ความคิดเห็นที่ 1 อยู่นิวเดลฮีได้พักหนึ่งคณะเราก็ออกเดินทางไปชัยปุระซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชสถาน เมืองชัยปุระนี่อยู่ได้นิวเดลฮีไปได้ราวๆ 200 กว่ากิโลเมตร เป็นรัฐที่มีทั้งป่าและทะเลทราย ค่อยจะเข้าท่าหน่อย เพราะป่าของราชสถานนี่มีทั้งเสือทั้งช้างและแรด ใช้เป็นโลเคชั่นสำหรับบางฉากของ PPU ได้อย่างสบายมาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือปืน 600 ไนโตรเอ็กซเพรส ถามใครต่อใครแล้วว่าได้ 600 ไนโตรนี่มีใครมีอยู่บ้าง คำตอบก็คือมหาราชาของอินเดียน่าจะมี เพราะเหล่ามหาราชามักจะเป็นนักล่าสัตว์ใหญ่มาแล้วทั้งนั้น ผมก็เลยแวะไปเยี่ยมท่านมหาราชาแห่งราชสถานแล้วถามท่านว่าท่าน หรือ พี่น้องของท่านมีปืนขนาด 600 ไนโตรบ้างหรือเปล่า ปืนขนาด 600 ไนโตรนี่ทำกันเพียงไม่กี่บริษัท ที่ดังที่สุดก็คือ เจฟเฟอรี่ 600 ไนโตรเอ็กซเพรส (Jeffery .600 Nitro-Express double elephant riffle) แต่ก็มีอีกหลายบริษัที่ผลิตปืน 600 ไนโตร เช่น Evan of London ที่ผลิตปืนตามสั่งจนถึงปี 1912 นอกจากนั้นก็มี Gibbs, Greener, Grant, Rigby, Purdey กับ Holland & Holland ที่ล้วนแต่ทำตามสั่งเท่านั้น ท่านมหาราชามีปืนของบริษัทพวกนั้นครบถ้วน แต่ .600 ไนโตรเอ็กซเพรส ไม่มี ทำไมหรือครับ เพราะว่าอังกฤษห้ามไม่ให้มีปืนขนาดนั้นในอินเดีย เพราะเอาเปรียบสัตวมากเกินไป แต่ถ้าขนาด .577 ละก็พอจะให้หยิบยืมกันได้ แค่ว่าคุณพนมเทียนระบุว่า .600 ไนโตรเอ็กซเพรส ก็ต้อง .600 ไนโตรเอ็กซเพรสล่ะครับ มหาราชาแห่งราชสถานคือคนขวามือ ส่วนคนที่ใส่ท๊อปทางซ้ายมือเป็นลูกเขยของท่าน ส่วนคนกลางคือคุณเทพ เป็นหลานของมหาราชา เป็นคนไทยครับ และเป็นหลานของผม จากคุณ : Cinephile - [ วันเนา (14) 12:39:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อได้ปืนก็ออกเที่ยวดูโลเคชั่น ไม่มีเวลาที่จะออกไปไกลก็เอาแค่ไก้ลๆ เมืองชัยปุระนี่แหละครับ ภาพนี้เป็นภาพวิหารร้าง ระหว่างทางไปที่ป้อมบร้างบนเขาครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเนา (14) 13:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ว๊าว........ถ้าได้ถ่ายทำที่อินเดียก้ดีสิครับ จากคุณ : GABBA (GABBA) - [ วันเนา (14) 17:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณท่าน Cinephile ที่กรุณามาupdateให้แฟนๆทราบกันคร้าบ ท่านเนี้ยบจังครับ จะถ่ายด้วย .600 ของจริงเลยเหรอครับ เป็นที่อื่นเขาคงให้ช่างก๊อปขึ้นมาแน่เลย พลาดพลั้งเสียหายสูญหายไม่เสียดายมาก แหะๆ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ วันเนา (14) 18:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอพระทัยท่านมุ้ย ที่โพสรูปและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองชัยปุระให้ฟังนะคะ จากคุณ : ชื่อเดี้ยนสำคัญ ฉันใด - [ วันเนา (14) 18:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาชมแล้วครับหม่อม จากคุณ : cinogen - [ วันเนา (14) 22:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 thank you very much. i shall wait no matter how long it does. จากคุณ : gardenmelody - [ วันเนา (14) 23:39:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ชื่นชมในความตั้งใจครับ เก็บรายละเอียดทุกเม็ดจริงๆ ทั้ง นเรศวร และ PPU จากคุณ : แฟนสวย - [ วันเถลิงศก (15) 00:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอให้ท่านพบปืนที่ต้องการครับ จากคุณ : สาวกท่านมันตู - [ วันเถลิงศก (15) 10:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาเที่ยวกันต่อครับ เมื่อวานก่อนที่ลูกน้องมารดน้ำผมเล่าถึงมาเที่ยวที่ชัยปุระแล้วเข้าไปคุยกับท่านมหาราชาภวานี ซิงค์ (ออกเสียงอย่างนี้หรือเปล่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน) แล้วเริ่มเกริ่นเรื่องวิหารร้างที่อยู่บนทางขึ้นเขาไปยังป้อมนาฮาการห์ (Nahargarh Fort) ป้อมนี้อยู่บนเขาเหนือเมืองชัยปุระ, มีกำแพงยาวล้อมรอบ กำแพงไม่ได้มีชั้นเดียวนะครับ แต่หลายชั้นทีเดียว แต่ละชั้นมีใบเสมาที่มีช่องบนใบเสมาสำหรับพลธนูสามารถยิงธนู(หรือปืน)ลงไปใส่ผู้ที่จะเข้ามาโจมตี หนทางที่จะเข้ามาถึงป้อมได้ก็เป็นทางคดเคี้ยวหักข้อศอกทำให้ผู้เข้าโจมตีไม่สามารถที่จะถเข้าโจมตีได้ง่ายๆ แล้วยังมีป้อมเล็กป้อมน้อยอยู่เหนือถนนที่เข้ามาหาป้อมทำให้ผู้ที่จะเข้าโจมตีหืดขึ้นคอเลยละครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 10:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อีกมุมหนึ่งที่มองจากทางเข้าป้อมครับ ถนนจะเป็นหินก้อนมาเรียงกันแบบเดียวกับถนนในยุโรบ แต่จะทำมาตั้งแต่สมัยไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะป้อมนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ ๑๑ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงว่อมแซมมาตลอดจนถึงสมัยนี้ครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 11:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เมืองชัยปุระนี่ความจริงแล้วเป็นเมืองใหม่ครับ ส่วนเมืองเก่าชื่อเมืองแอมเบอ (Amber)ซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก เมืองแอมเบอนี่อยู่ในหุบเขา มีช่องทางเข้าได้ทางเดียว บนภูเขาที่ล้อมรอบเมืองจะมีกำแพงล้อมรอบอยู่หลายชั้น แน่นหนามากยากที่ข้าศึกจะเข้าตีได้ บนภูเขาที่อยู่เหนือเมืองขึ้นไปจะเป็นป้อม (ซึ่งใหญ่พอๆกับเมืองเล็กๆเลยละครับ) ชื่อป้อมใจการห์ (Jaigarh Fort) ป้อมนี้จะเก่ากว่าป้อมนาฮาการห์ แต่จะดูใหม่กว่าเพราะมีคนอยู่ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ เมืองแอมเบอนี่ทำให้ผมนึกถึงเมืองรุมเมืองคังที่สมเด็จพระนเรศวรของเราตีได้ เพราะจะเป็นเมืองที่อยู่บนเขาเหมือนกัน และวัฒนธรรมและประเพณีของพม่ากับอินเดียจะใกล้เคียงกัน เพราะฉนั้นเมืองรุมเมืองคัง(สมัยนี้ไม่มีเหลือแม้แต่ทราก) ก็คงจะคล้ายกับป้อมนาฮาการห์หรือไม่ก็ป้อมใจการห์นี่แหละครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 11:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพนี้เป็นภาพป้อมใจการห์ มองจากทางขึ้นป้อม, ดูๆ ก็เหมือนป้อมในยุโรบเหมือนกันนะครับ จะมีป้อมกลมๆ ตามมุมเมือง (ของเราจะเป็นเหลี่ยมครับ) ช่องใหญ่ๆ นั่นเป็นช่องปืนใหญ่ที่เจาะในสมัยหลัง (สมัยก่อนจะมีแต่ช่องธนู แต่ต่อมาดัดแปลงเป็นช่องปืนนกสับ ต่างกับเราที่จะเป็นช่องปืนเลยทีเดียว เพราะออกแบบโดยฝรั่งครับ ช่องปืนจะเป็นช่องกากะบาดเหมือนกันกับของยุโรบผิดกับของที่นี่ซึ่งจะเป็นช่องยาวๆ สำหรับธนู) หอคอยที่มีธงปักเป็นหอสังเกตการณ์ ของไทยไม่มีแต่พม่ามีครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 11:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพนี้ผมถ่ายจากบนกำแพงครับ จะเห็นมีกำแพงอีกหลายชั้นทีเดียวกว่าจะถึงชั้นในสุด(คือที่ผมยืนอยู่) คงจะเป็นต้นแบบของสามคันสองคูของเรา (มีกำแพงสามชั้น คูเมืองสองคูเมือง) ของเมืองเก่าๆ เช่นพิษณุโลก กำแพงเพชร สังเกตดูให้ดีซีครับ ว่าบนสันเขาลิบๆ โน่นก็มีกำแพง ถ้ามรกตนครเป็นรูปแบบของเมืองโบราณของอินเดีย กำแพงเมืองก็น่าจะเป็นอย่างนี้นะครับ เช่นเดียวกันกับเมืองคังในนเรศวร จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 11:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปัญหาของเมืองที่อยู่บนเขาก็คือน้ำครับ, ถ้าเมืองถูกล้อมนานๆ คนในเมืองจะอดน้ำ ก็ต้องยอมแพ้โดยปริยาย ผมนึกถึงเมืองรุมเมืองคัง (นเรศวรอีกแล้ว) ว่าเมืองรุมเมืองคังเป็นเมืองที่อยู่บนเขา จะเอาน้ำที่ไหนมาเลี้ยงพลเมือง ตามพระราชพงศาวดารระบุว่า เมื่อบุเรงนองสวรรคต, นันทบุเรงขึ้นครองราชย์ต่อจากบุเรงนองผู้เป็นพ่อ แต่บารมีของนันทบุเรงไม่มีไม่เหมือนบุเรงนอง, เมืองขึ้นต่างๆ ของหงสาวดีต่างก็ประกาศตัวเป็นอิสระภาพ, เมืองแรกคือเมืองรุมเมืองคังที่เป็นเมืองของไทยใหญ่, โดยไม่มางานราชาภิเษกของนันทบุเรง นัททบุเรงก็เลยส่งกองทัพไปเพื่อปราบเมืองรุมเมืองคัง กองทัพหนึ่งเป็นกองทัพของหงสาวดี มีพระมหาอุปราชเป็นแม่ทัพ, อีกทัพเป็นของตองอูมีนัดจิงหน่องหรือพระสังคทัตเป็นแม่ทัพ ส่วนอีกทัพเป็นทัพของอโยธยามีพระนเรศวรเป็นแม่ทัพ การตีเมืองรุมเมืองคัง ทั้งสามเจ้าฟ้าตกลงกันว่าจะแบ่งกันตีคนละวัน แต่ทั้งกองทัพของมหาอุปราชากับของนัดจินหน่องตีไม่สำเร็จ เพราะทั้งสองทัพยกเข้าตีทางด้านหน้าซึ่งถูกพวกเมืองรุมเมืองคังกลิ้งหินยิงธนูลงมาทำให้ทั้งสองทัพเข้าไม่ถึงกำแพงเมือง (ดูรูปก่อนหน้านี้จะเห็นเองว่าทำไม) ในระหว่างที่กองทัพหงสาวดีกับกองทัพตองอูเข้าตีเมืองรุมเมืองคังอยู่นั้น สมเด็จพระนเรศวรทรงสำรวจดู และทรงเห็นทางลับทางด้านหลังเมือง พระองค์จึงแกล้งให้ทหารส่วนหนึ่งทำทีว่าจะเข้าตีทางด้านหน้า แต่พระองค์นำทหารอีกส่วนเข้าตีเมืองทางด้านหลังเมือง กองทัพอโยธยาถึงสามารถตีเมืองรุมเมืองคังได้สำเร็จ ผมเดาพระทัยของสมเด็จพระนเรศวรว่าพระองค์จะต้องคิดว่าเมืองรุมเมืองคังอยู่บนเขา, ชาวเมืองจะเอาน้ำที่ไหนมาใช้อาบกิน, เพราะฉนั้นมันต้องมีทางลับที่จะเอาน้ำเข้าเมือง อย่างที่ป้อมใจการห์นี่ก็เหมือนกัน ที่ด้านขวาของภาพจะเป็นเขื่อนกั้นน้ำ ชาวเมืองใจการห์จะใช้ช้างลากรถบันทุกน้ำขึ้นมาตามถนนที่เห็นอยู่หลังกำแพงเมือง เมืองรุมเมืองคังก็คงจะใช้วิธีเดียวกันนี้นำน้ำเข้าเมือง และน่าจะเป็นถนนที่พระนเรศวรกับทหารของพระองค์ใช้เป็นทางขึ้นไปโจมตีเมือง ถ้าสนใจหาอ่านใด้ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา(ฉบับอื่นๆก็มีเหมือนกัน) หน้าที่ ๑๑๐-๑๑๑ ครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 12:26:46 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับคนที่หาหนังสือพระราชพงศาวดารมาอ่านไม่ได้ ผมก็ถือโอกาสลอกมาให้อ่านครับ "ถึง ณ วันเสาร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือนยี่ เสด็จสวรรคต พระชนม์ได้ ๖๕ พรรษา แต่เสด็จอยู่ในราชสมบัติสามสิบห้าพระพรรษา มังเอิงราชบุตรผู้เป็นพระมหาอุปราชาได้ผ่านสมบัติกรุงหงสาวดี ก็ตรัสให้ มังสามเกลียดราชบุตรเป็นพระมหาอุปราชา สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีเสวยราชย์ใหม่ บ้านเมืองยังมิปรกติ ฝ่ายเมืองรุม เมืองคังก็แข็งเมือง ข่าวนั้นแจ้งลงมาถึงพระนเรศวรเป็นเจ้า ๆ ก็เสด็จลงมา ณ กรุงเทพฯ กราบทูลสมเด็จพระบรมราชบิดาตามข้อความซึ่งแจ้งมานั้นทุกประการ จะขอถวายบังคมลาขึ้นไปช่วยการสงครามเมืองหงสาวดี จะได้ฟังอึงกิตาการในเมืองหงสาวดีด้วย สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวก็บัญชาตาม สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็ถวายบังคมลากลับขึ้นมาเมืองพระพิษณุโลก ให้ตรวจเตรียมรี้พลช้างม้าโดยกระบวนพยุหบาตราทัพ พลฉกรรจ์ลำเครื่องแสนหนึ่ง ช้างเครื่องแปดร้อย ม้าพันห้าร้อย ครั้นได้ศุภฤกษ์ก็เสด็จทรงช้างพระที่นั่งยกทัพหลวงขึ้นไปถึงตำบลพระตำหนักไม้ไผ่ ใกล้เมืองหงสาวดีสามเวร ก็พักพลอยู่ที่นั้นจึงบอกหนังสือเข้าไป พระเจ้าหงสาวดีแจ้งก็ดีพระทัย