ความคิดเห็นที่ 1 ช่วงยี่เป็งมั๊ง ไปปล่อย (เค้าเรียกไรหว่า โคมลอยมั๊ง) ที่อ่างแก้วกัน 5 คน ไม่มีใครเคยปล่อยมาก่อนในชีวิต แต่อยากปล่อย พยายามอยู่นานสองนาน นอกจากมันจะไม่ยอมลอยแล้ว มันยังไหม้คามืออีก วงแตกเลยค่ะ ร้องกรี๊ดๆ แล้วก็วิ่งหนีด้วยความอับอาย หายไปในความมืด ทั้งอาย ทั้งเจ็บใจ คราวนี้เปลี่ยนสถานที่ ไปปล่อยที่สนามรักบี้หน้ามอตอนดึกๆ กะว่ายังไงก็ไม่มีใครเห็นแน่ๆ พยายามอยู่นานสองนานอีกตามเคย มันก็ไม่ลอย โชคดีที่มีเพื่อนร่วมมหาลัยเดินผ่านมาในความมืด แล้วก็บอกว่าต้องทำยังไง คราวนี้ช่วยกันเป็นสิบ ไม่ไหม้แฮะ ลอยด้วย ความทรงจำดีๆที่เกิดขึ้นช่วงที่ไปเรียนอยู่ มช. มีอีกเยอะมากๆ นึกขึ้นมาทีไรก็ยิ้มได้ทุกที จากคุณ : สาวใช้ ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์ - [ 3 ก.ค. 47 15:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขึ้นดอย เอกลักษณ์ของแต่ละที่ ;] จากคุณ : พูจัง - [ 3 ก.ค. 47 15:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รวมตัวกันไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับคนเชียงใหม่ดีกว่ามั๊ย หรือให้เด็กมช. เป็นตัวอย่างเรื่องกฏจารจร เช่น สวมหมวกกันน๊อก ฯลฯ จากคุณ : ดีกว่า - [ 3 ก.ค. 47 16:31:08 A:203.172.49.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมประทับใจตอนนึง.... ไฟดับ แล้วมีพวกขี่มอเตอร์ไซด์ไปแจกของกัน แต่ช่วงนั้นกำลังฮิตละครเรื่องเหินฟ้า ที่ศรรามเล่น เลยเปลี่ยนจากแจกของเป็น.... "เหินฟ้า......" จากคุณ : น้ำตาลมะพร้าว - [ 3 ก.ค. 47 16:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เหมือนสาวใช้ ช่วงประมาณปี 3 ทำโคมลอยกับเพื่อนในหอ เอาไปปล่อยแถวๆสนามซอฟ์ทบอล มีไปกันทั้งหมด 10 คนได้ ลุ้นๆอยู่ว่าให้มันขึ้น ให้มันขึ้น มันก็ขึ้นอ่ะนะ แต่ขึ้นไปได้ ประมาณ 10 เมตรไหม้หมดเลย --- สมัยตอนที่ตลาดเชิงดอยยังเป็นป่า ผมและเพื่อนอีก 2 คนอัดมอเตอร์ไซค์ซ้อน 3 ลัดเลาะผ่านป่าแถวตลาดเชิงดอยไปยังคอนโดฮิลไซค์ เพื่อไปดูบอลที่ห้องเพื่อน ขี่ไปได้ระยะหนึ่งก็เจอเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น คือเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งอ่ะ เอาเสื่อมากาง กางที่ไหนไม่กางดันมากางทับเส้นทางลัดเลาะเล็กๆ ที่รถมอเตอร์ไซค์ชอบขี่ผ่าน เห็นมาแต่ไกลเลยว่า ไอ้หนุ่มมันรีบวิ่งไปสวมกางเกง ส่วนสาว นั้นไม่ทัน ได้แต่นั่งก้มหน้าปิดเนื้อปิดตัว มอเตอร์ไซค์ผมขับผ่านกลางระหว่าง 2 คนนั้นเลย ห่างกันนิดเดียว ชายอยู่ทางซ้าย ผู้หญิงอยู่ทางขวา ตลกมาก ๆ ไม่รู้คิดไง เล่นกันบริเวณพื้นที่สัญจร แม้จะเปลี่ยวก็เหอะ น่าจะหาที่ๆมันไกลตาหน่อย จากคุณ : Pedro Alonso Lopez - [ 3 ก.