CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    คุณเชื่อเรื่องบาปไหม ผมเชื่อนะ เพราะว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ มันทรมานผมมาสิบกว่าปีแล้ว

    สำหรับผม....
    ผมไม่เคยทำบาปนะ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่เด็ก ถ้ามีโอกาสช่วยใครได้ ผมจะช่วยเสมอ สมัยที่อยู่บ้านนอก ผมเคยเอาข้าวไปให้คนบ้า ซึ่งมาหลบอาศัยอยู่ในขนำกลางนา จนพวกผู้ใหญ่ตกใจ กลัวคนบ้ามันจะฆ่าเอา แต่ผมว่าเขาไม่บ้านะ เพราะเขาคุยกับผมรู้เรื่อง แต่พวกผู้ใหญ่ไม่เชื่อ กลัวเขาจะทำร้ายเด็ก เลยไล่เขาไปจากหมู่บ้าน มันนานมาแล้ว

    สำหรับบาปที่ไม่ตั้งใจ เคยมีครั้งหนึ่งสมัยที่ผมกลับมาอยุ่เมืองไทยใหม่ๆ และลงไปอยู่ภาคใต้ที่บ้านเกิด ตอนนั้น ผมเอานกเอี้ยงซึ่งตกจากต้นมะพร้าวมาเลี้ยงไว้ตัวหนึ่งที่บ้านนอก มันขาเป๋ แต่ดุชนิดที่ว่า ไล่จิกตีแม่ไก่จนกระเจิง

    แล้ววันหนึ่งมันจึงได้เจอของแข็ง เมื่อไปไล่จิกสุนัขตัวหนึ่งที่ในหมู่บ้าน จนสุนัขตัวนั้นโมโห กัดมันจนตาย ผมโกรธสุนัขตัวนั้นมาก ถึงกับหลุดปากออกมาว่า ใครฆ่าหมาตัวนี้ได้ ผมจะให้คนละสิบบาท
    ผมพูดออกไปแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ทว่า ลูกกับหลานผมซึ่งอายุเพียงแค่ 7ขวบ และ 12 ขวบ ไม่เข้าใจ คิดว่า ผมพูดจริงๆ
    วันรุ่งขึ้น ผมกลับจากทำธุระที่ในเมือง ปรากฏว่า ลูกกับหลานเอาซากสุนัขตัวนั้นมาแขวนไว้ที่หน้าบ้าน ผมตกใจมากที่เห็นภาพนั้น ไม่รู้ว่าเรื่องร้ายๆแบบนี้จะเกิดขึ้นมา ผมพยายามบอกลูกว่า สิ่งที่ทำไปนั้นมันคือบาปมหันต์  การทำลายหนึ่งชีวิตให้สูญดับไป คือบาปที่เราต้องชดใช้ ลูกถามผมว่า เราต้องชดใช้อย่างไร ผมบอกว่า ถ้าเราตายไป เราก็จะตกนรก หรืออาจจะเกิดใหม่ แล้วถูกสุนัขตัวนั้นฆ่าตาย ลูกถามอีกว่า แล้วถ้าเราชดใช้บาปให้กับมันจะได้ไหม ผมถามว่าเราจะชดใช้อย่างไร ลูกบอกว่าต่อไป ผมจะไม่ทำบาปอีกเลย

    นับแต่นั้นมาที่บ้านผมจะไม่มีการซื้อสัตว์ที่มีชีวิตอยู่มาทำอาหารอีก สิ่งไหนที่รู้ว่าเป็นบาป ผมกับลูกจะเลี่ยงทุกอย่าง จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อ สิบกว่าปีมาแล้ว ลูกชายกลับจากโรงเรียนในจังหวัดนนทบุรี ตอนนั้นผมอาศัยอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่ง ลูกชายผมเก็บเอาลูกสุนัขจรจัดตัวหนึ่งมาเลี้ยงไว้ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหมากระเป๋า ตอนแรกผมไม่ยอมเพราะเราอาศัยอยู่ในคอนโด ซึ่งผิดระเบียบเขา แต่ลูกขอว่าให้เขาเลี้ยงมันเถอะ เพราะมันไม่มีแม่ ผมต้องยอมและต่อมาต้องขายคอนโดไป แล้วไปหาซื้อบ้านใหม่ เพราะที่นั่นเขาไม่อนุญาตให้เราเลี้ยง

    เพื่อสุนัขตัวเดียว ผมต้องทนทำงานหนักเพื่อผ่อนบ้านใหม่ แล้ววันหนึ่ง ผมจึงคิดว่า อยากจะหาเพื่อนให้มันสักตัว เพื่อเป็นคู่ชีวิตมัน ดังนั้นจึงได้นำเอาลูกสุนัขตัวเมียตัวหนึ่งมาเลี้ยงเอาไว้ จนทำให้มันมีลูกเพิ่มขึ้นมาอีก 6 ตัว และด้วยเหตุที่ไม่อยากพรากลูกมันจากอก เลยไม่ยอมให้ใครเอาไปเลี้ยงทนเลี้ยงเอาไว้
    ต่อมา แม่สุนัขตัวหนึ่งซึ่งลูกผมให้ข้าวให้น้ำอยู่ที่ในซอยบ้านเสียชีวิตเพราะเป็นไข้น้ำนม เราจึงได้สมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 3 ตัว (สำหรับความเป็นมาของแม่สุนัขครอกนี้ น่าสนใจมากสำหรับคนที่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมเพราะมันสร้างความสยดสยองให้กับคนในหมู่บ้านมาแล้ว-ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังครับ )

    และหลังจากนั้น ที่บ้านผมก็มีสุนัขเพิ่มๆขึ้นๆ ทั้งที่เราควบคุมไม่ทัน และที่ชาวบ้านแอบเอามาหย่อนใส่ไว้ในบ้าน ประมาณ 28-30 ตัว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผมก็ไม่เคยบ่น เคยว่า แต่ทนทำงานเลี้ยงดูพวกมันตลอดเรื่อยมา จนกระทั่งพวกมันค่อยๆล้มหายตายจากไปทีละตัวสองตัว จนถึงปัจจุบันนี้ มีเหลืออยู่ประมาณ 17 ตัว

    แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่อยากเล่าให้ทุกคนฟัง

    ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งลูกและหลานของผมซึ่งเคยฆ่าสุนัขตายมาด้วยกัน ทั้งสองนั้นแยกย้ายกันไปอยู่คนละทิศละทาง ลูกผมไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย กลับมาเมื่ออายุ 15 ขวบ แล้วเริ่มไปเอาลูกสุนัขจรจัดมาเลี้ยงไว้ จนทำให้ที่บ้านมีสุนัขเพิ่มขึ้นมามากมาย จนเลี้ยงแทบไม่ไหว
    ต่อมาหลานชายของผม ซึ่งเรียนหนังสืออยู่ที่ภาคใต้ ก็ได้ขึ้นมาช่วยเลี้ยงสุนัขฝุงนี้ด้วย ทั้งๆที่ทั้งสองคนก่อนหน้านี้ไม่เคยชอบสุนัขเลยแม้แต่น้อย

    ผมเองซึ่งเป็นผู้จ้างวานตอนนั้นเสียเงินแค่ 10 บาท แต่เมื่อถึงคราวต้องชดใช้เวรกรรม ผมต้องเสียเงินค่าอาหาร ค่ายา และหลายๆอย่างสำหรับสุนัขในบ้าน ประมาณเดือนละ 9,000 บาท ค่าอาหารวันละ 300 บาท ซึ่งผมจะทิ้งเงินไว้ทุกเช้า วันละ 500 บาท ( คน200 สุนัข 300)  เป็นประจำทุกวันกว่า 10 ปีมาแล้ว ถ้านับถึงทุกวันนี้ ถ้าเอาเงินนั้นสะสมไว้ ผมคงมีเงินมากมายซื้อบ้านได้เป็นหลังๆ

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวเราผ่านหลายสิ่งหลายอย่าง แม้กระทั่งโอกาสที่ดีในชีวิต ผมต้องแยกกับภรรยา เพราะเขาไม่ชอบสุนัข ลูกคนโต ไม่สามารถที่จะเดินทางกลับไปอยู่ต่างประเทศได้ เพราะเขากลัวว่าสุนัขของเขาจะไม่มีคนดูแล พ่อแก่แล้ว พ่อคงดูไม่ไหว หลานชายผมไม่ได้ไปทำงานที่ไหน แต่ต้องมารับจ้างผมเลี้ยงสุนัขเพราะอยากชดใช้เวรกรรมให้พวกมัน
    หลายครั้งที่พวกมันล้มตาย เราต้องร้องไห้ฟูมฟาย ทั้งๆที่น่าจะดีใจที่หมดเวรกรรม แต่เพราะเราคิดว่าพวกมันคือญาติคนหนึ่งในครอบครัว

    ใครไม่เชื่อ เรื่องเวร เรื่องกรรม อยากให้ดูเอาไว้ว่านี่คือตัวอย่างหนึ่งซึ่งผมกำลังเผชิญอยู่ และไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดวันไหน

    ที่เอาเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะว่า เช้านี้ ผมเพิ่งให้ช่างรับเหมาก่อสร้างมาดูบ้านที่จะต้องซ่อม เนื่องจากสุนัขที่เลี้ยงไว้ทำพัง (ชั้นล่างและบริเวณรอบบ้าน ผมยกให้เป็นที่อยุ่ของพวกมัน แบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ) ช่างมาดูแล้วบอกว่าต้องซ่อมและใช้เงินมากมายในการซ่อม เพื่อให้เหมือนเดิมเกือบสี่แสนบาท) ผมฟังแล้วได้แต่นั่งอึ้ง นึกไม่ถึงว่า บาปที่ผมและลูกเคยทำเอาไว้ จะมีผลกรรมให้ผมต้องชดใช้มากมายถึงขนาดนี้

    กรรมที่เราทำไว้นั้น มันส่งผลให้สนองได้ในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้าให้เสียเวลาอีกต่อไป ใครที่เคยทำกรรมอะไรไว้ ดูผมเป็นตัวอย่างครับ
    ผมกำลังรับกรรมเหล่านั้น และไม่รู้ว่าวันไหนที่มันจะลบล้างได้หมดสิ้น

    จากคุณ : armissara - [ 19 ก.ย. 47 17:34:21 ]