ความคิดเห็นที่ 1 เพื่อชาติๆ อดทนไว้ คุณหมอ เกิดมีคุณหมอคิดแบบนี้กันหมด สงสัยไม่มีใครอยู่ ตจว. จากคุณ : ปริศนาไขกระจ่างแล้ว - [ 19 ก.ย. 47 23:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อย่ายอมแพ้? ถึงอย่างไรก็ หากเป็น ตจว. ไกลๆ ก็ยังต้องการหมอที่มีความรู้ช่วยเหลือชาวบ้านต่อไปนะครับผม แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือประการใดก็ตาม ก็ขอให้มีโชคดีและมีความสุขกับอนาคตและงานใหม่ด้วยนะครับ จากคุณ : ++peter++ - [ 19 ก.ย. 47 23:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะวันๆหนึ่งตอนนี้ตรวจคนไข้วันละ100++ โดยใช้เวลาแค่ 8 ชั่วโมง จริงๆแล้วก็ 7.5 ชั่วโมง ตัดพักเที่ยง (นี่ยังตรวจไม่ทันเลยนะครับ ต้องให้คนไข้ไปตรวจที่คลินิกนอกเวลา) เกือบ 40% เป็นคนไข้ที่ไม่น่าจะต้องมาตรวจ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูกใสๆ เป็นมา 6 ชั่วโมง หรือกินส้มตำมาแล้ว ปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำมา 1 ครั้ง ซึ่งจะเห็นว่าถ้ามีความรู้สักนิดก็พอจะรักษาเองที่บ้านก็ได้ แต่นี่ระบบ 30 บาท ทำให้ได้ยาฟรี ยาถูก ไม่มีเวลามานั่งอธิบาย หรือให้คนไข้เลือกวิธีการรักษามากนัก และยิ่งเป็นคนไข้ในที่ห่างไกลอย่างนี้แล้ว จะใช้คำอธิบายอะไรยากๆ ยาวๆแกก็ไม่เข้าใจ ตอนนี้ก็พยายามเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้ โดยคิดว่าถ้าเป็นญาติเรา เราก็จะทำแบบนี้ แต่บางครั้งชาวบ้านเขาก็จะคิดไม่เหมือนเรา มีเหตุผล ความจำเป็นต่างๆที่เขาทำตามที่เราแนะนำให้ไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น แม้ว่าจะพยายามทำความเข้าใจแล้ว เช่น ขอไปนวดที่วัด เวลากระดูกหัก, ขอตรวจนู่นตรวจนี่ ขอยานั้นยานี้ตามใจชอบ โดยเฉพาะขอฉีดยา บางครั้งรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นพนักงาน 7/11 ต้องคอยถามว่าต้องการรับยาอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ, ขอกลับบ้านทั้งๆที่อยากให้นอนโรงพยาบาล บอกว่าต้องทำนา แต่ส่วนใหญ่มักจะขอนอนโรงพยาบาลนะทั้งๆที่ไม่จำเป็น ตอนแรกๆ จบมาใหม่ๆ ไฟแรงสุดๆ ยังไงก็ไม่ยอมอธิบายจนกว่าจะยอมนั่นแหละ (สำเร็จได้น้อยรายนัก) เคยพูดกับป้าที่บอกว่าจะกลับบ้านไปทำนา ทั้งๆที่ต้องนอนโรงพยาบาลเพราะมีแผลติดเชื้อที่นิ้วมือจนอาจจะต้องตัดนิ้ว พยายามต่อรองสุดๆแล้วว่ากลับบ้านก็ได้แต่ห้ามแผลโดนน้ำนะ แกก็ไม่ยอมจะทำนาอย่างเดียว โกรธมากจนบอกป้าแกว่าถ้าติดเชื้อมากจนมันเข้ากระแสเลือดแล้วล่ะก็ ทำนาตอนนี้อาจจะไม่อยู่จนได้เห็นรวงข้าวก็ได้ แต่โอ้แม่เจ้า!!!! แกยังไม่ยอมเลย โกรธมาก และก็เครียดด้วยว่า ทำไมทำให้เขาถึงขนาดนี้ ทำไมไม่เข้าใจนะ ตอนนี้ใช้ทุนมาปีกว่าๆ หมดไฟ อธิบาย 1รอบแล้วอยากทำอะไรทำเลยตามใจ ถ้าเห็นว่าเป็นผลเสียมากๆอธิบายอีก 1รอบ ถ้ายังยืนกรานอีก ให้เซ็นหนังสือรับรองการกระทำของตนเอง ดูโหด แต่workดีนะ ตรวจคนไข้ได้เร็วขึ้น ไม่เสียสุขภาพจิต แต่ผลลัพธ์การรักษาก็อีกเรื่อง จากคุณ : ฮือฮึ (อือฮึ) - [ 19 ก.ย. 47 23:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ข้างบนนั้นคือกรณีที่เป็นเวรที่ตรวจผู้ป่วยนอก แต่ถ้าเป็นเวรที่ต้องดูแลคนไข้ในแล้ว ก็ต้องมาเจอกับพวกที่ขอนอนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น พวกนี้จะให้กลับบ้านยังไงก็ไม่ยอม จะยอมกลับเมื่อขอกลับเอง ทำให้เสียเวลาทั้งหมอและพยาบาล เพราะพอนอนในโรงพยาบาลแล้ว จะเดินผ่าน ทำเหมือนไม่ดูแลก็ไม่ได้ ทั้งๆที่ก็ไม่จำเป็นต้องดูแลอยู่แล้ว อย่างเช่น มีคนไข้รายหนึ่งเป็นอัมพาตท่อนล่าง ทำให้มีแผลกดทับ ขอนอนโรงพยาบาลเพราะบ้านยังต่อเติมไม่เสร็จ เราก็กลัวว่าเดี๋ยวแผลมันจะติดเชื้อดื้อยา MRSA เหมือนที่คุณสรยุทธ์เคยเอามาคุย อธิบายว่าไปขออยู่บ้านญาติ เพื่อนบ้าน ฯลฯ ก่อนก็ได้ ผลสุดท้ายก็ต้องยอมคุณท่าน ทำให้ท่านได้นอนรพ.มากกว่าที่จำเป็นไป 2 เดือน เฮ้อ . และถ้าอยู่เวรนอกเวลาราชการ ก็ต้องอยู่ต่อจน 8โมงเช้าวันรุ่งขึ้น โดยต้องมาเจอคนไข้ประเภทรอมาตอนเช้าก็ได้ เช่น ไข้มา 1 ชั่วโมง นอนไม่หลับเพราะเมื่อเช้ากินกาแฟ เป็นต้น บางครั้งหลับตาแค่ 5 นาทีก็โดนตามอีกแล้ว เป็นอย่างนี้เกือบทุกครั้ง แถมเช้ามาก็ต้องไปตรวจอย่างที่เคยบอกอีก ตอนนี้เลยใช้เวลาตอนอยู่เวรโดยไม่นอนมันเลย จะได้ไม่หงุดหงิดเวลาถูกตาม ทำมาได้ 2 เวรแล้ว คิดอยู่ว่าอายุขัยคงจะสั้นลงอีกเยอะถ้ายังทนอย่างนี้ต่อไป แถมเดี๋ยวนี้ยังมีงานรับรองคุณภาพโรงพยาบาลมาอีก (คือมีหน่วยงานที่จะมารับรองว่าเรามีหลักประกันที่จะรักษาคนไข้อย่างมีประสิทธิภาพ) ถ้าไม่อยู่เวรก็ต้องมาทำงานเอกสารพวกนี้อีก ก็พยายามแบ่งเวลาแล้วนะว่าพักผ่อน กับทำงาน แต่แบ่งยังไงก็ไม่เห็นจะลงตัว เพราะวันพักผ่อนของเราก็วันที่ไม่อยู่เวรไงล่ะ ตอนนี้สัดส่วนพักผ่อนกับทำงานสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ประมาณ 30:70 เวลาพักก็คือกิน กับนอน แล้วก็เล่นเน็ตนี่แหละ ได้กลับบ้านไปเยี่ยมที่บ้านไม่ให้ลืมหน้าเราก็เดือนละครั้ง กลับทีนึงก็แสนจะเหนื่อยนั่งรถทัวร์เที่ยวละ 8 ชั่วโมง นี่ยังดีถ้าเทียบกับเพื่อนที่อยู่ไกลกว่าเราเพราะจะกลับได้น้อยกว่านี้ คิดอยู่เหมือนกันว่าจะลาพักร้อนดีมั้ย แต่เกรงใจเพื่อนๆพี่ๆหมอที่อยู่รพ.เดียวกัน เพราะถ้าลาไปคนนึง งานบริการส่วนของเราก็ต้องแบ่งไปให้พวกเขารับผิดชอบ เฮ้อ ระบายเสร็จแล้ว เฮ้อ โล่งท้อง เอ๊ย..โล่งอก เตรียมพร้อมทำงานวันต่อไป ปล.ยังมีปัญหาอื่นๆอีกเยอะ ไว้วันหน้า หากคิดฟุ้งซ่านแบบนี้อีกจะมาpostใหม่ ถ้าหากมีความคิดเห็นว่าควรแก้ปัญหายังไงบอกด้วยนะครับ จะขอบคุณมาก จากคุณ : อือฮึ - [ 19 ก.ย. 47 23:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณเป็นหมอ ที่ไร้จรรยาบรรณมากครับ ค่าเล่าเรียนของคุณ ได้จากภาษีของคนในประเทศ ไปไม่รู้เท่าไหร่ เงินที่เสียไป ทางรัฐขอให้คุณทำงานเพื่อสังคม เพื่อฝึกฝน และรักษาคนในต่างจังหวัด ซึ่งโอกาสทางการรักษามีน้อยกว่าคนในเมืองใหญ่มาก หากจะลาออก โดยการใช้เงินคืนรัฐ ผมขอร้องอย่างนึง .......... อย่าเป็นหมอนะครับ ผมขอแนะนำว่าไปทำการค้า หรือประกอบกิจการอื่นๆ จะเหมาะกับคุณมากกว่า เนื่องจาก คุณมองถึง ความคุ้ม (ในประโยคสุดท้ายที่คุณบอก) มากกว่า คำว่า จรรยาบรรณ จากคุณ : +Jon+ - [ 19 ก.ย. 47 23:27:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก้เข้ามาระบาย อย่างที่คุณหมอทำอยู่นี่ดีแล้ว จะได้สบายใจ มีกำลังใจทำงานต่อไป ยังไงก็คงมีคนเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะ ขอให้สู้ต่อไปนะ เพื่อชาวบ้านตาดำๆ ที่คุณหมอเองก็คิดว่า เค้าเหมือนญาติคนนึงนะ สู้โว้ย.. จากคุณ : ปริศนาไขกระจ่างแล้ว - [ 19 ก.ย. 47 23:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยินดีต้อนรับ คุณลองมองกลับไปดูเพือนร่วมงานของคุณซิครับโดยเฉพาะพี่ๆพยาบาลงานก็หนักแถมเก่งกว่าหมอบางคนอีก(เน้นบางคน)เงินน้อยกว่า อยู่เวรหมอนอนห้องรอพยาบาลตาม แต่พยาบาลไม่ได้นอน เพื่อนหมอหลายคนของคุณ อยู่โรงพยาบาลต่างจังหวัดที่มีสอนนักศึกษาแพทย์ งานก็หนักพี่หมอก็อ้างเตรียมสอนได้เงินเดือนไม่ถึงหมื่น+เงินหมื่น+ค่าเวรเหมาจ่ายสี่พัน รวมแล้วน้อยกว่าคุณอีก เค้ายังเสียสละเลยซึ่งไม่รู้จะเสียสละไปเพื่อใคร........... จากคุณ : หอมอ่อนๆ - [ 19 ก.ย. 47 23:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อะ มาอ่านอีกทีแล้ว เรื่องสุขภาพประชาชนสำคัญมากๆ นะครับ ถ้าคุณเป็นหมอก็ควรให้คำแนะนำที่ถูกต้องเท่าที่จะทำได้ให้กับคนไข้ทุกคนทราบคนไข้จะได้รักษาตัวเองที่บ้านได้ครับ พอเวลาผ่านไปก็น่าจะคุ้นเคยนะคับ ผมเชื่อว่าคนไข้ทุกคนที่ไม่สบายมาหาหมอเนี่ยเค้าก้มีแต่ความรู้สึกดีๆ ให้เราท่งนั้นหละคับ ใช่ปะ? จากคุณ : ++peter++ - [ 19 ก.ย. 47 23:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าเงินเดือนก็แยะไม่ใช่น้อยนะครับ ....... ถึงงานจะหนัก (ในสายตาคุณ) แต่ก็จงทำต่อไปเหอะ ..... คุณคงเห็นคนอื่นที่เขาเงินเดือนแยะแล้วสบายกว่าใช่มะคับ เลยเอามาเปรียบเทียบกัน ....... ยังมีคนที่ลำบากกว่าคุณ และเงินเดือนน้อยกว่าคุณนะครับ คุณหมอที่รัก จากคุณ : Sabretooth - [ 19 ก.ย. 47 23:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอไม่เถียงเรื่องพยาบาลนะครับ แต่ขอชี้แจงประเด็นนะครับ เท่าที่ทราบมา พยาบาลอยู่เวรต่อกันอย่างมากก็ไม่เกิน16ชั่วโมงต่อกันนะครับ แถมในแต่ละเวรสามารถผลัดกันไปพักได้ แล้วเรื่องการลาพักร้อนพยาบาลเขามีจำนวนมากกว่าหมอครับ การจะลาพักไปคน 2 คนคงไม่เป็นปัญหามั้งครับ แต่หมอนี่สิ จากคุณ : อือฮื (อือฮึ) - [ 19 ก.ย. 47 23:39:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ความรู้สึกของคนไม่ได้พักผ่อนนี่ เข้าใจเลยค่ะ มันหงุดหงิดแบบจะฆ่าคนได้ แต่พอดีว่าเราไม่ต้องบริการใคร ก็เลยไม่เดือดร้อนเท่าคุณหมอ ความอดทนของคนมีขีดจำกัดค่ะ ลองหาวิธียืดดดดด ความอดทนนะคะ อย่าว่าเชยเลย นั่งสมาธิวันละ 10 นาที แล้วจะพบว่าปัญหาหายไปเยอะค่ะ มันอยู่ที่ใจ ใจสว่างซักวาบนึง แล้วจะทุกข์น้อยลง จากคุณ : katt1963 - [ 19 ก.ย. 47 23:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อย่าพึ่งท้อใจสิครับหมอ..... คุณร่ำเรียนมาทางนี้โดยตรง คุณมีหน้าที่รักษาคนไข้ ซึ่งจากที่อ่านมาทั้งหมดนะ...ผมว่าคุณน้อยใจคนไข้รึป่าว...หมายถึงคุณท้อใจกับคนไข้ของคุณใช่มั้ย คุณใจเย็น ๆ น่า.....ผมเชื่อว่าคุณทำได้.... คนไข้น่ะครับ เป็นอะไรมาขี้หมูขี้หมาก็หาหมอไว้ก่อนละครับ เพราะเค้าเชื่อใจหมออยู่แล้ว เพียงแต่บางทีเค้าก็มีความคิดในแบบชาวบ้าน ๆ บ้างน่ะครับ อย่าพึ่งท้อแท้สิครับ ถ้าระบายแล้ว โล่งอกโล่งใจ พร้อมจะสู้ในวันใหม่แล้วละก็ ระบายมาเลยครับ ผมว่าคนที่นี้ยินดีรับฟัง-ให้กำลังใจ (รวมทั้งติชมด้วยน่ะครับ) อยู่แล้วล่ะ จากคุณ : Virgo de OHM - [ 19 ก.