ความคิดเห็นที่ 1 2. ปริศนานายทหาร 3 ร่าง ถ้ายังจำได้ ในครึ่งหลังของ “สัตว์ประหลาด” จะเริ่มขึ้นด้วยโครงสร้างการเล่าเรื่องแบบนิทานพื้นทานที่เป็นเรื่องของเสือสมิง ซึ่งการประยุกต์โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบนี้มาใช้กับสื่อภาพยนตร์นั้นนอกจากจะสร้างความโดดเด่นและแปลกตาอย่างถึงที่สุดให้กับเรื่องที่ผู้สร้างต้องการจะเล่าแล้ว มันยังเอื้อให้ผู้ชมยอมรับเนื้อหาอันแปลกพิสดารได้โดยดุษฎีอีกด้วย (คงเป็นการยากที่จะให้ทุกคนเชื่อว่า คนสามารถแปลงร่างเป็นเสือได้ แต่การเริ่มต้นเล่าเรื่องลึกลับแบบนิทานพื้นบ้านด้วยวลี “กาลครั้งหนึ่ง (นานมาแล้ว)” นั้นสามารถทำให้ทุกคนเชื่อตรงกันได้โดยง่าย) เมื่อผู้ชมเริ่มยอมรับข้อตกลงข้อใหม่ที่ว่าคนแปลงร่างเป็นเสือได้แล้ว หนังก็ตัดมาเป็นภาพของนายทหารเริ่มเดินทางเข้าไปสำรวจความลี้ลับของป่า จากกลางวันเป็นกลางคืน จากความเงียบสงัดในตอนแรกเขาก็เริ่มได้ยินเสียงสัตว์คล้ายๆเป็นเสียงวัวร้อง จากเดินมือเปล่าในตอนแรกตอนนี้เขาก็เริ่มหยิบกระสุนใส่ปืน และในตอนนี้นี่เองที่หนังแสดงภาพของนายทหารนั่งอยู่บนต้นไม้ เขาหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาลองส่งสัญญาณ ในขณะเดียวกันเขาก็มีท่าทางเหมือนเริ่มหนาวจนต้องหยิบผ้าคลุมหัวสีดำออกมาใส่ ไม่นานนักเขาก็เหมือนได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าของสัตว์ แล้วเขาก็หยิบเอาไฟฉายออกมาส่องไปที่ต้นไม้ ฉากที่ 1 : นายทหารนั่งสังเกตุการณ์บนต้นไม้โดยสวมผ้าคลุมหัวสีดำ และเอาไฟฉายส่องต้นไม้ จากนั้นหนังก็ตัดมาเล่าเรื่องในป่าอีกครั้งแต่เป็นตอนกลางวัน (ถ้าจำไม่ผิด) รายละเอียดตรงนี้จริงๆตัวเองก็จำได้ไม่หมดเหมือนกัน แต่เท่าที่พอนึกออกคร่าวๆในตอนนี้ก็คือ หลังจากนายทหารได้นั่งถ่ายทุกข์จนเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็พยายามส่งสัญญาณกับเครื่องวิทยุอีกครั้ง ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเองนายทหารก็ได้ปะทะหน้ากับคนรักของเขาในสภาพเปลือยเปล่าและมีลายสักพร้อยคล้ายเสือเต็มไปทั่วทั้งตัว เขาวิ่งไล่ปล้ำคนรักของเขาไปที่ทุ่งหญ้ากว้าง แล้วนายทหารก็เหมือนกับสลบไป คนรักของเขาเอาร่างนายทหารไปทิ้งที่เนินเขาที่ลาดชันแล้วก็หายตัวไป ส่วนนายทหารพอฟื้นขึ้นมาเขาก็เดินต่อไปเจอซากวิทยุสื่อสารของเขาอีกครั้ง และได้เจอซากศพวัวตายอยู่กลางทุ่งหญ้า เขารู้ได้ทันทีจากรอยเท้าที่เขาพบว่าวัวตัวนี้ถูกฆ่าโดยเสือ จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าป่าและไปเจอกับลิงประหลาดที่พูดได้ ลิงตัวนี้ได้เตือนเขาให้ระวังเจ้าเสือร้ายที่กำลังคอยตามเขาเป็นเงา และยังได้บอกกับนายทหารว่า “ฆ่ามันเพื่อให้มันอยู่ในโลกของผี หรือไม่ก็ให้มันกินเจ้าเพื่อเจ้าจะได้ไปอยู่ในโลกของมัน” (“โอ้จอร์จ .