2508 ปิดกรม จับตาย
โดย อาร์ม อิสระ
นำแสดง ดอม เหตระกูล,เอกพัน บันลือฤทธิ์, บุ๋มบิ๋ม สามโทน
กำกับการแสดง วินัย ปฐมบูรณ์
นับว่าเป็นการรอคอยที่ยาวนานเหมือนกันสำหรับใครก็ตามที่จับตามองดูการทำงานของอดีตตากล้อง 2499 อันธพาลครองเมือง อย่าง วินัย ปฐมบูรณ์ หลังจากที่เขาหันเหมากำกับละคร โดยเริ่มต้นจากละคร สุรพล สมบัติเจริญ ที่เขาใช้วิธีการถ่ายทำและจัดแสงเสียใหม่ตามสไตล์ของตนเองจนละครเรื่องนี้ดังเป็นพลุ แจ้งเกิดให้กับเขาได้ทันที หลังจากนั้น ก็มีข่าวแว่วว่าวินัยจะจับเอาสนิมสร้อย มาตีความใหม่ตามความคิดของเขา แต่ไปๆมาๆ ก็ไม่ได้ทำสักที จนกระทั่งมหากาพย์แห่งโสเภณีเรื่องนี้ ออกฉายโดยมีจรูญ วรรธนะสินเป็นผู้กำกับแทน
วินัยจับงานใหม่ ด้วยการหยิบเอาเรื่องราวของคดีดังจากการปิดตลาดปล้นที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดอยุธยามาเป็นเค้าโครงเรื่อง และเขียนบทขึ้นใหม่ตามไอเดียของเขา โดยมีเรื่องราวของการตามสืบตามล่า บรรดาเสือปล้นในคดีดังกล่าวนั้นเป็นจุดขายตามสไตล์ภาพยนตร์แอคชั่นที่เน้นความมันส์เป้นพื้นฐาน แต่ลีลาการบู๊ของตัวละครในเรื่องนั้น ออกจะโลดโผนโจนทะยานไปสักนิดเหมือนกับจะติดใจหนังจีนกำลังภายในจนผู้ชมไม่เข้าใจนึกว่าตัวผู้ร้ายเหาะได้ไปโน่น
พูดถึงในแง่ของงานสร้าง ทางด้านโปรดักชั่น ไม่ว่าจะเป็นฉาก การถ่ายทำ แสง สี ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือว่าดูดี และผ่านได้ฉลุย ในสายตาของผู้ชมทั่วไป ถือว่าทำได้ดูสนุก ถ้าหากไม่คิดอะไร หรือไม่ติดใจลีลาการมุดน้ำ โหนกิ่งไผ่ ไล่ฆ่าคนของ เสือละม้าย-เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์ ที่ออกจะเหมือนหนังจีนไปสักนิด แฟนหนังไทยทั้งหลายก็จะรู้สึกชอบอก ชอบใจ เพราะคิวบู๊ใหม่ๆ แม้บางครั้งอาจจะดูเชยไปนิดแต่ก็น่ารักดี เวลาที่ได้เห็นบรรดาพระเอกรุ่นใหญ่อย่างกรุง ศรีวิไล หรือสมบัติ เมทะนี มาวาดลวดลายย้อนยุคให้ดู
ความโดดเด่นของตัวละครทั้งหมดอยู่ที่บทบาทของ บุ๋มบิ๋ม สามโทน ที่รับบทเป็นสารวัตรพิชิต มือปราบหน้าโหด เพราะนอกจากหน้าจะโหด สมบทแล้ว ลีลาการแสดงของบุ๋มบิ่ม ยอมรับเลยว่า กินขาดทุกคนจนหลุดลุ่ย ยิ่งถ้าเปรียบกับบทของ เสือขาว ที่รับบทโดย ดอม เหตระกูล แล้ว เมื่อทั้งสองเข้าแกด้วยกัน ความโดดเด่นของบุ๋มบิ๋ม ทำให้พลังทางการแสดงของ ดอม เหตระกูล ซึ่งไม่ค่อยมีอยู่แล้ว วูบหายจนกลายเป็นตัวรองไปเลย
สำหรับตัวแสดงอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเล่นได้ดี ตามคาแรกเตอร์ของแต่ละคนที่ได้รับ โดยเฉพาะมุขหายตัวได้ของกรุง ศรีวิไล ที่ทั้งสามารถเรียกเสียงฮา และสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมเกี่ยวกับเรื่องราวของไสยศาสตร์ได้ไม่น้อย เพราะคาดไม่ถึงว่าผู้กำกับจะเล่นมุขนี้ เรียกว่าทั้งฮา ทั้งหมั่นไส้และเวทนาน้าเอ็ดดี้ ( ในบท ) ไปตามๆกัน
บทหนังซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง ถือว่า เขียนได้เข้าขั้น ทำให้หนังดูแล้วมันส์ อารมณ์ต่อเนื่องดี แม้ว่าในบางทีจะตัดภาพเร็วไปสักหน่อยก็ตาม แต่ด้วยความที่หนังถ่ายออกมาสวย บรรยากาศเข้ากับยุคนั้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่พระเอกกำลังเดินไปตามรางรถไฟ แล้วบุ๋มบิ่มตามไป แม้ว่าจะไม่ใช่ของแปลกใหม่ แต่ก็ถือได้ว่า เป็นฉากจบที่ทำได้ดีสำหรับหนังไทยสไตล์นี้ ที่ทิ้งท้ายให้คิดกันเอาเอง แม้ว่าจะรู้ว่ามันต้องลงเอยอย่างไรก็ตาม
หนังทำเกือบดี ถ้าหากไม่ติดที่ ความกึ่งกล้ากึ่งกลัวของผู้กำกับที่บังเอิญไปจับเอาเรื่องราวที่เกิดจากเรื่องจริงมาสร้างเป็นเป็นภาพยนตร์ แล้วกริ่งเกรงว่าอาจจะเกิดปัญหาขึ้นมา จึงเลยต้องเปลี่ยนเรื่องราวให้มันดูเป็นหนังที่สร้างตามจินตนาการมากกว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะฉากแอคชั่นที่ดูจะเว่อร์ไปบ้าง ทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกว่า กำลังดูหนังที่สร้างขึ้นมา แบบหนังไทยทั่วไป มากกว่าที่จะมาดูภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากเรื่องจริง
ถ้าวินัย ปฐมบูรณ์ ตัดส่วนนี้ออกไปได้ แล้วเล่นเรื่องจริงล้วนๆแบบไม่เกรงอะไร ไม่แน่ว่า อาจจะทำให้ภาพรวมของหนังดีขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่าทีเดียว
แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 47 22:41:36