ย. 47 23:49:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ความเห็นที่ 5 ครับ ลองอ่านข้อความคิดเห็นที่ 3-4 ด้วยครับ ความเห็นที่ 8 ครับ จะพยายามนะครับ แต่การพูดภาษาไทยให้คนอีสาน (แถมส่วนมากแก่และหูตึง)ฟังเข้าใจนี่ยากเอาการครับ ต้องพกยาอมแก้เจ็บคอไปหลายอันอยู่ ความเห็นที่ 9 ครับ เรื่องเงิน ผมไม่ค่อยคิดมากหรอกครับ แต่การที่เรียนจบแล้วไม่ค่อยมีเวลาเอาใจใส่พ่อแม่ของตัวเองเนี่ย มันน่าเจ็บใจครับ ถ้าเป็นไปได้โครงดารที่เอานักเรียนต่างจังหวัดเรียนแพทย์ แล้วกลับไปทำงานที่บ้านเกิดสำเร็จก็จะดีนะครับ แต่เท่าที่เห็นเพื่อนๆผมทำ ไม่เห็นมีใครกลับไปเลย เข้าใจครับว่าทุกคนต้องการความก้าวหน้าในชีวิต ไม่เคยที่คิดจะตำหนิเพื่อนๆ หรือพี่ๆหมอที่ลาออกหรือไม่กลับไปทำงานบ้านเกิดเลย ถ้าหากเมืองไทยสามารถกระจายความเจริญได้เท่ากันเกือบทุกจังหวัด ปัญหานี้คงไม่เกิดหรอกครับ จากคุณ : อือฮึ (อือฮึ) - [ 19 ก.ย. 47 23:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมรู้จักคนเป็นหมอ เค้าบอกว่าหมอก็คือกรรมกรวิชาชีพดีๆ นี่เอง จากคุณ : MacroArt - [ 19 ก.ย. 47 23:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อดทนไว้นะคะ สู้ตาย โย่!!! จากคุณ : เวิ้งวิ้ง - [ 19 ก.ย. 47 23:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เงินเดือนขนาดนั้น มันมากกว่าพวกที่จบปริญญาตรีออกมา แล้วรับราชการได้เงินเดือนแค่ 7900 บาทอีกนะหมอ คิดขึ้นมาได้ไงหนอความคิดนี้.... จากคุณ : armissara - [ 20 ก.ย. 47 00:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากครับ สำหรับทุกความเห็น แต่ขออีกนิดนะ ...คือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปลูกกันแต่ข้าว?? เคยลองถามยายอายุ60 บ่นปวดเอวเพราะว่าแกยังดำนาอยู่เลย บอกว่าลูกหลานทำงานโรงงานกรุงเทพหมด เอาลูกมาฝากให้เลี้ยง ที่นาก็ต้องทำเอง ไม่งั้นไม่มีอะไรกิน (คนที่นี่ทำนาเพื่อจะมีข้าวกิน ไม่ได้เอาไว้ขาย เลยปลูกกันแต่ข้าวเหนียว) เลยหวังดี แนะนำยายทำอย่างอื่นบ้าง อย่างเช่น เกษตรพอเพียง ฯลฯ ยายแกก็ไม่ยอม บอกว่าเดี๋ยวพ่อแม่ที่ตายไปว่าเอา เฮ้อ..... ยิ่งมาเจอนโยบายแบบรัฐบาลชุดนี้แล้ว โดยส่วนตัวคิดว่าจะยิ่งทำให้ชาวบ้านไม่รู้จักพัฒนามากขึ้นไปอีก จากคุณ : อือฮึ (อือฮึ) - [ 20 ก.ย. 47 00:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถามจริง ก่อนเลือกเรียนหมอเนี่ย คิดหรือปล่าวว่าจบไปแล้วงานจะเป็นยังไง หรือคิดแค่ตามค่านิยมของสังคมว่า เรียนเก่งต้องเป็นหมอ มีคนนับถือ ดูมีเกียรติ ได้เงินเยอะ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ - [ 20 ก.ย. 47 00:07:39 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาอยู่เป็นเพื่อนหมอ ก่อนนอนขอต่ออีกนิด ว่าเข้าใจเรื่องค่าตอบแทนนะคะ ว่าเงินเดือนที่ได้ไม่ใช่น้อย แต่เทียบกับความเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ ฯลฯ ก็ถือว่าไม่มาก ครั้นมาถึงตรงที่คุณหมอพ้อว่าเรียนมาแทบตาย พอจบแทนที่จะได้ดูแลพ่อแม่ตัวเองบ้างก็กลับไม่มีเวลา ตรงนี้เห็นใจค่ะ เพราะเงินเท่าไหร่ก็แลกซื้อเวลาช่วงนี้ไม่ได้ คุณหมอคะ .. ปัญหาทุกเรื่อง อยู่ที่วิธีคิด ไม่ได้อยู่ที่วิธีแก้ หมอคงต้องคิดว่าจะปรับใจรับมือกับมันยังไง เราเชื่อเรื่อง "พุทธิปัญญา" ว่าคงมีซักวินาที ที่มันจะพุ่งขึ้นมาในใจหมอเอง แต่ต้องเป็นช่วงที่หมอวางทุกข์ลงจากใจก่อน หยุดโกรธสถานการณ์รอบตัวซักเดี๋ยวนึง แล้วจะดีเอง เชื่อสิ อะไรๆก็อยู่ที่ใจ กู๊ดไนท์ค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 00:13:34 จากคุณ : katt1963 - [ 20 ก.ย. 47 00:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เกิดเป็นคนก็แบบนี้แหละครับ มันก็ลำบากกันทุกคนนั่นแหละ เงินเดือนผมว่าไม่น้อยเลยนะครับ ทนๆเอาหน่อย จากคุณ : คุณลุงมาดขรึม - [ 20 ก.ย. 47 00:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เชื่อว่า เลือดความเป็นหมอคุณ ยังอยู่ แต่อาจจะลดลงบ้าง ด้วยสิ่งเร้าที่เข้ามากระทบ จะด้วยความเครียด หรือว่า การที่พักผ่อนไม่พอ คิดว่า เข้าใจ ในสิ่งที่ บ่น เบื่อ-- นะคะ หลับตาสักแป๊บ ตื่นขึ้นมา ก็เป็นวันใหม่แล้วค่ะ ไม่มีใครจะ.. เข้าใจสถานการณ์เท่าคุณนะคะ ดังนั้น ทำไ้ตรงนี้คือ ขอให้กำลังใจอย่างถึงที่สุด-- ให้คุณ ยืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างมีความสุข.. กับงาน กับคน.. บางที ถ้ามีเวลาว่างสักนิด-- ลองถือแก้วกาแฟไปยืนจิบที่ ขอบหน้าต่างห้องพักแพทย์ และมอง ทุ่งนาเขียวๆ เห็นคนที่ทำนามั้ยคะ นั่นล่ะค่ะ -- คน เพื่อนมนุษย์ ที่ต่างมีหน้าที่ต่างกัน.. เขายังอดทน-- นี่นา เนอะ.. หวังว่า ในเช้าวันใหม่ คุณหมอ อาจจะคิดอะไรได้-- ให้ตัวเองสบายใจขึ้น นะคะ จากคุณ : ไอริส (กลีบบาง) - [ 20 ก.ย. 47 00:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาให้กำลังใจค่ะ ....... เหนื่อยๆ ก้อหาที่ระบายความอึดอัด แล้ววันรุ่งขึ้นก็ลุกขึ้นมาลุยต่อไป ....... ท้อได้ แต่อย่าเลิกทำในสิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุดนะคะ จากคุณ : ...ฟ้าหลังฝน จะเป็นของคุณ ... (นามาเอะวะฮิโยโกะเดส) - [ 20 ก.ย. 47 00:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณหมออยู่กาฬสินธุ์ใช่ป่าว?? เข้าใจค่ะว่าแพทย์ใช้ทุนงานเยอะ ยิ่งอยู่ไกลๆยิ่งหนัก สู้ๆละกันค่ะ จากคุณ : คุณนายฟู - [ 20 ก.ย. 47 00:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มาให้กำลังใจคุณหมอครับ จากคุณ : nutxnut - [ 20 ก.ย. 47 00:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 25 หมอ intern ------------------------- เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ที่พี่ๆ staffต้องใช้งานคุณเยี่ยงทาส..... ------------------------ แต่อย่าลืมสิ.. หมอทุกๆคนก็ต้องผ่าน การเป็น intern มาทุกคนอยู่แล้วพวกเค้ายังผ่านมาได้เลย คุณก็ต้องทำได้สิ... ----------------------------- resident เหนื่อยกว่านี้อีกเยอะ.. -------------------------------- สู้ต่อไป.. take care จากคุณ : แทนหทัย (คำตอบสุดท้ายคือเธอ) - [ 20 ก.ย. 47 00:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หมอเป็นอาชีพในฝันของผมครับ ที่ผมอยากเป็นเพราะอยากช่วยคน เคยฝันว่าอยากออกไปกับหน่วยแพทย์อาสา จริงอยู่ เราอาจจะไม่ได้ดูแลบุพการีเท่าที่ควร แต่ด้วยอาชีพแล้ว ผมว่าท่านเข้าใจครับ ถ้าหากคุณอยากเป็นหมอที่ดี จากคุณ : มันเยี่ยมจริงๆเลยครับจอร์จ - [ 20 ก.ย. 47 00:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หนังเรื่องหมอเจ็บ ไปดูมายังคะ จากคุณ : ครีมชีส - [ 20 ก.ย. 47 00:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นคุณหมอโดนยำเละเลยแฮะ ความอดทนก็คงต้องมีขีดกันบ้างอะคับ เข้าใจ และยินดีที่จะฟังที่คุณหมอระบาย ที่อ่านมาเหมือนคุณหมอจะอยู่ในภาคอิสาน แต่คุณหมอเป็นคนกรุงเทพนะครับ เรื่องวัฒนธรรม ความเชื่อคงเป็นเรื่องที่ลำบากพอดูสำหรับทั้ง2ฝ่าย....แต่ฝ่ายไหนที่จะต้องปรับตัว??? ใช่แล้วครับ คุณหมอไง....เพราะในสถานกาณ์แบบนี้ คุณที่แปลกคือคุณหมออะ ไม่ใช่ชาวบ้าน ถึงตรงนี้ เรื่องสังคมและจิตวิทยาคงเป็นเรื่องสำคัญนะครับ ลองหาหนังสือที่มีเรื่องพวกความเชื่อ ทัศนคติชาวบ้านแถบอิสานมาอ่านดู แล้วลองปรับใช้ดู น่าจะทำให้ชีวิตคุณหมอสนุกขึ้นนะครับ เหมือนเป็นเกมส์ที่ท้าทายความสามารถ อย่างน้อยก็มีอะไรให้ทำมากกว่านั่งตรวจคนไข้จนปวดหัว อีกอย่างถ้าทำได้อะ คุณหมอจะสุดยอดมากๆเลยครับ จากคุณ : กระป๋องสี - [ 20 ก.ย. 47 01:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อืมมมมมมมมมม สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ อ่านที่คุณระบายมา บางประโยคก็อยากว่าคุณนะ แต่เข้าใจว่าคุณมาระบายให้ฟัง แสดงว่าอย่างน้อยแล้ว ไอ้ความเซ็งที่คุณรุ้สึกเนี่ยมันก็คงเกิดแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว เราเชื่อว่าโดยเนื้อแท้จิตใจของคุณแล้ว คุณเป็นหมอที่ดีคนนึงเลยทีเดียว ยังไงก็สู้ๆละกันนะคะ อย่าเล่นเน็ตนานมากล่ะ ไปนอนพักดีกว่า ^^ จากคุณ : ต้วนมันอ้า - [ 20 ก.ย. 47 01:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 30 หมอก็คือหมอวันยังค่ำ...........คิดแบบหมอๆ จากคุณ : kangaroo_108 - [ 20 ก.ย. 47 01:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟันครับ... เป็นกำลังใจให้ครับ (น้อยครั้งนะครับที่ผมจะเป็นกำลังใจให้กับเพศเดียวกัน คุณโชคดีมากๆ) จากคุณ : pipe_holiday - [ 20 ก.ย. 47 01:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สู้ๆครับ ขอให้คิดอย่างนึงว่า "คนเราไม่มีทางที่จะเข้าใจอะไรได้เหมือนกัน" เป็นหน้าที่ของหมอที่ต้องอธิบายและรักษา ขอให้หมอสู้ต่อไป ผ่านช่วงใช้ทุน ผมเชื่อว่าหมอต้องพบอะไรดีๆมากกว่านี้ครับ สู้ครับ จากคุณ : Beeee(Beeee) - [ 20 ก.ย. 47 01:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาให้กำลังใจค่ะ ^_^ ....... สู้นะค่ะ เข้าใจว่าคุณหมอรู้สึกยังไง .... น้องเราก็เป็นหมอเหมือนกัน เด็กที่เพิ่งจบใหม่ ๆ อายุ 20 นิด ๆ ต้องไปอยู่ที่ไกล ๆ ไปอยู่ที่ ที่ ไม่รู้จักใคร แถมยังมีฐานันดรทางสังคมมาค้ำคอ ใครว่ายังไงไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ คนที่ว่าคุณบางคนเค้ายังไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้ประเทศเลยด้วยซ้ำ พวกนี้คนละชั้นกันคุณค่ะ พวกที่มาด่า ๆ เนี่ย ไม่มีใครกล้าไปสมัครเป็นครูในชนบทหรอก ใช้ทุนให้ครบ 3 ปี แป๊บเดียวเอง อดทนนะ เพื่อตอบแทนประเทศ แล้วหลังจากนั้นก็โกยเงินอย่างเดียวเลยค่ะ เพื่อตอบแทนพ่อแม่ ต้องทำใจที่รัฐบาลสร้างภาพ ก็เลี้ยงแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ หลายปีก่อนหน้านี้หมอเป็นแค่พนักงานของรัฐนะค่ะ ไม่ใช่ข้าราชการ ไม่มีบำเหน็จบำนาญ ปรากฎว่า ลาออกเพียบเลยค่ะ เพิ่งมาแก้กฎไม่กี่เดือนมานี่เอง (เพิ่งคิดได้) จากคุณ : ดาบนั้นคืนสนอง - [ 20 ก.ย. 47 01:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 34 บางท่านด้านบน ลองมองในมุมคุณหมอหน่อยนะครับ.. คิดแล้วก็เซ็งแทนจริงๆ.. จะไปโทษคนวางแผนพัฒนาฯ ก็ไม่รู้จะทำไง แต่จะหาทางแก้ ก็ไม่รู้จะแก้ยังไงอีก เชื่อมกันหมดเลย.. เฮ่อ.. ทำให้ดีที่สุดครับ จนไม่ไหว อยู่ไม่ได้ ก็ต้องไป แต่ต้องมั่นใจว่า ไม่ได้หนี และมันถึงที่สุดแล้วจริงๆ สู้ๆ! ปล. ผมก็มีปัญหา จากคุณ : สาดสุราลงคอ ดับพิษร้ายในดวงใจ - [ 20 ก.ย. 47 01:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มารับฟังที่บ่นค่ะ เข้าใจว่าเหนื่อยจนอยากเลิกเป็นยังไง เพราะตัวเองก็กำลังเป็นค่ะ เข้าใจว่าคุณคงเพิ่งจะเริ่มทำงาน(เข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยนะคะ) คงต้องปรับตัวกับสิ่งใหม่ๆมากมาย แต่เชื่อเถอะว่า ต่อไปถ้าคุณสามารถจัดการสิ่งต่างๆในชีวิตคุณได้ลงตัว ทุกๆอย่างจะง่ายขึ้นเอง ส่วนตอนนี้ทำใจให้สบายๆ แล้วคิดถึงความรู้สึกตอนเด็กๆที่คุณอยากเป็นหมอสิคะ มันอาจทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง... ยังไงก็สู้นะคะ จะคอยเป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : เจ้าสายเทวดา - [ 20 ก.ย. 47 02:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามารับฟังครับ มีอะไรก็เข้ามาระบายได้อีก แต่ผมว่าคราวหน้าลองหาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่อ่านแล้วต้องอมยิ้มมาเล่าสู่กันฟังบ้างก็ดีนะครับ จากคุณ : เป็นกลาง - [ 20 ก.ย. 47 02:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เพราะหมอทุกคนคิดแบบนี้แล้วหนีไป ท้งภาระงานให้หมออีกน้อยคนที่หลงเหลืออยู่.. เมื่อหมอทุกคนคิดเช่นนี้ แล้วทิ้งภาระงานทั้งหมดไว้ คิดถึงเรื่องของลำไม้ไผ่ค่ะ งานหนักไผ่ 10 ลำพอรับไหว ไผ่ลำที่หนึ่งหักไป ไผ่ลำที่สองหักไป สาม สี่ ห้า ล้วนหักสิ้น สุดท้ายหมดสิ้นแรงลำไผ่ .. นี่คือระบบของแพทย์ในปัจจุบัน ขาดแรงใจ ขาดความอดทนอยู่ ทิ้งภาระงานให้ไผ่ลำที่รองรับอยู่เดียวดาย มองเห็นแต่ตน ไผ่ทุกลำมีกอให้ก่อเกิด กลับคิดถึงแต่ลำกอของตน ลาออกไปเถอะค่ะ ถึงอยู่ไปแบบไม่มีใจจะบั่นทอนกำลังใจเพื่อนร่วมงานเค้าป่าว ๆ _____________________________________ ชาวนาตากแดด ทำงานหนักค่าแรงน้อยสร้างข้าวปลูกข้าวให้คุณ ๆ ได้กินกัน หลังหัก เท้าเปื่อย เกิดแผล เขาทำหน้าที่อย่างจนยาก ถามว่าคุณทำหน้าที่ของคุณดีแล้วหรืออย่างไร .. จากคุณ : totoh995 - [ 20 ก.ย. 47 02:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 การอุทิศตัวเพื่อเพื่อนมนุษย์เป็น "สิ่งดี" อย่าท้อแท้ที่จะทำความดีค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว... เว้ว คั่ม ทู พันติ๊ป!! ค่ะ ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : เชรุมิซัง - [ 20 ก.ย. 47 02:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 - ความเห็นที่ 5 อ่านที่คุณตอบแล้ว หงุดหงิดมาก ชีวิตนี้อยู่กับความเพ้อฝันล่องลอยหรือไง สุดท้ายยังไงเค้าก็สามารถเป็นหมอได้อย่างเต็มภาคภูมิอยู่แล้ว จรรยาบรรณที่คุณอ้างมาในประโยคแรก มันก็เป็นคำละเมอของนายเท่านั้นแหละ -พี่ครับ ผมเป็นรุ่นน้องของพี่นะครับ ตอนนี้ผมก็ปี 6 แต่ไม่รู้เลยว่าสภาพจิตใจของพี่จะอับเฉาขนาดนี้ -ไม่อยากให้พี่ต้องซีเรียสกับการรักษาอ่ะครับ พี่ ในความคิดผมนะ ถ้าเราสามารถ manage ตาม line ที่ร่ำเรียนมาได้ก็เป็นสิ่งเพียงพอแล้วนะครับ พี่อย่าทุ่มเทให้กับทุกคนเลยครับ เพราะว่ามันจะทำให้พี่เหน็ดเหนื่อยเกินไปอย่างที่เห็นนี่แหละครับ เราไม่ใช่พ่อพระแม่พระหรอกนะครับทุกท่าน พี่ทุ่มเทให้กับคนที่ยอมฟังพี่ก็พอและเพื่อเป็นการ protect ตัวพี่เพื่อไม่ให้ถูก sue อย่าลืมเรื่องใบ consent form เลยนะคับพี่ -ส่วนเรื่องที่คนไข้ยึดเตียงนานนั้น ผมก็แก้ไม่ได้อ่ะพี่ เพราะในโรงเรียนแพทบย์ก็เจอปัญหานี้เหมือนกันนะครับพี่ ซึ่งก็แก้ไม่ได้เหมือนกัน -ถ้าพี่ทนได้ ก็ทนหน่อยนะครับ แค่ 3 ปี แม้ไม่รู้ว่า 3 ปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับพี่ ถ้าพี่ห่วง ถ้าพี่กังวลกับครอบครัวของพี่ ...พี่ลาออกก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ เพราะเหตุผลที่ทำให้พี่อยากลาออกคือครอบครัว...มันก็พอเพียงกับนะครับ คุ้มกับ 6 ปีที่พี่เรียนมาแน่ๆ พิมพ์อะไรไม่ออกแล้ว.........ง่วง .......... จากคุณ : หมอโต - [ 20 ก.ย. 47 03:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คคห ที่39 อ่านที่คุณตอบแล้วหงุดหงิดมาก ไม่อยากให้พี่ต้องซีเรียสกับการรักษาอ่ะครับ พี่ ในความคิดผมนะ ถ้าเราสามารถ manage ตาม line ที่ร่ำเรียนมาได้ก็เป็นสิ่งเพียงพอแล้วนะครับ พี่อย่าทุ่มเทให้กับทุกคนเลยครับ เพราะว่ามันจะทำให้พี่เหน็ดเหนื่อยเกินไปอย่างที่เห็นนี่แหละครับ เราไม่ใช่พ่อพระแม่พระหรอกนะครับทุกท่าน พี่ทุ่มเทให้กับคนที่ยอมฟังพี่ก็พอและเพื่อเป็นการ protect ตัวพี่เพื่อไม่ให้ถูก sue อย่าลืมเรื่องใบ consent form เลยนะคับพี่ ถ้าคิดได้แค่นี้คุณอย่าเรียนเลยครับเสียดายเวลา6ปีที่คุณเรียน "หมอเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความอดทนสูงมาก" คุณเล่นพูดว่า"ทุ่มเทมห้กับคนที่ฟังก็พอ" ถ้ามีหมอที่กำลังจะจบออกมาคิดอย่างคุณหมด จะมีคนไข้ที่ต้องตายสักกี่คน การไปอยู่ในถิ่นไหนก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับถิ่นเค้า มิใช่วางท่ายะโสโอหัง "ไม่รู้จักฟังก็ไม่ต้องรักษา" คุณหมายความอย่างนี้ใช่ไหมครับ อย่าลืมว่าคนเรา แตกต่างกันทั้งฐานะ ความคิด การได้รับการศึกษา การเข้าใจคนที่เข้ามารับการรักษาจากเราจึงเป็นสิ่งที่ คุณควรจะทำมากกว่า ถ้าเป็นอย่างทีคุณกล่าวมาใน คคห39 ผมว่าคุณเลิกเรียนแพทย์เถอะครับ ยังมีสาขาวิชาอื่นให้เรียน โดยทีคุณสามารถทำงานสบายได้ โดยไม่ต้องทนเจอกับการเรียกร้องของผู้ป่วย "ถ้ากลัวลำบากอย่าเรียนหมอ ไม่มีหนทางใดในโลกที่มัน สะดวกสบายหรอก" ฝากไว้ ปล.ไม่ได้ว่าคุณเจ้าของกระทู้ครับ ยังคงเป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงใช้ทุนได้ ปล.2 จรรยาบรรณไม่ใช่สิ่งละเมอเพ้อพกคิดให้ดีก่อนจะมี ใครต้องรับเคราะห์เพิ่ม เซ็ง คิดออกมาได้ไง จากคุณ : Beeee(Beeee) - [ 20 ก.ย. 47 04:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เราก็ว่าเงินเดือนเยอะนะเนี่ย เราไม่นึกว่าหมอ ตจว. ที่ไปใช้ทุนจะได้เงินเยอะขนาดนี้นะเนี่ย แล้วเราว่าคุณเหนื่อยได้ แต่ไม่น่าจะคิดว่ามันลำบากอะไร เพราะว่าเราเรียนมาเพื่อรักษาคนอ่ะ คือเราเป็นคนเลือกเอง คุณเลือกเองและได้ทำงานที่อยากทำ ก็ึควรจะทำให้มากที่สุด ให้เต็มที่ที่สุด คิดถึงคนที่เค้าไม่มีโอกาสบ้าง จากคุณ : chan-rak-thong-fa - [ 20 ก.ย. 47 07:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ปล. ลองคิดว่า เราควรจะอุทิศตัวให้การเป็นหมอ พอ ๆ กะที่ชาวบ้านอุทิศตัวเค้าให้กับความเป็นชาวนาดูค่ะ จากคุณ : chan-rak-thong-fa - [ 20 ก.ย. 47 07:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตั้งแต่มี UC ที่ไหนยอดคนไข้ก็พุ่งทั้งนั้นแหละครับ ต้องทำใจครับ ยิ่งคนไข้แปลกๆเนี่ยทำเอาจะสติแตกกันไปทั้งรพ. ผมทำงานอยู่รพ.ขอยกตัวอย่างให้ดู 1. คนไข้สติไม่ดี เคยเจอได้ยาครีมไป พี่แกนั่งทาขาหน้าห้องยาเลย แต่ทาบนเสื้อกางเกงครับ 2. มาทุกอาทิตย์ หมอนัด1 เดือน แต่มาทุกอาทิตย์ บอกยาหมด หมอสั่งยาเดือนนึงไม่รู้หายไปไหนหมด หมอสั่งยาอาทิตย์นึงให้ก็ด่าหมอว่าให้ยาน้อยอีก 3. ย้ำคิดย้ำทำถามเรื่องยา 5-6ครั้ง จนต้องเปลี่ยนจนท.มาตอบ ก่อนจะบ้าตายจะพูดว่าอะไรก็ไม่ได้ แถมกลับบ้านยังโทรกลับมาถามอีก2ครั้ง 4. พวกถึงจุดเดือด ไม่พอใจ ห้องบัตรหรือพยาบาลหรือหมอ แต่ไม่กล้าพูด พอรับยาเท่านั้นแหละ มายืนด่าระบายอยู่หน้าห้องยาจนหายเดือดถึงไป 5. สมัยก่อนมีบัตร 500 บาทรักษาทั้งครอบครัว เจอแม่ลูกมายืนบ่นๆๆๆๆ บอกหมอให้ยาน้อยยาถูก ขอโทษครับบัตรนี้เขาให้คนรายได้น้อยใช้ ยัยแม่ใส่ทองสัก10-20 บาทได้มั้ง ลูกสาวเรียนม.เอกชนครับ จนท.ในห้องบอกว่าอยากด่าจิงๆ แต่กรณีพวกนี้ต้องทำใจให้สงบครับ พูดอธิบายกับเขาดีๆ ไปเรื่อยๆจนเขาไปเอง ไม่งั้นถ้าพูดเสียงดังหน่อยก็จะร้องเรียนอย่างเดียวเลย เรื่องคอยตามบัตรคิวเหมือนกัน การเงินมีหลายช่องเรียกเบอร์สลับกันเบอร์เดียว แค่ครึ่งนาทีก็มีคนด่าแล้ว ส่วนงานหนักนี่คงปกติแหละครับ เพราะคนไข้มีปริมาณมาก ตรวจเร็วก็ว่าหมอตรวจไม่ละเอียด ตรวจละเอียดก็ยิ่งบ่นเพราะต้องคอยนานขึ้นไปอีก และเห็นที่ไหนๆหมอเล็กก็โดนหมอใหญ่กว่าใช้ต่อกันไปทั้งนั้น ส่วนเรื่อง HA ผมเองก็หัวแทบระเบิดเหมือนกันครับ จากคุณ : Pipy - [ 20 ก.