ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ค่ะ ^^ จากคุณ : Cookie Kids - [ 4 ก.ค. 47 13:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เราว่า ประเพณีมันขัดกะความเป็นจิงไปหน่อยนะคะ ก็ไม่ได้อยากให้เปลี่ยนความเชื่อหรอกนะ แต่ไม่อยากให้มีความเชื่อประเภทนี้เกิดขึ้นอิก เพราะอะไร ทำไมผู้หญิงมันสกปรก ขนาดนั้นเลยหรอ แล้วที่เกิดๆกันมา ไม่ใช่เกิดมาจากผู้หญิงหรอ ไม่เข้าใจจิงๆ พวกไม่รุจักบุญคุณ ถ้าจะให้เดา ก็คงเป็นพวกผู้ชายล่ะมั้ง ที่ตั้งประเพณีแบบนี้อ่ะ สุดท้าย เราก็เคยขึ้นไปอะนะ ก็เห็นไปกันเยอะแยะ แต่ก็เห็นด้วยกับการแต่งตัว ว่า ผู้หญิงที่แต่งไม่เรียบร้อยก็ไม่สมควร อย่างงี้ก็ว่าไปอย่าง แต่กับผู้หญิงที่มีศรัทาล่ะ ก็โอเคอะนะ ใครที่เป็นผู้หญิงอะ ไม่ต้องไปหรอกนะ ที่นั้นน่ะ เค้าไม่ให้ขึ้น ไม่ต้องลำบอกไปหรอก วัดอื่นมีเยอะแยะ เด๋วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเค้าจะเสื่อมหมด จากคุณ : [s]uN * XeRo - [ 4 ก.ค. 47 13:57:18 A:203.113.36.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตกลงว่า คุณเค้าอยู่สังกัดกระทรวงอะไรกันแน่ครับ ใช่กระทรวงที่มีคนเสนอให้ยุบรึเปล่า อันที่จริง ความเชื่อย่อมมีที่มานะครับ แล้วอีกอย่างมันไม่ใช่เพียงแค่ความเชื่อ แต่มันเป็นวิถีชาวบ้าน และขนบธรรมเนียมที่ประพฤติกันมาอย่างยาวนาน "เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม" ครับ จากคุณ : demerzel - [ 4 ก.ค. 47 14:05:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยังไม่ชินเจ๊เขาเหรอครับ จากคุณ : nsk - [ 4 ก.ค. 47 14:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เล่นอะไรไม่เล่น มาเล่นกับความเชื่อของชาวบ้าน... ใช้ล่ะซิ คุณเบียบ แกไม่ใช่คนเหนือล้านนานี่นา...ก็รอดูกันไป แต่เรา ไม่เห็นด้วย...และคิดว่าคนเชียงใหม่ก็คงไม่เห็นด้วยเหมือนกัน จากคุณ : Cc. - [ 4 ก.ค. 47 14:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเนี้ยชอบเจ๊ แกมากนะครับ แต่เรื่องนี้ผมว่า เหตุผลมันก็ถูกของแกนะครับ แต่คนที่เขาเป็นคน อยู่ใกล้ชิดสัมผัส เชื่อ และศรัทธา เนี้ย เขาเองไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร ก็ไม่เห็นต้องให้เรื่องไม่เป็นเรื่อง เป็นเรื่องนี้ครับ จากคุณ : 007 (panaratb) - [ 4 ก.ค. 47 14:21:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แกคงไม่รู้ เลยโวยวาย จากคุณ : pungju-คู่-ขา-poohjung - [ 4 ก.ค. 47 14:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราว่าถ้าแกเป็นชาวบ้านธรรมดาหรือไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆๆแกคงไม่กล้าเขียนเรื่องร้องเรียนแบบนี้หรอก แกคงคิดว่าถ้าเปลี่ยนความเชื่อได้ก็คงจะทำให้ผู้หญิง(ซึ่งเปลี่ยนเหมือนตัวแกเอง)พลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย จากคุณ : น้องข้าวเหนียว (น้องข้าวเหนียว) - [ 4 ก.ค. 47 14:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ใช่คนในพื้นที่ เลยไม่ค่อยทราบเรื่อง http://www.komchadluek.net/news/2004-07-04/p1-4327498.html แต่อ่านดูแล้ว ผมว่า ไปขัดกับความเชื่อชาวบ้าน งานนี้เจ็บไม่น้อย จากคุณ : อยากรู้อยากเห็น - [ 4 ก.ค. 47 15:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ในฐานะที่ผมเป็นคนเหนือ เจ๊แกก็คือคนโง่ ที่พยายามอวดฉลาดไงครับ จากคุณ : notstudio - [ 4 ก.ค. 47 16:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มันเป็นประเพณีล้านนาตั้งแต่ปู่ย่าตายายไม่ใช่เหรอ นอกจากเจ๊ที่ออกมาโวยแล้ว อยากรู้ว่าชาวล้านนาคิดว่ายังไง เห็นในข่าว เจ้าสตรีทางเหนือยังไม่เห็นด้วยเลย จากคุณ : Pipy - [ 4 ก.ค. 47 17:37:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แวะมาอ่านครับ จากคุณ : nat_ - [ 4 ก.ค. 47 17:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบทำตัวให้เป็นข่าว จากคุณ : playboar - [ 4 ก.ค. 47 20:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ศรัทธาไม่แบ่งแยก ชาย-หญิง บางครั้งผมยังคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมนะผู้หญิงเข้าไม่ได้ ทั้งๆที่ก็มีศรัทธาจะเข้าไปสักการะเหมือนกัน ข้อนี้ผมสนับสนุนเจ๊เบียบ ส่วนใครที่คิดว่าไม่บริสุทธิ์ ไม่อยากจะเข้าก็ไม่ต้องเข้า แต่ควรเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาสนั้นครับ จากคุณ : Ped-Degree - [ 4 ก.ค. 47 21:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก่อนจะออกมาโวยวายอะไร คุณระเบียบรัตน์น่าจะศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ก่อนนะคะ ถ้ามองในมุมของนักสิทธิสตรีนิยม การห้ามสตรีเข้าไปบริเวณพระธาตุก็ดูเหมือนจะเป็นการกดขี่ทางเพศ และแสดงความไม่เท่าเทียมกันในสังคมก็จริง แต่การออกมาแสดงความคิดเห็นโดยที่ไม่คำนึงถึงความเป็นไปในสังคมนั้นๆ เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเหมาะมากสมกว่า สังคมสมัยใหม่ควรมีความเท่าเทียมกัน แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบของความเหมาะสมด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 47 21:57:02 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 47 21:56:05 จากคุณ : SuiKyo - [ 4 ก.ค. 47 21:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าประเพณีมีที่มาที่ไปที่มีเหตุผลอันสมควร ก็ไม่น่าไปเปลี่ยนหรอกค่ะ แต่ถ้าประเพณีอะไร ที่มันอาจจะล้าไปแล้ว ก็น่าจะลองคิดดูใหม่บ้าง ไม่ได้บอกว่าสมควรเปลี่ยนนะ คือถ้ามองในแง่ ของความเท่าเทียมนะ มันก็ไม่แฟร์กับผู้หญิงไง ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมล่ะ ทำไมผู้หญิงเข้าไม่ได้ แต่มองอีกแง่นึง มีศรัทธาก็น่าจะพอแล้ว เข้าได้ เข้าไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องมาโวยวาย เรื่องสิทธิมนุษยชน ตอนเราไปพม่าอ่ะ เค้ายิ่งกว่าบ้านเราอีก ผู้หญิงก็ เข้าไม่ได้ ได้แต่นั่งดูห่างๆ แถมพอไปบวชเป็นชี ก็ต้องมีหน้าที่ดูแลปรนนิบัติพระสงฆ์ เช่น หุงหาอาหาร ปัดกวาดเช็ดถูอีก ทั้งๆที่ก็มีศรัทธาที่จะบวชไม่ได้ ต่างกันเลย ยังเคยคิดเลยว่ามันไม่ยุติธรรม สรุปแล้วถ้าผู้หญิงเข้าได้ก็ดี ถือว่าเท่าเทียมกัน แต่ถ้าธรรมเนียมมันเป็นมาแบบนี้ แล้วมันไม่ได้ ไปเดือดร้อนกับชีวิตใครนัก เราก็ไม่อยากจะบ่นหรอก ได้เท่าไหนก็เท่านั้นแล้วกัน อยู่ที่ใจ คิดอะไรมาก ปวดหัว แล้วคนโบร่ำโบราณเค้าทำอะไรเค้าคงมีเหตุผล กลายมาเป็นประเพณีได้ มันคงต้องมีอะไรดีที่น่า สืบทอดรักษา ไม่งั้นคงไม่อยู่มาถึงทุกวันนี้ หวังว่าคงหาทางพบกันครึ่งทางได้นะคะ จากคุณ : beebah - [ 4 ก.