 19 ธ.ค. 46 12:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ยาวจัง จากคุณ : 543 - [ 19 ธ.ค. 46 19:18:44 A:169.210.25.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 โอย...อ่านกระทู้นี้แล้วปวดสมอง :P จากคุณ : Gardenia - [ 19 ธ.ค. 46 22:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เก่งจัง... จากคุณ : เป็นคนแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว - [ 19 ธ.ค. 46 22:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้ายาวหรือทำให้ปวดหัวก็ขอโทษด้วยนะคับ.. เพราะชีวิตคนไม่ใช่ตุ๊กตาเด็กเล่น.. คนไข้มีสิทธิ์เต็มที่ในการซักถามและสมควรแก่การได้รับข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับตัวเค้า... แย้วป๋มไม่อยากให้มีการเข้าใจอะไรเกี่ยวกับการใช้ยาหรืออื่นๆผิดๆไปหนะ.. เพราะข้อมูลที่เจอในเนตมันอันตรายถ้าจำไปผิดอาจเป็นผลร้ายได้...^_^ จากคุณ : dragonite - [ 19 ธ.ค. 46 23:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แซวเล่นเฉยๆค่ะ :) คือเราไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยน่ะ อ่านแล้วเลยมึน 555 จากคุณ : Gardenia - [ 20 ธ.ค. 46 01:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคุณDragonite มากเลยค่ะ เรื่องนี้เรายังไม่ค่อยรู้เลยเนี่ย แหะๆ จากคุณ : Pat :o) - [ 20 ธ.ค. 46 22:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณ คุณDragonite มากมากค่ะ ที่ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาก นานนานถึงเจอหมอใจดีแบบนี้ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : ส้มจุก - [ 22 ธ.ค. 46 08:25:29 A:203.146.11.60 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอ้..มีประโยชน์สำหรับเรามากค่ะ อาการโรคกระเพาะของเรากำเริบง่ายมาก ถ้ากินอาหารผิดเวลาหรือเครียด กังวล สงสัยเราต้องไปตรวจแล้วสิ ขอบคุณคุณหมอ Dragonite ค่ะ :) จากคุณ : ล่ำ ดำ ถึก - [ 25 ธ.ค. 46 15:52:01 ]