ย. 47 07:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ต้องย้อนถามกลับไปค่ะว่า ที่น้องเลือกเรียนหมอเพราะอะไร เพื่อให้ดูดี ดูเป็นคนเก่ง พ่อแม่อยากให้เรียน หรืออยากช่วยคนคะ แล้วเคยมีคนเคยเตือนบ้างหรือป่าวคะ ถึงเรื่องความยากลำบากของคนที่เป็นหมอว่ามันหนักหนาสาหัสเพียงใหน น้องพร้อมรับสภาพนั้นหรือป่าวคะ ตอนนี้น้องเรียนจบออกมาแล้ว และได้รับทราบแล้วถึงความลำบากที่เกิดขึ้น พี่เชื่อค่ะว่าไม่ใช่น้องคนเดียวที่มีความรู้สึกอย่างนี้ หมอคนที่ถูกส่งออกไปอยู่ตามที่กันดารต่างๆก้อคงเป็นเหมือนกัน ทางแก้ คือกำลังใจกับทรรศนคติของน้องเองค่ะที่จะเป็นตัวที่ทำให้น้องผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ เรื่องนึงที่น้องต้องเรียนรู้นะคะ คือลักษณะ ความเชื่อของท้องถิ่นที่น้องไปอยู่ค่ะ น้องต้องเข้าใจนะคะว่าความรู้ความเข้าใจของชาวบ้านนั้นน้อยมากแค่ใหนถ้าเทียบกับความรู้ที่น้องมี หลักความเชื่อของพวกเค้ายังเดิมๆ ไม่ต่างอะไรกับรุ่นอดีตของเค้า ถ้าไม่ทำนา ก้อไม่มีเงิน ความรู้เรื่องโรคภัยไข้เจ็บยังเข้าไปไม่ถึงชาวบ้านมากเท่าใหร่ค่ะ น้องคงต้องเป็นตัวกลางในการสร้างความเข้าใจนี้กับชาวบ้านให้มากที่สุด ถ้าน้องจะสังเกตุเห็น หมอตามต่างจังหวัดจะเป็นที่นับถือ รักใคร่มากกว่าหมอในเมืองนะคะ ก้อเพราะว่าเค้าเป็นคนที่ชาวบ้านทุกคนสามารถเข้าหาได้อย่างสะดวกใจงัยล่ะคะ พี่ต้องใกล้ชิดกับชาวบ้านมากพอๆกับคนเมืองหลวง ความรู้สึกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดค่ะ พี่เริ่มรักที่ที่พี่อยู่มากกว่าที่จะกลับไปบ้านแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ที่บ้านโทรตามกันทุกวันเลย 555 ยังงัยก้อสู้ต่อไปนะคะ คิดดูว่าเราสู้พอแล้วหรือยัง ลองตั้ง target ดูสิคะว่า ในหนึ่งปี น้องสามารถทำให้คนเปลี่ยนความเชื่อได้สักกี่คน มันจะทำให้เกิดความพยายามมากขึ้นค่ะ หรือลองลงพื้นที่ไปให้ความรู้กับชาวบ้านถึงที่เลย(ไม่รู้โรงพยาบาลมีงบประมาณหรือป่าว) ถ้าไม่ใหวจริงๆ เลือกในทางที่ตัวเองคิดว่าดีแล้วค่ะ พี่เคารพในการตัดสินใจของทุกคน เพราะพี่เชื่อในคำพูดที่ว่า ...ไม่เป็นกูรู ไม่รู้หรอก... จากคุณ : บุหงาส่าหรี - [ 20 ก.ย. 47 08:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เงินเดือนน้อยมาก เทียบกับ Sale ที่บริษัท ได้มากกว่านี้ทำงานน้อยกว่านี้ ไม่ได้ใช้หัวสมองมากเท่าหมอยังได้มากกว่านี้ งานของหมอหนักมาก เคยเห็นมากับตาตัวเอง พวกที่คิดว่าหมอไม่เห็นแก่ประเทศชาตินะ ให้ลองกลับไปคิดหน่อยแล้วกันว่าตัวเองทำงานหนักได้เสี้ยวของหมอหรือยัง เข้าใจนะว่าระบบ 30 บาท ทำระบบ ร.พ. พังมาหลายโรงแล้ว จริงๆ ระบบเดิมก็แทบจะไม่ต้องเสียแล้ว นี้ เอะอะ อะไรก็เข้า ร.พ. รักษา คนไทยชอบแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แทนที่จะรักษาสุขภาพให้ดีก่อน เราจะเป็นกำลังใจให้หมอ เราก็ไม่รู้จะบอกยังไงให้หมออยู่ที่ ร.พ. เดิมต่อ เพราะว่าเราไม่เป็นหมอเราไม่รู้หรอกว่ามันอึดอัดแค่ไหน ป.ล. พวกเราไม่ได้เป็นทั้งชาวนา ไม่ได้เป็นหมอพยาบาล วันๆ เอาแต่นั่งพิมพ์แสดงความคิดเห็น การทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติโดยตรงแทบจะไม่เคยทำ เพราะฉะนั้น พวกเราไม่ได้มีอะไรดีหรอก ก็แค่พิมพ์แสดงความคิดเห็นให้มันเท่ๆ ทั้งที่จริงก็น้อยใจอยู่บ้างเวลาเห็นเพื่อนที่ทำงานโคดห่วยแต่ได้เงินเดือนเยอะกว่า อุดมการณ์เท่ๆ ก็อ่านเอามาจากที่นู้นที่นี้ ทั้งที่ปัญญาจะเรียนหมอ เภสัช เทคนิคการแพทย์ ก็ไม่มีกับเขา เพราะรอยยักในสมองน้อย เพราะฉะนั้นอย่าคิดอะไรมากเลย แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 08:46:58 จากคุณ : บางลำภูสแควร์ - [ 20 ก.ย. 47 08:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ก็อึ้งเหมือนเดิม เฮ้อออออ ตามสบายเถอะ ไม่แน่ใจว่าบ่นแล้วคุณหมอจะเปลี่ยนความคิด สงสัยเราอายุมากกว่าคุณนะ ถ้าเทียบปริมาณงานที่เราทำน่าจะได้เงินเดือนไม่ต่ำกว่า 5 หมื่น แต่ชีวิตจริงเราได้น้อยกว่าครึ่ง น้อยกว่าคุณด้วยค่ะ เรียกว่าสู้สุดใจกับปัญหาในงานที่มีทุกขั้นตอนเลย เรื่องชั่วโมงทำงานไม่ต้องพูดถึงแถมให้ตลอด ทำงานไม่เคยคิดว่า ทำแค่พอผ่าน แต่ "มันต้องดีที่สุดเท่าที่สถานการณ์นั้นจะทำได้" เห็นงานแล้วก็ภูมิใจ (ภูมิใจเองเงียบ ๆ) ก็งานประเภทปิดทองหลังพระเหมือนกันแหละ หลายคนก็บอกว่า ทำไมไม่ลาออกไปหางานอื่นที่ได้เงินเยอะกว่า นั่งซึมไปนาน แต่ในที่สุดได้คำตอบว่า เรารักงานนี้ เราได้ทำอะไรตอบแทนประเทศชาตินี่นา โอกาสดีกว่าคนอื่นที่ทำเพื่อหารายได้ให้บริษัทอย่างเดียว ก็คิดดีดี บางทีอุดมการณ์มันกินไม่ได้ก็จริง แต่คำนี้ก็ช่วยให้มีคำตอบว่าเราทำงานในหน้าที่นี้ไปเพื่ออะไร มองแบบภาพรวมจะมีกำลังใจขึ้นเยอะ จริง ๆ ก็ยอมรับว่ามีอคติกับแพทย์ เพราะอดีตเฮงซวย ยังไงก็จะพยายามเปิดใจยอมรับว่าอย่างน้อยหมอดีดีน่าจะยังมีอยู่ .... นะคะ จากคุณ : บ้านเล็กในป่าใหญ่ - [ 20 ก.ย. 47 08:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เคยดูเจาะใจ2ครั้ง ครั้งแรก..หมอที่อยู่ที่อุ้มผาง ครั้งที่สอง..หมอคนที่หนวดเฟิ้มๆ(น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่อนามัยมากกว่า) 2คนนี้..โหดูแล้ว..ใช่เลย..คนที่รักจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผมว่าหัวใจเขาต้องมาก่อนเลย... ผมว่า...นะอืมมมม..เป็นหมอน่าจะคิดเองได้...ถ้าหัวใจคุณเกิดมาเพื่อเป็นหมอ จากคุณ : . - [ 20 ก.ย. 47 09:57:04 A:192.168.4.220 X:203.170.247.203 TicketID:055543 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ก็ตัองปรับตัวล่ะหมอ ถ้ารับไม่ได้ ก็ออกจากราชการเหอะ เปิดโอกาสให้หมอดีๆ เข้ามาทำงานต่อ เพราะคงดีกว่า ให้หมอประเภท "หัวหมอ" มากอบโกย ผลประโยชน์บนร่างกายคนแล้วยังไร้จิตสำนึกหากินแบบนี้อยู่เรื่อยๆ อย่างตัวอย่างที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้... จากคุณ : อาซิ่ม - [ 20 ก.ย. 47 10:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 49 หน่ะหมอ........เหนื่อยก็บ่นได้นะๆๆๆๆ แต่อย่าท้อให้มันนานนัก คนไข้รออยู่ ฟ้นฝ่าและเอาชนะอุปสรรคให้ได้นะ เอาใจช่วย จากคุณ : ran~lola - [ 20 ก.ย. 47 10:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 พวกที่บอกให้เค้ากลับไปเรียนใหม่นะ ไม่เข้าใจจริงๆว่ามีอะไรดีพอไปพูดยังงี้ จะออกค่าเรียนให้เหรอ? จะเอาเวลาที่เสียไปคืนมาให้เหรอ? จะเอาเวลาที่อ่านหนังสือไปทั้งวันทั้งคืนคืนมาให้เหรอ? จะจ่ายเงินเดือนแทนให้ตลอดชีวิตใช่มะ ถึงได้มากล่าวตัดกำลังใจคนทำงานกันแบบนี้ พวกที่ทำเป็นหงุดหงิดก็ทำหงุดหงิดตามเรื่องตามรวเวลาเห็นหมอมาบ่นในยามที่ไมสามารถตอบสนองนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขและไม่ตอบสนองความต้องการของตน แต่ไม่เคยจะคิดมองในมุมมองของหมอที่ต้องทำงานหนัก และต้องใช้ชีวิตการอยู่เวรทั้งคืนและทำงานในวันต่อไป โดยไม่มีการได้หลับตา 36 ชั่วโมงเลยก็ตาม .........รู้รึเปล่าความหมายของคำว่าพวกที่ไม่ฟังก็ไม่ต้องทุ่มเท หมายความว่าอย่างไร............. ........มันเป็นการรักษาจิตใจของคนที่ทำงานมาอย่างหนักต่างหากไม่อย่างนั้นจะให้เราแบกรับทุกอย่างหรือ..... ..... ........ ......... ........ ......... อ่านทุกข้อความให้เข้าใจและพิจารณาให้ถ่องแท้กันด้วยเถอะนะครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญถ้าเราอยากจะรู้จักใจใครสักคนใน pantip จากคุณ : หมอโต - [ 20 ก.ย. 47 11:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มาดูหมอที่ศิริราชสิคะ ถ้าเป็นแพทย์ประจำบ้านได้เงินเดือนแค่ 8 พันกว่าบาทเอง แต่ถ้าเป็นอาจารย์แพทย์จบใหม่ได้แค่หมื่นต้นๆ รักษาคนไข้ก็ไม่น้อยไปกว่าคุณเลย เยอะกว่าคุณหลายเท่านัก สำหรับแพทย์ประจำบ้านหรือ resident เมื่อตรวจคนไข้เสร็จ ไหนจะต้องไปเรียนอีก ไหนจะต้องขึ้นเวรอีก ส่วนอาจารย์ไหนจะรักษาคนไข้ ไหนจะสอน ไหนจะไปประชุม ... เรียนมาแทบเป็น แทบตาย กว่าจะจบหมอ 6 ปี ต่อ resident อีก 3 ปี ต่อ fellow หรือไม่ก็ไปต่อนอกอีก 2 ปี รวมๆแล้วเรียนไม่ต่ำกว่า 11 ปี แล้วได้เงินเดือนแค่หมื่นต้นๆ เค้าไม่ยิ่งกว่าคุณเหรอ แต่ก็ไม่เห็นมีใครอยากจะลาออกเลย แพทย์มี 2 ประเภท แพทย์ประเภทที่เกิดมาเพื่อเป็นแพทย์จริงๆ พวกนี้จะไม่รวยหรอกค่ะ จะสังเกตได้ว่า ทำงานกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ขับรถคันเก่าๆ แต่คนไข้รักเพราะว่าเค้ารักคนไข้ ส่วนแพทย์ประเภทที่ 2 คือแพทย์พาณิชย์ จำพวกนี้คือคนที่เรียนเก่ง คิดจะมาเรียนแพทย์เพื่อหวังจะร่ำรวยจากอาชีพนี้ ถามว่าผิดมั้ย คงไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะคนเราเกิดมาก็อยากรวยกันทั้งนั้น แต่ก็อย่างว่านะคะ คำว่า "ประสบความสำเร็จ" ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน สำหรับบางคนคิดว่าถ้าทำงานแล้วมีเงินเยอะๆ แค่นี้ก็ถือว่าเค้าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับแพทย์บางกลุ่มการประสบความสำเร็จคือการที่เค้าได้มีตำแหน่งทางวิชาการ ได้เป็น ผศ., รศ.,ศ. มีงานวิจัยที่คนยอมรับแล้วทำเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมารักษาคนไข้ให้หาย โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าจะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ก็มี อันนี้ก็แล้วแต่คนจะคิดล่ะค่ะ ก็ไม่ทราบว่าคุณจบแพทย์ที่ไหนนะคะ แต่ถ้าเกิดว่าคุณจบจากที่นี่ก็คงต้องขอถามหน่อยว่ายังจำคำที่ให้ไว้กับพระราชบิดาได้อยู่หรือเปล่าคะ.....หรือเพียงแค่พูดตามคนอื่นๆเค้าไปอย่างนั้นเอง ........... จากคุณ : K@ni - [ 20 ก.ย. 47 11:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มาเอาใจช่วยคุณหมอ  อย่าท้อนะคะ คุณอาเราก็เป็นหมอ เหมือนกัน งานหนักมากกลับดึก ทุกวัน ทำดีเสมอตัวพลาดไปโดนด่าเละ เข้าใจว่าคุณอาจจะเหนื่อยใจแค่ชั่วประเดี๋ยวแต่คุณก็จะ ตั้งใจทำงานกับชาวบ้านต่อไปใช่มั้ยหล่ะ  ยินดีรับฟังค่ะ พวกคนที่บอกทำนองว่าอยากเป็นหมอก็ทนไปเถอะนี่ทำ งานอะไรกันถามจริง  ถ้าคุณทำงานแบบที่คุณว่าได้ นี่เราชื่นชมคุณจริง ๆ ที่คุณทำงานเพื่อสังคมและหวังดีเตือน รุ่นน้อง  แต่ ถ้าคุณเป็นพนักงานกินเงินเดือนทำงานหวังเงิน ไม่เคยทำอะไรให้ประเทศชาติเลย นี่อย่าว่าคุณหมอเลยค่ะ คนนะคะไม่เจอกะตัวไม่รู้สึกหรอก  ลองเอาใจเค้ามาใส่ใจเราดูนะคะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 11:46:37 จากคุณ : อันปังแนน - [ 20 ก.