มันเยี่ยมมากๆ”) จากนั้นนายทหารก็พยายามทำตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับป่าโดยการเอาโคลนรึมบึงมาทาให้ทั่วตัว รวมถึงเอาใบไม้มาขยี้ทาตัวเพื่อให้ตัวเองมีกลิ่นเดียวกันกับป่า เขาจับปลาและหอยรึมบึงกินและเริ่มส่งเสียงเหมือนจะคุยกับสัตว์ หนังตัดภาพมาเห็นคนรักของเขาเดินร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก เนื้อหาหลังจากนี้อ้วนก็ไม่แน่ใจนักว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่จำได้ว่าไม่นานมากนักหนังก็ตัดภาพมาเป็นตอนกลางคืน เราจะเห็นภาพระยะไกลในความมืดเป็นภาพของคน (ซึ่งหนังก็ทำให้ผู้ชมเข้าใจในทางที่ว่า คนที่เราเห็นในความมืดนั้นก็คือนายทหารนั่นเอง) กำลังเคาะไม้เหมือนจะไล่สัตว์ป่า แล้วก็มีเสียงเหมือนฝีเท้าของสัตว์ดังขึ้น นายทหารจึงยิงปืนไปที่เสียงๆนั้น ฉากที่ 2 : นายทหารเคาะไม้ไล่สัตว์ป่าแล้วลั่นไกยิงปืนเสียงดัง จากนั้นหนังก็ตัดภาพมาให้เราเห็นว่าสัตว์ที่นายทหารยิงตายนั้นก็คือวัวตัวอ้วนนั่นเอง ทันใดนั้นก็มีหิ่งห้อยน้อยตัวหนึ่งบินลอยมาอยู่ตรงหน้าของนายทหาร มันบินลอยไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีแสงไฟเรืองรองฉายสว่างขึ้นมา ก่อนที่นายทหารจะเห็นวิญญาณของวัวตัวอ้วนเดินออกมาจากร่างที่ไร้ลมหายใจ วิญญาณวัวค่อยๆเดินหายไปในเงามืดของป่า แม้นายทหารจะกล่าวออกมาในทำนองที่ว่าขอให้วิญญาณวัวอ้วนตัวนั้นรอเค้าก่อน แต่เจ้าวิญญาณวัวก็หายวับไปกับตาแล้ว นายทหารเข่าอ่อนล้มลงคลานสี่เท้าเหมือนสัตว์ป่า เขาคลานไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมาย ฉากที่ 3 : นายทหารคลานสี่เท้าเหมือนสัตว์ป่า และในขณะที่นายทหารกำลังลงคลานสี่เท้าเหมือนสัตว์ป่าอยู่นั้น (ฉากที่ 3) หนังก็ได้ตัดภาพให้เราเห็นว่ามีนายทหาร (อีกร่าง) ใส่ผ้าคลุมหัวสีดำนั่งสังเกตุการณ์อยู่บนต้นไม้ (ฉากที่ 1) และในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีเสียงเคาะไม้เหมือนไล่สัตว์ป่าและมีเสียงปืนดังลั่น (ฉากที่ 2 – แม้จะไม่เห็นตัวของนายทหารที่กำลังเคาะไม้ แต่เสียงเคาะไม้ดังกล่าวก็แสดงให้เห็นว่ายังมีนายทหารอีกร่างหนึ่งอยู่บริเวณที่ไม่ไกลกันนัก) แทรกขึ้นมาในฉากนี้ นั่นหมายความว่า .ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นมีร่างของนายทหารอยู่ถึง 3 ร่าง!!!!! จากคุณ : อ้วน - [ 6 ก.ค. 47 18:52:31 A:203.172.119.236 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยุทธศาสตร์แห่งเรื่องราวเช่นนี้ชวนให้คิดถึงแนวคิดอันโด่งดังของนายแพทย์ชาวออสเตรียนาม Sigmund Freud เสียนี่กระไร เพราะ Freud เป็นผู้นำเสนอทฤษฎีจิตวิเคราะห์ที่พยายามอธิบายความสำคัญและความสัมพันธ์ของจิตสำนึก (conscious), จิตใต้สำนึก (subconscious), และจิตไร้สำนึก (unconscious) โดยตัวเขาได้ให้ความสำคัญกับ “จิตไร้สำนึก” มากที่สุด โดยมีแนวคิด (ที่หลายคนคงเคยได้ยินมาแล้ว) ว่าจิตของมนุษย์นั้นเปรียบประดุจภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในน้ำ ส่วนที่ลอยพ้นผิวน้ำอันเป็นส่วนของ “จิตสำนึก” นั้นจะมีเพียงเล็กน้อย ส่วนที่ลอยผลุบลอยโผล่อยู่ระหว่างผิวน้ำกับพิ้นผิวใต้น้ำก็คือ “จิตใต้สำนึก” ในขณะที่สัดส่วนของภูเขาน้ำแข็งซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดคือส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำซึ่งก็คือ “จิตไร้สำนึก” นั่นเอง ซึ่ง Freud ค้นพบว่าในส่วนของ “จิตไร้สำนึก” นี้เป็นแหล่งที่อยู่ของบรรดาสัญชาตญาณต่างๆของมนุษย์ และเพื่อให้การอธิบายการทำงานของกระบวนการทางจิตของนายทหารทำได้ง่ายขึ้น เราลองมาดูแบบจำลองที่ Freud ได้สร้างขึ้นมา ที่เรารู้จักกันดีว่า id, ego, และ superego แบบจำลองนี้กล่าวว่า มนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับ “id” อันประกอบด้วยแรงขับดันของสัญชาตญาณต่างๆ แต่มนุษย์เราก็ไม่สามารถแสดงออกซึ่งความปรารถนาทุกอย่างได้ อารยธรรมของมนุษย์ได้กล่อมเกลาให้ความปรารถนาของคนเราอยู่ในกรอบมากขึ้น ดังนั้น “id” ที่เคยทำงานตามหลัก “เอาแต่ใจตัวเอง” จึงต้องแปรรูปมาเป็น “ego” ที่ทำงานตาม “หลักการแห่งความเป็นจริง” ที่จะคอยแบ่งรับขับสู้ระหว่าง “สัญชาตญาณดั้งเดิมของตน (id)” กับ “มาตราฐานทางสังคม” หรือ “superego” ที่จะทำงานตาม “หลักแห่งศีลธรรม” มนุษย์เราจะมีความสุขมากน้อยขนาดไหนจึงขึ้นอยู่กับการประคองตัวของ “ego” ที่จะต้องพยายามประสานงานระหว่างความต้องการ 2 อย่างที่ขัดแย้งกัน เมื่อเราโยงทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของ Freud ไปวิเคราะห์การแสดงภาพของนายทหารใน “สัตว์ประหลาด” ที่มีอยู่ถึง 3 ร่างในเวลาเดียวกันแล้วนั้น ก็คงจะไม่ได้ข้อสรุปอันอื่นใดดอกนอกเสียจากว่า นายทหารของเรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับสัญชาตญาณภายในจิตใจของเขาเองเป็นแน่! ความหมายในที่นี้ก็คือ นายทหารที่คลุมผ้าคลุมหัวสีดำนั่งสังเกตุการณ์ความเป็นไปต่างๆอยู่บนต้นไม้ (superego) นั้น ลึกแล้วๆเขาก็มีสัญชาติญาณดิบอะไรบางอย่างที่เปรียบเหมือนกับการคลานของสัตว์ป่า (id) ที่เขาต้องชั่งใจว่าเขาจะตีไม้ขับไล่สัตว์ร้ายให้ออกไปหรือจะยิงมันให้ตายเสีย (ego) จากคุณ : อ้วน - [ 6 ก.ค. 47 18:54:09 A:203.172.119.236 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 3. คุณจะเป็น “เสือ” ได้ คุณต้องฆ่า “วัว” ให้ตายเสียก่อน ข้อที่น่าสังเกตในหนังเรื่อง “สัตว์ประหลาด” อีกประการหนึ่งก็คือ หนังเรื่องนี้มีฉากการตายของ “วัว” อยู่ถึง 2 ฉากด้วยกัน ในฉากหนึ่งเป็นฉากที่นายทหารเดินมาพบซากวัวตายในทุ่งหญ้าในตอนกลางวัน ซึ่งเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันถูกฆ่าตายโดย “เสือ” เพราะมีรอยเท้าเสืออยู่ในบริเวณนั้น ในขณะที่อีกฉากหนึ่งเป็นฉากที่ตัวนายทหารนั่นเองที่เป็นผู้ลั่นไกปืนฆ่า “วัว” ในตอนกลางคืน และในทันทีที่เขาเห็นวิญญาณวัวเดินลับหายเข้าไปในป่า เขาก็ล้มลงคลานสี่เท้าเหมือน “เสือ” นี่คงจะแสดงว่า “วัว” กับ “เสือ” น่าจะมีความหมายโดยนัยอะไรบางอย่างเป็นแน่ เพราะ “วัว” ในความรู้สึกของมนุษย์นั้นเป็นสัตว์ที่ให้เนื้อและให้นม ซึ่งเป็นการให้ชีวิตและเลือดเนื้อแก่มนุษย์โดยตรง วัวจึงเป็นสัตว์ที่มีบุญคุณต่อ “ความเป็นมนุษย์” และเป็นสัญลักษณ์ของสัตว์ที่ “ถูกเลี้ยงให้เชื่อง” ซึ่งตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับ “เสือ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ “สัตว์ป่าที่ดุร้าย” ที่คอยจะ “ขย้ำและทำลายความเป็นมุษย์” ให้ล้มหายตายจากไปด้วยความดุร้ายของมัน หากจะลองพิจารณาสำนวนแบบไทยๆของเราเองก็ยังจะพบสำนวนที่กล่าวว่า “เขียนเสือให้วัวกลัว” อันเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “วัว” เป็นสัตว์ที่อยู่คนละขั้วกับ “เสือ” อย่างสิ้นเชิง และการที่มนุษย์จะมีสภาพเป็น “สัตว์” อย่างหนึ่งอย่างใดได้อย่างสมบูรณ์นั้นก็จำเป็นจะต้องจัดการกับ “สัตว์” อีกตัวหนึ่งให้ได้เสียก่อน สัตว์ที่ตายเพื่อให้มนุษย์แปลงสภาพก็เหมือนกับการถูกบูชายัญ คือแม้จะเป็นเหยื่อ แต่ก็เป็นเหยื่ออันศักดิ์สิทธิ์ที่จะทำให้อีกฝ่ายหนี่งบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตนคิดว่ายิ่งใหญ่กว่า เพราะฉะนั้นคุณจะเป็น “เสือ” ได้ คุณก็ต้องฆ่า “วัว” ให้ตายเสียก่อน ความหมายในที่นี้ก็คือ เมื่อนายทหารได้ปลิดชีพ “วัว” (ละทิ้ง “จิตวิญญาณที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี”) ไปแล้ว เขาก็จะกลายมาเป็น “เสือ” (แสดงออกซึ่ง “สัญชาตญาณดิบของตนเอง”) อย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง จากคุณ : อ้วน - [ 6 ก.ค. 47 18:55:54 A:203.172.119.236 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 4. “สัตว์ประหลาด” อาจไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ “เกย์” แม้ว่าโดยรูปธรรมแล้ว “สัตว์ประหลาด” จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเกย์หนุ่มสองคนก็จริง แต่ดูเหมือนว่า รากเหง้า พัฒนาการ และจุดจบของหนังเรื่องนี้มีนัยโยงยัยไปสู่สภาวการณ์ของมนุษย์ในการ “เผชิญหน้ากับจิตวิญญาณของตนเอง” ซึ่งดูจะเป็นสารัตถะสำคัญที่ไร้เพศและไร้กาลเวลาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็เคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “เราไม่ได้คิดว่ามันต้องเป็นผู้ชายกับผู้ชายหรืออะไร จะเป็นเพศไหนก็ได้ เพียงแต่เราคิดว่า ‘สัตว์ประหลาด’ จะสะท้อนถึงสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ ซึ่งผู้ชายจะแรงกว่า ขั้วบวกเจอขั้วบวกมันก็จะยิ่งแรง และป่าก็สะท้อนถึงธรรมชาติที่เร้นลับได้ดี” (บทสัมภาษณ์ใน Bioscope ฉบับที่ 27 : กุมภาพันธ์ 2547 หน้า 25) เพราะฉะนี้แล้วคำว่า “สัตว์ประหลาด” ในที่นี้จึงไม่น่าจะมีความหมายเพียงแค่ “เกย์” เท่านั้น ทว่ากินความถึง “สัญชาตญาณดิบ” ที่อาศัยอยู่ในตัวมนุษย์เราทุกผู้ไม่ว่าคุณจะดำรงสถานภาพเป็นเพศใดก็ตาม ...... ”สัญชาตญาณดิบ" ที่เราต้องคอย “เฆี่ยนตี”, “เสี้ยมสอน”, หรือแม้แต่คอย“ฟัง” มันว่ามันจะเรียกร้องอะไร เพราะไม่ว่าเราจะเป็นใคร, ถูกอบรมสั่งสอนมาด้วยวิธีไหน, และผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้เลยก็คือการเผชิญหน้ากับ "สัญชาตญาณดิบ" ของตัวเราเอง ที่บางครั้งมันก็เป็นเหมือน "สัตว์ประหลาด" ที่เราต้องคอยกำราบมันไม่ให้มันสำแดงฤทธิ์ ......