จึงให้แต่งเสบียงอาหารและเครื่องเสวยให้ข้าหลวงนำลงมาถวาย แล้วก็นำเสด็จขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าหงสาวดี ๆ จึงตรัสว่า ซึ่งพระเจ้าหลานเรายกขึ้นมาครั้งนี้เรามีความยินดีนัก แล้วแจ้งการซึ่งเมืองรุมเมืองคังแข็งเมืองนั้นให้ฟังทุกประการ สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าทูลว่าข่าวแจ้งลงไป ข้าพระองค์จึงยกมาช่วยการพระราชสงคราม พระเจ้าหงสาวดีตรัสให้สมเด็จพระนเรศวรกับพระมหาอุปราชาและพระสังขทัตยกไปเอาเมืองรุมเมืองคังจงได้ ทั้งสาพระองค์ก็ถวายบังคมลายกทัพไปถึงเมืองรุมเมืองคัง ให้ตั้งค่ายแล้วปลูกราชสัณฐาคารไว้ท่ามกลาง เสด็จปรึกษาราชการพร้อมกันทั้งสามพระองค์ พระมหาอุปราชาจึงตรัสว่า ซึ่งจะยกเข้ารบพร้อมกันทั้งสามทัพนั้นไพร่พลจะตะลุมบอนกันนัก จะผลัดกันรบทัพละวัน ครั้นปรึกษาพร้อมกันแล้วพระมหาอุปราชายกขึ้นไปรบ ณ วันจันทร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ เพลาสี่ทุ่มเดือนตก ฝ่ายข้าศึกก็คัดก้อนศิลาลงมาทับรี้พลล้มตายเป็นอันมากขึ้นมิได้ เพลาจวนรุ่งก็ถอยลงมา ครั้น ณ วันอังคาร ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๕ ทัพพระสังขทัตยกขึ้นไปรบข้าศึกก็คัดก้อนศิลาลงมาทับรี้พลตายเป็นอันมาก จะหักเอามิได้ก็ถอยลงมา ครั้น ณ วันพุธ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๕ เพลาตีสิบเอ็ดทุ่ม สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็ยกทหารปืนครบมือขึ้นไป ให้พลปืนปีนเขาแซงขึ้นสองข้าง แลทางกลางนั้นให้พลอยู่แต่เชิงเชาให้ห่าง แล้วโห่ร้องกระทำอาการดุจปีนขึ้นทางนั้น ชาวเมืองสำคัญว่าข้าศึกขึ้นมาทางนี้ ก็กลิ้งก้อนศิลาลงมาก็มิได้ถูกผู้ใด ฝ่ายพลซึ่งแซงขึ้นไปก็ยิงปืนระดมไปต้องข้าศึกล้มตายเจ็บป่วยมาก แตกระส่ำระสาย เพลาเช้าสามโมงก็ได้เมืองจับได้ตัวเจ้าเมืองรุมเมืองคังลงมายังค่าย ทั้งสามพระองค์ก็เลิกทัพ คุมเอาตัวเจ้าเมืองรุมเมืองคังมายังเมืองหงสาวดี แล้วทูลตามซึ่งได้ชัยชำนะ สมเด็จพระเจ้าหงสาวดียินดี ตรัสชมฝีมือและความคิดสมเด็จพระนเรศวรแล้วพระราชทานพานทองคำใส่พระภูษาองค์หนึ่ง ทองหนักห้าชั่งจำหลักเป็นรูปเทวดา พระมหาอุปราชาน้อยพระทัยแก่พระนเรศวรนัก ฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็ทูลลาพระเจ้าหงสาวดี ๆ ก็ตรัสให้มังทุ มังอนันมังอสารจอถ่าง สมิงพัตเบิด ลงไปอยู่หัวเมืองรายทาง ให้จ่ายเสบียงเลี้ยงดูไพร่พลไปกว่าจะถึงแดนพระนครศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าเสด็จกลับลงมาถึงเมืองพระพิษณุโลกแล้ว ก็เปลื้องเครื่องทรงออกบูชาถวายพระชินราช พระชินสีห์เจ้า ให้กระทำศัพท์สมโภชการมหรสพสามวัน แล้วเสด็จลงมาเฝ้าสมเด็จพระราชบิดา ณ กรุงเทพมหานคร จึงเอาการซึ่งได้รบพุ่งมีชัยชำนะข้าศึกนั้น กราบทูลให้ทราบ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมีพระทัยยินดีนัก ให้แต่งการสมโภชสมเด็จพระอัครโอรสาธิราชเจ้าเจ็ดวัน แล้วพระราชทานปูนบำเหน็จทแกล้วทหารทั้งปวงโดยสมควรครั้นเสร็จการสมโภชแล้ว สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปสถิตอยู่ยังเมืองพระพิษณุโลก" ภาพที่ปู่เบี้ยว Sketch สำหรับศึกเมืองคังครับ แต่จะต้องมีการแก้ใขหลังจากที่ผมไปดูเมืองชัยปุระมาแล้วครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 12:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กองทัพหงสาเข้าตีเมืองคังแต่โดนโจมตีจากชาวเมืองคังจนไม่สารถเข้าถึงกำแพงเมืองได้ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 12:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สมเด็จพระนเรศวรทรงไตร่ตรองหาวิธีที่จะเข้าตีเมืองคัง