ค. 47 22:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ทำไมจะต้องทำลายความเชื่อความศรัทธาของชาวเหนือด้วย ไม่เข้าใจ ไร้สาระมากๆ จากคุณ : Synallagma - [ 5 ก.ค. 47 01:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไมแกชอบทำอะไรไร้สาระอยู่เรื่อย โวยวายเรื่องนี้ทำไม ในเมื่อคนในพื้นที่ไม่เห็นมีใครโวยวายเลย น้องผม แม่ผม ยายผม ย่าผม ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิง แต่ไม่เคยมีใครโวยวายเพราะ ทุกคนเข้าใจถึงความเชื่อ ขนบธรรมเนียมปฏิบัติ คุณเป็นใครมาจากไหน ในเมื่อ เค้าทำอย่างนี้มาเป็นร้อยปี ขนาด เจ้านายชั้นสูง ไม่ว่าใคร ก็ปฏิบัติ อย่างนี้ คุณเอาความคิดทางตะวันตกมามากเกินไปหรือเปล่า ที่นี่เมืองไทยนะครับ อย่าทำลายวัฒนธรรมกันมากกว่านี้เลย คุณไม่ใช่คนในพื้นที่ อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ปล่อยให้คนในถิ่นนั้นเค้าจัดการกันเองเถอะ อย่าเดือดร้อนแทนคนที่เค้าไม่เดือดร้อนเลย คุณถามคนอื่นๆเสมอ ว่า ไม่ได้มีแม่ เป็นผู้หญิง หรืองัย ผมก็อยากถามคุณว่า คุณไม่ได้มี พ่อ เป็นผู้ชายเหรอ วันนี้คุณเรียกร้องเรื่องนี้ เพื่อความเท่าเทียม ทำไมวันพรุ่งนี้ คุณไม่เรียกร้องให้ ขสมก. ปลดป้าย "โปรดเอื้อเฟื้อ ให้แก่ เด็ก สตรี และคนชรา" แล้วให้เหลือแต่ "โปรดเอื้อเฟื้อ ให้แก่ เด็ก และคนชรา" ก็พอ เพื่อความเท่าเทียมกันงัย ผู้หญิงจะได้ไม่ดูอ่อนแอ จะได้ไม่ถูก ข่มเหงอีก ปล. หือไม่อีกที ก็ให้ทางวัด เก็บค่าเข้า ของ ผู้ชาย แล้ว นำ"รายได้" เข้าสมทบทุน "มูลนิธิ ของแก" รับรอง "หุบปาก" แน่ๆ จากคุณ : Gump - [ 5 ก.ค. 47 08:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ใครไปเข้าฝันคุณป้าแกว่าผู้หญิงล้านนาถูกกดขี่ข่มเหง บ้าหรือโง่กันแน่ คุณไม่รู้หรอกว่าในสังคมล้านนานั้น เรื่องทางโลก ผู้หญิงเป็นใหญ่ สมัยก่อนจะแต่งงานก็ต้องแต่งเขยเข้าบ้าน ผู้ชายต้องมาทำงานบ้านให้บ้านพ่อแม่ผู้หญิง 3 ปี จึงจะออกไปแยกเรือนเป็นครอบครัวของตัวเองได้ ส่วนบ้านของพ่อแม่ ซึ่งเรียกว่า "เฮือนเก๊า" นั้นจะตกเป็นสมบัติของลูกสาวคนสุดท้อง และการสืบสายสกุลของคนล้านนาเขาสืบกันผ่านผู้หญิง ทุกวันนี้การนับถือผีบรรพบุรุษ หรือผีปู่ย่าก็ยังคงมีอยู่ คนที่เป็นกลจักรสำคัญของการธำรงรักษาวัฒนธรรมนี้ไว้คือ ผู้หญิง บ้านเก๊าผีจะเป็นบ้านของหญิงในตระกูล ดังนั้นเรื่องในบ้าน การจัดการในบ้านทั้งรูปธรรมและนามธรรม ผู้หญิงจะเป็นใหญ่ในบ้าน แต่ในทางธรรมนั้น ผู้ชายจะเป็นใหญ่และผู้หญิงจะไม่ก้าวก่าย แม้แต่อุโบสถ ผู้หญิงก็ห้ามเข้า เพราะถือเป็นเขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ประกอบพิธีบวช เปลี่ยนคนให้เป็นพระ ขอบอกว่าผู้หญิงล้านนาไม่ใช่คนโง่ที่ก้มหน้ารับสถานภาพเหล่านี้ เพราะผู้หญิงล้านนาไม่ใช่คนมีปมด้อยเรื่องถูกกดขี่ทางเพศเหมือนผู้หญิงภาคอื่นๆ บางคน วันนี้ดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ที่มีการสัมภาษณ์ สว.หญิงท่านนี้แล้ว รู้สึกกับอะไรหลายๆ อย่าง เช่น 1. นี่หรือประเทศไทย มีสติปัญญาเลือกคนบ้องตื้นอย่างนี้มาเป็นผู้แทนประชาชน 2. ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปี สุภาษิตไทย สุภาษิตล้านนาก็ยังคงมีความหมายตอบรับกับคนเช่นนี้ได้ทุกยุค "แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน" คงเป็นคำสรุปสุดท้ายสำหรับคนๆ นี้ จากคุณ : [NostalgiA] - [ 5 ก.ค. 47 08:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คนในสังคมนี้มีทั้งคนที่เชื่ออย่างงมงายกับไม่เชื่ออย่างงมงาย...ส่วนใครงี่เง่ากว่าไม่รู้เหมือนกัน ส่วนเรื่องเจ๊เบียบนั้นงานนี้ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดอันงี่เง่าของแก งี่เง่ายังไง...ก็คนสร้างสถานที่แห่งนี้เขาต้องการให้เป็นอย่างนี้คนท้องถิ่นเขาถือเป็นธรรมเนียม ถ้าเองอยากเข้าไปก็ปฏิบัติตามกติกาของเขา ที่ทำอยู่นี่คือเองไปละเมิดสิทธิเขาละเมิดขนบธรรมเนียมประเพณีของเขา ถ้าอยากให้เป็นอย่างที่คุณต้องการก็ไปสร้างที่ใหม่ ส่วนของเดิมเขารักษาเอาไว้ยังไงก็ควรจะอยู่อย่างนั้น เบื่อที่สุดคือไอ้พวกงี่เง่าที่ชอบอ้างสิทเธอะมนุษยชนเพื่อเป็นใบเบิกทางในการแหกกฎกติกาของสังคมที่เขาอยู่กันมาอย่างสงบสุข แน่จริงเองก็ลองไปขอมีสิทธิ์แหกหลักการของศาสนาอื่นดูบ้างโดยเฉพาะทางภาคใต้ ดูซิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องทางโลกอย่างสิทธิมนุษยชนอย่าเอามายุ่งกับศาสนา ถ้าไม่พอใจก็ออกไปตั้งศาสนาอื่นขึ้นมานับถือเองก็แค่นั้นไม่ใช่ไปละเมิดสิทธเพื่อแก้ของคนอื่นที่เขาเห็นว่าดีอยู่แล้ว จบ จากคุณ : xxx.com - [ 5 ก.ค. 47 09:39:25 A:10.92.0.98 X:202.12.97.118 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ศาสนาไม่เคยกีดกันผู้หญิงครับ สตรีสามารถเข้าไปในเขตพุทธาวาสได้ แม้ในพุทธกาล พระพุทธองค์ยังตรัสว่า ศาสนาจะยังอยู่ได้เพราะพุทธบริษัท 4 ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา การที่ผู้หญิงคนหนึ่งเรียกร้องขอให้ได้เข้าไปกราบบูชาพระธาตุ มันไม่เห็นจะเป็นเรื่องโง่ หรือทำลายลบหลู่วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามตรงไหน จากคุณ : Ped-Degree - [ 5 ก.ค. 47 10:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คห.ที่ 2 สงสัย จะไม่ใช่คนไทยว่ะ ความคิดฝรั่งมากท่านก็ย้ายไปอยู่ ตปท. สิ จะได้ มีวัฒนธรรมกะเค้า จากคุณ : gogoh - [ 5 ก.ค. 47 10:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องสิทธิ กับเรื่องความศักดิ์ศิทธิ์มันคนละเรื่องกัน ทำไม ทำไม ทำไม ผูหญิงถึงไม่ได้อย่างนู้นอย่างนี้ อีกหน่อยคงมีการประท้วงว่า ทำไมพระพุทธเจ้าทั้งองค์ที่ผ่านมา และองค์มที่จะตรัสรู้ต่อไปไม่เป็นเพศหญิงบ้างหรอก ด้วยความเคารพ เปรียบเทียบให้ทราบ จากคุณ : wawawawa - [ 5 ก.ค. 47 11:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 2 มากค่ะ มันเป็นเรื่องที่ควรเปลี่ยนได้แล้วกับความเชื่อ และความงมงายของคน จากคุณ : คนเชียงใหม่แต้ๆ - [ 5 ก.ค. 47 11:20:22 A:202.28.24.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นอีกครั้งหนึ่ง คนล้านนาน่ะ ถ้ามองจริงๆ แล้วมีหลากหลายกลุ่ม กลุ่มชาวบ้านทั่วๆ ไป กลุ่มคนแก่ คนชรา กลุ่มชาวเขา ชาวดอย พวกนี้ก็ล้านนา และกลุ่มพวกที่มีการศึกษาในระดับค่อนข้างสูง ก็ล้านนา กลุ่มชนชั้นกลางทำงานกินเงินเดือนทั่วไปก็ล้านนา แล้ว เอามติของกลุ่มล้านนากลุ่มไหนมาวัดดว่า ชาวล้านนาทั่วไปเขาไม่เห็นด้วยกับคุณระเบียบรัตน์ รับรอง!!!!!~ พวกที่มีปัญญา มีความรู้ คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล ย่อมเข้าข้างคุณระเบียบรัตน์ 1000% เพราะประเพณีค่านิยมต่างๆ จะทรงคุณค่าไว้ได้นานเพราะมีภูมิปัญญาที่แท้จริงแฝงอยู่ในนั้น แต่นี่ กฏต่างๆ ที่ห้ามผู้หญิงกลับตรงกันข้าม จากคุณ : คนเชียงใหม่แต้ๆ - [ 5 ก.ค. 47 11:25:58 A:202.28.24.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเห็นว่าการแยก ระเบียบ กันให้สตรีอยู่ด้านนึง บุรุษอยู่ด้านนึง เป็นสิ่งที่สดสวยงดงาม ในสังคม การแยก โรงเรียน รับเฉพาะ หญิงล้วน เช่น คอนแวนต์ เป็นสิ่งที่มีเสน่ห์ ผมมีลูกสาว ก็อยากให้ลูกสาว พักหอพัก เฉพาะนักศึกษาหญิง การแยกโรงเรียนนายร้อย ทหาร ให้ฝึกแต่บุรุษ เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ การที่สังคมฝ่ายบุรุษ ให้การยอมรับ ให้สตรี จะอยู่บ้านเลี้ยงดูบุตร บริหารงานบ้าน โดยมิได้ยอมรับให้บุรุษทำเยี่ยงนี้ ก้อเป็นความน่ารักของฝ่ายบุรุษ การที่สังคมฝ่ายสตรี มอบให้บุรุษเป็นผู้รับผิดชอบในความปลอดภัย และความมั่นคง การอยู่รอด ของบ้าน เป็นการให้เกียรติ ให้ความภาคภูมิใจ และน่าชื่นชมก้อเป็นความน่ารักของฝายสตรี มองในด้านดี ฝรั่งควรอิฉาสังคมตะวันออก อันมีรากฐานทางความคิดและปรัชญา ที่สมดุลย์กลมกลืน ทางด้านจิตใจ และเก่าแก่นานมา ใครจะมาดูถูกเราไม่ได้ ตราบใดที่ คนไทยเราไม่ดูถูกกันเอง ตราบใดที่ พวกเรากันเอง ทั้งหญิง ชาย มีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ของเรา ใครจะมากล่าวหา ว่าวัฒนธรรมเรา ล้าสมัย ย่อมมิได้ มองในแง่ผู้เคารพ การนมัสการพระธาตุ ได้บุณหรือ บาป อยู่ที่จิตใจ การนั่งการบอยู่ภายนอก หรือการน้อมจิต เคารพอยู่ที่บ้าน ล้วนได้กุศลไม่ย่อ หย่อน กว่าการเข้าไปกราบใกล้ๆ การเคารพที่ได้ผลแท้จริง คือ การ ที่ผู้แสดงความเคารพ เคารพในคำสอน การเคารพในประเพณี ของผู้ที่ถูกเคารพ จากคุณ : คนโบราณ - [ 5 ก.ค. 47 11:48:48 A:203.113.34.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 #25 ครับ ผมติดใจประโยคสุดท้ายของคุณที่บอกว่า รับรอง!!!!!~ พวกที่มีปัญญา มีความรู้ คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล ย่อมเข้าข้างคุณระเบียบรัตน์ 1000% ไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ งั้นผมไม่เข้าข้างเจ๊แก นี่ ผมถึงขั้นไร้สติปัญญา คิดอะไรไม่เป็นเหตุเป็นผลเลยเหรอครับ จากคุณ : DerFerre - [ 5 ก.ค. 47 12:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ท่านก็อายุตั้ง 53 แล้วนะครับ ไม่เคยได้เรียน หรือได้รับทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้างเลยหรือครับ หรือว่าทำไมมาฟิตกันตอนนี้ หากท่านไม่รับทราบถึงความเชื่อ และการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนไทยเราในสมัยก่อนบ้าง ก็น่าจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ หรือโบราณสถานบ้าง ไปทัวร์ ไปเที่ยวไปหลายๆที่บ้าง ได้รับทรางว่าสมัยก่อนมีความคิดอย่างไรก็น่าจะเพียงพอแล้ว แถมยังเอาเรื่องสิทธิสตรีมาจับคู่กับเรื่องนี้อีก จะไปกันใหญ่แล้วนะครับ ที่วัดมหามัยมุนี ที่มัณฑะเลย์ นี่เขากั้นให้ผุ้หญิงนั่งห่างเป็นเมตร ไม่ให้เข้าไปแม้แต่จะแตะองค์พระ เขาก็ยังทราบและอยู่ด้วยกันอย่างสงบโดยให้ผู้ชายเป็นฝ่ายนำดอกไม้ไปสักการะ ปิดทอง สรงน้ำพระแทน เขาเคารพสักการะกันอย่างเทิดทูน ไม่ใช่อยากครอบครอง เคารพในเรืองสิทธิสตรี และให้เกียรติกับสตรีทุกๆท่านนะครับ แต่ว่าท่านน่าจะเอาเวลาของ สว. ไปทำอย่างอื่น เช่น การให้เกียรติกับคนที่เป็นเอดส์ ที่สังคมรังเกียจในตอนนี้ ไม่ดีกว่าหรือ ให้เขาได้มีสิทธิเหมือนคนทั่วไปบ้าง ท่านเองก็ทำงานเป็นประธานด้านนี้อยู่ไม่ใช่หรือครับ หรือว่ามันไม่เป็นข่าวครับท่าน หรือ(อีกที) สื่อใส่ใข่เองอีกแล้วล่ะ จากคุณ : mingest - [ 5 ก.ค. 47 12:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ประเพณีไทย วัฒนธรรมไทย ศาสนาพุทธ อยู่เหนือกฏหมายและสิทธิชนครับ เป็นจารีตและบรรทัดฐานของคนไทยที่ยึดถือมาแต่นาน อย่าเอาความคิดตื้นๆ อย่างเรื่องสิทธิชนมาอ้าง มันมีประวัติ ความเป็นมา และความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศหล่อหลอมมาเป็นเวลานาน ไม่ใช่แค่ช่วงอายุของคุณ นั่นหมายความว่า เป็นสิ่งดีแล้ว เขาถึงยืดถือ อย่างพระพุทธรูปที่ประดิษฐานบนดิน สมัยนี้ ถ้าให้ใช้เครื่องมือยกจริงๆ ก็น่าจะยกได้ แต่มันมีประวัติ มีความเคารพ มีศรัทธา เขาถึงไม่ทำ อย่างหลวงพ่อโสธร ที่ลือกันว่าไม่จมน้ำตามประวัติ เขาก็ไม่ทำกัน เพราะมันเป็นเรื่องของศรัทธา มันยิ่งใหญ่กว่า ความคิดสตึๆ ชองผู้หญิงแก่โง่ๆ หนึ่งคน เรื่องพวกนี้ นักท่องเที่ยวอย่างผม ถึงไม่ใช่คนในพื้นที่ก็รู้ ถามชาวบ้านขายน้ำอัดลม ขายขนม แถววัดก็รู้ ถามเด็กแบกของฝากขายแถวนั้นก็รู้ ถามใครๆก็รู้ เมื่อไปถึงแล้ว ทำไมไม่ลองแวะไปถามดูล่ะ มันก็แค่เดินไม่กี่ก้าว ซื้อน้ำอัดลมไม่กี่บาท มันก็ได้ข้อมูลแล้ว ต้องเสียเวลากลับมาร่างจดหมาย ผ่านคณะกรรมการ (มันทำมาหากินอะไรบ้างเนี่ย วันๆ) ต้องประทับตรา ต้องส่งเอกสารอีก ต้องรอคำตอบอีก มันต้องทำขนาดนั้นเลยหรือ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ผมพาไปเพื่อนไปสักการะ เพื่อนผมมันไปถามคนแถวนั้น มันยังรู้เลย นี่โง่ขนาด ทำตัวเป็นนายเหนือวัฒนธรรมไทย ช่วยกันเรียกร้องให้ปลดยัยนี่ออกไปซะทีเถอะ ไม่ใช่รกหูรกตาหรอกนะ แต่กลัวนรกมันจะกินกบาลทั้งประเทศ จากคุณ : doracheng - [ 5 ก.ค. 47 13:12:43 A:202.176.189.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 เบื่อเจ๊แกมาก เรื่องนี้เป็นความเชื่อของชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ จะมาเปลี่ยนแปลงเพื่อเหตุผลอะไร อยากจะเข้าไปงั้นเหรอ อยากจะบอกเหตุผลที่เขาไม่ให้ผู้หญิงเข้าไปก็เพราะว่า "ผู้หญิงเป็นเพศที่มี ปจด. และก็นุ่งผ้าถุง นุ่งกระโปรง เวลาเดินผ่านพระธาตุมันดูไม่งาม เพราะเนื่องจากว่าตัวพระธาตุนั้นถูกฝังอยู่ใต้ดิน เวลาเราเดินเข้าไป ก็เหมือนกับว่าเราอยู่เหนือพระธาตุ ซึ่งเหตุผลที่เขาห้ามผู้หญิงเข้า ไม่ใช่เพราะรังเกียจหรืออะไร" เรื่องพวกนี้คนเฒ่าคนแก่เขารู้กัน" แล้วการมาอ้างสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญเนี่ย มันคนละเรื่อง คนละประเด็นไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย ตั้งแต่เกิดมาเห็นมีก็แต่เจ๊ระเบียบรัตน์ กับคุณความเห็นที่ 2, 24 และ 25เนี่ยแหละออกมาเต้นแรงเต้นกา ขนาดเจ้านายชั้นสูงท่านยังไม่คิดมากกับเรื่องพวกนี้เลย เพราะท่านเข้าใจว่ามันเป็นความเชื่อ เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบต่อกันมาจนกลายเป็นวัฒนธรรม เราจะไปเปลี่ยนมันได้อย่างไร ปล. หากว่าฉลาดนัก ก็ไปสร้างพระธาตุแห่งใหม่เองเลย จะได้ให้เข้าได้ทุกเพศ ทุกวัย อ้อ! แล้วถ้าหากอยากให้เปลี่ยนเป็น "ป้ายห้ามเข้า" คุณจะบ้าหรือค่ะ จากคุณ : ลูกโป่งฟ้า - [ 5 ก.