นั่นเพราะ “ภายในตัวเราทุกคนมีสัตว์ป่าแฝงอยู่ มนุษย์มีหน้าที่เป็นผู้ควบคุมสัตว์เหล่านี้ให้เชื่อง แม้แต่สอนมันให้ทำในสิ่งที่ขัดกับสัญชาตญาณดิบของตนเอง” - คอน นาคาจิมา จากคุณ : อ้วน - [ 6 ก.ค. 47 18:58:15 A:203.172.119.236 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 แหงะ ง่าาาาาา ยาวมากกก ขี้เกียจอ่านอะคะ คิดเก่งจังออกมาได้เยอะขนาดนี้ ไม่อ่านแต่ชื่นชมนะคะ หนังเค้าท่าจะหาทุนยาก กลัวจะท้อไปก่อน มีเจตนาช่วยก็ดีคะ จากคุณ : เนย (สด) รสอร่อยคนเดิม - [ 6 ก.ค. 47 19:09:19 A:210.86.188.64 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเราเป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้เราคงออกมาเฉลยนานแล้วล่ะ ถ้าได้มาอ่านกระทู้พวกนี้ เฮ้อ........ จากคุณ : Paradiso-Inferno - [ 6 ก.ค. 47 19:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จาก ประธานชมรมข้าวโพดคั่ว ใครก็ได้ถาม คุณเจ้ยให้ทีสิ ... เราไม่เข้าใจบางตอน ไม่รู้ว่าหนังที่ฉายในโรง ... โดนตัดหายไปกี่ฉาก ... หรือว่า .... เราตีความ ไม่ถึง .... คิดเอาเองว่า มันหายไป ถ้าอยากดูฉบับไดเร็กเตอร์คัต ... ทำไงดี อยากดู อยากดู ..... เศร้าที่สุดไป กะ สุดเสน่หา ที่พี่แมงป่องเอามาขาย หั่นเสีย จนกลายเป็นเรื่อง สุดจะเหล่หา ฮือ ๆ ฮือ ๆ .... หนูจาดู .... บอกพี่เจ้ยที จากคุณ : กบเอง - [ 6 ก.ค. 47 21:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่ีฉายโรงเนี่ย ก็เป็นเวอร์ชั่น สมบูรณ์แล้วครับ จากคุณ : วัชเจียเหว่ย - [ 6 ก.ค. 47 22:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เขียนดีครับ ผมชอบ จากคุณ : Dr Syntax - [ 6 ก.ค. 47 23:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นว่าเขาตัดออกหลายฉากนี่ครับ เช่นฉากเพศสัมพันธ์ระหว่าง... ที่คุณเจ้ยบอกว่า...กลัวคนดูรับไม่ได้ จริงๆแล้วsexก็เป็นพิธีกรรมหนึ่งที่แสดงสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ออกมาอย่างที่คุณเจ้าของกระทู้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจมากๆ ผมดูแล้วยังนึกๆอยู่ว่า กระทู้พันทิพย์ที่เห็นๆกันอยู่ช่วงนี้ก็ มันก็เป็นการต่อสู้กันระหว่าง id , ego และ super ego คนหนึ่งโชว์...