ทรงคเนว่าชาวเมืองคังที่อยู่บนยอดเขาจำจะต้องใช้น้ำจึงออกสำรวจดู,เห็นทหารกับชาวบ้านเมืองคังมาเอาน้ำที่ทะเลสาบ (ใกล้ๆ กับเมืองยองห้วย จะมีทะเลสาบใหญ่อยู่ที่ตีนเขาครับ) ทรงสกดรอยตามไปดูจึงพบทางลับขึ้นสู่เมืองคัง จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 13:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พอตกกลางคืน พระนเรศวรทางให้ทหารส่วนหนึ่งแกล้งทำเข้าตีทางด้านหน้าเมือง ส่วนพระองค์คุมทหารอีกส่วนหนึ่งขึ้นไปทางลับ ซึ่งเป็นทางที่พระองค์เห็นไพร่พลของเมืองคังลำเลียงน้ำขึ้นไปบนเขา จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 13:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อเข้าตัวเมืองได้แล้ว ทหารอโยธยาก็เข้าสู้รบกับชาวเมืองคังจนสามารถยึดเอาเมืองคังได้สำเร็จ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 13:07:38 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เลอขิ่น, เจ้าหญิงเมืองคังที่สู้รบกับทหารอโยธยาจนถูกจับตัวได้ในที่สุด จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 13:10:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ว่าจะเล่าเรื่องเที่ยวอินเดียแต่กลายเป็นเล่าเรื่องนเรศวรไปได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน กลับมาเรื่องเพชรพระอุมากันดีกว่า มาราชสถานทั้งทีก็ต้องลุยไปดูเทวสถานเก่าๆ แต่เทวสถานที่ในเมืองชัยปุระนี่มีการบูรระว่อมแซมมาตลอดเลยไม่ดูเก่าเท่าที่ควร คราวหน้าถ้ามีเวลาจะต้องออกไปในทะเลทราย หาดูวัดเก่าๆ เพื่อเอาไปเป้นต้นแบบของนิทรานครกับมรกตนคร วัดแขกอย่างที่เห็นในราชสถานก้ดุเหมือนวัดแขกที่สีลม ไม่เนจะต้องเสียเวลาไปถึงราชสถานเลยนะครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 13:22:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อีกรูปหนึ่งครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 13:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แถมให้รูปหนึ่งครับ, ที่ไหนไม่ต้องบอกนะครับ สุดท้ายสำหรับวันเถลิงศกนี้ ขออวยพรให้พวกเราชาว PPU จงมีความสุขตลอดปี คิดอยากได้อะไรก็ให้สมปราถนา คิดอยากดูหนังเรื่องอะไรก็ขอให้ได้ดูอย่างมีความสุขครับ จาก ทีมผอ.กับผกก.ครับ จากคุณ : Cinephile - [ วันเถลิงศก (15) 13:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 รูปสวยมากๆเลยครับ ขอบคุณท่านcinephile อีกครั้ง ท่าน optimize รูปเก่งจริงๆ ขอคารวะ ใหญ่เบ้อเริ่มแต่ยังไม่แตกแฮะ ปล.เมืองชัยปุระ นี่ ท่าทางจัดระเบียบสังคมกันเป็นอย่างดีเลยนะคร้าบ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ วันเถลิงศก (15) 14:08:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กราบขอบพระทัย ท่าน Cinefile และหม่อม ครับ ที่ยังทรงกรุณาชาว PPU เรื่องปืน กระหม่อมขอออกความเห็นนิดนึงว่า .600 ,.577หรือ .470 จะมีขนาดและรูปร่างเดียวกันในแต่ละบริษัท จะต่างกันแต่เพียงขนาดของรังเพลิงภายในที่บรรจุกระสุนเท่านั้นกระหม่อม รูปความเห็น 19 ชอบทหารเอกทั้งสองของพระองค์ดำ มากเลยกระหม่อม 1ขุนดาบ 1พลปืน...สุดยอด!!! สุดท้ายเนื่องในวโรกาสวันขึ้นปีใหม่ไทย ด้วยอำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆในสากลโลก กระหม่อมขอน้อมนำอาราธนาให้ท่าน Cinefile มีความสุข พระวรกายแข็งแรงและสร้างหนังดีๆมาให้พวกเราคนไทยได้ดูกันอีกนานเท่านาน จากคุณ : ช.