ค. 47 13:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อันเรื่องความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนาแต่ละศาสนาย่อมแตกต่าง อันวิถีปฏิบัติด้านวัฒนธรรมและจริยธรรมก็ต่างกันไปตามถิ่นที่ ชาติก็ต้องมีวัฒนธรรมประจำชาติ ท้องถิ่นก็ย่อมมีวัฒนธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติประจำถิ่น ....หาไม่เช่นนั้นแล้วเราจะเหลือความเป็นชาติอยู่ได้อย่างไร... คุณระเบียบรัตน์เรียกร้องให้ผู้ชายมีภรรยาคนเดียว ล้วนถูกต้องตามเหตุ ตามควร แต่ย่อมมิอาจตัดสินทุกคนได้ มิเช่นนั้นแล้วย่อมละเมิดศาสนาอื่น เมื่อคุณระเบียบรัตน์ไม่อาจละเมิดประเพณีปฏิบัติในศรัทธาของศาสนาอื่นได้ ฉันใดก็ฉันนั้น .....คุณระเบียบรัตน์ก็ไม่อาจละเมิดวิถีปฏิบัติของชาวล้านนา ในเรื่องการเข้าถวายสักการะองค์พระสารีริกธาตุได้ วัฒนธรรมและประเพณีปฏิบัติ ของชาวล้านนา ล้วนนุ่มนวล อ่อนโยน ทั้งในสายตาของชาวไทยและต่างชาติ สิ่งใดมิเสียหายก็อย่าได้คิดละเมิดเลย เราชาวพุทธ ควรจะสามัคคีปฏิบัติ ร่วมเคารพนบไหว้ในพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธองค์ อย่าได้เก็บเรื่องเล็กเรื่องที่ไม่เป็นสาระมาถกเถียงให้เสื่อมในภาพพจน์ของพุทธศาสนิกชน ต่อสายตาชาวโลกและต่อผู้นับถือศาสนาอื่นเลย ....ปัจจุบัน ศาสนาพุทธ มิใช่ศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก..... ....แต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม คำสั่งสอนนั้นมีแก่นที่เป็นสัจธรรม อย่าให้มันบิดเบือนด้วยเห็นแก่การต้องการความเด่นดังทางสังคมเลย.... ขอให้กราบไหว้พระพุทธองค์ด้วยศรัทธาในพระธรรมเถิด ขอให้กราบไหว้พระพุทธองค์ด้วยจิต ด้วยสมาธิอย่างแท้จริง การเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ความทัดเทียมกัน ของชายหญิงนั้น ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง และศรัทธาต่อผู้เห็นพ้องต้องกันที่จะผลักดันให้ปรากฎเป็นจริง แต่ขอวิงวอนว่าอย่านำศาสนามาเป็นกรณีพิพาทเลย ไม่เช่นนั้นมันจะนำมาซึ่งหายนะแก่ศาสนาทุกศาสนา ขอบิณฑบาตรเถิดนะครับ ด้วยรักเคารพเพื่อนมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม จากคุณ : คนไทยหัวใจพุทธ (สายใยหัวใจกอล์ฟ) - [ 5 ก.ค. 47 13:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สมัยโบราณนั้นยังไม่มีผ้าอนามัยใช้ เวลาผู้หญิงมีประจำเดือน บางครั้งมันจะเลอะผ้าถุงที่ใส่อยู่ หากไปนั่งที่ไหน ที่นั่นก็จะมีรอยของประจำเดือนติดอยู่ได้ ทำให้อุจาดตาเป็นที่สุด ยิ่งเป็นสถานปฏิบัติธรรม หรือมีความสำคัญทางศาสนาแล้ว ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้ผู้หญิงเข้าใกล้ สมัยก่อนเวลาจะอุ้มพระพุทธรูปนี่เขายังห้ามผู้หญิงเลย คล้ายๆกับว่าฝึกให้เกิดความเคยชิน ว่าอย่าไปสัมผัสพระสงฆ์ ก็ถือว่าคนโบราณเขาคิดดีแล้วนะครับ เขาถึงได้ปฏิบัติกันมา ปัจจุบันโลกเราเปลี่ยนไป ผ้าอนามัยไม่มีแล้ว ถ้าอยากให้หญิงเข้าสักการะจริง อีกหน่อยก็อาจจะมีข่าวผู้หญิงโดนลวนลาม หรือโดนข่มขืนที่พระธาตุ เป็นได้ จากคุณ : lordeak - [ 5 ก.ค. 47 14:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณคนเชียงใหม่แต๊ๆ เหย.... ในแวดวงข้าเจ้าเนี่ย แม่ญิงแต่ละคนจบปริญญาโทกันเป็นอย่างต่ำ บางคนเป๋นด็อกเตอร์ มีงานวิชาการเผยแพร่ระดับประเทศและต่างประเทศกันไม่รู้เท่าใดต่อเท่าใด แต่ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ ลงความเห็นเป๋นเสียงเดียวกั๋นว่า "อี่ป้านี่มันบ่มีอะหยังจะเยียะก๋า เอาอ่องออกาว่าอะหยังมากึ้ดกั๋นแน่ กึ้ดอะหยัง เยียะอะหยังแต่ละหยั่ง บ่ได้เรื่องซักหยั่ง" คงจะล้มสมมติฐานที่คุณบอกว่า "รับรอง!!!!!~ พวกที่มีปัญญา มีความรู้ คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล ย่อมเข้าข้างคุณระเบียบรัตน์ 1000% " ได้น่อ... จิตสำนึกทางวัฒนธรรมมันไม่เกี่ยวกับระดับการศึกษาค่ะ จากคุณ : [NostalgiA] - [ 5 ก.ค. 47 14:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ...ตอนต้นปีนี้ก็ขึ้นไปไหว้พระธาตุ ก็ไหว้ สักการะตามปกติ บริเวณรอบๆ เพราะตรงนั้นก็ถือว่าใกล้มากแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนเดินเข้าไปในเขตชั้นใน ที่ใกล้ขนาดสามารถสัมผัสตำแหน่งพระธาตุได้ ซึ่งขนาดผมเป็นผู้ชาย ยังรู้สึกว่าไม่สมควร คล้ายๆกับไปยืนค้ำศรีษะผู้ใหญ่ เพราะรู้ว่าองค์พระธาตุถูกฝังอยู่ใต้ดิน เลยตัดสินใจไม่เข้าไป เห็นคนเข้าไปเหมือนกัน ไม่รู้พวกนั้นมันจะดันทุรังเข้าไปทำไมให้มันใกล้ขนาดนั้น หรือว่าไหว้ใกล้ชิดพระธาตุ ได้บุญมากกว่าไหว้ไกลพระธาตุ ปิดทองหน้าพระได้บุญมากกว่าหลังพระ ประสาท!!! จากคุณ : sungod - [ 5 ก.ค. 47 15:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เหตุที่ห้ามเพราะหากย้อนไปในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช ปี พ.ศ.1916 ได้มีการอัญเชิญพระบรมธาตุขึ้นดอยสุเทพ เอาผอบพระบรมธาตุวางลึกลงไปในดินกว่า 2 เมตร แล้วจึงสร้างพระบรมธาตุครอบไว้ มาในตอนหลังกษัตริย์ในราชวงศ์เม็งราย ก็สร้างพระเจดีย์ครอบไว้อีกชั้น สูง 15 เมตร ดังที่เห็นในปัจจุบัน ดังนั้น สถานที่ฝังพระบรมธาตุจะต่ำกว่า จึงมีการสร้างรั้วกั้นเอาไว้ โดยระบุว่า สถานที่แห่งนี้ให้พระสงฆ์ องค์เจ้า สุภาพบุรุษเข้าไปเท่านั้น ส่วนสุภาพสตรีห้ามไม่ให้เข้าไป เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมายาวนานกว่า 600 ปี แล้ว สงสัย เจ๊แกคงอยาก ขึ้นไปยืนคร่อมบนพระบรมธาตุ นี่หรือเมืองพุทธ จากคุณ : . - [ 5 ก.ค. 47 17:01:14 A:192.168.10.194 X:202.129.41.142 ]