เพราะidมันแรง egoก็เออออห่อหมกไปกับidตอนนั้น พอเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอันหนึ่งขึ้น เจ้าตัวรู้สึกอายเพราะsuper ego เตือนแล้วไม่เชื่อ egoก็เลยกลับคำเสียดีกว่า อีกฝ่ายก็idก็แรงไม่เบา super egoเบรกไม่อยู่ พอกันฮะ สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะควบคุมidตัวเองได้ดีกว่าใคร หากไม่เอาอยู่ เราก็แค่สัตว์ป่าตัวหนึ่งเท่านั้น ยังไงเสีย สัตว์ประหลาดก็คือสัตว์ที่แปลกกว่ามนุษย์หรือสัตว์ป่าใดๆทุกตัว สัตว์ประหลาดเป็นสัตว์ที่คอยควบคุมสัญชาตญาณดิบเบื้องลึกในจิตใจของมนุษย์หรือสัตว์ทุกตัว ให้พร้อมที่จะก้าวร้าว ดุร้าย อันเป็นสัญชาตญาณทำลายล้าง(Death Instinct)ที่ธรรมชาติมอบไว้ในยามที่เราสูญเสียหนทางการดำเนินชีวิตให้หลุดพ้นกรอบกฏเกณฑ์งี่เง่าทั้งหลายทั้งปวง จนกลายเป็น.... ปีศาจ (Monster) ที่คุณเจ้ยกล่าวถึง ถ้าหนังเรื่องอื่นสอนให้มนุษย์รู้จักคุณค่าของความดีงาม ศีลธรรม การบรรลุซึ่งกิเลศตัณหา ยกระดับจิตใจ เรื่องสัตว์ประหลาดนี้คงเป็นในลักษณะตรงข้ามทั้งหมด ซึ่งหนังเล่าว่า ยังไงเสีย มนุษย์ก็ต้องเป็นฝ่ายปราชัยให้กับด้านมืด สัญชาตญาณดิบ ความใฝ่ต่ำ ความรุนแรง-โหดร้าย กัดกร่อนสิ่งที่เราเรียกว่าความดีงามในตัวมนุษย์เราจนหมดสิ้น .... พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวคุณเจ้ยจะหาว่าผมตีความเลอะเทอะ 555 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 47 23:36:23 จากคุณ : MAVEL - [ 6 ก.ค. 47 23:26:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ยกหลักแบบจำลองของนิเทศมาเลยนะพี่ ผมกำลังเรียนอยู่พอดี ที่ผมตีความต่างจากพี่เลย ผมตีไปในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตอน 1 กะ 2 และเรื่องราวในอดีต ช่วยบอกทีเหอะว่าผมไม่ได้หูฝาด ตอนจบอ่ะ ฉากที่ สัตว์ประหลาดพูดว่า " ได้ยินมั้ย " แล้วเป็นฉากใบไม้ถูกลมพักกระทบกันอ่ะ ผมได้ยินเสียงสตาร์ทรถบรรทุกขนน้ำนะ ได้ยินจิงๆ ดูมา3 รอบแล้วก้อได้ยินทุกรอบ มีใครได้ยินบ้างป่าว แต่มันค่อนข้างเบานะ จากคุณ : Mr.Hahn - [ 6 ก.ค. 47 23:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 วิเคราะห์เก่งจัง อ่านแล้วเกิดความเข้าใจในสิ่งที่คุณได้จากหนังนะ แต่จริงๆแล้วหนังต้องการสื่ออะไรเราก็ไม่รู้เพราะยังไม่ได้ดูเลย อยากไปดู แต่ไม่มีเวลา จากคุณ : แว่นฟ้าบังตาดำ - [ 6 ก.ค. 47 23:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถึงคุณMr.Hahn ผมก็ได้ยินนะ แล้วก็ช่วงครึ่งหลัง ตอนที่นายทหารคนหนึ่งบาดเจ็บอ่ะ มีเสียงครางหงิงๆเหมือนหมาดังเว่วมา ชวนให้ผมนึกไปถึงหมาตัวนั้นตอนช่วงครึ่งแรกยังไงไม่รู้ หนังเรื่องนี้เอาสมองดูอาจจไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเอาสัญชาตญาณดูล่ะก็ ผมว่าเราจะได้อรรถรสแปลกๆอีกแบบหนึ่งนะ จากคุณ : MAVEL - [ 6 ก.ค. 47 23:47:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมตามคุณอ้วนมาอ่านถึงที่นี่ครับ : ) จากคุณ : Mattditation - [ 7 ก.ค. 47 00:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นการวิเคราะห์ตีความที่น่าสนใจมากๆครับ ขอขอบคุณที่นำมาโพสท์สู่กันฟัง จากคุณ : joblovenuk - [ 7 ก.