ช้าง.. - [ วันเถลิงศก (15) 14:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 27 รูปสวยมากครับ ไม่ทราบว่าท่านใช้กล้องอะไรครับ ภาพเลยได้กว้างสะใจ คุณภาพไฟล์ดีมากครับ ชอบภาพวิหารที่มีปรางค์สามยอดมาก ๆ เลยครับ แสงสวย กล้องให้รายละเอียดได้ดีจัง อยากได้บ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาง แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 47 17:44:19 จากคุณ : อยากจะโปร - [ วันเถลิงศก (15) 17:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เสมือนหนึ่งได้เดินทางร่วมกับท่านเลยครับ ภาพสวย และเรื่องราวสนุกมาก ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ผู้กอง - [ วันเถลิงศก (15) 19:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ได้ความรู้ดีครับ จากคุณ : น้องวี78 - [ วันเถลิงศก (15) 20:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณท่าน cinephile ที่อินเดีย สวยจริงๆ ส่วนเืรื่องปืน .600ไนโตร ก้อขอหาให้ได้เร็วๆนะคะ ลองไปแถวแอฟริกา จะมีรึป่าวก้อไม่ทราบเหมือนกัน จากคุณ : luv uh (LUV_UH) - [ วันเถลิงศก (15) 23:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบพระทัยท่านมุ้ย อีกครั้งนะคะ วีตามมาเที่ยวต่อนะคะ รูปสวยๆทุกรูปเลยคะ แถมอ่านแล้วแอบยิ้มตามตลอดเลยคะ จากคุณ : ชื่อเดี้ยนสำคัญ ฉันใด - [ 16 เม.ย. 47 00:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ได้กลิ่นเรื่องศิวา-ราตรีของพนมเทียนติดมากับรูปของท่านชายทีเดียว เอ้อ อยากให้ทีมของท่านสร้างเมืองแบบLOTR โดยใช้CGแบบละเอียดหาที่ติไม่ได้จะดีกว่าไปถ่ายทำที่นั่นพะยะค่ะ จากคุณ : เอ๋อมาแป๊บๆ - [ 16 เม.ย. 47 00:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบพระคุณมากๆค่ะ..ท่าน cinephile อ่านแล้ว ได้ทั้งความรู้ และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย รวมถึงภาพสวยงามอีกด้วยค่ะ.. ส่วนเรื่องอินเดียขับรถนี่ เป็นที่เลื่องลืออยู่ พอกับรถบัส และรถไฟ จากที่ได้ยินมาค่ะ... จากคุณ : กุ๊กๆ - [ 16 เม.ย. 47 01:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบพระทัยท่าน Cinephile สำหรับรูปและเรื่องราว สวยงามและแปลกตามาก โดยเฉพาะรูปความเห็น 23 ที่มีเหมือนกำแพงเมืองบนภูเขาด้านหลังสถูป. ส่วน Sketch สุดยอด(มาก) ครับ เป็นกำลังใจให้ทีมงานนเรศวร และเพชรพระมาทุกคนครับ +++แตรรถที่เนปาลก็เช่นกันครับ คาดว่าใช้แทนประโยคสนทนาระหว่างคนขับกับคนขับรถอีกคัน++++ จากคุณ : McGy - [ 16 เม.ย. 47 02:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ฟังจากที่ท่านเล่ามา..... ถ้าไปอยู่ที่นั่น ผมยอมให้เบรคเสีย ดีกว่าแตรเสีย จากคุณ : อยากจะโปร - [ 16 เม.ย. 47 09:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ..... งดงามมาก เพคะ ..... จากคุณ : จ้อ (จิงจ้อ) - [ 16 เม.ย. 47 09:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 37 600 ไนโตรได้ข่าวว่ากระบอกละ 10 ล้าน นี่เรื่องจริงหรือเปล่าครับ ชอบภาพสเกตจริงๆ ครับ จากคุณ : เด็กแคสติ้ง - [ 16 เม.ย. 47 10:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบพระทัยท่าน Cinephile เพคะ สำหรับรูปจากอินเดีย เห็นภาพมรกตนครขึ้นมาแล้วเพคะ จากคุณ : ผู้สาวเมืองยศ - [ 16 เม.ย. 47 11:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 กราบขอบพระทัยท่าน Cinephile เพคะ ตื่นตาตื่นใจเสียจริง อ่านแล้ว อยากชมทั้งพระนเรศวร และเพชรพระอุมา เร็วแล้วซิเพคะ จากคุณ : โออิล - [ 16 เม.ย. 47 15:29:12 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพนี้ถ่ายมาสักสองเดือนมาแล้ว ใกล้ๆ บ้านนี่เอง คิดว่าเป้นนิทรานครได้หรือเปล่าครับ จากคุณ : Cinephile - [ 16 เม.