ค. 47 16:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คิดถึงวันเก่า ๆ จำได้ว่ารับน้องขึ้นดอยเหนื่อยมาก อากาศก็ร้อนด้วย หลังจากนั้นพอเป็นรุ่นพี่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยแทน ขอให้รักษาประเพณีรับน้องขึ้นดอยตลอดไป.......Acc-Ba34 จากคุณ : Peenida - [ 3 ก.ค. 47 18:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โชคดีจัง ปีที่สาวใช้ฯเดินขึ้นดอย ไม่ค่อยแดด มีฝนตกเบาๆลงมาด้วย เย็นสบายดี ส่วนตอนลงมีรถมารับ จากคุณ : สาวใช้ ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์ - [ 3 ก.ค. 47 19:29:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนที่เราขึ้นดอย คณะเราขึ้นเป็นลำดับที่ 7 หรือ 8 นี่แหละ แต่พอไปถึงยอดดอย รู้สึกจะเป็นลำดับที่ 11 (เมื่อก่อนมีแค่ 12 คณะ) คณะแรกที่ไปถึงคือวิศวะ ต่อด้วยเกษตร และพยาบาล ทุกคนแปลกใจมากว่าทำไมพยาบาลถึงได้ไปเร็วทั้งๆที่มีแต่ผู้หญิง คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าคณะพยาบาลเอารถคอกหมูมารับน้องปี 1 ขึ้นไปถึงก่อนโค้งขุนกรรณแล้วให้วิ่งขึ้น...ปีนั้นเด็กทั้งมอคุยกันเรื่องนี้อื้ออึงมากและปีต่อๆ ไปก็ไม่มีคณะไหนเอารถพาน้องปี 1 ขึ้นไปอีก สมัยนั้น จะมีการร้องเพลงและลีดที่บันไดพระธาตุ ลีดเดอร์จะแต่งตัวธรรมดา ส่วนใหญ่จะใส่เสื้อม่อฮ่อม กางเกงยีนส์กันเกือบทุกคณะ ยกเว้น วิจิตรศิลป์ที่มีชุดของเขาเป็นเอกลักษณ์ วิศวะใส่ช็อป เกษตรใส่ฟิลด์ ทุกคณะจะร้องเพลงที่บันไดพระธาตุประมาณ 5-6 เพลง เพลงแรกๆ จะเป็นลีดปี 1 แล้วเปลี่ยนเป็นลีดปีแก่ขึ้นไปตามเพลง ส่วนคณะวิจิตรศิลป์จะมีคนนำเรียกว่า "พ่อเพลง" การแสดงของคณะวิจิตรศิลป์จะขลังมากๆ เงียบ สงบ และประทับใจมาก ส่วนคณะอื่นๆ ก็จะมีความน่าประทับใจต่างๆ กันไป บางคณะก็เน้นคิกขุน่ารัก บางคณะก็เน้นดังกังวาล บางคณะก็เน้นเก๋ไก๋ แต่ปีที่เราประทับใจมากคือตอนเราอยู่ปี 4 ปีนั้นอุตสาหกรรมเกษตรแยกตัวออกมาจากคณะเกษตร ตอนเดินขึ้นดอย เขาก็แยกกันขึ้นแล้ว แต่รุ่นพี่จะยังใส่เสื้อฟิลด์ขึ้นดอย พอขึ้นไปถึงยอดดอย เกษตรทุกคนทุกชั้นปีจะมายืนร้องเพลงประจำคณะเขาชื่อเพลงอะไรไม่รู้เหมือนกัน รุ่นพี่อุตสหกรรมเกษตรก็มายืนรวมกลุ่มกันกับคณะเกษตรเหมือนจะบอกทุกๆคนว่า ไม่ว่าอุตสาหกรรมเกษตรจะแยกออกไปเป็นคณะใหม่ แต่เลือดของพวกเขาก็คือเลือดสีเหลืองข้าวโพดอย่างแท้จริง ปีนั้น เราดูพวกเขาร้องเพลงไปน้ำตาก็ไหล...เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ จากคุณ : [NostalgiA] - [ 3 ก.