แนวคิดเกี่ยวกับ Active Skin Display มาใช้ในนิยายวิทยาศาสตร์

    ลองนึกถึงว่า วันใดวันหนึ่งข้างหน้า ในอนาคตอันใกล้ ถ้าคุณมีจอติดตัว มันจะดีสักปานใด

    จะเห็นว่าในปี 2001 ที่ผ่านมาเราจะได้เห็นการพัฒนาของจอโพลิเมอร์ที่สามารถพับงอได้ โดยมีการตั้งความหวังว่าหากมีราคาถูกลง มันจะเข้ามาเสริมความน่าสนใจให้กับสื่อสิ่งพิมพ์แบบที่ใช้หมึกในเร็วๆนี้ โดยสร้างภาพเคลื่อนไหวบนหน้าหนังสือพิมพ์ จอที่ว่านี้คงไม่ได้ชัดอะไรหนักหนา แต่ภาพเบลอๆก็ยังดีกว่าไม่มีภาพเลย...

    ทีนี้ หากมีหนทางในการติดตั้งโพลิเมอร์แผ่นบางเฉียบลงบนผิวหนัง... ผลิตภัณฑ์ที่ได้อาจกลายเป็น..รอยสัก..ที่สามารถเปลี่ยนรูปได้(Video Tattoo) เรียกได้ว่าเป็น Active Skin กันเลย

    นอกจากนี้ ถ้าไอเดียของ Active Skin เป็นรูปร่างขึ้นมา เราอาจจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอีกมาก

    มองแนวโน้มแล้ว จะเห็นได้ว่าชิป และส่วนประกอบอิเลกทรอนิกส์ต่างๆมีแนวโน้มจะลดขนาดลงเรื่อยๆ เร็วๆนี้มีการวิจัยหน่วยเก็บความจำที่สร้างจากโปรตีน มีการวิจัยปลูกคาร์บอนนาโนทิวบ์ให้ยาวขึ้น แล้วก็มีงานวิจัยที่จะใช้คาร์บอนนาโนทิวบ์มาทำเป็นสายไฟเส้นละเอียดยิ่งกว่าที่เคยมีมา ซึ่งเพียงพอสำหรับนำกระแสไฟฟ้าในวงจรขนาดจิ๋ว ภายในสิ้นทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 เราอาจได้เห็นความก้าวหน้าขนาดที่สามารถสร้างหน่วยความจำ ชิปประมวลผล เซนเซอร์ และอุปกรณ์สื่อสารที่มีรัศมีทำการจำกัด ที่มีขนาดเล็กเพียง 10 ไมครอนเท่านั้น

    ลองดูข่าวในลิงก์ข้างล่าง จะเห็นว่า Prof Kevin Warwick ศาสตราจารย์ทางด้านไซเบอร์เนติกส์ ที่มหาวิทยาลัยเร็ดดิ้ง (ผมไม่ได้เรียนกับแกหรอก แกอยู่คนละภาคฯ) ได้สาธิตให้เห็นแล้วว่า เทคโนโลยี Implant ชิ้นส่วนวงจรลงในตัวมนุษย์โดยไม่เกิดอาการแพ้นั้น มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ แม้ว่ากระบวนการที่แกทำนั้น ต้องอาศัยการผ่าตัดที่เจ็บปวดอยู่บ้าง...

    http://www.findarticles.com/cf_dls/m0COW/2002_August_29/90852600/p1/article.jhtml
    http://www.sweb.cz/raades/warwick/
    http://www.realrobots.co.uk/Reading-uni.html
    http://www.cyber.rdg.ac.uk/news/cirg.htm?00045

    ดังนั้น ในอนาคตที่จะมาถึง เราอาจสามารถใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในการ พ่นฝัง(blast) ชิ้นส่วนขนาดจิ๋วพวกนี้ลงไปหลายๆชั้นบนผิวหนังมนุษย์ และใช้เทคโนโลยีในการจัดเรียงตัวโดยอัตโนมัติ(self-organisation technology) เพื่อให้ชิ้นส่วนจิ๋วพวกนี้ กลายเป็นวงจรหรืออุปกรณ์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้

