ความคิดเห็นที่ 1 กทม. เอ่อ..เคยมีผังเมืองด้วยเหรอครับ ไม่มีม้างงงง จากคุณ : ..(^^)v.. - [ 10 ก.ย. 47 22:07:36 A:210.86.197.214 X: TicketID:070740 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คาดว่าคงไม่มีใครคิดอ่ะครับ ถึงได้เป็นแบบนี้ อิอิ จากคุณ : Ped-Degree - [ 10 ก.ย. 47 22:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีครับแต่ว่า ไม่ทันแล้ว มีคิดจริงๆนะครับ แต่ว่าคงจะมาตอนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท้ายๆน่ะครับ ต่อไปคงจะพัฒนาในทางที่ดีขึ้น อีกอย่างนะครับ คนเยอะก็ต้องมีซอยเยอะเป็นธรรมดาครับ แต่ว่าถ้ามีผังเมืองรวมที่ดีมันจะขึ้นถูกที่ถูกทางครับ จากคุณ : zmakqo10 - [ 10 ก.ย. 47 22:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอเล่าแบบท้าวความหน่อยนะคะ สมัยยุคแรกรัตนโกสินทร์ = = = = = = = = = รูปร่างของผังเมืองมี ๒ ส่วนคือ บริเวณแรก - ภายในคลองคูเมืองเดิม(ที่คนทั่วไปชอบเรียกผิดว่าคลองหลอดนั่นล่ะค่ะ) เป็นที่ตั้งของวัง และวัดสำคัญ บริเวณที่สอง - ระหว่างคลองคูเมืองเดิมกับคลองโอ่งอ่าง-บางลำพู เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าข้าราชบริพาร ข้าราชการ ราษฎรและชาวต่างชาติ ซึ่งชาวต่างชาติจะกำหนดให้อยู่เป็นย่านๆไป เช่น สำเพ็งสำหรับคนจีนฃ แนวคิดการวางผังเมืองระยะแรกยึดตามแบบอยุธยา = = สมัยร.๒ ขุดคลองบางขุนเทียน เป็นเส้นทางสัญจรไปยังทางฝั่งธนบุรี = = สมัย ร.๓ ไม่ค่อยได้สร้างถนน แต่สร้าง landmark เช่น ภูเขาทอง โลหะปราสาท พระปรางค์วัดอรุณ และขุดคลองแสนแสบต่อจากคลองมหานาคเชื่อมต่อไปยังบางขนาก ฉะเชิงเทรา จากคุณ : Quasar - [ 10 ก.ย. 47 22:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 = = สมัย ร.๔ เมืองขยายไปทางตะวันออก(ตะวันตกเป็น น.เจ้าพระยา) มีการขุดคูเมืองชั้นนอก(คลองผดุงกรุงเกษม) คลองมหาสวัสดิ์ คลองภาษีเจริญ พัฒนาเมืองแบบไทยๆ คือขยายเมืองโดยการขุดคลอง และเริ่มพัฒนาเมืองแบบตะวันตก ตัดถนนสายแรกคือ ถนนเจริญกรุง ตามมาด้วย ถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร สร้างตึกแบบยุโรปสองข้างทาง เป็นจุดเริ่มของการเปลี่ยนชุมชนน้ำมาเป็นชุมชนบก เปลี่ยนจากเรือมาใช้รถ = = ร.๕ การเสด็จประพาสยุโรปทำให้มีการตัดถนนที่สวยงามตามแบบฝรั่ง คือถนนราชดำเนิน สร้างสะพานสวยๆ เช่น สะพานพิภพลีลา สะพานผ่านฟ้าลีลาส สะพานมัฆวานรังสรรค์ และสะพานที่ขึ้นต้นด้วย "เฉลิม" ต่างๆ รวมทั้งการสร้างพระราชวังดุสิตจนพัฒนาเป็นย่านราชการสำคัญ จากคุณ : Quasar - [ 10 ก.ย. 47 23:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 = = ร.๖ ตัดถนนและสร้างสะพานข้ามน.