ในคราวหนึ่ง-----
อะเบะโนะเซย์เมย์ได้ไปยังที่พำนักของบุคคลซึ่งมีนามว่าฮิโรซาวะโนะคันโจโซโจ
บรรดาคินดะจิ (คำเรียกบุตรชายของขุนนาง) วัยเยาว์ และพระจำนวนมากได้เข้าร่วมสนทนากับเซย์เมย์
เนื่องด้วยทุกคนล้วนได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับเซย์เมย์มาแล้วทั้งสิ้น เนื้อหาของการสนทนาจึงเป็นเรื่องของธรรมชาติกับคาถา
ท่านสามารถใช้สอยชิคิจินได้ เช่นนั้นคงสามารถสังหารผู้คนได้ด้วยกระมัง?
มีผู้ถามขึ้นกลางวงสนทนา
การซักถามเกี่ยวกับเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นบนถนนสายนี้ เป็นการถามที่ไม่สุภาพเลยนะขอรับ
เซย์เมย์อาจจ้องใบหน้าของคินดะจิซึ่งเป็นผู้ถามคำถามนั้น ด้วยสายตาที่น่ากลัวก็เป็นได้
เมื่อหรรษากับความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในดวงตาของคินดะจิผู้นั้นแล้ว เซย์เมย์ก็กล่าวต่อ
แหม จะให้สังหารมนุษย์ง่ายๆ เช่นนั้นคงไม่ได้หรอก
พลางยิ้ม เพื่อให้เหล่าคินดะจิสบายใจขึ้น
แต่จะว่าไปก็มีอยู่หลายวิธีนะขอรับ
เซย์เมย์อาจสำทับเช่นนี้ก็เป็นได้
เช่นนั้น หากเป็นแมลงเล็กๆ คงง่ายดายยิ่งสินะ
คินดะจิอีกผู้หนึ่งถามขึ้น
ใช่แล้วขอรับ แหม
ขณะที่เซย์เมย์ตอบเช่นนี้ ก็มีกบราวห้าหกตัวโจนเข้ามาในสวนพอดี
ท่านช่วยฆ่าให้เราชมสักหนึ่งจะได้ไหม
คินดะจิกล่าวขึ้น
ได้ขอรับ ทว่า การเข่นฆ่าน่ะ-----
มีอะไรงั้นหรือ
ข้าพเจ้าสามารถเข่นฆ่าได้ แต่ไม่สามารถคืนชีพให้สิ่งใดได้หรอก การเข่นฆ่าสิ่งซึ่งไร้ประโยชน์นั้นเป็นบาปนะขอรับ-----
ตัวเดียวเองน่า------
เราอยากเห็นนะ
เราก็อยาก
เราด้วย
เหล่าคินดะจิและพระทั้งหลายต่างก็ช่วยกันกล่าวขึ้น
คำเล่าลือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เวทมนตร์ของเซย์เมย์นั้นแท้จริงมีระดับใดกันแน่ ความกระหายใคร่รู้ในสิ่งนี้ปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขาโดยพร้อมเพรียงกัน
หากเซย์เมย์เอาแต่หลบเลี่ยง ไม่ยอมใช้คาถาของตนในที่แห่งนี้ พวกเขาก็จะพูดได้ว่า บุรุษผู้นี้ไม่เห็นเก่งอย่างที่เล่าลือกันเลย คำพูดเช่นนี้ปรากฏอยู่ในดวงตาของพวกเขา ขณะนี้
เซย์เมย์จ้องหน้าพวกเขาครู่หนึ่ง
ให้ข้าพเจ้าทำบาปแล้วนะขอรับ
พลางพึมพำสั้นๆ แล้วยื่นแขนขวาออก
จากนั้นจึงคว้าจับใบของกิ่งหลิวกิ่งใหม่ที่ค้างอยู่บนต้นใบหนึ่งไว้ด้วยปลายนิ้วสีขาว และปลิดออกมาอย่างง่ายดาย
ก่อนจะโยนใบหลิวนั้นขึ้นกลางอากาศแล้วร่ายคาถา
ใบหลิวหมุนคว้างกลางอากาศ แล้วจึงร่อนลงบนตัวของกบตัวหนึ่ง ทันใดนั้น กบก็แตกดังโพล๊ะสิ้นใจในทันที