    ถามถึงความเป็นไปได้ ในปัจจุบัน วงจรเซมิคอนดักเตอร์สามารถพิมพ์ได้โดยใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตแล้ว ดังนั้นลองจินตนาการดูถึงวงจรที่สามารถพิมพ์ลงบนผิวหนังได้โดยไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดดูสิครับ (ก็มันเล็กนี่นะ)

    ถ้าหากใช้สถาปัตยกรรมแบบ five layered architecture โดยที่มีอุปกรณ์บางชิ้นที่จะฝังตัวอยู่ใต้ผิวหนังเป็นการถาวรโดยมีการสัมผัสต่อกับเส้นเลือดฝอย และปลายประสาท มันก็อาจเป็นไปได้

    อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะสื่อสารกันโดยสัญญาณอินฟราเรดกับวงจรชั่วคราวที่ถูกพิมพ์ลงบนบนผิวหนังที่อาจจะหลุดลอกออกไปในเวลาไม่กี่วัน(ซึ่งดี เพราะเราจะได้เปลี่ยนอุปกรณ์ตัวใหม่ๆได้)

    หรือไม่เช่นนั้น วงจรขนาดจิ๋วพวกนี้อาจถูกประกอบมาจากโรงงานในลักษณะเป็นแผ่นเหมือนแผ่นสติกเกอร์รอยสัก ที่เป็นของเล่นแถมมากับขนม หรือที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน คาดว่าหลายคนคงเคยเล่น เมื่อรวมกับตัวที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนังแล้ว นอกจากทำเป็นจอภาพแล้ว อาจจะใช้เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ด้วย

    ลองมาดูดีกว่า ว่าเราสามารถสร้างอะไรได้บ้าง จากไอเดียนี้

    1. ระบบอุปกรณ์เซนเซอร์ ที่ใช้ทางการแพทย์ ซึ่งสามารถตรวจวัดระดับสารเคมีต่างๆในเลือด และออนไลน์กับระบฐานข้อมูลของโรงพยาบาลตลอดเวลาผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ระบบ Tele-medicine(คงเคยได้ยินจากงาน นิทรรศการไฮเทคจุฬาฯ ครั้งต่างๆที่ผ่านมา) กับระบบ A.I. ที่ใช้ร่วมกับฐานข้อมูลทางการแพทย์จะเป็นระบบ expert system ที่คอยสังเกตคนไข้อยู่ตลอดเวลา และแจ้งแพทย์ที่เป็นมนุษย์ เมื่อร่างกายของคนไข้ส่อแววมีปัญหา นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล อาจจะควบคุมการจ่ายยาจากระยะไกล โดยผ่านระบบปั๊มพ์ยาขนาดเล็ก(ที่เพิ่งเป็นข่าวมาเมื่อไม่กี่ปี) ช่วยให้คนไข้อาการดีขึ้น นอกจากนี้เรายังอาจสามารถใช้เทคโนโลยีทางการพิมพ์ พิมพ์เยื่อเมมเบรนพิเศษที่สามารถควบคุมขนาดของรูปิดเปิดได้ด้วยระดับของกระแสไฟฟ้า เพื่อให้โดสยาที่ได้มีความแม่นยำขึ้น

    2. อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคทั่วไปต่างๆ อันได้แก่ มือถือ, เครื่องเล่น mp3, PDA, ฯลฯ ก็สามารถพิมพ์ลงไปบนข้อมือได้โดยมีคีย์บอร์ดให้อีกด้วย โดยที่เนื่องจากเป็นระบบจอภาพแบบสัมผัส มันก็จะไม่เห็นชัด ดูเหมือนผิวหนังปกติ จนกว่าเราจะไปสัมผัสมัน จึงจะมีแสงเรืองขึ้นมารับคำสั่ง เป็นทั้งนาฬิกาข้อมือ จอคอมพิวเตอร์ แม้แต่ทีวี