ย. 47 11:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มันอยู่ที่ใจค่ะ ถ้าใจเป็นสุขและรักงานบริการ ทุกอย่างก็น่าจะมีความสุข เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : Endoo - [ 20 ก.ย. 47 12:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขึ้นอยู่กับว่า คุณเป็น... หมอรักษาโรค หรือ หมอรักษาคนไข้ ค่ะ... ยังไงก็ไม่อยากให้บรรดาคุณหมอท้อนะคะ สังคมมันเลวลงทุกที เพราะคนดี-ดี ท้อแท้ น่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้ละกัน ( น้องอรยังสู้เว้ยยย..เลยอ่ะค่ะ หุหุ ) จากคุณ : เนเน่จัง (NeNeJunG@YimSiam) - [ 20 ก.ย. 47 12:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คนเป็นหมอ นอกจากจะต้องสมองดีแล้ว "จิตใจ" ก็ควรดีด้วยนะคะ ........... หากรักจะเป็นหมอก็ต้องมีจิตวิญญาณความเป็นหมอ หากรักจะเป็นครูก็ต้องมีจิตวิญญาณความเป็นครู หากรักจะเป็นอะไรก็ต้องทุ่มเทใจให้กับสิ่งนั้น หากคุณรักจะเป็นหมอจริงๆ หากคุณเห็นว่านี่แหละคืออาชีพที่คุณใฝ่ฝันและมุ่งมั่นมาตลอด ตอนนี้คุณจะทิ้งมันไปได้ลงคอหรือคะ? เราศรัทธาคนที่เป็น "หมอ", "ครู", "ตำรวจ", "แม่ค้า", "ยาม", "กรรมกร" ฯลฯ ที่มีจิตใจทุ่มเทกับสิ่งนั้นจริงๆ หากคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำมามันไม่ไร้ค่าต่อสังคม อยากให้คุณสู้ต่อไปค่ะ ถ้าคุณทำมันได้ คุณจะภูมิใจที่สุดเลยนะคะ ^^ ..... ความยากลำบากคือสิ่งที่พิสูจน์ความพยายามและความตั้งใจจริงของมนุษย์ จากคุณ : พุงแมว - [ 20 ก.ย. 47 13:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 56 [ผมเล่ามาจากที่เพื่อนผมที่เป็นหมอเล่าให้ฟังอีกต่อนึง ใครไม่เห็นด้วยเชิญแย้งได้ครับ] ยังไงก็อยากให้เจ้าของกระทู้ไม่ท้อแท้นะครับ อดทนใช้ทุนจนครบเถอะครับ สงสารชาวบ้านเค้าต้องการหมอนะครับ ในภาวะหมอขาดแคลนแบบนี้ เพื่อนผมก็เป็นหมอประสบปัญหาแบบคุณนี่แหละ ผมก็เลยเข้าใจว่ามันหนักเพื่อนผมใช้ทุนภาคใต้ อำเภอก็ล่างๆหน่อย คือเรื่องเงินเค้าไม่เกี่ยงกันหรอกครับ 20,000 เพื่อนผมก็อยู่ได้สบายอยู่แล้ว (เค้าได้ 35,000 เท่าคุณเจ้าของกระทู้แหละครับ) เรื่องๆที่ท้อแท้ เพื่อนผมมันก็มาบ่นให้ฟังอยู่ประจำ ปัญหามันก็คือเนื่องจากแพทย์เป็นอาชีพที่คนในสังคมยกย่องคนไทยก็เลยคาดหวังกันว่า หมอต้องเป็นคนที่มีจิตใจสูงส่ง คุณธรรมสูงล้ำ โดยไม่ได้คิดกันว่าหมอก็คนเหมือนเราๆท่านๆนี่แหละ หมอเบื่อได้ หมอท้อแท้ หมอเมาอ้วกข้างถนนได้ หมอยืนฉี่ข้างทางได้ หมอต่อยกับพวกขี้เมาได้ หมอมีรัก,โลภ,โกรธ,หลง ได้ หมอฆ่าเมียได้ (แต่ผิดกฎหมาย) บลา บลา บลา... หมอส่วนใหญ่จบๆกันมามีไม่กี่คนหรอกครับที่เป็นหมอเพื่อรวย เพื่อหาเงิน ส่วนใหญ่ก็ต้องการจะช่วยเหลือคนทั้งนั้นแหละ แล้วที่บอกว่ากินเงินภาษีชาวบ้านจบมาแล้วไม่สู้งานไม่คุ้ม ผมว่าคณะนี้ถ้าไม่โคตรทุ่มเทมันก็เรียนไม่จบหรอกนะ ไม่ต้องห่วงหรอกว่าเค้าจะเรียนไม่คุ้มค่าเงินภาษีน่ะ ปีนี้หมอลาออกมากเป็นประวัติการณ์ผลมาจากโครงการณ์ 30 บาทนี่แหละครับ โครงการณ์ที่ทำให้หมอต้อง double standard เรื่องที่บอกๆ กันว่า ยาที่ได้รับเกรดต่างกัน จ่ายเอง/ประกันจ่าย ได้ยาดี , ประกันสังคม ได้เกรดด้อยลงมา , 30 บาทเกรดด้อยลงมาอีก อันนี้เรื่องจริงครับ  เพราะมีปัจจัยเรื่องงบของโรงพยาบาลที่ต้องเอามาจุนเจือค่ายาเพราะเงินค่ารักษารายหัวที่รัฐให้มามันไม่พอ (เป็นที่รู้กันว่าโครงการ 30 บาท เป็นโครงการที่ดี แต่เป็นโครงการที่รอวันเจ๊ง เพราะประเทศเราไม่สามารถหาเงินมาอุดหนุนได้อย่างเพียงพอ) จ่ายยาดีทุกเคส-โรงพยายาลเจ๊ง / จ่ายยาไม่เท่าเทียมกัน-ผิดจรรยาบรรณ เพื่อนผมบอกมันและหมอหลายๆคนอึดอัดมากๆ กับเรื่องนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้ (เพราะนโยบายมาจากฝ่ายการเมือง ข้าราชการมีหน้าที่ปฎิบัติตาม) ส่วนคนที่มาพูดๆว่ายังไงก็ต้องให้ยาดีสุดกับคนไข้ตามจรรยาบรรณหมอ โรงพยาบาลจะเจ๊งก็ช่างมันสิ ขอถามหน่อยนะแล้วถ้าโรงพยาบาลมันเจ๊งแล้วหมอจะไปทำงานที่ไหน จะให้ไปตรวจกันแบบหาบเร่ข้างถนนเหรอ โรงพยาบาลเพื่อนผมทั้งโรงพยาบาลมีหมอ 3 คน มันเป็นเด็กใช้ทุนโดนทำงานเยอะกว่าคนอื่น วันดีคืนดีอีกสองคน ลาพร้อมกัน มันต้องไปกินนอนอยู่โรงพยาบาล 2 อาทิตย์ (เพราะถึงกลับบ้านพัก เดี๋ยวพยาบาลก็ต้องมาตามอยู่ดี) ทำงานทุกวัน วันนึงไม่ได้ทำงาน 3-4 ชม. (อาบน้ำ กินข้าว นอน) วันปกติก็ทำ 15-16 ชม. ประจำ แถมยังมีพวกอิทธิพลมาขู่อีก ขู่หมอที่แหละครับ [edit : ไม่เล่าดีกว่า มันเป็นเรื่องคดีความ]  ส่วนเรื่องพยาบาลทำงานมากกว่าหมอ มันก็มีแหละครับ แต่เหมือนเจ้าของกระทู้บอกไปแล้ว พยาบาลยังได้เปรียบเรื่องการอยู่เวร กับ การลาหยุด นะครับ  ในห้องฉุกเฉินถ้า หมอทำผิด = หมอผิด  พยาบาลทำผิด = หมอผิดด้วย ครับ  คนเราถึงจะใจดีแค่ไหนถ้ามันมีเรื่องเครียด หงุดหงิด ขัดใจ เกิดขึ้นทุกวัน มันก็ต้องมีท้อแท้บ้างแหละครับ คนเรามันก็มีขีดจำกัดนะครับ คำว่าเสียสละเนี่ยพูดกันเยอะครับแต่จะทำได้กันกี่คนล่ะครับจริงๆ เนี่ย  การที่คนคนนึงเสียสละไปส่วนนึงที่เค้าคิดว่าพอแล้ว แต่คนอื่นมองมาแล้วคิดว่าแบบนั้นน้อยไปเสียสละมันต้องมากกว่านี้ แปลว่าที่คนคนนั้นทำไป ถือว่าไม่มีความเสียสละเหรอครับ ?? แล้วตอนที่โครงการณ์ 30 บาทเพิ่งดันขึ้นมา ที่มีข่าวว่าเงินไม่พอน่ะครับ เพื่อนผมเงินเดือนตกเบิก 6 เดือนครับ หึ ๆ ๆ เป็นหมอแล้วยังต้องขอเงินแม่ใช้อยู่ตั้ง 6 เดือน...ไร้คำบรรยาย... คือคนที่มาว่าๆ กันเนี่ยผมก็พอเข้าใจว่าคุณไม่พอใจ ที่หมอไม่ได้เป็นแบบในอุดมคติคุณแต่เชื่อผมเหอะ ถ้าคุณได้เป็นหมอจริงๆได้ไปอยู่แบบนั้นจริงๆ พวกที่ว่าๆ เรื่องเจ้าของกระทู้ไร้จรรยาบรรณ เนี่ย จะอยู่ใช้ทุนจนครบมีไม่กี่คนหรอก เผลอๆอาจจะท้อแท้ลาออกกันหมดเลยก็ได้ แน่นอนผมคนนึงแหละครับที่ทำไม่ไหว ปล. ว่างๆลองหาการ์ตูน Say Hello to Doctor Blackjack มาอ่านกันดูนะครับ อาจพอเห็นลางๆ เรื่องระหว่าง จรรยาบรรณ , ความรู้สึก และ การปฎิบัติจริง (เรื่องนี้เพื่อนผมที่เป็นหมออ่านเล่มเดียวเลิกอ่านเลย มันบอกว่าคล้ายชีวิตหมอจริงๆ อ่านแล้วเครียด) แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 13:23:36 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 13:20:46 จากคุณ : Kyle Katarn - [ 20 ก.ย. 47 13:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 57 จนแล้วจนรอดก็ยังมองแต่ตัวเองว่างานหนักงานเหนื่อย แต่ไม่มองในมุมของคนไข้ คราวนี้ผมมั่นใจแล้วแล้วว่าที่คุณเข้าไปเรียนนั้นไม่ได้เพื่อ คนไข้แต่เพื่ออะไร"บางอย่าง" จะออกค่าเรียนให้เหรอ? จะเอาเวลาที่เสียไปคืนมาให้เหรอ? จะเอาเวลาที่อ่านหนังสือไปทั้งวันทั้งคืนคืนมาให้เหรอ? จะจ่ายเงินเดือนแทนให้ตลอดชีวิตใช่มะ ถึงได้มากล่าวตัดกำลังใจคนทำงานกันแบบนี้ คำพูดเหล่านี้คงจะบอกได้แล้วครับว่า คุณต้องการเรียนแพทย์ไปเพื่ออะไร "ไม่มีคำว่าเสียดายกับการเริ่มต้นใหม่" อ่านทุกข้อความให้เข้าใจและพิจารณาให้ถ่องแท้กันด้วยเถอะนะครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญถ้าเราอยากจะรู้จักใจใครสักคนใน pantip ขอคืนคำพูดให้ครับ จากคุณ : Beeee(Beeee) - [ 20 ก.ย. 47 13:22:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ข้างบน เรียนจบอะไรมาหรือครับ จากคุณ : aodxy - [ 20 ก.ย. 47 14:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณคิดว่าคนที่เรียนหมอจะไม่รู้ว่า งานที่ทำมันต้องมีความรับผิดชอบสูง พวกหมอเขาทำใจไว้แล้วว่างานหนัก แต่มาเจองานจริงมันต้องมีท้อกันบ้าง บวกกับระบบการบริหาร 30 บาท นโยบายซื้อใจรากหญ้า วันๆ เจอแต่คนไข้ที่ความรู้น้อย(มีความเชื่อเดิมๆ) หรือคนไข้หัวหมอ อีกสารพัด เป็นผม ผมก็ท้อ พวกที่พยายามพูดให้คำนึงถึงภาษีของรัฐ ขอถามพวกคุณเรียนจบอะไรมาหรือครับ หรือทำงานเอกชน ที่หวังผลกำไร หรือรัฐบาล หรือบ้างคนยังเรียนไม่จบ ผมทำงานข้าราชการเป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยของรัฐ ผมยอมรับว่างานที่ผมทำเมื่อเทียบกับหมอแล้วความยากลำบากไม่ได้เสี้ยวของหมอเลย รวมงานผู้ช่วยสำนักหอสมุด ผมยกมาอ้างอิงเพราะผมทำงานของรัฐเหมือนคุณหมอ ย่อมจะเข้าใจคุณหมอ พวกที่ไม่เข้าใจผมไม่โกรธเพียงแต่ อยากให้คุณลองกลับไปคิดทบทวน ตัวคุณเองทำประโยชน์ ให้ประเทศชาติบ่อยแค่ไหนช่วยเหลือผู้คนอะไรบ้าง ผมอ่านหลายคนที่แสดงความคิดเห็น ทุกคนพูดในแง่ของ อุดมการณ์ ในแง่ของคุณธรรมความดี แต่ไม่เคยเอาเรื่องจริงมาผูกไว้ด้วยกัน ผมทำงานเต็มที เฉลี่ย ไม่เกิน 8 ช.ม. ต่อวัน(ผมไม่นับเวลาที่ต้องเตรียมสอน) เวลานอนก็นอนปกติไม่เคยมีนักศึกษาโทรมาปลุก แล้วพวกคุณทำงานกันวันละกี่ ชั่วโมง มีคนโทรมาปลุกบ่อยไหม หน้าที่รับผิดชอบ มีความสำคัญแค่ไหน หรือแค่กำไรขาดทุนขององค์กร เป็นกำลังใจให้หมอทุกคนครับ จากคุณ : aodxy - [ 20 ก.ย. 47 14:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เท่าที่อ่านผ่านๆ ก็คิดว่า สิ่งที่หมอได้พูดออกมา มาจากการอึดอัดในการทำงาน ที่ระบบนั้นไม่ได้ดังใจ และยังถูกโขกสับกับคนไข้ที่งี่เง่า (ขอใช้คำว่า งี่เง่านะครับย คือ ดื้อจริงๆ ขนาดหมอบอกว่าให้นอน ยายบ้าแกก็จะดำนา เออ ดี ตายไปเลย.....ห่วงนามากกว่าตัวเอง) ก็ขอให้อดทนกับสิ่งที่เป็นอยู่ แล้วพยายามทำกับมันให้ดีที่สุด ผลที่คุณได้ทำนั้น ถึงไม่ส่งผลชาตินี้ ก็จะส่งผลดีในภายภาคหน้า จากคุณ : Aloha007 - [ 20 ก.ย. 47 15:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เป็นกำลังใจให้หมอครับ ผมเชื่อว่าทุกคนที่เรียนหมอแล้วตั้งใจทำงานเพื่อชาวบ้านแน่ๆ ผมรู้ว่าหมอเหนื่อยครับ น้องผมก็เป็นหมอ นอนวันละ 5ชม ที่เหลือทำงานแล้วก็นอนอยุ่โรงพยาบาลเหมือนกัน น้องผมเป็นหมอแล้วน้ำหนักลด 10 โล ภายใน 3เดือน เห็นแล้วเหนื่อยแทน ตอนกลับมาดูไม่ได้เลย เค้าก็มาบ่นๆ อยากออกๆ ทุกวัน แต่สุดท้ายก็ไปได้ตลอดรอดฝั่งครับ สู้ๆ นะหมอนะ เซ็งพวกที่เอาแต่ด่าแต่ว่า เคยเป็นหมอเหรอครับ มีญาติเป็นหมอไหมครับ เอาแต่มุมมองของตัวเอง มาด่าคนอื่น หมอเค้ายังไม่ได้หมดกำลังใจซะหน่อย แค่อึดอัดเท่านั้นเอง หมอทำดีแล้วครับ จากคุณ : กบในฟ้ากว้าง - [ 20 ก.