ทั้งเนื้อและเครื่องในกระจายอยู่ทั่วบริเวณนั้น
เหล่าพระทั้งหลายเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็หน้าถอดสี ขวัญกระเจิงสิ้น
คนจาคุโมโนงาตาริ กล่าวไว้เช่นนั้น
เซย์เมย์ผู้นี้ เมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ภายในคฤหาสน์ คงจะใช้สอยชิคิจินเป็นแน่
ไม่มีผู้ใดอยู่แท้ๆ แต่ชิโทมิ (กันสาดที่สามารถยกขึ้นลงได้ของบ้านญี่ปุ่น) กลับยกขึ้นลงได้เอง ไม่มีผู้ใดปิดแท้ๆ แต่ประตูก็กลับปิดได้เอง
เรื่องลึกลับทั้งหลาย ล้วนเกิดขึ้นรอบกายเซย์เมย์ทั้งสิ้น
อะเบะโนะเซย์เมย์ผู้นี้ หากลองค้นดูในเอกสารฉบับอื่นแล้ว ล้วนพบเรื่องการใช้เวทมนตร์ทำให้ผู้คนแตกตื่น เช่นเดียวกับเรื่องของนักพรตจิโทคุหรือกบที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งสิ้น
ดูท่าเขาคงสนุกสนานกับเรื่องเช่นนี้ยิ่ง การทำเรื่องสำคัญด้วยใบหน้าสนุกสนานเช่นนี้ แสดงว่าเขาอาจมีนิสัยเหมือนเด็กอยู่บ้างก็เป็นได้
จากนี้ข้าพเจ้าจะลองจินตนาการดู บุรุษนามอะเบะโนะเซย์เมย์ผู้นี้ อาจจะทำงานรับใช้อยู่ในวังไปพร้อมๆกับส่งผ่านคำร่ำลือจำนวนมากไปยังที่ต่างๆ ในวังก็เป็นได้
เขาคงเป็นบุรุษอันงดงาม ผู้สูงสง่า ผิวขาว และมีดวงตาอันเยือกเย็น
เพียงเยื้องกรายผ่านฝูงชนด้วยท่าทางดุจเดียวกับชนชั้นสูง เหล่าสตรีในวังที่พบเห็นย่อมเอาเรื่องนี้ไปร่ำลือกันแล้ว
เขาย่อมได้รับจดหมายที่เขียนด้วยบทกวีพลอดรักจากเหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์สักหนึ่งหรือสองฉบับไม่ผิดแน่
เมื่อเรื่องนี้ไปถึงบุคคลระดับสูงผู้ชาญฉลาด คำพูดอันหยาบคายย่อมหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ
เฮ้ย
คงมีผู้เผลอกล่าวคำเช่นนี้กับองค์จักรพรรดิ์ด้วยเช่นกัน
ริมผีปากที่ประดับด้วยรอยยิ้มอันสูงค่า ในเวลาอื่น ย่อมมีรอยยิ้มอันเหยียดหยามปรากฏขึ้นด้วย
อาชีพองเมียวจิ จำเป็นต้องอยู่เบื้องหลังชะตาของมนุษย์ ในวังจึงต้องเลี้ยงดูผู้มีอาชีพนี้อย่างดี
นอกจากการท่องจำบทกวีจีนแล้ว จากพรสวรรค์ที่มีเขาย่อมสามารถเล่นบิวะ เป่าขลุ่ย หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นสักอย่างสองอย่างได้มิใช่หรือ
ข้าพเจ้ารำลึกเสมอว่ายุคเฮอัน เป็นยุคของความมืดอันสูงค่า
จากนี้ไป ข้าพเจ้าจะเริ่มเล่าถึงเรื่องราวของบุรุษที่ล่องลอยไปมา ประดุจเมฆที่ต้องลมท่ามกลางความมืดที่อ่อนนุ่ม สูงค่า และน่ากลัวนี้แล้ว
จากคุณ :
...วัช...
- [
7 ส.ค. 47 10:09:34
]