เจ้าพระยา(สะพานพระราม ๖) และสร้างสะพานที่มีชื่อขึ้นต้นด้วย "เจริญ"   สร้างตำหนักสวนจิตรลดา โรงเรียนวชิราวุธฯ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สร้างสวนลุมพินี โรงพยาบาลจุฬาฯ การประปา หัวลำโพง ย้ายสนามบินสระปทุมจากสนามม้าราชกรีฑาสโมสรไปที่ดอนเมือง เมื่อปี 2457 และพัฒนาจนกลายเป็นสนามบินนานาชาติ ในปี 2467 และการสร้างวงเวียน ๒๒ กรกฎา ในปี ๒๔๖๐ ซึ่งเป็นการสร้างที่ว่างของเมือง หรือ urban space แบบตะวันตก ชุมชนสมัยนี้แยกเป็นกลุ่มชัดเจน เช่น ย่านพักอาศัย แถบสีลม สาธร ย่านการค้าคนจีนที่เยาวราช ย่านการค้าคนไทยที่บางลำพู ย่านการค้าแบบฝรั่งที่บางรัก ย่านอุตสาหกรรมตามริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ย่านเกษตรกรรมแถบบางเขน แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 47 23:02:38 จากคุณ : Quasar - [ 10 ก.ย. 47 23:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 = = ร.๗ การพัฒนาเมืองที่สำคัญ คือ การตัดถนนสุขุมวิท สะพานพระพุทธยอดฟ้า ในปี 2475 การใช้ที่ดินสมัยนี้แบ่งได้ ๔ เขต ๑.เขตเมืองชั้นในตอนเหนือ (เขตดุสิต นางเลิ้ง) มีความหนาแน่นต่ำ เป็นย่านพักอาศัยชั้นดี วังเจ้านาย มีประชากรประมาณ 65,000 คน ๒. เขตเมืองชั้นในตอนกลาง (เขตพระนคร) มีความหนาแน่น เป็นย่านการค้า(ตึกแถว) และเขตวัง มีประชากร 80,000 ๓.เขตเมืองชั้นในตอนใต้ เป็นย่านการค้า ท่าเรือ โกดังริมน.เจ้าพระยา และย่านธุรกิจแบบตะวันตก(ธนาคาร สถานทูต สำนักงาน) บริเวณใต้สุด เป็นอู่เรือ โรงเลื่อย โรงสี สลับกับสวนผลไม้ ที่นา มีประชากร 500,000 คน ๔. เขตเมืองชั้นนอก เช่น บางกะปิ พระโขนง บางเขน บางซื่อ ส่วนใหญ่เป็นที่เกษตรกรรม ทางด้านเหนือเป็นเขตทหาร แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 47 22:55:30 จากคุณ : Quasar - [ 10 ก.ย. 47 23:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การขยายตัวของชุมชนเมืองส่วนหนึ่งเกิดจากสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อกรุงเทพโดนโจมตีทางอากาศ ทำให้คนอพยพออกไปชานเมือง เช่น ทุ่งบางกะปิ พระโขนง ....หมายเหตุ ทุ่งบางกะปิที่กล่าวถึง ไม่ใช่เขตบางกะปิที่มีเดอะมอลล์บางกะปินะคะ หมายถึงแถวสุขุมวิท เมื่อชุมชนพักอาศัยย้ายไปกลายเป็นย่านพักอาศัยชั้นดี( ดูจากบ้านเก่าๆในซอยของถนนสุขุมวิท) เอกชนได้เปิดบริการรถประจำทาง ส่งเสริมให้ชุมชนยิ่งขยายตัวออกไปจากกลางเมือง ด้านเหนือขยายตัวไปตามแนวถนนพหลโยธิน ด้านตะวันออกตามถนนสุขุมวิทและพระราม 4 ด้านตะวันตกจาก น.เจ้าพระยาไปถนนจรัญสนิทวงศ์และวงเวียนใหญ่ เปรียบเทียบการขยายตัว ปี 2479 มี 6.5 แสน พื้นที่ชุมชนเมือง 26,000 ไร่ ปี 2496 มี 1.1 ล้าน พื้นที่ชุมชนเมือง 41,735 ไร่ = = = = = = = = = ช่วงหลังสงคราม มีการพัฒนาเมืองโดยการสร้างอาคารสงเคราะห์สำหรับคนรายได้น้อย เช่น อาคารสงเคราะห์ดินแดง คลองประปา คลองตัน ทุ่งมหาเมฆ ในปี พ.ศ.2491-2499 = = = = = = = = = หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปี 2501 มีการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติขึ้น และในปีเดียวกันนี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สนับสนุนทางวิชาการให้บริษัท Litchfield Whiting Bowne & Associates เข้ามาจัดทำผังเมืองกรุงเทพฯ ร่วมกับเทศบาลกรุงเทพและเทศบาลธนบุรี จากคุณ : Quasar - [ 10 ก.ย. 47 23:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 9 = = = = = = = = = แต่การมีผังเมืองโดยไม่มีกฎหมายผังเมืองมาบังคับใช้ ทำให้ไม่สามารถควบคุมการขยายตัวเมืองได้ รัฐไม่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ได้แก่ ถนน ระบบระบายและบำบัดน้ำเสียได้ทันกับการขยายย่านพักอาศัย โดยเฉพาะทางฝั่งธนบุรี ภาคเอกชนจึงพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อเป็นย่านการค้าและพักอาศัยมากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏการณ์เมืองรุกพื้นที่เกษตร เห็นได้ทั่วไป แม้จนปัจจุบัน การลงทุนสร้างบ้านจัดสรรที่อยู่ลึกจากถนน ทำให้ราคาถูก ลงทุนน้อย ขายได้ราคาต่ำ เกิดเป็นเมืองในพื้นที่เกษตรกรรมที่ขาดโครงข่ายถนนมารองรับ จนไม่สามารถแก้ปัญหาได้จนปัจจุบัน จากคุณ : Quasar - [ 11 ก.ย. 47 00:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 = = = = = = = = = เนื้อหาทางวิชาการด้านบนนี้ มาจากหนังสือ Planning Theory ของ ผศ.สิทธิพร ภิรมย์รื่น คณะสถาปัตย์ ม.ศิลปากร นำมาสรุปย่อๆ ค่ะ ให้เห็นภาพว่าเมืองอย่างกรุงเทพเกิดและเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง แม้แต่สงคราม ก็ทำให้เมืองเปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่ได้คาดไว้ ข้อจำกัดทางการลงทุนสร้างโครงสร้างหลักไม่ทันกับการขยายของเมือง การขาดการบังคับใช้กฎหมาย ...ก็เป็นสาเหตุร่วมกันของปัญหาค่ะ สาเหตุสำคัญอีกอย่าง ที่เกิดมาแล้ว และคงเกิดขึ้นได้อีกในอนาคตก็คือ การจัดมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ เช่น SEAP GAMES / ASIAN GAMES เมื่อรัฐลงทุนจัดงาน สิ่งที่ตามมาก็คือ หมู่บ้านนักกีฬา สนามกีฬา แม้แต่การจัด ASIAN GAMES ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา มีการตัดถนน ทางด่วนมากมาย เกิดศูนย์กีฬาและที่พักนักกีฬาขนาดใหญ่ขึ้น ชุมชนเหล่านี้หลังการแข่งขัน ก็จะกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่โดยรอบ เมื่อไม่ได้สร้างโครงข่ายถนนรองรับชุมชนในระยะยาวก็จะเกิดปัญหาขึ้นมากมาย เช่น บริเวณ หัวหมาก - -' = = = = ....คงตอบปัญหา จขกท. ได้พอสมควรแล้วนะคะ ....ปัญหาที่เกิดขึ้นมันสะสมมานาน ไม่มีใครเป็นผู้วิเศษมาแก้ได้หรอกค่ะ แต่ช่วยบรรเทาได้ ....