CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    แล้วก็หลงรัก ค ว า ม เ ห ง า ใน collateral

    เพียงเพราะเป็นแฟนคลับของ ทอม ครูซ
    ดิฉันเลยเลือกดูหนังเรื่องนี้ เพียงลำพังในบ่ายวันเสาร์
    ความเหงา ไม่ได้เกิดจาก
    การขับรถไปซื้อตั๋วและเดินเข้าโรง- คนเดียว
    แต่เกิดจากความรู้สึกที่ว่า—

    นี่คือ บรรยากาศที่คุ้นเคยมาตลอดหลายๆ ปี
    บรรยากาศของเมืองแอลเอ
    บรรยากาศในทุกแง่มุมของหนัง
    เป็นทุกมุม ที่ดิฉันคุ้นเคย
    และเลยรู้สึกว่า
    หนังเรื่องนี้ ตีแผ่ความรู้สึกของ คนแอลเอ จริงๆ

    ความรู้สึกของคนตัวเล็กๆ ในเมืองใหญ่
    ในสังคม บนถนนหนทาง ในไหน-ในไหน
    มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่ เป็นอณูเล็กๆ ของสังคม
    หลายคนซุกซ่อนความฝัน ความกล้า
    และยอมรับชะตากรรมของการใช้ชีวิตไปเพียงลำพัง
    อย่างเงียบๆ

    รอและรับ กับอะไรๆ ที่เกิดขึ้น
    เพียงเพราะคิดว่า
    “ก็เรา.. เป็นแค่คนเล็กๆ คนหนึ่ง”

    หนังเรื่องนี้ ไม่ใช่หนังโหดร้าย
    หรือว่า แอ๊คชั่นโลดโผน
    หากสำหรับดิฉัน มันคือ หนังชีวิต, ที่..
    ตีแผ่ความฝัน ความหวัง ที่เราต่างซุกซ่อนอยู่ในหัวใจ
    -ได้ดีเยี่ยม

    การล้วง แคะ แกะ เกา ทางความคิด
    ระหว่างคนแปลกหน้า ส อ ง ค น ในรถแท๊กซี่

    ไม่ว่า จะจากบทสนทนาระหว่าง
    อัยการ แอนนี่ ฟาร์เรลล์ กับ แม๊กซ์
    หรือระหว่าง การบ่งหนองในใจ ของ วินเซนต์ และ แม๊กซ์

    บทสนทนาเหล่านั้น ตรงนั้น
    บอกอะไรๆ ต่อมิอะไรระหว่างคำ
    ให้กับ หัวใจคนแอลเอ อย่างดิฉันเหลือเกิน

    ภาพโปสการ์ดทะเล ในรถของแม๊ก
    กับการเหลือบตามอง เมื่อถึงที่สุดกับ “ขยะทางเสียง” ในรถ
    การเดินย้อนกลับมา ของแอนนี่
    —หลังจ่ายค่าแท๊กซี่และปิดประตู เพื่อจากไป
    การร่วมลิฟต์ ระหว่าง 3 ชีวิตที่เกี่ยวข้องกันอย่างไม่รู้ตัว
    ดอกไม้ในตะกร้าหวายใบนั้น

    เหล่านี้ บอกดิฉันว่า
    ความสวยงามของสัมพันธภาพระหว่าง คนในเมืองใหญ่
    ยังมีอยู่ ยังคงลอยอวลไอ.. ในทุกๆ ที่

    อยู่ที่เราจะเปิดใจ แค่ไหน

    หนังเรื่องนี้
    เป็นเหมือนเส้นทางด่วนคู่ขนาน ระหว่าง คนสองคนจริงๆ
    ค น แ ป ล ก ห น้ า ที่มาร่วมทาง
    อย่างที่ คง อ ย า ก จะเป็นเพื่อนกัน ถ้าทำได้
    แต่กลับ เ ข้ า ใ ก ล้ กั น ม า ก ก ว่ า นั้ น ไ ม่ ไ ด้

    หากทุกอย่างในโลกนี้
    มีข้อยกเว้น
    และเส้นขนานก็มีจุดที่จะ ได้โอกาสแตะสัมผัสกันในบางช่วง
    และนั่น..
    ทำให้ดิฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลหลั่งจาก วินเซนต์
    เมื่อเขาสอนให้ แม๊กซ์รู้จักการกระแทกกระทั้น
    จนแม๊กซ์ระเบิดเป็น -
    และรู้จังหวะของการระเบิดได้อย่าง มืออาชีพ ว่า

    อยู่ในสังคมใหญ่แบบนี้
    อย่ายอมให้ ใครรังแก


    ชอบฉากที่ วินเซนต์ สอน แม๊กซ์.. ให้ “สบถ”
    ชอบฉากที่ วินเซนต์ นั่งเงียบในรถแท๊กซี่ หลัง “แจ๊ซ” ท่อนนั้น “ล้ม” ลง
    ชอบความสวยงามของเพลงบรรเลง ระหว่างเหตุการณ์สำคัญๆ
    ชอบ.. ที่สุดคือ
    ฉาก.. หมาตัวหนึ่ง.. เดินข้ามถนนระหว่างรถติดไฟแดง

    หรือว่า..  แท้ที่จริงแล้ว ในสังคมใหญ่
    มนุษย์เราเป็นแค่ สัตว์บาดเจ็บตัวหนึ่งที่กำลังหาทางกลับบ้าน

    เขียนถึงตรงนี้
    ดิฉันได้คำตอบแล้วว่า
    ทำไมดิฉันถึงยิ้มได้ทั้งใจ เมื่อหนังเปิดฉากมาใน อู่แท๊กซี่
    แล้วดิฉันเห็นว่า กองหนังสือบนโต๊ะกาแฟตัวนั้น
    มีหนังสือพิมพ์ภาษาไทยวางหราอยู่ด้วย..

    อย่างน้อย ในหนังเรื่องนี้
    ดิฉันก็ได้ทราบว่า ในสังคมแอลเอวันนี้
    มีคนไทยเป็นคนขับรถแท๊กซี่.. ในอู่เดียวกับแม๊กซ์ด้วย.. (ล่ะ)
    และดิฉันก็ได้แต่ภาวนา
    ให้ เขา-ไม่ต้องเจอ “มือปืน” อย่างวินเซนต์
    หากขอให้ได้เจอ คนแปลกหน้าสักคน
    ที่จะสอนเขาระหว่างการโดยสารว่า

    ในสังคมที่กว้างใหญ่อย่างในแอลเอ—นี้
    มนุษย์เรา ต่างเป็นสัตว์บาดเจ็บที่หาทางกลับบ้าน- เหมือนๆ กัน
    ดังนั้น อย่าให้ใครมารังแก..
    โดยที่คุณไม่แม้จะคิด-เหยียดหลังไหล่.. เพื่อ ยืนตรง
    และข้ามถนนของชีวิตอย่างตั้งใจ

    คนเราทุกคนต้องตาย
    แต่เราเลือก "ท่า" ที่จะตายได้ว่า เราจะตายแบบไหน—
    เพราะนั่นคือ หลักฐานที่เราจะทิ้งไว้บอกกับคนที่อยู่ข้างหลังว่า..

    เราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างสมบูรณ์แบบ
    และเต็มที่กับมันแล้ว ในยามที่เรายังมีชีวิตอยู่..
    เหมือนที่ เหมือนที่..
    วินเซนต์ตะโกนบอกแม๊กซ์ว่า..

    “นี่คืออาชีพของเขา
    อาชีพที่ต้อง ทำ เพื่อการอยู่รอด"

     
     

    จากคุณ : ไอริส (กลีบบาง) - [ 15 ส.ค. 47 10:51:55 ]