ค. 47 00:19:46 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หนังวดีค่ะ แต่เสียงไม่ดี เราไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งเสียงพูดก็เบามาก ๆ ดูที่ลิโด้อ่ะ จากคุณ : แมวเบ๊บ - [ 7 ก.ค. 47 09:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ช่วงแรกๆตั้งแต่ตอนเปิดเรื่อง จนถึงฉากกินข้าวเย็นกันในบ้านผมไม่ได้ยินอะไรเลยอะ ต้องอ่านซับอย่างเดียว จากคุณ : Limelight - [ 7 ก.ค. 47 09:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นเหมือนกันเลยครับ ดูที่ลิโดอ่ะ เสียงไม่ดีเลย....พูดไรแทบไม่ได้ยิน อ่าน sup ก็ไม่ออก เซ็งเลย... แต่ชอบครับ มันดิบ ดิบดีจรองๆ อืม...วิเคราะห์ดีครับ บทความนี้ จากคุณ : ใบเทศ - [ 7 ก.ค. 47 11:21:36 A:203.113.32.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 เจ้าของกระทู้ช่างคิดจริงๆ ครับ นับถือ ผมอ่านบทวิจารณ์ทั้งหมดในเฉลิมไทยแล้วค่อนข้างจะเอนเอียงไปทางที่ว่าภาค 2 ของหนังเป็นเพียงเรื่องในความคิด/จิตใจของเก่งเหมือนกับที่หลายคนว่ามา แต่ที่ยังติดค้างอยู่ไม่หาย ขอถามหน่อยนะครับ (ใครช่วยตอบได้จะขอบคุณมาก) คือว่า ถ้าภาค 2 เป็นเรื่องในความคิดหรือเป็นภาพเชิงเปรียบเทียบของภาค 1 แล้ว อะไรที่เป็นตัวกระตุ้นให้เก่งเกิดความคิดเพริดเตลิดหรือมุ่งหน้าค้นหาความปรารถนาภายในใจที่ในหนังใช้เสือสมิงเป็นตัวแทนครับ? ที่สงสัยก็เพราะความสัมพันธ์ทั้งคู่ดูราบรื่นดี ทำไมเก่งถึงเกิดอาการอยากเข้าป่าตามหาเสือสมิงได้ครับ แทนที่จะปีนหน้าต่างเข้าหาโต้งตอนดึกๆ ซักคืนก็น่าจะลงเอยกันได้ชื่นมื่นหรือไม่อย่างนั้นก็ยกขันหมากมาขอโต้งเสีย ท่าทางพ่อแม่โต้งก็เปิดทางให้อยู่ (จะด้วยพาซื่อหรือไม่ก็ตามที) จากคุณ : ไข่นกการะเวก - [ 7 ก.ค. 47 22:46:07 A:202.183.170.40 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณทุกท่านฮะที่ให้ความสนใจกระทู้นี้ ขอบคุณคุณ Mattditation ที่สละเวลาจาก Academy Fantasia มาอ่านกระทู้นี้ ในส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีจิตวิเคราะห์นั้นตนเองไม่ได้เขียนขึ้นมาใหม่ แต่ได้ทำการคัดลอกและตัดทอนเนื้อหาบางส่วนมาจากหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งก็เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่หนังสือเล่มที่ตนเองหยิบมาใช้นั้นเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีทางสื่อสารมวลชนตามที่คุณ Mr.Hahn ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ ส่วนตัวแล้วมีความเชื่อว่า แม้ผู้สร้างหนังจะใส่ "เจตนารมณ์ชุดหนึ่ง" ลงไปในหนังของเขา แต่เมื่อหนังของเขาได้ออกฉายแล้ว เขาก็ไม่สามารถควบคุม "ความหมายอันมากมาย" ที่พลันเกิดขึ้นในจิตใจของผู้ชมระหว่างที่ชมหนังของเขาได้ และผู้ชมก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกตีความชุดของความหมายต่างๆตามที่ตัวเขาเข้าใจ ดังนั้นคุณ MAVEL ก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกตีความหนังตามที่คุณเข้าใจได้เช่นกันฮะ ตอบคุณไข่นกการะเวก ถ้าพูดกันตามเนื้อเรื่องแล้ว การที่เก่งเกิดอาการอยากเข้าป่าตามหาเสือสมิงนั้นก็เป็นเพราะว่า (หนังทำให้เราเข้าใจว่า) คนรักของเขาได้กลายเป็นเสือสมิงนั่นเอง ไม่ทราบว่านี่คือคำตอบที่คุณต้องการหรือเปล่าฮะ จากคุณ : อ้วน - [ 8 ก.ค. 47 17:49:31 A:203.152.6.26 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมดู Academy Fantasia เสร็จก็รีบมาอ่านกระทู้คุณอ้วน จากนั้นก็กลับไปดู Academy Fantasia ต่อทันทีครับ : ) ผมคิดต่างจากคุณอ้วนอยู่หลายจุดด้วยกัน แต่ความคิดเห็นของคุณอ้วน ผมก็ยอมรับเลยว่ามีน้ำหนักมาก และน่าสนใจมากๆครับ จากคุณ : Mattditation - [ 11 ก.ค. 47 00:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านอย่างแรงฮะ ชื่อที่ถูกต้องจริงๆของ "คอน นาคาจิมา" คือ "ทอน นาคาจิมา" ฮะ (สะกดด้วย ท.ทหาร ไม่ใช่ ค.ควาย) ชอบความเห็นของคุณ Mattditation มากๆที่บอกว่า "ผมคิดต่างจากคุณอ้วนอยู่หลายจุดด้วยกัน แต่ความคิดเห็นของคุณอ้วน ผมก็ยอมรับเลยว่ามีน้ำหนักมาก และน่าสนใจมากๆครับ" เพราะความเห็นดังกล่าวนี้เป็นความเห็นที่ตนเองอยากจะเห็นในสังคมอินเทอร์เน็ท (และในสังคมจริงๆ) มากๆ คือผู้แสดงความคิดเห็นก็มีจุดยืนของตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังยอมรับเหตุผลที่มีน้ำหนักของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ถ้าเป็นไปได้อยากให้คุณ Mattditation แสดงความเห็นของคุณที่มีต่อสัตว์ประหลาดในจุดที่คุณบอกว่าเห็นต่างไปจากความเห็นของเจ้าของกระทู้มากๆฮะ จากคุณ : อ้วน - [ 13 ก.ค. 47 06:51:23 A:203.172.38.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมก็ดูที่ลิโด้เหมือนกันครับ เสียงพูดไม่ค่อยได้ยินเหมือนกัน ยิ่งทำให้งงหนักเข้าไปอีก Y__Y ตามที่ผมเข้าใจคือโรงลิโด้ ไม่ได้เป็นระบบเสียงแบบ Dolby Digital Surround พอ เอามาฉาย แบบโรงธรรมดาเสียงพวกบทพูดที่ปกติจะอยู่ที่ลำโพงกลางเลยหายไป(เพราะไม่มีลำโพงกลาง) หรือไม่ก็ ผู้กำกับจงใจให้เป็นอย่างนั้น ..... จากคุณ : lkunl1 (lkunl) - [ 18 ก.ค. 47 01:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมดูเสร็จก็เข้า google search หาวิเคราะห์เลยอ่านของคุณอ้วยจากเว็บอื่น ๆ จนมาเจอที่เว็บนี้ ค่อนข้างคล้อยตามบทวิเคราะห์ของคุณอ้วน มากกว่าท่านอื่น (บางท่านวิจาร์ณเหมือนเอาของชาวบ้านมาผสม ๆ และก็แปลมาอีกทีศัพท์เดียวกันเด่ะ บางท่านก็เขียนคลุมไม่ฟันธงเพราะกลัวหน้าแตก บางท่านก็วิเคราะห์ในแง่มุมแปลก ๆ ดี ) ผมสงสัยตอนท้ายน่ะคับ ที่เก่งดูเสือ บทพูดฟังไม่รู้เรื่อง ฉากนี้ทำอะไรกันเหรอครับ อีกอย่างกรรมการเค้าไม่ได้มีบทวิเคราะห์สาเหตุที่ให้รางวัลเหรอครับอยากอ่าน จากคุณ : lkunl (lkunl) - [ 18 ก.ค. 47 01:39:48 ]