ย. 47 18:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อยู่ในเขมรครับ เป็นที่ๆ เขาถ่าย Tomb raiderอย่างไรล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 47 18:54:34 จากคุณ : Cinephile - [ 16 เม.ย. 47 18:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ได้บรรยากาศนิทรานครดีครับ จากคุณ : น้องวี78 - [ 16 เม.ย. 47 21:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ดีเพคะ ดูแล้วขนลุกคะ โดยเฉพาะรากไม้น่ากลัวจริง ๆ เหมือนกับต้นไม้กินคนเลย บรื๋อออออออ ขอบพระทัยเพคะ สำหรับรูปสวย ๆ จากคุณ : ABOUT A GIRL {โสด แสบ }, (pailin35) - [ 17 เม.ย. 47 00:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รูปสวยมากครับ จากคุณ : นายภูติ - [ 17 เม.ย. 47 12:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอขอบพระคุณท่านอย่างมาก ครับ ดูภาพแล้วทำให้นึกถึง Indiana Jones 2 ครับ ขอให้ท่านรักษาสุขภาพ น่ะครับ (ถ้าจำเป็น)ผมไม่ได้ดูหนังท่านก็ได้ แต่ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร คนรักหนังอย่างผม นานนาน เท่านั้น ผมพอแล้วครับ เพราะท่านคือ ของจริง ของผม จากคุณ : ไม่ใช่ผม - [ 17 เม.ย. 47 14:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตอนอ่านหนังสือที่บรรยายถึงปากทางเข้าสุสานนิทรานคร ก็คิดถึง จินตนาการเป็นที่นี่เหมือนกันกระหม่อม... จากคุณ : ช.ช้าง.. - [ 17 เม.ย. 47 14:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ^__^ จากคุณ : theICE - [ 17 เม.ย. 47 15:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ภาพสวยมากๆค่ะ จะติดตาม เรื่องต่อไปนะค่ะ ทั้งพระเนรศวร และ ppu ค่ะ จากคุณ : fonshop - [ 17 เม.ย. 47 21:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ดูแล้ว อยากไปเที่ยวบ้างจังครับ จากคุณ : Tt009 - [ 17 เม.ย. 47 21:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ข้างบนนั่นใช่ ปราสาท ตาพรหม หรือเปล่าครับ ผมเคยไปเที่ยวเขมร เมื่อ 2 ปีก่อนไปเที่ยวปราสาทเขมรหลายแห่ง กับอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และอาจารย์ทรงยศ แววหงษ์ ไปครั้งนั้นสนุกมากและได้รับความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเขมรหลาย ๆ เรื่องเลย โลเกชั่นได้เลย สำหรับฉากนิทรานคร แต่พวกหินสลักลวดลายโบราณที่ปราสาทนี้หายไปหมดแล้ว จากคุณ : ผู้กอง - [ 18 เม.ย. 47 01:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แต่ดูแล้วขลังดี ให้บรรยากาศลึกลับ แต่ผมชอบปราสาทบันทายสรี (บัน-ทาย-สะ-รี) หรือ บันทายศรี (อ่านแบบไทย) มากกว่า เออ ขอแก้ชื่อด้วยนะครับ ภาพปราสาทที่อยู่ใต้รากไม้ขนาดใหญ่ยักษ์ นั่นชื่อ ปราสาทนครธม ครับ (จำผิดนะครับ ขอโทษด้วย แหะ แหะ) จากคุณ : ผู้กอง - [ 18 เม.ย. 47 01:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ที่ชอบเพราะปราสาทบันทายสรีสวยมาก รายละเอียดงานแกะสลักหินทรายละเอียดสวยมากๆ แต่ปราสาทเล็กไปหน่อย แต่คงใช้เป็นโลเคชั่นไม่ได้ เพราะไม่เข้าคอนเซบเท่าไร ปราสาทนครธมให้บรรยากาศที่เข้ากับเหตุการณ์ได้ดีกว่า นี่เป็นรูปของหน้าบรรณ ปราสาทบันทายสรี งานละเอียดจริง ๆ จากคุณ : ผู้กอง - [ 18 เม.ย. 47 01:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 53 งั้นอันนี้เป็นยังไงครับผู้กอง จากคุณ : Cinephile - [ 18 เม.ย. 47 09:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มารับพรจากท่านรับปีใหม่ครับ ปีนี้ ผมคงมีความสุขตลอดปี ^^ ขอพระทัยท่าน สำหรับ การพาทัวร์อินเดียและเขมรคับ รูปสวยมาก อยากไปบ้างครับ ภาพสเก็ต เท่ห์มากครับ จากคุณ : ทามะจัง - [ 18 เม.