ความคิดเห็นที่ 1 ถูกทุกข้อ จากคุณ : ฟักกลิ้ง บุญชิต - [ 26 พ.ค. 47 09:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าหนังจะดีหรือไม่อยู่ที่บทหนัง... ส่วนหนังจะดัง+ได้ตังค์หรือไม่ อยู่ที่การตลาด.... จากคุณ : don_custom - [ 26 พ.ค. 47 14:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าผมเป็นนักแสดง ผมคงเลือกทำงานกับผู้กำกับที่เราชื่นชอบ และเชื่อถือ ก่อนจะดูเรื่องอื่นๆ จากคุณ : wu - [ 26 พ.ค. 47 16:12:24 A:130.54.130.227 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 จริงๆ แล้ว ทุกอย่างสำคัญหมดแหล่ะ แต่ผมให้ความสำคัญ ระหว่าง บท กับ ผู้กำกับ เท่ากันนะ บทดี เจอ ผู้กำกับห่วย ก็ไม่รอดเหมือนกัน บทห่วย ได้ ผู้กำกับดี อาจพอถูไถ ได้นะ อ้าว สรุปแล้วก็ผู้กำกับสิเนี่ย จากคุณ : ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ - [ 27 พ.ค. 47 08:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เราคิดว่า ถ้าได้ผู้กำกับเก่ง เด๋วเขาก้อไปหาบทหนังที่น่าทำได้เองนะ ........ แต่ถ้าผู้กำกับไม่เก่ง เช่นอายุซัก20ปี สมมุตินะ มากำกับ เขายังไม่เก่ง ให้บทดีอย่างไร มันจะหนุกหรอ แต่บทที่ดี ถ้าได้ผู้กำกับเก่งๆ พุเลยนะ ฟิ้วววววววววววววววววววววววววววววววว ใสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส จากคุณ : คนหน้าใส - [ 31 พ.ค. 47 14:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตีความ "ความสำเร็จ" ยังไงล่ะ ถ้าออกมาเป็นศิลปะชั้นดีล่ะก็ ผู้กำกับ ครับ เพราะเขาคือ คนเล่าเรื่อง ถ้าเรื่องมันดี เล่าออกมาแย่ มันก็แย่ครับ จากคุณ : lakari - [ 1 มิ.ย. 47 01:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 บทสำคัญที่สุดครับ ตัวอย่างง่ายๆใกล้ๆนี้เลย Shriek2 แซงหน้า The day after tomorrow ยักษ์เขียวไม่มีดารา แต่ตัวอย่างนี้ก็อาจอ้างได้ว่าเรื่องหลังก็ไม่มีดาราเหมือนกัน ต้องขอย้อนหลังไปไกลมากๆ ในประวัติศาสตร์การภาพยนตร์ เรื่อง คลีโอพัตรา ลงทุนสูงที่สุด นำดาราที่ดังที่สุดในเวลานั้น คืออลิซาเบท เทย์เลอร์มารับบท คู่กับคู่รักกระฉ่อนโลกของเธอในเวลานั้น คือริชาร์ด เบอร์ตัน หนังอลังการ์มาก ในครั้งที่ยังไม่มีคอมพ์ฯช่วยเหมือนเดี๋ยวนี้ แล้วก็ขาดทุนเละเทะ ใครๆก็วิจารณ์ว่าเพราะทำบทไม่ดี แต่ถ้าลำพังบทดี ได้ผู้กำกับห่วย ขาดการตลาด ก็เจ๊งอีกนั่นแหละ ยังไงๆก็ต้องหนุนส่งกันจ้ะ แต่บทมาอันดับแรก จากคุณ : น้า - [ 1 มิ.ย. 47 05:33:01 A:203.113.32.7 X: ]