ย. 47 16:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ลาออกดีกว่า อย่าห่วงเลย เดี๋ยวมีหมอคนใหม่ไปเอง แล้วคุณอยากจะไปทำอะไรก็ได้ แล้วสักพักก็จะรู้ว่า งานใหม่มันก็ลำบากอีกนั่นแหละ แต่ชีวิตมันต้องเดินไปเจอทางแยกนิ ชีวิตใครชีวิตมัน จากคุณ : angy_11 - [ 20 ก.ย. 47 16:22:28 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอให้กำลังใจนะคะหมอ คนเราไม่ว่าอาชีพไหน มันก็ย่อมจะมีเวลาที่เหนื่อยและท้อแท้กับงานด้วยกันทั้งนั้น หมอเองถึงแม้จะได้เงินเดือนเยอะ แต่เค้าก็ทำงานหนักมาก งานที่เหนื่อยและหนักทั้งกายทั้งใจ ใครบ้างจะทนไหวได้ตลอดเวลา จะให้ไม่คิดอะไร เลิกงานก็เลิกคิดเหมือนกดปุ่ม shut down computer งั้นหรือ มีใครทำได้มั่งคะ ในเมื่อยังเป็นคน มีเลือดมีเนื้อ ยังต้องกินข้าวกินน้ำ ต้องการนอนหลับพักผ่อนเหมือนคนอื่น ไม่ได้เป็นหุ่นยนต์รักษาคนป่วยนี่คะ ที่มาพูดน่ะไม่ใช่ว่าเป็นหมอหรอกนะคะ แต่ทำงานโรงพยาบาลแล้วก็ได้เห็นว่างานมันหนักจริง ๆ ถ้ามันเหนื่อย มันหนัก ก็บ่น ก็พักบ้างเถอะค่ะ ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ เท่านั้นก็พอแล้ว เท่านั้นก็ดีมากแล้ว คนเราต้องมีอุดมการณ์ มีจุดยืน มีเป้าหมาย มีความหวัง ชีวิตมันถึงจะดำเนินไปอย่างมีค่าและมีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นหมอ เป็นครู เป็นโปรแกรมเมอร์ หรือเป็นนักศึกษา เราก็ล้วนทุ่มเท เสียสละ และทำเพื่อชาติได้เหมือนกัน และเท่ากันได้ทั้งนั้น โดยไม่ต้องโยนให้เป็นภาระหน้าที่ของใครหรืออาชีพใด จากคุณ : เก็ตถวาหอมนวล - [ 20 ก.ย. 47 16:23:43 A:172.17.12.67 X:61.19.199.142 TicketID:031285 ]

ความคิดเห็นที่ 64 แปลกใจนิดนึงที่มีคนพยายามออกมาตั้งคำถามว่า   พวกคุณ ๆ ที่ออกความเห็นในเชิงลบน่ะทำงานอะไร ? ถ้าอ่านข้อความลึก ๆ บางท่านน่าจะอยู่วิชาชีพเดียวกันกับเจ้าของกระทู้ และสิ่งที่ท่านเหล่านั้นเตือนคือ   จขกท.น่ะมีโอกาสดีกว่าเพื่อนหมออีกหลายคนที่ทำงานหนักเท่า ๆ กัน และทุ่มเทมาก ๆ ทั้ง  ๆ  ที่เงินเดือนน้อยกว่า จขกท.เยอะ และสูงวัยกว่าเจ้าของกาทู้ คุณหมอน่ะยังหนุ่ม  มีเรี่ยวแรงที่จะสู้หรือออกไปทำงานอย่างอื่น คุณหมออาจไม่เคยเห็นรุ่นพี่   หรือไม่เคยเห็นตัวอย่างที่ดีจึงไม่มีแรงให้ฮึดสู้เมื่อท้อใจ แต่เราเคยเห็นนะ และประทับใจหมอหลายท่านมาก ๆ เลย เราเคยเห็นน้ำตาของคุณหมอผู้หญิงคนหนึ่งที่ตั้งใจและทุ่มเททุกอย่างให้แก่คนไข้ แล้วถูกฟ้องร้อง..ถูกฟ้องร้องทั้งทีมการดูแลรักษาเลยแหละ หลังเกิดเรื่องถามว่าเธอเปลี่ยนรูปแบบ  แบบแผนของความเป็นแพทย์หรือไม่ ไม่รู้สิ เราว่าเธอยังคงทำหน้าที่ได้ดีเช่นเดิมทั้ง ๆ ที่ลูกและสามีเรียกให้ออกเถอะ ๆ แต่เธอยังไม่ไป   .. เพราะไม่มีแพทย์คนอื่นเหลืออยู่อีกแล้ว ..เธอไปเสาบางต้นจะทรุด นี่เรื่องจริง   เราเคยเห็นหมอผู้ชายคนหนึ่งที่นบนอบต่อเพื่อนร่วมงาน  แม่นในหลักการ รักและทุ่มเทให้คนไข้ที่ดื้อด้าน    กลับบ้านเย็นมาก ทานข้าวเที่ยงรึเปล่าไม่รู้ ตกบ่ายมีงานสอนหนังสือด้วย   ออกตรวจโอพีดีด้วย    เป็นหัวหน้างาน HA ด้วย ต้องออกตรวจวอร์ดแทนแพทย์ท่านอื่น ๆ ที่ป่วยลาด้วย เขาเอาใจที่ไหนมาสู้    ทั้ง ๆ ที่เพื่อนร่วมวิชาชีพบางคนมาทำงาน  .. เที่ยง  .. หมอคงไม่เคยเห็นพี่หมอคนหนึ่งที่ย้ายไปที่อื่น..สบายกว่าที่เดิมมาก   ยังอุตส่าห์วิ่งกลับมาช่วยงานที่เดิมเพราะเป็นห่วง คนที่ทำดีมาก ๆ นี่  ไม่เพียงชาวบ้านรักนะคะ เพื่อนร่วมงาน  เพื่อนต่างวิชาชีพก็รักช่วยอำนวยความสะดวกให้ตลอด   ลองย้ายมาอยู่โรงพยาบาลศูนย์ที่ใหญ่กว่านั้นดีรึเปล่าน้อ.. แล้วจะรู้ว่าที่คุณอยู่น่ะ  .. สบายกว่าที่อื่นแค่ไหน ปล.หมอที่วัน ๆ วิ่งขายประกัน  ออกแต่คลีนิกส่วนตัว .. มีจริง ๆ นะคะไม่ได้ล้อเล่น รักษาคนไข้แค่ให้ผ่านไปวัน ๆ  คิดการรักษาแค่ตื้น ๆ     บ่ายสามโมง   เตรียมตัวกลับบ้าน.. อย่าถามล่ะว่า เราทำงานอะไร   ไม่ใช่หมอนะแต่ด่าหมอได้.. หมอที่ดีรับฟังความเห็นผู้อื่นเสมอ เราเชื่อว่าคุณเจ้าของกาทู้เป็นเช่นนั้น.. ปล.1  วันนี้สบายใจขึ้นบ้างรึยัง   ปล.2  กลับมาแก้ไขคำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 16:38:33 จากคุณ : totoh995 - [ 20 ก.ย. 47 16:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ^ ^ ^ ผมเดาว่าเป็นพยาบาล ผมด่าคนที่รุมด่าหมอแบบว่าให้เลิกเป็นหมอเพราะไม่ได้ทุมเทชีวิตให้กับการรักษาอย่างที่เค้าฝัน เพราะผมสงสารคนหนุ่มสาวๆที่ต้องแบกรับภาระ กับคำว่าหมอ ผมว่ามันก็ไม่แฟร์ หมอไม่ได้ perfect ทุกคน... ผมคิดอย่างนี้จริงๆ จากคุณ : กบในฟ้ากว้าง - [ 20 ก.ย. 47 16:41:58 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อีกหนึ่งความเสี่ยงของอาชีพหมอ จากคุณ : บางลำภูสแควร์ - [ 20 ก.ย. 47 17:00:47 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อุอุ ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมกำลังใจกันนะครับ คห.57 คร้าบ การเรียนเพื่อคนไข้ที่คุณว่ามันเป็นอย่างไรเหรอ??? ผมเข้าเรียนมาเพราะเพื่อครอบครัวของผม แล้วยังไงมันจะเป็นอย่างไร ถ้าสุดท้ายสิ่งที่ผมเรียนจะสามารถดูแลรักษาคนไข้ที่ผ่านมือผมได้เกือบทุกคน (เพราะบางคนผมไม่สามารถช่วยได้ และบางคนผมช่วยแล้วแต่เค้าทำให้ทุกอย่างมันเสวร้ายกว่าเดิม) นี่คือเรื่องจริง.......... วันหนึ่งที่ตึกอุบัติเหตุ พ่อแม่พาลูกชายอายุ 6 ขวบ มาเพราะว่าลูกชายโดนสุนัขกัดที่ปากและกลัวว่าจะติดเชื้อบาดทะยักและโรคกลัวน้ำ จึงมาขอฉีดยาที่โรงพยาบาล จากการตรวจร่างกายพบว่าเด็กมีรอยเขี้ยวอยู๋ด้านในของริมฝีปากบนจริงๆ จึงทำการล้างแผล โดยการล้างแผลนั้นเพื่เป็นการป้องกันเด็กดิ้นเพราะกลัวและล้างแผลอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด จึงต้องเอาน้ำเกลือมาล้างโดยพ่นเข้าไปที่แผล โดยต้องทำในท่านอนตะแคงข้าง(ไม่งั้นน้ำเกลือเข้าปาก) และต้องเอาผ้ามาห่อเด็กไว้(เพราะเด็กกลัวและดิ้นมาก) เราล้างแผลเสร็จแล้วและกำลังจะสั่งยาฉีด พ่อของเด็กก็ทำท่าเกรี้ยวกราดไม่พอใจ หาว่าหมอทรมานเด็ก (ดูดิ!!!!) และบอกว่าวันนี้จะไม่ฉีดยาแล้ว จะไปหาที่ฉีดที่อื่นพรุ่งนี้ ราก็เลยอธิบายไปว่ารไม่ฉีดวัคซีนภายใน 12 ชั่วโมงจะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อสุนัขบ้ามากขึ้น พ่อก็ไม่ยอม พาลูกออกไปนอกห้อง ตอนนี้จะให้ทำยังไงล่ะ (อ้อนวอนให้พ่อพาลูกมาฉีดเหรอ ?ให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันพามาให้ฉีดวัคซีนดีไหม? หรือว่าจะต้องทำอย่างไร) คำตอบคือ............. ให้แม่ของเด็ก เซ็นใบไม่ยินยอมรับการรักษาโดยเราได้อธิบายผลข้างเคียงของของการฉีดวัคซีนช้าและเขียนในในใบสัญญาเอาไว้แล้ว ทุ่มเทกับคนที่เขาฟังเราก็พอครับ...... เอกสารไม่ยินยอมรับการรักษา คือทางออกที่ดีที่สุดกับคนที่ไม่ฟังสิ่งที่เราบอก อย่างน้อยก็มีหลักฐานถ้าเขากลับมาฟ้องร้องเราทีหลัง ที่เรียนมา 6 ปี ขอบอกเลยนะ ผมไม่ได้เรียนมาเพื่อ คนไข้ ผมเรียนมาเพื่อตั้งใจจะให้พ่อแม่สบายและมีความสุข แล้วยังไงล่ะ -ไปใช้ทุนที่ไกลสุดลิบตา ให้พ่อแม่ต้องนั่งกังวลใจทุกวัน มีความสุขหรือเปล่าล่ะ -งานที่ทำได้เงินมากกว่าคนอื่นแล้วยังไงล่ะ ในเมื่อการทำงานใน 1 เดือนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง วันที่อยู่เวรต้องอดทนกับการไม่ได้นอน 36 ชั่วโมง....คุ้มไหมล่ะ -เจอกับการกดดันจากคนไข้และ.........(บอกไม่ได้) มันกดดันนะครับ -ตรวจคนไข้วันละ 100 คนนี่ มันสาหัสมากๆเลยนะรู้ไหม เพราะสิ่งที่พวกเรากลัวที่สุดคือการวินิจฉัยโรคผิดพลาด ปกติวันนึงหมอเค้าควรตรวจคนไข้ opd เพียง 10 คนก็พอ ที่เหลือก็ไปทุ่มเทกับคนไข้ในหรือฉุกเฉิน....แต่ภาคปฏิบัติจริงๆแล้วไม่สามารถทำได้ ดังนั้นขอย้ำเลยนะ พวกที่มาบอกให้เรียนจบแล้วอย่าไปเป็นหมอนะ เอาสิ เอาเงินที่ค้ำประกันกับรัฐบาลมาให้สิ 400000 เองนะ หามาให้ได้หรือเปล่าล่ะ จากคุณ : หมอโต (หมอโต) - [ 20 ก.ย. 47 17:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 68 หมอทำดีมากๆแล้วล่ะครับ ถ้าผมเป็นอย่างคุณผมคงประสาทกินไปแล้ว โชคดีนะเนี่ยที่เราเลือกเรียนวิศวะแทนที่จะเรียนหมอ สิ่งที่คุณทำมามันคุ้มค่ามากเกินกว่าภาษีของคนในประเทศมากเลยครับ เทียบกับนักการเมืองที่วันๆไม่พัฒนาอะไรแล้วยังโกงกินกอบโกยเงินจากภาษีประชาชนอีกคนละหลายล้านนั่นแล้วยิ่งชัดเจน คนเป็นหมอและมนุษย์คนอื่นๆก็มีสิทธิ์อยากมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนกัน แต่คนเป็นหมอนั้นวันๆทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของคนอื่นๆ แต่ชีวิตตัวเองสุดแสนจะอาภัพ หาเวลาให้ตัวเองและคนที่ตัวเองรักได้ยากมาก เงินที่ได้มาก็ไม่สามารถซื้อความสุขมาทดแทนมาก ทำงานหนักมากไปก็ไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่ามากขึ้นสักเท่าไร ยิ่งทำให้มีโอกาสเจอคนไข้ด่ามากขึ้น แถมตัวเองยังโทรมอีก ..... แต่พอจะทำงานหนักให้น้อยลง เอาใจใส่ตัวเองและคนที่เรารักมากขึ้น ก็มักถูกต่อว่าจากพวกที่ชีวิตนี้วันๆเอาแต่สนุกสนานรื่นเริง ไม่ค่อยจะทำอะไรเป็นประโยชน์ (เหมือนหลายๆคนในกระทู้นี้) ไม่ว่าจะทำยังไงๆ หมอก็โดนอยู่ดี น่าเห็นใจครับ ในความคิดผม ผมว่ารัฐบาลน่าจะเพิ่มหมอในแต่ละท้องถิ่นให้มากกว่านี้นะ จากคุณ : zmen - [ 20 ก.