ค. 47 21:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเพิ่งไปขึ้นมาครับเนี่ย เจอเพื่อนที่อยู่คณะเกษตร ก็เลยเฮโลไปกะเขาด้วย ขึ้นเร็วมาก เหนื่อยสุด ๆ นับถือเลย ปีนี้วิศวะเข้าวินเหมือนเดิมครับ บังเอิญ ปีนี้ผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับงานสโมฯ แล้ว ก็เลย ปล่อยให้น้องรับช่วงดูแลปี 1 ไปแทน ส่วนผมขอ เดินอย่างเดียว(ลดความอ้วน อิอิ) ปีนี้วิจิตรฯก็ยังคงมนต์เสน่ห์อยู่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยครับ เหมือนเขาจะเข้าใจความถ่องแท้ของการขึ้นไปไหว้พระธาตุจริง ๆ ป.ล.เสียดายโพสรูปไม่ได้ จะเอารูปน้องคณะผมมาให้ดูซะหน่อย ผมเป็นคณะน้องใหม่ครับ คณะที่17 สถาปัตยกรรมศาสตร์ จากคุณ : คีย์บอร์ดเย้ยยุทธจักร.... - [ 3 ก.ค. 47 23:22:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เดินขึ้นดอยครบสี่ปีเลย ปีแรกเป็นเฟรชชี่ ปีสองไปคุมน้อง ปีสามเดินขึ้นกับคนรู้ใจ ปีสี่วิ่งนำในกลุ่มสต๊าฟฟ์เชียร์ ... ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด แต่สุดท้ายก็สนุกและประทับใจ หลังจากวันขึ้นดอย อีกไม่นานก็จะปิดห้องเชียร์แล้ว แม้ว่ามันจะน่าเบื่อน่าเซ็งอย่างไร แต่พอไม่มีห้องเชียร์แล้วมันรู้สึกเหงา ๆ อย่างไรชอบกล ... เอาเวลาไปอ่านหนังสือเตรียมสอบมิดเทอม ? ... อย่าหวังไปเลย แดดร่มลมเย็น ๆ อย่างนี้ เด็ก ม.ช.พันธุ์แท้ เอาเวลาไปจีบสาวดีกว่า ย่างเข้าหน้าฝน สมัยนี้มีสถานีไฟฟ้าอยู่ข้าง ๆ คลองชลฯ แล้ว ปัญหาไฟดับคงไม่ค่อยเกิด แต่สมัยก่อนมีประจำเมื่อฟ้าฝนคะนอง และแน่นอนว่าเมื่อไฟดับ ก็จะต้องพากันขับรถออกไป "แจกของ" ให้สาว ๆ ... ถ้าจะให้วิจารณ์ ก็ต้องบอกว่าเป็นพฤติกรรมที่ ไม่สมกับเป็นปัญญาชน เลย ... แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราก็จะยังทำ สนุกดี ... จากคุณ : รู้บ้างไม่รู้บ้าง - [ 4 ก.ค. 47 04:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พอรู้ล่ะว่า คุณ รู้บ้างไม่รู้บ้าง อยู่คณะอะไร แหม....ขึ้นดอย....ปิดห้องเชียร์...ความทรงจำที่ดีนะคะ ทุกวันนี้ยังคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ที่เคยได้ไปขึ้นดอยอยู่เลย รู้สึกดีมาก ๆ ตอนนั้น ต้องเรียกว่า "เหนื่อยสุด ๆ " แต่ก็...มีความมุ่งมั่นอย่างประหลาด (แอบปนท้อเล็กน้อย) ที่สำคัญ วิ่งขึ้นดอย อย่างเดียวไม่พอ....ยังต้องวิ่งลงดอย ให้ชาวคณะอื่น รับรู้ในความอึดของเราด้วย ถึงจะแน่ อีกทั้ง บูม รับขวัญ พวกผูชายที่วิ่งไกลกว่า....อู้...สะใจหลาย เสียดายจังปีนี้ไม่ได้ไปดู....ก็ไม่ได้ไปมา 3 ปี ได้แล้วมั้งนะ เฮ้อ...คิดถึงจริง ๆ ขอให้ลูกช้างมอชอทุกคน สู้ ๆ จากคุณ : 3908... (M_anyape) - [ 4 ก.