ความคิดเห็นที่ 36 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K2898735/K2898735.html จากคุณ : คนล้านนา - [ 5 ก.ค. 47 18:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มันเป็นความเชื่อที่มีมานาน ฝังรากลึกมาจนถึงทุกวันนี้..... ถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งของชาวเหนือ...... ผมเป็นชาวเหนือ.....ฟังคุณระเบียบรัตน์พูดออกรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อเช้า....รู้สึกอยากเข้าไปเถียงด้วยจริงๆ...... ขึ้นชื่อว่า "ความเชื่อ" อะไรก็เอามาเปลี่ยนยากครับ..... ยิ่งความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ละเอียดอ่อนอย่าง ศาสนา.... ยิ่งเป็นเรื่องที่จะเอามาถกมาเถียงด้วยทัศนะคติส่วนบุคคลไม่ได้..... ผมเข้าใจในความต้องการให้สตรี มีบทบาทเท่าเทียมกับผู้ชายของคุณ ระเบียบรัตน์.... และบางเรื่องผมก็เห็นด้วยกับท่าน..... แต่จะให้มันเหมารวมไปทั้งหมด พูดไม่ลืมหูลืมตา ไม่ฟังความคิดเห็นของใครแบบนี้.....ออกจะเกินไปนะครับ.... ฉะนั้น อย่าได้แปลกใจ ถ้าหลายๆคนจะมองคุณระเบียบรัตน์ว่าเป็นคนบ้า ชอบเรียกร้องความสนใจ โรคจิต ...... อย่าไปโทษคนอื่นครับ....โทษความคิดที่ไม่รู้จักกาละเทศะของตนเองเถิด..... ------------------------------------------------------------------- เรื่องแบบนี้คนเหนือเขาถือกันมานานแสนนานแล้ว..... ยกตัวอย่าง เช่น.....เรื่องราวของ เจ้าแม่จามเทวี และขุนหลวงวิลังก๊ะ..... เจ้าแม่จามเทวี เป็นเจ้าเมืองหริภุณชัย...หรือเมืองลำพูนในปัจจุบัน..... ส่วนขุนหลวงวิลังก๊ะ เป็นหัวหน้าเผ่า ลั๊วะ เป็นเผ่าป่าเถื่อน แบบ พวกบาวาเรี่ยน มองโกล อาศัยอยู่แถมดอยปุย..... เจ้าแม่จามเทวี เป็นหญิงที่งามมากกกกกกกกกกกกกกก..... เมื่อขุนหลวงท่านเห็นโฉมของเจ้าแม่ จึงเกิดจิตพิศวาสใคร่อยากได้มาร่วมหอ...... แต่เจ้าแม่มิยินยอมด้วย....เนื่องจากเผ่าลัวะ เป็นเผ่าป่าเถือ่น....และพระองค์ต้องดูและเมืองหริภูญชัยเป็นหน้าที่อยู่แล้ว..... ดังนั้นเมื่อขุนหลวงยกทัพมา จะมาชิงตัวเจ้าแม่.....ซึ่งเมืองหริภุณชัยในขณะนั้นยังไม่พร้อมที่จะรบด้วย..... เจ้าแม่จึงออกอุบายว่า.....หากอยากได้ตนเป็นคู่ครอง.....ต้องแสดงถึงพละกำลังเสียก่อน.... ด้วยการ ซัดหอกจากยอดดอยปุยให้ข้ามไปถึงเมืองหริภุญชัยให้ได้...... ขุนหลวงรับคำท้าและลองไปฝึกซ้อมดู..... ปรากฏว่า เพียงแค่ใช้พละกำลังแค่ครึ่งเดียว...... ก็สามารถซัดไปได้เกือบถึงปากประตูเมืองแล้ว..... สร้างความหวั่นใจให้เจ้าแม่ยิ่ง.....(พระเจ้า.....อะไรจะแรงมหาศาลแบบนั้น.....โอวววว) แต่เจ้าแม่เป็นสตรีที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ....ยากจะหาหญิงใดเหมือน..... จึงได้ออกอุบายที่จะทำให้ขุนหลวงไม่สามารถซัดหอกมาถึงในวังหริภุณชัยได้...... ด้วยการนำของ 3 สิ่ง ไปมอบให้ขุนหลวงดังต่อไปนี้..... 1. หมวก ผ้าฝ้าย.....(ที่ผ้าชั้นในของหมวกทำมาจากตีนซิ่นที่เปื้อนเลือดประจำเดือนของตน) 2. ผ้าซับเหงื่อ.....(ที่แอบเย็บ ขนล่านสีดำของพระองค์ตรงนั้นนั่นแหละ ไว้ที่ขอบผ้า) 3. หมากเมี่ยง.....(ที่มีส่วนผสมของข้าวแช่เปรี้ยวๆ ที่พระองค์ แอบหมักไว้ในตรงช่องนั้นของพระองค์ 1 คืน) เมื่อขุนหลวงเห็นของกำนัลจากเมืองหริภุณชัย ก็คิดว่า เจ้าแม่เริ่มมีใจให้ตน..... ดังนั้น เมื่อถึงวันจริง ขุนหลวงจึงสวมหมวกใบนั้น ใช้ผ้าซับเหงื่อผืนนั้น และเคี้ยวหมากเมี่ยงไปด้วย...... ประกฏว่า เมื่อถึงเวลาซัดหอก...... ขุนหลวงวัดไปได้ไกลสุดแค่ เชิงดอยปุยเท่านั้นเอง..... ไม่ว่าซัดอีกกี่ครั้ง ก็มิได้ไกลไปกว่าเดิมมากนัก..... สร้างความเสียใจ เสียหน้า แก่ขุนหลวงยิ่งนัก..... และเมื่อทราบจากปากของนางกำนัลหริภุณชัยที่เอาของไปถวายให้บอกว่า ของทั้ง 3 สิ่งทำมาจากอะไร..... ขุนหลวงจึงเสียใจ ยิ่งกว่าเดิม ไม่นึกว่า เจ้าแม่จะรังเกียจตนถึงเพียงนี้.... ถึงขั้นเอาของเหล่านั้น มาทำให้ขุนหลวงต้องเสียกำลังวังชา อิทธิฤทธิ์ไปหมด..... ขุนหลวงจึงซัดหอกสุดท้ายขึ้นไปบนฟ้า กางแขนแอ่นอกรับหอก จนขาดใจตาย...... ....จบ..... ------------------------------------------------------------------ จะเห็นได้ว่าเรื่องแบบนี้มีอีกมาก ตามความเชื่อของชาวเหนือ..... นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งที่จะอธิบาย หลายๆการกระทำของชาวเหนือ ที่มีกฏบังคับที่ใช้สำหรับสตรีล้านนา เกี่ยวกับศาสนา..... แต่เมื่อมองด้านอื่นๆ....ชายล้านนา ไม่เคยดูถุก เหยียดหยาม สตรีเลย..... กลับให้การยกย่องเชิดชูมากกว่า ท้องถิ่นไหนๆด้วยซ้ำ...... คุณระเบียบรัตน์ครับ....ดังนั้น ก่อนจะทำอะไร...ก่อนจะพุดอะไร...ควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน..... ศึกษาหาความรู้ หาเหตุผล ความเป็นใปในเรื่องที่ตนของใจ.... อย่าใช้ทัศนคติ แค่บรรทัดฐานของตนเองเป็นตัวตัดสิน..... มิฉะนั้น ตัวคุณเองนั่นแหละ ที่จะเป็นสิ่งที่หมิ่นเกียรติของผู้หยิงที่คุณพยายามรักษาและเรียกร้องเสียเหลือเกิน..... จากใจจริง จากคุณ : คนเหนือ (PB ลูกพ่อ Kahn) - [ 5 ก.ค. 47 18:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 รี 33 ครับ..... ผ่อ อีปี้ คุณ คนเชียงใหม่แต๊ๆ ล๊อกอิน เปิ้น ก่อ ยังบ่มีเตื้อ.... จะอั้น เปิ้น ใคร่ ว่า หมะหยั่งเปิ้นก่อว่าได้..... ชิชะ....มะระจิ้มขี้.... จากใจจริง จากคุณ : PB ลูกพ่อ Kahn - [ 5 ก.ค. 47 18:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่เกี่ยวกับการศึกษาหรืออะไรหรอก มันอยู่ที่ว่าใครมีหัวอนุรักษ์นิยมมากกว่ากัน และจะอนุรักษ์เรื่องไหนเท่านั้นเอง ผมไม่เชื่อเรื่องบุญ เรื่องบาป แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับคุณระเบียบรัตน์ มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึก ว่าคุณจะเห็นว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ถ้าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อ ๆ กันมา ในแง่ของความงมงาย เช่น การถือว่าคนเล่นของไม่ควรเดินลอดผ้าถุง หรืออื่น ๆ อันนี้ผมก็คิดว่าควรเลิกเชื่อได้แล้ว คิดเหมือน คห.32 เห็นด้วยกับ คห.33 และ 34 และท่านที่ไม่เห็นด้วยกับคุณระเบียบรัตน์ วันนี้ดูช่อง 11 คนระดับ ศ.ดร. ยังออกมาคิดต่างกับคุณระเบียบรัตน์เลย ธรรมชาติสร้างให้ชายและหญิงต่างกันทั้งร่างกายและจิตใจ และต่างฝ่ายต่างมีข้อดีและข้อจำกัด ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องทำเหมือนกันทุกอย่างหรอก ถามหน่อยเถอะ ถ้าผู้ชายไปถักโครเชต์ คุณจะคิดกับผู้ชายคนนั้นยังไง บางคนจะคิดว่าเขาเป็นเกย์รึเปล่า มันอยู่ที่จิตสำนึกว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม (เอ... พูดงี้จะเข้าตัวรึเปล่าหว่า) ผมคิดว่าคุณระเบียบรัตน์เป็นแค่พวกชอบเอาชนะเท่านั้นเอง ขอโทษคนขอนแก่นด้วยครับ ที่ผมด่า ส.