ย. 47 18:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอเป็นกำลังใจให้กับหมอทุกคนที่ตั้งใจทำงานนะคะ ทุกงานย่อมมีอุปสรรคทั้งนั้น ขอให้ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ตั้งไว้ ปัญหาคือประสบการณ์ชีวิตค่ะ ก่อนจะตัดสินใจอะไร ขอให้จขกทมองไกลๆนะคะ จากคุณ : cheerup (abstract) - [ 20 ก.ย. 47 18:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อ่ะ...คุณหมอทั้งหลาย ใจเย็นๆ นะคะ เข้าใจความรู้สึกค่ะ ถ้าเป็นแถวบ้านเค้าจะเรียกกันว่า "หมอบ้านนอก" (...เรียกจิงๆ นะ) แล้ว "คนบ้านนอก" แบบบ้านเราเนี่ย อารมณ์ที่คุณหมอเล่าๆๆๆ กันมาเลย ดื้อ เชื่อแบบผิดๆ คิดว่าแบบนี้แหละใช่เลย แต่อยากให้ใจเย็นๆ กันนะ คิดว่าสงสารชาวไร่ ชาวนา ลุง ป้า ทั้งหลายที่เค้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย (แถวบ้านเรานี่เดินไปหาหมอแล้วให้หมอฉีดยาแก้ปวดให้เลยนะ) สู้ สู้ นะเจ้าคะ จากคุณ : Must Believe - [ 20 ก.ย. 47 18:23:13 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มาเป็นกำลังใจให้พี่ๆค่ะ อ่านแล้วพอจะเข้าใจรับสถานการณ์ในอนาคตได้เลย (ความจริงตอนนี้ก็เห็นตัวอย่างจากพี่ปี6อยู่ทุกวัน) นี่ขนาดเพิ่งปี2 ยังได้นอนวันละ3ชั่วโมง ดีหน่อยช่วงนี้ปิดเทอม....แต่ปิดแค่2สัปดาห์T_T จากคุณ : ข้าวฟ่าง&ม่านแพร - [ 20 ก.ย. 47 18:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เป็นกำลังใจให้คุณหมอนะคะ แต่...ถ้าไม่มีคุณหมอไปลงพื้นที่แบบนี้ หรือคุณหมอทุกคนคิดแบบนี้ ชาวบ้านจะฝากชีวิต ฝากผี ฝากไข้ กับใครได้ละคะ ก็น่าเห็นใจทั้ง 2 ฝ่ายอ่ะค่ะ จากคุณ : S@iYoJang - [ 20 ก.ย. 47 18:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ไม่ได้อ่านทั้งหมดอะ ไม่ไหวเยอะมั่กๆ แต่พูดถึงหมอ หมอเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละ ต้องทุ่มเท และต้องฯลฯ แต่หมอก็คนนะคะ มีรัก โลภ โกรธ หลง ใครๆก็ต้องรักตัวเองทั้งนั้นแหละ บอกตรงๆ อาชีพนี้เงินดี เงินใครไม่อยากได้ ถ้าไม่อยากได้คงไม่ต้องทำงานกันหรอก คนที่มาว่าเอาว่าเอา คิดถึงอกเขาอกเราบ้าง คุณไม่ได้ไปเป็นเขา คุณแน่ใจเหรอว่าถ้าคุณไปเจอเหตุการณ์แบบที่เขาเจอคุณจะทำได้ดีกว่าเขา อย่าตัดสินคนอื่นโดยที่คุณไม่ได้เป็นเขาและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น (อยากเอาคำพูดของคุณจุรีใน เรือนไม้สีเบจ มาพูดอะแต่ลืมแล้ว จำได้ว่าประมาณนี้) หาเรื่องโดนด่าจริงๆเลยตู ไปดีกว่า --' จากคุณ : :::อาราเร่::: - [ 20 ก.ย. 47 18:41:39 ]

ความคิดเห็นที่ 74 วันๆสักแต่นั่งเล่นเนต เรียนๆเล่นๆ โดดบ้าง หลับในห้อง จบไปทำงานในองค์กรสบายๆ วันละอย่างมาก10 hr เห็นคนขอทานก็ไม่รุ้สึกอะไร ไม่ให้เงิน เห็นใครทำผิด ก็ด่าว่า ทำไมไม่ทำอย่างนู้นอย่างนี้ ฯลฯ คนนิสัยอย่างนี้น่ะ ไม่มีค่าพอที่จะมาตำหนิคนที่ "ตั้งใจทำงานเพื่อคนอื่น" หรอกครับ ขอให้ทุกคนโชคดีมีความสุขกับงาน หมอน่ะครับเจอคุณที่ห้องตรวจเราก็ไม่รุ้หรอกว่าคุณเป็นคนอย่างไร นิสัยอย่างไร สิ่งเดียวที่เราทำให้ได้ "รักษาคุณสุดความสามารถที่เราจะทำได้" แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 19:35:33 จากคุณ : Epidemic - [ 20 ก.ย. 47 19:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ไม่เป็นไรครับ คนเรารู้ตัวดีอยู่ว่าลึกๆแล้ว สิ่งที่เราทำลงไปน่ะมันหมายความว่ายังไง ผมยังคงยืนยันว่าทุกอาชีพมีความกดดันเหมือนกัน แตกต่างกันแค่ความหนักเบา ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถจะรับมันได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะปรับตัวยังไง เส้นทางที่คุณเลือกเดินนั้นอย่างน้อยๆคุณเองก็รู้ ว่ามันเป็นอย่างไร เรื่องท้อถอยมีกันได้ไม่แปลก หมอมีหน้าที่รักษาคนไข้นักเรียนแพทย์เรียนจบไปเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้ เรื่องการเป็นห่วงครอบครัวปกติครับใครก็ห่วงกัน แต่อย่าลืมว่านี่เป็นเส้นทางที่คุณเลือก และมีสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ เป็นกำลังใจให้หมอและนักเรียนแพทย์ที่ดีทุกคน ปล.ผมว่าบริหารอาจจะเหมาะกับคนห่วงครอบครัวมากกว่า นะไม่ต้องใช้ทุนคืน หาเงิน 400000 ได้ ไม่ต้องรับอารมณ์คนเป็นร้อย ไม่ต้องกลัวความผิดพลาดที่มันจะถึงชีวิต ไม่ต้องกลัวโดนฟ้อง เฮ้อ จากคุณ : Beeee(Beeee) - [ 20 ก.ย. 47 19:32:13 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เห็นใจๆ บ่นได้ครับ แต่บ่นแล้วอย่าท้อแท้ อย่าหมดกำลังใจ มันก็มีบ้างที่ "หมอ" จะท้อแท้ หมดกำลังใจ ก็เป็นอาชีพหนึ่งครับ เพียงแต่ เป็นอาชีพที่ต้องอาศัยมากกว่าความรับผิดชอบ รู้ผิดชอบ มากกว่าอาชีพอื่นๆเค้าหน่อย สู้ต่อไปครับ อย่างน้อย ความรู้สึกตอนเลือกเรียนวิชาชีพนี้ มันต้องมีมากกว่า "เพื่อครอบครัว" เราเคยอ่านจดหมายที่คนไข้เขียนมาขอบคุณคนที่ช่วยดูแลเค้า (ไม่ใช่ทั้งหมอ และพยาบาล แต่เป็นนักวิจัย แม่ผมเอง) ผมจำได้ไม่หมด แต่อ่านแล้ว ผมเองที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่กินใจมาก ไม่รู้จะถ่ายทอดลายมือ หวัดๆเอียงๆ เหมือนพยายามเขียนอย่าสุดใจได้อย่างไร คร่าวๆก็ได้ประมาณนี้แหละครับ " ...(เล่าเรื่อง กลัวคนอ่านจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร)..... ไม่จำเป็นต้องดูแลมากถึงขนาดนี้ แนะนำยา ช่วยเหลือค่ารักษา คอยตาม คอยเตือน หลายๆอย่าง มันเกินกว่าหน้าที่ เหมือนกับเป็นคนรู้จักคุ้นเคยมากกว่า มากกว่าคนคุ้นเคยที่เจอะเจอมาหลายสิบปี ขอบคุณอย่างสุดใจ ขออวยพร ... (อวยพรอีกยาวเลย)..." จดหมายคล้ายๆกันจากหลายคน ก็ยังมาอยู่ แต่จดหมายอวยพรปีใหม่ฉบับคล้ายๆกันนี้ยังมีมากอยู่เนืองๆ แม้ว่าลุงคนไข้ แกจะหายแล้วก็ตาม บางทีก็ขนผักที่แกปลูกมาให้อีกแนะ ถ้าคุณหมอได้รับสินน้ำใจจากใจจริงอย่างนี้ คงมีกำลังใจมากขึ้นเยอะ อาจเป็นแค่คำขอบคุณจากใจ ก็น่าจะพอช่วยต่อกำลังใจให้สู้งานต่อไปได้ สู้ต่อไปครับอย่าพึ่งท้อ คนไข้ที่รักคุณหมอก็ยังมี อย่าพึ่งทิ้งเค้าไปก็แล้วกัน เดี๋ยวนี้หายากครับ คำขอบคุณจากใจ จากคุณ : an_owl - [ 20 ก.ย. 47 20:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 77 สักวันนึง คุณอาจจะได้รักษาคนในนี้ก็ได้นะคับ อย่าท้อแท้ที่จะทำให้ผู้อื่นมีความสุขคับ จากคุณ : FyGI - [ 20 ก.ย. 47 20:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 78 อยากให้ลองมองดูคุณป้าที่คุณกล่าวถึง ที่บอกว่าจะกลับบ้านไปทำนา ทั้งๆที่ต้องนอนโรงพยาบาลเพราะมีแผลติดเชื้อที่นิ้วมือจนอาจจะต้องตัดนิ้ว เค้าอาจจะดื้อแบบคนแก่แต่อย่างน้อยเค้าก็มีความมุ่งมั่นในการทำนาอย่างมาก อยากจะขอให้คุณมุ่งมันในการรักษาคนต่อไปนะครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 21:42:49 จากคุณ : Bluejade - [ 20 ก.ย. 47 21:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ได้กำลังใจจากในนี้ไปเยอะแล้ว ขอเพิ่มอีกหนึ่งแรงใจช่วยคุณหมอค่ะ สู้ๆนะคะ บ่นมาเถอะค่ะ ที่นี่ยินดีรับฟังเสมอ ใจจริงดิฉันไม่อยากให้หมอลาออกหรอกนะคะ แต่อยากบอกไว้อย่างหนึ่งว่า ชีวิตเป็นของหมอเองค่ะ หมอจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น จะลาออกทำอาชีพอื่น หรือไปอยู่เอกชนก็ทำได้ ตราบใดที่มันไม่ได้ผิดกฏหมาย คุณหมอมีสิทธิ์จะจัดการกับชีวิตของตัวเองอย่างไรก็ได้ ขอให้โชคดีกับงานใหม่ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : 4ตาขาจร - [ 20 ก.ย. 47 22:43:52 A:203.146.50.38 X: TicketID:073739 ]

ความคิดเห็นที่ 80 หมอหายไปเลยนะคะ สงสัยยุ่งอยู่กับคนไข้ ง่วงก้ไปนอนซะ หายเหนื่อยหายง่วงแล้วกลับมาตั้งกระทู้ใหม่นะคะ บันทึกเรื่องตลกร้าย ขำๆระหว่างวันไว้อ่านแก้เครียดบ้างก็ดีค่ะ จากคุณ : katt1963 - [ 20 ก.ย. 47 23:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 81 สู้เขาเน้อ จากคุณ : F@X - [ 21 ก.ย. 47 02:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 82 คุณหมอครับ ...คุณเลือกที่จะเป็นหมอเองนะครับ คุณก็ต้องยอมรับและทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดซิครับ หมอที่คิดแบบคุณ พอใช้ทุนหมด ก็ออกไปทำอย่างอื่นเถอะครับ .....หมอต้องมีจรรยาบรรณของหมอครับ มองในมุมกลับกัน เวลาเราที่เราด่าตำรวจเลวๆ (ยกตัวอย่างที่คนชอบด่ามากที่สุด) การจะเป็นตำรวจที่ดีได้นั้น ก็คงจะต้องทำงานหนักไม่น้อยกว่าคุณหมอเหมือนกัน และเงินเดือนตำรวจก็น้อยกว่าคุณหมอมาก ไม่ถึง 10,000 บาทเลยครับ ดังนั้น จึงมีตำรวจหลายคนที่อยากสบาย ไม่อยากทำงานหนัก แต่อยากได้เงินเยอะๆ ....จึงมีตำรวจเลวๆมากมายให้เราได้พบเห็น และเกลียด และ แอบด่าอยู่เสมอๆ แต่ตำรวจดีๆที่ทำงานตามหน้าที่อย่างหนัก ไม่โกงไม่กิน ก็ยังมีอยู่นะครับ ..แต่น้อยกว่าพวกเลวๆ และเราก็ไม่ค่อยได้พบ(เพราะเขาทำงานอยู่ ไม่ได้มารีดไถใครให้เราเห็น) หมอดีๆก็มีมากมายครับ เพราะผมยังพบเจอว่ามีหมอมากมายที่ยังอดทนทำงาน ตามอุดมการณ์ ยังไม่คนอีกมากมายที่อยากเรียนหมอ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ..ไม่ใช่เพื่อเงิน ไม่ใช่เพราะรายได้ของหมอดีกว่าอาชีพอื่นๆ จากคุณ : supermanager - [ 21 ก.ย. 47 11:36:14 A:202.80.225.70 X: TicketID:067384 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เอากำลังใจมาฝากค่ะ จากคุณ : ทอฝัน...ในวันเหงา - [ 21 ก.