    3. เครื่องสำอางค์ นอกจากนี้ active skin technology จากนาโนเทคโนโลยี ยังน่าจะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์ได้ด้วย เนื่องจากสีสันต่างๆสามารถมองเห็นเปลี่ยนไปได้ เมื่อมีการเลี้ยวเบนของคลื่นแสง ฉะนั้นหากพิ้นผิวของวัสดุมีการเปลี่ยนแปลงไป เราสามารถทำให้สีสันของมันเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมาก(เช่นเดียวกับกลไกที่เกิดขึ้นกับสีของปีกผีเสื้อบางชนิด) ดังนั้นถ้าเราสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของอนุภาคขนาดนาโนที่นำมาใช้ทำเครื่องสำอางค์ได้ เราก็สามารถเปลี่ยนสีของเครื่องสำอางค์นั้นๆได้ หากหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความพิถีพิถัน ใช้เวลาในการอาบน้ำ 30 นาที แต่งหน้า 30 นาที เราอาจสามารถย่นระยะเวลาตรงนั้นได้ โดยใช้กระจกประกอบกับระบบจอดิจิตอลชนิดจอสัมผัส เพื่อแสดงให้เธอดูถึงความเป็นไปได้หลากแบบบนใบหน้า รวมถึงซอฟท์แวร์ที่สามารถแนะนำในเรื่องของการแต่งหน้าได้อีกด้วย

    เมื่อเธอโบ๊ะฉ่ำ "เครื่องสำอางค์อัจฉริยะ(smart make-up)" ลงไปแล้วกดภาพใบหน้าที่เธอต้องการบนจอภาพ เมคอัพก็จะสามารถเปลี่ยนสี และลักษณะการเรียงตัวของผงอนุภาค ให้เหมือนกันกับภาพนั้นได้ โดยใช้คลื่นไฟฟ้าจากวงจรที่ฝังอยู่เป็นชั้นบาง(อย่างมองไม่เห็น) ใต้ผิวหนัง

    หลักการเดียวกันสามารถนำมาใช้ได้กับยาทาเล็บที่เป็นจอไปด้วยในตัว(video nail varnish) และน้ำหอมอีกด้วย โดยใช้การฝังวงจรในรูปแบบเดียวกับที่ใช้จ่ายยาให้กับคนไข้ เพียงแต่เป็นการเลือกปล่อยโมเลกุลสารหอมระเหยต่างๆชนิดกันในสัดส่วนพอเหมาะ โดยประกอบกับชิ้นส่วนที่ผลิตความอุ่นเพียงบางเบา เพื่อเร้งอัตราการถ่ายเทมวลขององค์ประกอบเหล่านั้น

    3. นอกจากนี้(ไม่ได้ลามก แต่คิดในแง่ของการใช้ประโยชน์) ปริมาตรในส่วนของซิลิโคน ของผู้ที่ทำศัลยกรรมเสริมทรวงอก อาจนำมาใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากความเล็กลงของวงจร และปริมาตรที่นับว่ามีขนาดใหญ่ภายในทรวงอก ซึ่งอาจใช้บรรจุหน่วยความจำขนาดใหญ่ หรือคอมพิวเตอร์(ในอนาคต)ลงไปได้ทั้งเครื่องอย่างสบายๆ

    4. ความเป็นไปได้ในการสร้างสัญญาณเทียมผ่านระบบประสาทรับความรู้สึก เป็นไปได้ที่อุปกรณ์พวกนี้จะสามารถบันทึกความรู้สึกทางผิวหนัง อย่างเช่น การสัมผัส ความเอร็ดอร่อยของอาหารมื้อโปรด การเล่นกีฬาฯต่างๆ การจับมือทักทาย ตบไหล่ หรือแม้แต่การจุมพิต และอาจเลยไปถึงด้านอื่นๆที่ติดเรท (ใครเคยดูหนังไซไฟเรื่อง Strange Day มาแล้วมั่ง) แน่นอนว่าหากเราพบใครบางคนในระบบความเป็นจริงเสมือน หากมีการสร้างสัญญาณพวกนี้ป้อนเข้าเป็นอินพุทในระบบประสาท เราก็สามารถรู้ถึงประสบการณ์นั้นได้อีก เหมือนกับประสบทางร่างกายมาโดยตรง นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้กับระบบความเป็นจริงเสมือนในเกมคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย(อย่างในเรื่อง .hack//) แต่แน่นอน ในประการสุดท้ายนี้ยังต้องการการพัฒนาอีกไกล...

    คุณๆได้อ่านแล้ว เก็ทไอเดีย อะไรบ้างที่จะนำมาเขียนเป็นสิ่งประดิษฐ์ในนิยายวิทยาศาสตร์(หรือแม้แต่ในชีวิตจริงในอนาคต)ได้ ลองมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

     
     

    จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 28 ม.ค. 47 07:51:14 ]