ค. 47 07:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อีกคนนึงที่รัก มช. จากคุณ : summer of 96 (atlantic) - [ 4 ก.ค. 47 09:02:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมขึ้นดอยด้วย แต่ว่า นั่งรถตามไปขึ้น ประสาคนแก่ ขนาดไม่ได้เดินขึ้น เดินลงนะเนีย กลับลงมา ยม เชียว จากคุณ : tazarn - [ 4 ก.ค. 47 11:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จำได้ว่าสมัยเรียน มช. ปีสุดท้าย (ปี4) วันขึ้นดอย ไปโบกรถแดงบนยอดดอย เพราะตำรวจหายต๋อมไปหมด ปล่อยให้รถไปติดบนดอยเละเทะ ก่อนขึ้นดอย อดหลับอดนอนเตรียมกิจกรรมกันทั้งคืน ตอนเช้าก็ไปขนนมสดมาแจกแต่ละคณะ แถมต้องขึ้นดอย ช่วงค่ำไปเก็บของบนดอยดึกๆ เจอผีอีกต่างหาก เอิ๊กๆๆๆ สุดยอดแห่งความเหนื่อยเลยล่ะ...... จากคุณ : ตกขอบ - [ 4 ก.ค. 47 12:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อยู่สังคม แต่ชอบวิจิตรอ่ะ จากคุณ : ปืนใหญ่ที่ไฮบิวรี่ - [ 4 ก.ค. 47 13:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไปขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ เลยอ่า แต่ปีนี้ขึ้นรถอ่ะ ขึ้นมาตั้งแต่ปีที่ 1-4 และได้ขึ้นปีต่อมาด้วยเพราะยังได้อยู่ที่นั่น ปีที่แล้ว เสียดายไม่ได้ขึ้น เพราะเพิ่มมารู้ว่าเป็นวันขึ้นดอย แต่ตัวยังอยู่กทม. ไม่สามารถเหาะไปได้ ปีต่อไป ถ้ามีเวลาและเงิน จะมาอีกแน่นอน... จากคุณ : envy (envy_econ) - [ 4 ก.ค. 47 16:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จำได้ว่าได้แฟนก็งานนี้แหละครับ สมัยผมคือ10กว่าปีมาแล้ว......นานยังไงไม่รู้ ตอนนั้นเป็นเฟรชชี่ พี่ๆก็ปลุกแต่เช้าเพื่อให้มารวมตัวหน้าศาลาอ่างแก้ว จำไม่ได้ว่าขึ้นไปถึงเป็นอันดับที่เท่าไหร่ รู้อย่างเดียวว้าเหนื่อยมากๆ ก่อนถึงโค้งสุดท้ายก็ต้องทั้งจูงทั้งลากเพื่อนผู้หญิงให้ไปถึงด้วยกันทั้งคณะ ทีนี้แหละผมก็เล็งแฟนผมไว้เลย แล้วก็จูงมือเค้าขึ้นไปจนถึง เชิงบันไดพระธาตุจนได้ หลังจากนั้นก็ขึ้นแสตนด์เชียร์ ก็ขั้นบันไดนั่นแหละครับ บรรยากาศตอนนั้นขลังมากๆ มีทั้งนักศึกษาและนักท่องเที่ยวเยอะแยะที่ยืนดูเราร้องเพลงเชียร์ คณะที่ขึ้นถึงก่อนทำไมเป็นวิศวะเหมือนกันทุกปีเลยไม่รู้ ไม่ว่าจะขึ้นเป็นอันดับที่เท่าไหร่ก็ตาม แถมต้องแบกเสลี่ยงวิ่งไปด้วยอีกต่างหาก ปี2 ไม่ได้ขึ้นเพราะกระเป๋าตังหายคืนก่อนขึ้นดอยพอดี เซ็งมากๆ หลังจากนั้นก็มักจะขี่มอเตอร์ไซด์ขึ้น เพราะแก่แล้ว แหะๆๆๆ แต่หลังจากจบมาก็สิบกว่าปีแล้ว ยังไม่ได้ไปงานที่แสนประทับใจนี้อีกเลย คือถึงบรรยากาศช่วงนั้นจริงๆ จากคุณ : phar_CMU - [ 4 ก.ค. 47 17:24:50 A:203.118.114.50 X: ]