ว. ของท่าน จากคุณ : RealWorld - [ 5 ก.ค. 47 18:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อีกล้านปี แน่ๆ คนจะคิด...จะอยู่ กันด้วยปัญญาที่แท้จริง นอกเหนือจากความเชื่อความยึดติดที่หนาแน่นมาแต่นานนม ยังไงๆ ก้อขอชื่นชมคุณระเบียบรัตน์ที่กล้าคิดกล้าพูดมากค่ะ ขอชื่นชม ชื่นชมเป็นอย่างสูง วุ๊ย ไปดีกว่า ไม่อยากไปนั่งไหว้พระจันทร์ นั่งไหว้กระต่าย นับถือต้นกล้วย และวัวห้าขา จากคุณ : กัวจิงจิง - [ 5 ก.ค. 47 19:09:00 A:202.28.251.186 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 คห.40 มันไม่เหมือนกันนะครับ ถึงผมจะไม่เชื่อเรื่องบุญ บาปแล้ว และนับถือพุทธแค่ครึ่งเดียว แต่ผมก็ไม่เคยมองว่าพระพุทธรูปเป็นแค่วัตถุ ที่จะอาจจะเอามาทำเป็นที่ทับกระดาษก็ได้นะครับ ไอ้ที่คุณยกมา ผมก็เ็ห็นว่างมงายเหมือนคุณนั่นแหละ จากคุณ : RealWorld - [ 5 ก.ค. 47 19:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สรุปว่าแกเอาหัวโขนอะไรไปยุ่งเรื่องความเชื่อของคนท้องถิ่นอื่นน่ะครับ ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคม แล้วแบบนี้ ผมจะอ้างรัธรรมนูญที่แกไปละเมิดสิทธิในความเชื่อของคนอื่นได้ไหมครับ เห็นแกชอบอ้างรัฐธรรมนูญบ่อยๆ นิ จากคุณ : Conservative Progressive - [ 5 ก.ค. 47 19:59:22 A:203.113.50.139 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 The reason why ancients didn't allow Ladies go into "LAM WIANG" (or other holy areas) is because when Ladies got period (Pra Jam Duan), the period could drop on the floor and they didn't wear higene napkins (Pha Ana Mai) like recent ladies (just a piece of blanket in stead). To protect preriod ladies making mess in holy areas, ancient Lanna made the rule for all ladies not to go into Lam Waiang. I knew this from my grandma. Maybe this is the real reason since many years ago and Lanna people keep doing this as their custom until now. Nothing concern about the equity of right between Men and Women, I think. Mrs. Senator just made it to be the case of right because she's popular in this issue. จากคุณ : Lanna generation (Ranma girl) - [ 5 ก.ค. 47 22:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คห 22 เราไม่ได้พิมเป็นภาษาอังกฤษซะหน่อย ??? อิกอย่างเราก็บอกแล้วว่า ไม่ควรเปลี่ยน เป็นไงก็เป็นงั้น แต่ไม่ควรมีกฏงี่เง่าเกิดขึ้นมา เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ใช่ว่าเราเปลี่ยนเองซะหน่อย - เหอะๆ สูงค่า? แล้วไมไม่ห้ามผู้ชายด้วยล่ะ - ปัจจุบันโลกเราเปลี่ยนไป ผ้าอนามัยไม่มีแล้ว ถ้าอยากให้หญิงเข้าสักการะจริง อีกหน่อยก็อาจจะมีข่าวผู้หญิงโดนลวนลาม หรือโดนข่มขืนที่พระธาตุ เป็นได้ <<<<< นั่นคนเสื่อมแล้วค่ะ คงจะเป็นคุณ เพราะไม่เห็นคนอื่นเค้าจะคิดกัน จะทำล่ะสิ หึหึ - เรื่องประท้วง ทำไมไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นคนสัตรู้>>>> เกินไปค่ะ เกินไป เมื่องั้นเจ๊เบียบแกคงเป็นคนแรกที่ค้าน 55 - ไม่เกี่ยวกับการศึกษาค่ะ แต่เกี่ยวกะสมองเหมือนกัน แล้วแต่คนจะคิด คนคิดไม่เหมือนกัน อ่านยังตีความไม่ออกเลย - ทำไมมีแค่บางที่ หรือบางที่ไม่มีวัฒนธรรม - เราไม่ใช่คนเหนือ แต่เป็นคนไทย รักชาติคะ ยอมตายเพื่อชาติ แต่ไม่ยอมให้ผู้ชายกดขี่(อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้) - ความเห็นเราอาจไร้สาระสำหรับบางคน ก็เข้าใจ - ผู้หญิงทั้งหลาย ขอแค่มีศรัทธา อะไรก็ไม่มีค่าเท่าศรัทธา วัตถุแค่สิ่งยึดเหนี่ยว ถ้าเค้าไม่ให้เหนี่ยว ก็ไม่ต้องเหนี่ยว อยู่ที่ใจ พระที่บ้าน(พ่อแม่)ก็มี ประเสริฐสุด แถมหอมแก้มได้ เหอะๆ ----- พอดีก่า ------ จากคุณ : [s]uN * XeRo - [ 5 ก.ค. 47 22:34:51 A:203.113.37.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 ก็ไม่เข้าใจว่าจะมาเรียกร้องอะไรนะครับ แต่เมื่อกี้ได้ดูรายการถึงลูกถึงคนแล้ว ก็เลยถึงบางอ้อ ผมไม่ได้ติดตามข่าวสักเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าเริ่มเข้าใจอะไรต่อมิอะไรบ้างแล้ว เท่าที่ฟังคุณระเบียบรัตน์พูด ผมเองก็เห็นด้วยกับความคิดในเรื่องของสิทธิสตรีที่คุณเธอกล่าวอ้าง แต่ไม่นับรวมถึงเรื่องนี้นะครับ ผมเป็นคนเหนือเหมือนกัน ถูกปลูกฝังมาเยี่ยงคนเหนือหลายๆ คนที่มีชีวิตไปตามความเชื่อ และความศรัทธา ได้มาฟังคุณเธอพูดแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ นี่คนเหนือกลายเป็นคนล้าหลัง ฉลาดน้อย (โง่ นั่นแหละครับ) ไปเสียแล้วหรือ ผมไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงอีกคนที่นั่งข้างๆ เธอคืนนี้เป็นใคร แต่พูดได้น่า.. เอ่อ.. ไม่น่าให้ความนับถือเอาเลย เหมือนกับว่าจะมาเถียงข้างๆ คูๆ เอาความคิดของตนเป็นใหญ่ ท่าทางมีความรู้สูงทั้งในเรื่องของวัฒนธรรม และศาสนา แต่ทำไมไม่เข้าใจในความคิดความเชื่อของคนล้านนาก็ไม่รู้ คำพูดของคุณระเบียบรัตน์ที่ว่า นี่มันสมัยไหนแล้ว บ้านเมืองเราเป็นเมืองประชาธิปไตย... ผมเห็นด้วยนะครับ แต่ไม่เข้าใจว่า แล้วคุณเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยดีแค่ไหนกัน สิ่งที่อ้างมา กล่าวมาทั้งหมดนั่น เป็นการคิดเอง และ ใช้อำนาจของตนเองในทางที่... ผมไม่อยากใช้คำว่าผิด เพราะมันก็ไม่ได้ผิด แต่ไม่ถูกกาละเทศะเท่าไหร่ เรื่องความอายที่คุณเธออ้าง ผมอยากถามจริงๆ ว่าอายทำไม อายที่เป็นคนไทยงั้นเหรอ อายว่าคนต่างชาติมาเห็นแล้วจะว่าเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างนั้นหรือ ผมว่ามันเป็นจารีตประเพณีที่สวยงาม เราจะต้องเปลี่ยนทำไม เรื่องป้าย คุณระเบียบรัตน์พูดในตอนท้ายๆ ว่า ไม่ได้ต้องการให้เอาป้ายออก แต่ขอให้เอาคำว่า "ผู้หญิง" ออก เพราะอย่างไรก็รู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงไม่ควรเข้า ไม่ต้องทำป้ายย้ำไว้ ผมขอถามว่า แล้วผู้หญิงทุกคนจะทราบหรือครับถ้าไม่เขียนป้ายบอกไว้ เรื่องจะให้เอาภาษาอังกฤษมาใส่ด้วย แล้วทำท่าทำทางเหมือนกับเยาะเย้ยตอนที่พูดนั่น ผมไม่เข้าใจว่าคุณจะดันทุรังอะไร คนต่างชาติที่ไปสักการะนั้นผมว่าไม่น่าห่วงสักเท่าไหร่ เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็คงไปกับคนนำทางคนพื้นเมืองซึ่งต้องได้บอกกล่าวอธิบายข้อห้าม และข้อควรปฏิบัติต่อพวกเขาแล้ว แต่ที่ผมห่วง คือคนไทยที่มีความคิดอย่างคนสมัยใหม่ โดยไม่สนใจความรู้สึก ความนึกคิด ความเชื่อ และธรรมเนียมปฏิบัติของคนสมัยเก่านั่นแหละครับ จากคุณ : -adis- - [ 6 ก.