ย. 47 13:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 55 งามมากครับท่าน (ไม่ทราบท่านไปถ่ายที่ไหนครับ มุมสูงดีจัง) สำหรับผม นครวัดให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และอลังการงานสร้างมาก แต่ปราสาทนครธมจะให้ความรู้สึกที่ลี้ลับมากกว่าครับ จากคุณ : ผู้กอง - [ 18 เม.ย. 47 22:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ทุกสถานที่งดงามมาก ชื่นชมกับรูปที่มาโพสจริง ๆ หลานท่านที่ชื่อเทพ ดูตัวเล็กไปนิด ถ้าตัวโตสูงกว่านี้ น่าจะเหมาะกับ บทแงซาย นะคะ หน้าตาดูหล่อแบบแขก ๆ แต่ไม่แขกมากไป จากคุณ : jeangirl - [ 19 เม.ย. 47 00:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 57 รูปในความเห็น 53 ดูเหมาะมากค่ะ จากคุณ : =too= - [ 19 เม.ย. 47 14:30:22 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอมาน้อมรับพรจากท่านอีกคนนะคะ ขอให้ท่านมีสุขภาพที่ดีเช่นกันค่ะ จากคุณ : absolutelyme - [ 19 เม.ย. 47 16:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 59 รูปสวยมากเพคะ จากคุณ : ดวงตะวันกะจันทร์เจ้าขา (lovetaya) - [ 19 เม.ย. 47 23:54:40 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เอารูป ปราสาทบันทายสรี ที่ผู้กองพูดถึง มาแจมครับ จากคุณ : McGy - [ 20 เม.ย. 47 15:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อีกรูปครับ จากคุณ : McGy - [ 20 เม.ย. 47 15:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เข้ามาอ่านกระทู้ห้องนี้ ได้อะไรๆ ดีๆ กลับไปคิดเยอะเลยค่ะ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์จากท่าน Cinephile :o) จากคุณ : timtam_yummy - [ 25 เม.ย. 47 07:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ตามเข้ามาชมด้วยอีกคนค่ะ เรื่องของปืนทราบมาว่าท่านทำได้เหมือนจริงมากค่ะ คุณสุรพล บ.ก.นิตยสารกันแม็กกาซีนเคยบอกว่าแทบแยกไม่ออกเลยค่ะ บางกระบอกจับผิดก้อมีค่ะ ยังไงก้อขอให้การเตรียมงานเรื่องนี้ผ่านไปด้วยดีนะคะ จากคุณ : เมญานีแห่งมรกตนคร - [ 27 เม.ย. 47 12:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เข้ามาติดตามความคืบหน้าของเพชรพระอุมา ดีใจที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ขอให้ท่านรักษาสุขภาพด้วยค่ะเพราะได้ข่าวว่าท่านทำงานหนักมาก ๆ จากคุณ : ปลาพะยูน - [ 29 เม.ย. 47 07:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 65 โอ้วไม่ ปราสาท...... รูปแรกรูปสองนี่คงเป็นปราสาทตาพรม ไม่เหมาะครับ มันชินตาเกินไปในTomb rider นครวัดก็...ใหญ่ไป บันทายศรีกับนครธมนี่ดีเลยครับตามความเห็นผมนะ ว่าแต่ท่านจะไม่ถ่ายในเมืองไทยเหรอครับ แถวๆอีสานใต้ก็มีนะครับ? http://petchprauma.com/webboard/index.php?board=9;action=display;threadid=2752 จากคุณ : พิสุข - [ 30 เม.ย. 47 22:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ตาพรหม... ช้ำแล้วค่ะท่าน ทั้งหนัง ทั้งสารคดี ทั้งรูปออกมามากมาย ถ้าเป็นอย่างที่บุญคำว่า "คล้ายพิมาย" แล้วถูกทิ้งร้างอยู่เป็นพันปี ลองไปที่บึงมีเรียสิคะท่าน ประมาณสองชั่วโมงจากเสียมเรียบอาจจะไกลสักหน่อย แต่เป็นปราสาทที่ (ยัง) ไม่มีการบูรณะ ขนาด (คาดว่า) ใหญ่พอ ๆ กับนครวัด แต่เป็นปราสาทชั้นเดียว ไม่ใช่สามชั้นแบบนครวัด สร้างในยุคประมาณเดียวกันคือพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ (คนเดียวกันกับที่สร้างปรางค์ประธานของพิมาย) แต่คงใช้ได้แค่เป็น external shot เพราะว่าปรางค์ประธานของบึงมีเลียพังลงมาแล้ว เดินเข้าไปลำบากมาก เครื่องมือ อุปกรณ์คงไม่มีหวังอ่ะค่ะ ถ่ายจากหลังคาวิหารรายด้านหนึ่ง ไปส่วนที่หลังคาพังลงมาแล้ว จากคุณ : Seven Of Nine - [ 10 พ.ค. 47 09:17:17 ]