เห็นหลายๆคน บ่นกันเหลือเกิน ว่าผู้ว่าฯ กทม. กี่คนๆก็แก้ปัญหารถติดไม่ได้สักที เลยอยากให้ลองพิจารณาดูว่า ที่มาของเมืองเป็นอย่างไร ปัญหาเกิดขึ้นได้ยังไง ถ้าจะแก้ปัญหา ก็ต้องใช้เวลาสร้างโครงข่ายและกฎหมายมารองรับด้วย ถ้าในปัจจุบัน ตัวการทำให้เกิดปัญหาก็ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่ทำให้เกิดชุมชนโดยรอบ หรือบางทีก็สวนทางกัน ที่ห้างขนาดใหญ่มาเกิดทีหลังท่ามกลางชุมชน ปัญหาเหล่านี้ยังมีมาตรการทางกฎหมายที่นำมาใช้ได้ แต่อยู่ที่ว่า ใครจะทำ ใครจะกล้า ทุกวันนี้ ชุมชนเกษตรกรรมรอบปริมณฑลก็หายไปๆ เพราะถูกกรุงเทพรุกกลายเป็นที่พักอาศัย แต่ในกลางเมือง กลับมีพื้นที่ว่างเปล่าอยู่จำนวนมาก บ้างก็ที่ตาบอด โครงข่ายถนนเข้าไม่ถึง บ้างก็ที่เปลี่ยวอันตราย . . . . . . . . นำเสนอที่มาและปัญหาค่ะ วิธีแก้ปัญหา รอคคห.ต่อไป ^^' จากคุณ : Quasar - [ 11 ก.ย. 47 00:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านเรื่องผังเมืองแล้วขนลุกซู่ตลอดเลยครับ ชอบมากๆ มีแต่เรื่องที่ผมไม่ทราบทั้งนั้นเลย อ่านแล้วขนลุกจริงๆ ดีจังเลยครับ ชอบๆๆๆ ขอบคุณมากนะครับ ขออนุญาตเซฟด้วยครับ เห็นด้วยกับเรื่องการแก้ไขปัญหาผังเมืองและรถติดนะครับ ว่ายังไงๆ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ดีสุดก็แค่ทุเลาบรรเทาบ้าง เช่น คนที่อยู่พญาไทแล้วต้องไปทำงานอ่อนนุชก็คงลำบากยากเข็ญเหมือนกันก่อนที่จะมีบีทีเอส เรื่องการคมนาคมในรูปแบบรถไฟฟ้าก็สามารถช่วยบรรเทาการเดินทางของประชาชนที่อยู่ในเส้นทางได้คือทางตรง และคนที่ต่อรถมาขึ้นซึ่งเป็นทางอ้อม กรุงเทพฯจะแออัดก็แออัดสุดยอด บางพื้นที่ก็เปลี่ยวและอันตราย เป็นจุดอับจริงๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งที่อยู่บริเวณติดกับทางขึ้นทางลงทางด่วนก็เจ๊งหลายห้างก็มี เป็นต้น การร่างกฎหมายผังเมืองนั้นเสร็จสิ้นแล้วครับ และมีการนำมาใช้บางส่วนแล้ว ยังมีการจัดโซนต่างๆ ด้วยครับ โดยเขตที่อยู่ชานเมืองตั้งแต่มีนบุรี หนองจอก หลักสี่ ดอนเมือง คือเขตนำร่องสำคัญครับ ส่วนเขตอื่นๆ ก็มีการบังคับใช้เหมือนกันนะครับแต่ส่วนใหญ่ที่พบเห็นจะเป็นการบังคับใช้แบบเก็บเงินมากกว่า จะพูดไงดีอ่ะ อย่างชุมชนเมืองหนาแน่นเดี๋ยวนี้จะสร้างตึกใหญ่ๆ สูงๆ ต้องจ่ายมากขึ้นครับ แต่ถ้าออกนอกตัวเมืองไปอีกก็จะจ่ายน้อยลง แล้วก็ที่อยู่อาศัยก็จำกัดความสูงและยังมีกฎหมายจัดสรรพื้นที่ภายในบ้านโดยเฉพาะอาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นมาหลายประการด้วย ก็จะเป็นการเพิ่มการกระจายตัวความหนาแน่นไปยังชานเมืองด้วยครับ นอกจากเรื่องการบังคับใช้รูปแบบอาคารดังกล่าว เรื่องของตรอกซอกซอยที่มากมายนั้นคงจะเกิดขึ้นน้อยลง เท่าที่ผมคิดนะครับ กรุงเทพฯ ไม่ใช่เมืองที่ระบบขจนส่งมวลชนย่ำแย่ เป็นเมืองที่มีถนนหนทางให้รถวิ่งไม่เพียงพอคับ เทียบตามจำนวนประชากรแล้ว การมีจำนวนรถมากมายเต็มถนนอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องปิดปกติถ้าเทียบกับเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก ดูอย่างนิวยอร์คก็ถนนแคบเหมือนเราเหมือนกัน และรถก็ติดมากกว่าเราด้วยครับ เพราะนิวยอร์คก็คล้ายๆ กรุงเทพอย่างหนึ่งคือเป็นเมืองเก่าแก่ เมื่อก่อนรถราไม่มีให้ใช้กันก็ปลูกบ้านติดๆ กันมีซอยเล็กๆ เนี่ยแหละ พอเจริญมาเรื่อยๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว ไม่เหมือนเมืองใหม่ๆ เช่น แคนเบอร์ร่าเมืองหลวงของออสเตรเลียที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองทีมีผังเมืองดีที่สุดในโลก อ้อ แล้วก็เมืองเกือบทุกเมืองในแคนาดาด้วยครับ ผมคิดไปพิมพ์ไปเรื่อยๆ หลุดประเด็นไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยครับ จากคุณ : ++peter++ - [ 11 ก.ย. 47 00:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มีคนมาอ่านแระ...^^ งั้นเล่าต่อ..อิอิ หลังจากปี 2511 เริ่มมีปัญหาการจราจรที่สี่แยกของถนนสายหลักตัดกัน เช่น ประตูน้ำ พญาไท ราชเวที ปทุมวัน สามย่าน หรือบริเวณที่ตัดกับทางรถไฟ คณะผู้เชี่ยวชาญจากเยอรมันได้เข้ามาศึกษาปัญหาในปี 2515 และนำเสนอการแก้ปัญหาระยะสั้นคือ การสร้างสะพานลอย เช่น สะพานลอยยมราช เพราะการจราจรมีปัญหา การใช้ที่ดินในเขตชั้นในของเมืองจึงเริ่มหนาแน่นสูง กลายเป็นอาคารสูง สำนักงาน โรงแรม มีการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบผสม มีทั้งการค้า และพักอาศัยในย่านเดียวกัน รัฐบาลได้พยายามแก้ปัญหาด้วย - - การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา โดยสร้างเพิ่มอีกหลายแห่ง สร้างถนนสายหลักเพิ่ม ในปี 2515 จึงได้สร้างสะพานปิ่นเกล้าขึ้น ตามด้วย สะพานปกเกล้าคู่สะพานพุทธ สะพานตากสิน สะพานพระรามเก้า - - การตัดถนนจารุเมือง เชื่อมพระรามหกกับพระรามสี่ ถนนอโศกดินแดง ถนนมหานคร - - สร้างถนนวงแหวนรอบใน คือ ถนนรัชดาภิเษก - - สร้างถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา คือ ถนนพระราม 3 - - ฝั่งธน มีถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี - - ถนนพระราม 2 เชื่อมสมุทรสาคร - - ถนนสายไหม ถนนนิมิตรใหม่ ถนนสุขาภิบาล 1 2 3 และถนนบางนา-ตราด ในปี 2520-2530 ได้พัฒนาโครงข่ายถนนที่สำคัญ คือสร้างทางด่วนเฉลิมมหานคร ขั้นที่ 1 และ เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของระบบรถไฟฟ้า และสนามบินหนองงูเห่า แต่ไม่มีการดำเนินการอะไร ในช่วงนี้ได้มีกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาเมือง 2 ฉบับ คือ 1.ประกาศคณะปฏิวัติ(ป.ว.) 286 เรื่องการควบคุมการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2515 2.พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2522 จากคุณ : Quasar - [ 11 ก.ย. 47 01:14:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พระราชบัญญัติการผังเมือง = = = = = = = = = 2495 ตราพระราชบัญญัติการผังเมืองและชนบท (เป็นกม.