ค. 47 01:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อ๊ะ ยัยเจ๊นี่บ้าไม่เลิก จะเอาแต่ตัวเองคิด แต่อย่างเดียว มันจำเป็นต้องเท่าเทียมกันทุกอย่างเลยเหรอครับ วันๆ คิดแต่เรื่องเท่า หรือไม่เท่ากันแค่นั้นเหรอ เท่าแล้วเป็นยังไงครับ ไม่เท่าแล้วยังไงเหรอครับ ธรรมเนียมปฏิบัติ ขนาดเจ้านาย เชื้อพระวงศ์ ยังยอมทำ อ๊ะ ยัยนี่เป็นใคร ไม่งั้น ก็ลองเรียกร้องให้ตัวเองเท่าเทียมกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินไปเลยสิครับ เดินขึ้นไปนั่งคู่กันกับเจ้ากับนายท่านไปเลย เจ้านายท่านเสด็จ ก็เดินไปคู่กับท่านเลย ถ้าจะเอาแต่เท่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆอย่างเดียว หนอย เกินไปครับ ทุกวันนี้ แค่คุณเป็นคนดีของสังคมก็เพียงพอแล้ว ทำหน้าที่ของตัวเองที่มีต่อสังคมดีแล้วหรือยัง แทนที่จะมาเรียกร้องเรื่องงี่เง่าแบบนี้ เอะอะ ก็ไม่เท่าๆ เรียกร้องไปให้เท่าเทียมกันเพื่ออะไรเหรอครับ ทุกอย่างทุกบทบาทในสังคม ถูกกำหนดไว้แล้ว งั้นผมเจอยัยเจ๊นี่ ผมไม่ต้องไหว้เลยนะ พูดจาธรรมดากับเจ๊ได้เลย ไม่ต้องมีมันละ การให้เกียรติกันทางสังคม การให้เกียรติกันในเรื่องอาวุโส ในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่สามารถเท่าเทียมกันได้หรอกครับ เท่าเทียมกันได้ทุกเรื่องเป็นเรื่องของอุดมคติ ขนาดคอมมิวนิสต์ ยังทำให้เท่าเทียมกันไม่ได้เลย สุดท้ายก็ยังแบ่งชั้นกันอยู่ดี อย่าบ้าให้มากเลยครับ พวกที่เรียกร้องให้เท่ากันทั้งหลาย วกเข้าหาเจ๊ระเบียบหน่อยเหอะ ยัยบ้าเอ๊ย แก่เพราะกินข้าวแท้ๆ งี่เง่า จากคุณ : ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง - [ 6 ก.ค. 47 01:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 47 #คุณ 44 ครับ คุณบอกว่า คุณไม่ใช่คนเหนือ แล้วคุณเข้าใจ จารีตประเพณี ของพวกเรา ขนาดไหน คุณมีสิทธิแสดงความเห็นได้ วิจารณ์ได้ครับ แต่คุณไม่มีสิทธิ มาดูถูก จารีตประเพณีของพวกเรานะครับ การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องอะไร จำต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ในสิ่งนั้นพอที่จะ หาเหตุ และ ผล ได้ และเอามาพิจารณาว่า เหตุ และ ผล นั้นมันถูกต้องมั้ย แล้วนำเสนอว่าเหตุ และ ผล นั้นมันสอดคล้องกันมั้ย บางที เราทุกคนก็อาจเป็นเหยื่อของสื่อมากไปก็ได้ ที่เค้านำเสนอ ออกมาในประเด็นที่รุนแรง เพื่อให้ข่าวขายได้ จริงๆแล้วที่ผมอยากจะบอกนะครับ ว่าในอาณาบริเวณรั้วที่ล้อมพระธาตุอยู่นั้นไม่ใช่อยากเข้าก็เข้าได้นะครับ อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลยครับ ผู้ชายก็เข้าไม่ได้ ผู้ที่จะเข้าได้คือ บุคคลผู้นั้น เป็น "หนาน" หรือเป็นปราชญ์ ที่ ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว หรือ บุคคลผู้นั้น เป็นเจ้าเมือง หรือ เป็นผู้ใหญ่ในแผ่นดิน สมัยก่อนก็เป็นเจ้าเมือง สมัยนี้ก็ผู้ว่าหละครับ แล้วการเข้าไปนั้นไม่ใช่อยู่ๆนึกสนุกก็จะเข้าได้นะครับ ต้องมีพิธีการต่างๆมากมาย และ เข้าไปในวาระสำคัญ เช่น สรงน้ำพระธาตุ เป็นต้น นั่นคือ จารีตประเพณีครับ สิ่งยุคสมัยเปลี่ยน แต่จารีตประเพณี ยังคงอยู่ แล้วสิ่งนี้ จารีตประเพณี อันนี้ มันทำให้สังคมเสียหายรึไง ถึงต้องอยากจะมาเปลี่ยน อันไหนที่มันไม่ดีเก่าล้าสมัย ทำให้สังคมแย่ลง เปลี่ยนไปเลยครับ ผมสนับสนุน แต่สิ่งนี้ มันสะท้อนให้เห็นถึงศรัทธาและความดีงามที่พวกเรายึดมั่นกันมา ศรัทธาที่คนภายนอก อย่างพวกคุณ มองว่ามันโง่งมงาย ล้าสมัย หากแต่จริงๆแล้ว มันคือความงดงาม ของประเพณี ของเรา ที่รู้จัก น้อบน้อม ต่อสิ่งที่เราเคารพ สิ่งที่ ย่า ยาย แม่ พี่สาว ผมทุกคนภูมิใจที่ได้ปฏิบัติ โดยไม่เคยคิดว่านี่คือสิ่งที่โดนกีดกันอะไร พวกเค้าภูมิใจด้วยซ้ำไป ว่า ไม่ได้ทำให้สิ่งที่พวกเค้าเคารพศรัทธาหม่นหมองลง ถ้ามีการสำรวจความคิดเห็น สตรีล้านนา ผมว่าเกิน 80 % ด้วยซ้ำไป ที่ยังอยากให้ประเพณีนี้ยังคงอยู่ ก็อาจจะมีบ้างที่เห็นต่างออกไป ซึ่งมันก็เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทุกคนย่อมมีความเห็นไม่เหมือนกัน แต่ความเห็นส่วนใหญ่ ย่อมจะสะท้อนความต้องการให้เป็นไป ของสังคมนั้นๆ จากคุณ : DerFerre - [ 6 ก.ค. 47 01:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ด่าเจ๊ฯกันใหญ่เลย บางคนก็ด่าเกินไปหน่อย แต่ส่วนใหญ่ที่ผมได้อ่าน ผมอ่านไปยิ้มไป ประมารว่า เจแกทำให้คนสามัคคีได้ขนาดนี้ เป็นผลงานเปล่าเนี่ย ? จากคุณ : ช้างพลาย - [ 6 ก.ค. 47 02:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 49 กลับบ้านไปก็ฟันศาลพระภูมิทิ้งซะนะ....เจ๊..... จากคุณ : ...0*0... - [ 6 ก.ค. 47 02:27:39 A:210.203.187.130 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 พุทธศาสนาอยู่ได้ด้วยศรัทธา ถ้าไม่มีศรัทธาผมเชื่อว่า อยู่ไม่ได้มาถึง 2500 กว่าปีหรอก และชาวล้านนาเค้ามีศรัทธาที่ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนามาด้วยความเชื่อ ด้วยจารีตประเพณีแบบนี้ แต่คุณระเบียบรัตน์กลับมาอ้างเรื่องสิทธิสตรี ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย มันไม่ใช่เป็นเรื่องของสิทธิ แต่มันเป็นเรื่องของกาละเทศะในแต่ละพื้นที่มากกว่า เห็นด้วยกับอาจารย์ที่สรุปสุดท้ายว่า คนล้านนาเค้าอยู่ด้วยกันมาอย่างนั้นเป็นร้อยเป็นพันปี แล้วเค้าก็ยอมรับมาตลอด ผู้หญิงล้านนาเองก็ยอมรับเช่นกัน จะมาเปลี่ยนแปลงจารีตประเพณีเค้าได้ยังไง คนเราจะอยู่ร่วมกันได้ ต้องเคารพสิทธิของกันและกัน ลองมาคิดถึงคนไทยดูบ้าง ฝรั่งเค้าเอาพระพุทธรูปไปตั้งไว้ในผับในบาร์ คนไทยก็ไม่ชอบ เพราะประเพณีไทย พวกเราเคารพพระพุทธรูป ฉันใดก็ฉันนั้น คนล้านนาเค้าก็เคารพในสิ่งที่เค้านับถือกันมาอย่างนั้นตั้งแต่โบราณจะไปเปลี่ยนแปลง เค้าก็ไม่ชอบอีกเช่นกัน.. ไม่เข้าใจว่าการที่เรามีจารีตประเพณี มีเอกลักษณ์ของชาติไทยเราเองแล้วมันน่าอายตรงไหน ตรงกันข้ามเราน่าจะภูมิใจที่เรายังอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้มาได้ตราบชั่วลูกชั่วหลาน เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ ที่ฝังรากลึกลงไป ไม่เปลี่ยนแล้วเราจะก้าวเข้าสู่โลกาภิวัตรไม่ได้เชียวหรือ? ไม่เปลี่ยนแล้วเราจะอายต่างชาติเค้าอย่างนั้นน่ะหรือ? ถ้าจะยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุด(อย่าไปดูอเมริกาเลยครับ ประเทศนี้ไม่มีวัฒนธรรมให้จดจำ) ดูอย่างญี่ปุ่น ทำไมเขาถึงเจริญได้ทั้งทางเทคโนโลยี และ ทางวัฒนธรรมเค้าก็อนุรักษ์ไปพร้อมๆกัน ลองดูแล้วหันมาเปรียบเทียบความคิดกับคนไทยบางคนดู ที่ดิ้นเร่าๆอยากจะมีสิทธิเสรีภาพ โดยลืมสิ่งสำคัญบางอย่างไป จากคุณ : น้ำพริกหมูแดง - [ 6 ก.