ผังเมืองฉบับแรกของไทย) 2501 ไทยได้รับความร่วมมือจากสหรัฐ โดยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา Litchfield Whiting Bowne & Associates มาทำงานร่วมกับฝ่ายไทยเป็นเวลา 3 ปี จนได้ แผนผัง Greater Bangkok Plan 2533 เป็นการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบครั้งแรกของไทย ซึ่งกำหนดให้ครอบคลุมการพัฒนาในระยะ 30 ปี (2504-2533) ผังนี้เป็นต้นแบบการวางผังเมือง และผังเมืองรวมต่างๆ ในสมัยต่อมา 2505 จัดตั้ง สำนักผังเมือง สังกัดกระทรวงมหาดไทย ดูแลการจัดทำผังเมืองทั่วประเทศ 2515 สำนักผังเมืองได้ปรับปรุงผัง Litchfield ใหม่เป็น "รายงานการปรับปรุงผังนครหลวงครั้งที่ 1 " เสนอแนะการพัฒนากรุงเทพ(และเทศบาลนนทบุรี เทศบาลสมุทรปราการ) ในช่วงปี 2513-2533 2516 มีโครงการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์ และแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการเพื่อดูแลกำหนดนโยบายอนุรักษ์และพัฒนา จัดตั้งการเคหะแห่งชาติเพื่อพัฒนาแหล่งเสื่อมโทรมและชุมชนแออัดทั่วประเทศ 2518 รัฐสภาพอนุมัติผ่านร่างพ.ร.บ.การผังเมือง ที่ยกร่างมาตั้งแต่ปี 2513 ประกาศใช้ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2518 และใช้เป็นแม่บทของกฎหมายผังเมืองจนถึงปัจจุบัน จากคุณ : Quasar - [ 11 ก.ย. 47 01:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมก็มาอ่านนะครับ ได้ความรู้ดี ปล.ลองคิดดูว่าถ้ากรุงเทพไม่มีตรอกซอกซอยเลยจะเกิดอะไรขึ้น บ้านเรือน ร้านค้า ห้างร้าน บริษัท บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ทุกอย่างวางเรียงหน้ากระดานไปกับถนนใหญ่หมด ฮ่าๆ จากคุณ : ปลาแมน - [ 11 ก.ย. 47 04:20:52 A:202.57.177.78 X: TicketID:005886 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กระทู้โดนใจ .... ใช่เลย กลับบ้านดึกๆ เหนื่อยๆ ทีไร อยากตาย กว่าจะถึงบ้าน ....... จากคุณ : ตอนนี้อารมณ์สีฟ้า - [ 11 ก.ย. 47 07:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ... เข้ามาอ่านครับ จากคุณ : Mr. Fusion - [ 11 ก.ย. 47 12:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอแย้งนิดนึงครับ สะพานรุ่น "เจริญ" สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 ครับ และในช่วงปี 2460 ที่สร้างวงเวียน 22 กรกฎา ก็อยู่ในรัชสมัย ร. 6 เช่นกันครับ (2468) จากคุณ : Leetaming - [ 11 ก.ย. 47 14:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณที่มาให้ความรู้นะครับ จากคุณ : gabriel - [ 11 ก.ย. 47 20:03:52 A:202.47.247.130 X: TicketID:063138 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ คุณ Leetaming ที่ทักท้วงค่ะ - -' คือพิมพ์ใน notepad แล้ว copy กะ paste มั่วไปนิดนึง ข้อความเกี่ยวกับยุคในสมัย ร.๖ และร.๗ เลยปนกันมั่ว...ขอโทษนะคะ (กลับไปแก้ไหข้อความให้ถูกต้องแล้วค่ะ) จากคุณ : Quasar - [ 11 ก.ย. 47 22:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ร่วมด้วยช่วยอ่านครับ เป็นกำลังใจให้คนพิมพ์ :) จากคุณ : สาดสุราลงคอ ดับพิษร้ายในดวงใจ - [ 13 ก.ย. 47 22:32:52 ]