ค. 47 04:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ย้ำนะคะ "การไม่ได้เข้าไปในบริเวณพระธาตุ ไม่ได้ทำให้สิทธิสตรีสูญเสียไปค่ะ" คุณๆที่คิดเหมือน/คล้ายคลึง/ใกล้เคียง กับผู้หญิงคนนั้นกรุณาขบคิดให้มากๆนะคะ แม้สมัยนี้จะเป็นพุทธศักราช 2547 แล้วแต่มีความจำเป็นอะไรกับการเรียกร้องสิทธิปัญญาอ่อนเรื่องการเข้าไปสักการะองค์พระธาตุ พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เจ้านายฝ่ายเหนือรวมไปถึงสตรีคนอื่นๆในดินแดนนี้และใกล้เคียงต่างเข้าใจดีถึงการที่เขาห้าม "เขาห้าม" ค่ะ กรุณาอ่านอีกรอบ "เขาห้าม" ค่ะ เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นมาร้องแรกแหกกระเชอด้วยเหตุผลกึ่งดิบกึ่งดีแบบตะวันตกก็ได้นะคะ ที่นี่ประเทศไทยค่ะ จุดนั้นคือพระธาตุดอยสุเทพไม่ใช่บ้านภรรยาน้อยของใครบางคน เขาไม่ให้เข้าก็โวยวายทำตัวใหญ่โต ไม่คำนึงถึงความรู้สึกคนภาคเหนือและคนที่เคารพองค์พระธาตุ....นี่หรือคะ สิทธิสตรี ดิฉันว่าผู้หญิงคนนี้ทำร้ายจิตใจคนที่เคารพองค์พระธาตุพอๆกับที่สถานีโทรทัศน์อวดเก่งช่องนึงขายข่าวเรื่องบั้งไฟพญานาค เข้าใจไหมคะ เสน่ห์ตะวันออก บางเรื่องบางอย่างทำให้มันเป็นสีเทาๆทะมึนก็ได้ค่ะ ไม่ต้องให้มันใสแจ๋วนัก แต่เรื่องบางเรื่องควรให้มันใสก็ใสไป คุณจะประกาศปาวๆว่าต้องให้มีสิทธิสตรีให้หมดทุกแง่ทุกมุม คุณทำได้ค่ะ แต่อย่าลืมว่ากำพืด ญาติ พ่อแม่พี่น้องเป็นคนเชื้อชาติอะไร สัญชาติอะไร ถ้าผู้หญิงคนนี้มีกำพืดมาจากประเทศเกาะเล็กๆทางใต้ของมาเลเซีย.....ดิฉันคงไม่สมเพชรเธอขนาดนี้ อย่าบ้ากันให้มากนักเลย จากคุณ : รมณีย์ - [ 6 ก.ค. 47 10:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คุณความเห็นที่ ๒๒ ครับ ผมคงไม่อธิบายเหตุผลและความเชื่อใดๆ ให้คุณฟัง เพราะ มีคนอธิบายได้ละเอียด และหลากหลายมากพออยู่แล้ว แต่ทั้งหมดนั้น ก็ไม่ได้ทำให้คุณคล้อยตาม(สำนึก) ได้ แต่ผมอยากบอก คุณว่า... ใช่ครับ โลกเปลี่ยนไป เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ทุกสิ่งล้วนอยู่ภายใต้ กฏแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่........การเปลี่ยนตามโลก การเปลี่ยนตามกระแส มิได้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีๆเสมอไป ผมไม่รู้ คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยสักแค่ไหน เนื่องด้วย คุณอาจจะยังมีอายุน้อย(สังเกตจากสำนวน) หรือเป็นเพราะ คุณเติบโตมาในสังคมเมืองที่มีความเจริญทางวัตถุ มิได้เติบโต มาจากสังคมชนบทที่อยู่กับจารีตประเพณี และความเชื่อ(ที่คุณคิดว่า)โบราณ คุณอาจไม่เคยได้สัมผัสความงามของประเพณี เหล่านี้ และด้วยจารีตประเพณี และความเชื่อแบบเก่าๆ แบบนี้แหละ ที่ทำให้สังคมชนบทสงบสุข กว่าสังคมเมือง การเกรงกลัวต่อ ผีสางเทวดา ทำให้คนไม่กล้าทำผิด การเคารพต่อสถานที่ต่่างๆ ทำให้คนมีความอ่อนน้อม การเชื่อฟังคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่เหล่านี้ เป็นการสืบสานทางวัฒนธรรม คุณไม่รักและไม่หวงแหนวัฒนธรรมเหล่านี้ ก็อย่าเป็นคนทำลายมันเองเลยครับ ผมขอร้อง จากคุณ : CrazyGump (Gump) - [ 6 ก.ค. 47 18:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ช่วงชีวิตของคุณระเบียบรัตน์นั้นสั้นนัก เมื่อเปรียบกับความเชื่ออันยาวนาน ให้อภัยเธอเถอะครับ เธอคงไม่เข้าใจ พูดไปก็เท่านั้นแหละ เธอมีระดับการรับรู้ พิจารณา ไตร่ตรองเพียงเท่านั้น จากคุณ : napat (napatP) - [ 7 ก.ค. 47 00:54:15 ]

ความคิดเห็นที่ 54 #--------------------------------- ค.ห25 รับรอง!!!!!~ พวกที่มีปัญญา มีความรู้ คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล ย่อมเข้าข้างคุณระเบียบรัตน์ 1000% เพราะประเพณีค่านิยมต่างๆ จะทรงคุณค่าไว้ได้นานเพราะมีภูมิปัญญาที่แท้จริงแฝงอยู่ในนั้น แต่นี่ กฏต่างๆ ที่ห้ามผู้หญิงกลับตรงกันข้าม #-------------------------- ขอค้านครับ ไม่ทราบว่าไปวัดมาเมื่อใหร่ ผมและเพื่อนที่จบมหาลัยมารุ่นเดียวกัน และเป็นคนเหนือโดยกำเนิดเกือบทุกคนเท่าที่คุยด้วยไมใครเห็นด้วยกับเจ๊เบียบสักกะคน จากคุณ : ลุงรหัส - [ 7 ก.ค. 47 01:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 55 (เพิ่งได้มาอ่าน เอาความเห็นมาลงอีกที...) ในฐานะที่เป็นผู้หญิงชาวเหนือ ... รู้สึกแย่มากที่ได้ยินคุณระเบียบรัตน์ มาวิจารณ์ จารีตประเพณีของท้องถิ่นดิฉันแบบนี้ ผู้หญิงชาวเหนือก็มีสมองพอที่จะเข้าใจนะคะว่ายุคสมัยนี้ หญิงและชาย เท่าเทียมกัน ดิฉันเรียกร้องสิทธิฯ ตามสมควร แต่เรื่องบางอย่างก็ควรพิจารณาถึงความเหมาะสม วัฒนะธรรม บางอย่าง คนที่อยู่ต่างสังคมอาจจะไม่เข้าใจ แต่ไม่ควรมาดูหมิ่น เหมือนที่หลายคนเคยเปรียบเทียบ กับเรื่องที่ต่างชาตินำสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาไปใช้ในทางที่ไม่สมควรนั่นแหละค่ะ ชาวพุทธมีจารีตที่กำหนดธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับสัญลักษณ์ทางศาสนาของตน ชาวเหนือเองก็มีธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับสิ่งก่อสร้างอันเป็นที่เคารพของตนเช่นกัน หากคุณเคารพในสิทธิมุนษยชน คุณก็ควรเคารพในสิทธิของชนท้องถิ่นทางเหนือบ้าง กรุณาอย่าลบหลู่ดูหมิ่นว่ามันคือธรรมเนียมหรือจารีตที่แสดงถึงการกดขี่ข่มเหงทางเพศเพราะคุณไม่ใช่ชาวท้องถิ่นทางเหนือคุณจึงอาจไม่ซึมซาบถึงธรรมเนียมปฏิบัติแลวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งพอ มันไม่ใช่ประเด็นทางศาสนา แต่เป็นประเด็นทางจารีตประเพณีเสียมากกว่า ... ".รับรอง!!!!!~ พวกที่มีปัญญา มีความรู้ คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล ย่อมเข้าข้างคุณระเบียบรัตน์ 1000%." ขอโทษนะคะ ... ดิฉันไม่เห็นด้วยนี่ดิฉัน ไร้ปัญญา ไร้ความรู้ ไร้เหตุผล ... หรือคะ ... ถ้าคุณเป็นคนเหนือ .. คุณคงเป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้รับอิทธิพลของสังคมสมัยใหม่มากเกินไปหรือเปล่าคะ (ในที่นี้ คนรุ่นใหม่ ไม่ได้วัดจากอายุ แต่วัดจากความคิด ... ) จากคุณ : Jekyll - [ 7 ก.ค. 47 01:58:14 ]