ย. 47 12:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อ่านไม่จบนะคะ... เยอะมาก ทนอ่านได้แค่ราวๆ 40 ความเห็นเท่านั้น แต่อยากจะบอกว่าคุณหมอเจ้าของกระทู้พลาดไปนิดเดียวเองค่ะ พลาดตรงที่ "คุณหมอเอ่ยเรื่องเงินเดือน" ขึ้นมาในย่อหน้าที่ 3 ดิฉันสังเกตมานานแล้วค่ะ กระทู้ไหนกระทู้นั้น ถ้าเจ้าของกระทู้เข้ามาตัดพ้อโดยมีเรื่องเงินเดือนเข้ามาเกี่ยวข้อง จะโดนกระแหนะกระแหนหรือหมั่นไส้ซะเป็นส่วนมาก จะได้เห็นคำตอบประเภท "คุณรู้ไหมว่าคุณน่ะเงินเดือนมากกว่าเราซะอีก" ... "คุณรู้ไหมว่าคุณน่ะเงินเดือนเยอะกว่าคนหลายๆคน" .... "คุณรู้ไหมว่ามีคนลำบากแต่ได้เงินเดือนน้อยกว่าคุณ" (ก็คนตอบน่ะแหละ) จึงไม่น่าแปลกใจหรอกค่ะที่คุณหมอจะถูกตั้งป้อมไว้ก่อน กระทู้ที่เอ่ยถึงเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงของตัวเองแล้วมาตัดพ้อหรือขอระบาย มักจะโดนด่าค่ะ ต่อให้ไม่ใช่หมอก็เถอะ แล้วยิ่งคุณเป็นหมอ ไม่แปลกใจเลยค่ะที่โดนค่อนขอดมากขึ้นไปอีก เพราะคนส่วนใหญ่มีอคติกับพวกหมออยู่ก่อนแล้ว เพราะเขาได้รับรู้เรื่องของหมอเลวๆจนแปลทัศนคติว่าหมอส่วนใหญ่เห็นแก่เงิน พอมารวมกันเข้ากับประเด็นเรื่องเงินเดือน เลยกลายเป็นเป้าไปเลย นี่ไม่ใช่กระทู้แรกค่ะ.. ย้ำ!!.. ไม่ใช่กระทู้แรก ที่มีการพูดถึงอาชีพหมอ และมีเรื่องของเงินเดือนเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทำให้กระทู้นั้นเต็มไปด้วยถ้อยคำกระแหนะกระแหนมากมาย เพราะอาชีพหมอมีทั้งเกียรติ มีทั้งเงิน จึงไม่น่าแปลกที่จะมีหลายคนหมั่นไส้ หลายคนไม่มีปัญญาเรียน เลยเกิดความอิจฉา... อย่าไปสนใจค่ะ ------------------- สำหรับดิฉันนะคะ ไม่มีอะไรจะบอกมากไปกว่าขอให้อดทนต่อไป รู้ค่ะว่าคุณเหนื่อย ดิฉันขอไม่พูดเรื่องรายได้นะคะ แต่อยากบอกว่าคุณอยู่ในจุดที่หลายๆคนอยากไปอยู่แต่ไปไม่ถึง คุณลำบากใช้ทุนแค่ไม่กี่ปี แต่คุณจะทำบุญกุศลยิ่งใหญ่ และได้ชื่อว่าเป็น "คุณหมอ" ที่ไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปี ยังคงเป็นคำเรียกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเกียรติเสมอ ขออย่างเดียว ขอให้คุณรักษาจรรบรรณของแพทย์ อย่าทำลายชีวิตคนเพียงเพราะเขาไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ขอให้คุณมุ่งมั่น และประพฤติตนให้สมกับคำว่า "หมอดีๆ" ที่ประชาชนฝากความหวังไว้ บอกได้เลยว่า "อาชีพหมอ" ไม่มีวันตกอับ... คุณเหนื่อยและไม่มีทางเลือกแค่ช่วงปีแรกๆที่ใช้ทุน แต่หลังจากนั้นเกียรติยศจะมาพร้อมๆกับเงินทอง ขอเพียงอย่าลดศักดิ์ศรีตัวเองด้วยการทำตัวเป็นหมอชั่วๆ เพราะคุณโชคดีมากๆที่ได้รับเกียรตินั้น อย่าเอาเรื่องเงินมาทำลายเกียรติที่คุณมีอยู่ คุณน่าอิจฉามากๆ ดิฉันอยากเป็นหมอที่สุด แต่ดิฉันเป็นไม่ได้ เพราะดิฉันกลัวเลือด คุณโชคดีมากๆ คุณจะได้ใช้วิชาความรู้รักษาคนที่คุณรัก คุณได้เป็นคนที่มีคนยกมือไหว้ มีคนให้ความยำเกรง สู้ต่อไปค่ะ ... ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : ปุ๋ย พันธุ์ทิพย์ - [ 21 ก.ย. 47 12:46:16 A:203.172.88.221 X: TicketID:071574 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ก็เข้าใจนะครับ ญาติพี่น้องผมป็นหมอ เป็นครู เป็นพยาบาล ผมเองก็ถูกสั่งสอนมาว่า โตขึ้นอย่าเป็นหมอ ถึงขนาดที่ว่าผมไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล พี่พยาบาลถามว่าอยากเป็นอะไร ผมตอบไปว่าเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่หมอ พี่เค้าก็ถามอีกว่าทำไมไม่อยากเป็นล่ะ ผมก็เลยพูดเหมือนกระทู้ข้างบนครับ พี่เค้าจับมือผมแล้วบอกว่า ถูกแล้วน้อง อย่ามาเป็นเหมือนพี่ พี่เองก็ลำบาก ไม่ได้ไปไหนเลย ขายของยังว่าหนัก นี่งานหนักกว่าขายของอีก 7-11 ที่ว่าเปิด 24 ชมยังสบายกว่าเลยน้อง ตั้งแต่ผมฟังเค้ามา ผมก็ไม่ได้มีอาชีพนี้อยู่ในหัวเลยครับ ผมว่าอาชีพนี้ต้องใจรักจริงๆนะครับ ใม่ใช่ตามกระแส ผมเคยเตือนเพื่อนผมแล้ว ตอนนี้เค้าก็เลือกหมอไปแล้วครับ กำลังเรียนอยู่ด้วย ไม่รู้จะเป็นยังไงมั่ง ต้องติดตามต่อไปครับ จากคุณ : Izawath - [ 21 ก.ย. 47 14:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เฮ้อ...พยายามอ่านจนหมดทุกความคิดเห็นนะ เซ็งกับคคห.คนบางคนเสียจริง... เราน่ะทำงานในบริษัทเอกชน เพื่อตัวเองล้วนๆ เลยละ ชื่นชมกับคนที่ทำงานเพื่อส่วนรวมจริงๆ มันก็มีบ้างที่ต้องท้อ ต้องเบื่อ ต้องเซ็ง มีทุกวิชาชีพแหละคะ แต่สิ่งเหล่านี้มันจะทวีคูณขึ้น ถ้ามัันมาจากการทำงานเพื่อส่วนรวม แล้วส่วนรวม ยังไม่ให้ความร่วมมือ หรือความเข้าใจอีก เราเองอยากให้คุณอดทนนะ (ถึงมันจะสุดๆ​แล้ว) อดทนนะมันยาก หนีปัญหานะมันง่าย ลองมองปัญหา หรือชีวิตคนอื่นที่แย่กว่าเราคะ บางครั้งการเรามองคนอื่นที่สบายกว่า มันก็ทำให้ล้าได้ง่่ายๆ เอาน่า บ่นแล้วก็บ่นมา ชอบอ่านเรื่องของคนในอาชีพอื่นๆ คะ เอามาสร้างกำลังใจไปในตัว เรื่องของคุณก็เป็นกำลังใจให้คนอื่นได้นะ จากคุณ : สู้ว้อยยยยยยยยยย (ke@) - [ 21 ก.ย. 47 15:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 87 @@ เป็นกระทู้ที่ยาวจริงๆ .. เข้าใจว่า คุณหมอ เจ้าของกระทู้คงกำลังเหนื่อย แล้วก็ อึดอัดกับการทำงาน .. เห็ฯด้วยกับ #84 ค่ะ .. ว่า ขอเพียงคุณหมออดทน ทำงานต่อไปจนผ่านช่วงใช้ทุนได้ .. อนาคตที่ดีจะรอคุณอยู่ .. คุณจะได้รับสถานะพิเศษทางสังคม ที่คนอาชีพอื่นๆ ส่วนใหญ่ ไม่ได้รับ .. (ถ้าคุณเป็นหมอที่ดี) หากคุณรับราชการต่อไป คุณ และครอบครัวของคุณ จะมีหลักประกันที่มั่นคง อย่างที่หัวหน้าครอบครัวทุกคนฝันถึง (แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้) .. หรือถึงแม้คุณตัดสินใจไปทำงานตาม รพ เอกชน .. คุณก็จะได้รับรายได้เป็นจำนวนสูงมาก อย่างที่อาชีพอื่นๆ ส่วนใหญ่ให้ไม่ได้ อดทนต่อไปเถอะค่ะ แค่ไม่กี่ปีเท่านั้น สิ่งที่คุณจะได้รับคือ ประสพการณ์ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน และจะมีประโยชน์อย่างมากต่ออาชีพการทำงานของคุณในอนาคต ถ้าคุณเป็นหมอที่ดี .. อาชีพหมอ เป็นอาชีพที่ไม่มีวันตกอับจริงๆ ค่ะ จากคุณ : แม่มดพันปี - [ 21 ก.ย. 47 15:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 88 พวกที่ว่าเขา ลองมาเป็นเองแล้วจะรู้.. ถึงจะรักวิชาชีพยังไง ถึงจะหวังบำเพ็ญประโยชน์ให้สังคมแค่ไหน เจอเรื่องแบบนี้ ก็ต้องมีท้อกันบ้างล่ะ ถามหน่อย ประเทศไทยมีหมอเพิ่มขึ้นปีละหลายร้อยคน จะมีซักกี่คนที่จะทำเพื่อจรรยาบรรณ.. ไม่งั้นคงไม่ขาดแคลนหมออย่างทุกวันนี้หรอก จากคุณ : N.Carter - [ 21 ก.ย. 47 16:21:21 ]

ความคิดเห็นที่ 89 มาให้กำลังใจคุณหมอด้วยคนค่ะ อยู่ต่างจังหวัด ตรวจคนไฃ้วันละเป็นร้อยคน มันเหน็ดเหนื่อยและต้องเสียสละมาก ทำให้ดิฉันนึกไปถึงโฆษณาอะไรสักอย่าง ที่มีหมออุทิศตัวไปอยู่ต่างจังหวัดกับพวกชาวเขา รู้สึกจะเป็นโฆษณารถกะบะมั้งคะ ชอบโฆษณาอันนั้นมากเลย จากคุณ : ซาร่า - [ 21 ก.ย. 47 16:38:30 A:172.16.64.93 X:202.57.153.2 TicketID:016248 ]

ความคิดเห็นที่ 90 คุณปุ๋ยเท่ห์มากๆเลยครับ แบบนี้สิลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงดอง! จากคุณ : สาดสุราลงคอ ดับพิษร้ายในดวงใจ - [ 21 ก.ย. 47 21:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 91 โอ้โห!! กว่าจะอ่านจนจบ เลือดตาแทบกระเด็น เข้ามาตอบแล้วครับ และขอบคุณทุกๆคนนะครับ ตอนนี้หายท้อไปค่อนข้างมากแล้วครับ พอดีวันนี้อยู่เวร (อีกแล้ว) กะว่าจะไม่นอน เลยว่างมาpost ได้ครับ ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกๆความเห็นครับ ไม่ต้องเถียงกันหรอกครับว่าที่ผมมาบ่นเนี่ยผิดหรือถูก แค่มีคนมาคอยฟังบ้าง ก็พอแล้วครับ สำหรับเรื่อง joke ตอนนี้ยังไม่มีครับ (เมื่อก่อนมีเยอะมาก แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก เพราะอยูในช่วงอารมณ์ซึมเศร้า ถ้าคืนนี้นึกออก จะมา post ให้อ่านนะครับ คคห ที่ 84 ขอยืนยันว่าไม่ได้พลาดครับ แต่อยากให้ทุกคนรู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร และก็เข้าใจคนที่ลำบากกว่าแล้วยังได้เงินน้อยกว่า มาร่วมกันอดทนกันเถอะครับ เพื่อสิ่งที่ทุกๆคนฝันไว้ จากคุณ : อือฮึ (อือฮึ) - [ 22 ก.ย. 47 02:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 92 สำหรับเจ้าของกระทู้ครับ บ่นเถอะครับหมอ ระบายออกบ้าง แล้วก็กลับไปทำงานต่อ เห็นใจครับ พ่อแม่ผมก็หมอ แถมก็เคยอยู่อีสานนั่นแหละ ผมก็เกิดที่นั่น จังหวัดยโสธร เมื่อ 30 กว่าปีก่อนแล้ว อยู่ในแวดวงการแพทย์มาตลอด เข้าใจดีครับว่าเป็นยังไง แนะนำว่าให้หมอหาหนังสือเกี่ยวกับความเชื่อหรือความคิดท้องถิ่นมาอ่านด้วยนะครับ เผื่อจะเข้าใจคนไข้มากขึ้น จะได้สบายใจขึ้นหน่อย ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่า เวลาเรา"เข้าใจ"ใคร เข้าใจว่าทำไมถึงเขาทำโน่นทำนี่ ถึงแม้สิ่งที่ทำเราจะไม่เห็นด้วย เราจะไม่ค่อยโกรธเขาน่ะ เห็นด้วยกับคุณปุ๋ย โดยเฉพาะตรงนี้ ...ขออย่างเดียว ขอให้คุณรักษาจรรบรรณของแพทย์ อย่าทำลายชีวิตคนเพียงเพราะเขาไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ขอให้คุณมุ่งมั่น และประพฤติตนให้สมกับคำว่า "หมอดีๆ" ที่ประชาชนฝากความหวังไว้... ตอนเด็กๆ ผมเห็นพ่อรักษาคนไข้ หลายครั้งที่พ่อไม่เอาเงิน เคยถามพ่อเหมือนกันว่า ทำไม พ่อบอกว่า 1. พ่อจบได้เพราะเงินภาษีของพวกนี้ (บ้านพ่อผมจนครับ สมัยเรียน พ่อต้องขายเลือดส่งตัวเองเรียนด้วยซ้ำ) 2. พ่อเป็นหมอ ยังไงต้องรักษาคน ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น มันเห็นหน้าที่ ส่วนเงิน พ่อถือว่าเป็นผลพลอยได้ และ 3. พ่อพูดบ่อยๆถึงพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชบิดา คงไม่ต้องทวนนะครับ ผมภูมิใจพ่อ ผมเชื่อว่าพ่อของผมเป็นตัวอย่างของหมอที่ดี (ถึงแม้จะปากร้ายไปหน่อย กับคนไข้นี่แหละ แหะๆ... :)) และผมก็อยากให้หมออือฮึเป็นหมอที่ดีเหมือนพ่อผม เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : น้ำใส - [ 22 ก.ย. 47 09:44:45 ]

ความคิดเห็นที่ 93 หมอคะ เรื่อง joke ไม่มี เรื่องเศร้า เรื่องเสียดสี ก็เขียนได้ค่ะ พวกคนดังยังออกหนังสือกันโครมๆ ขายแต่ชื่อ ไม่ได้เขียนเอง หมอมีเรื่องจริงที่เขียนเองเก็บไว้ อีกหน่อยอาจจะเป็นประโยชน์กับคนอ่าน ไม่ว่าจะเพื่อเรียน หรือเพื่อรับรู้ ขอสั่งว่า เป็นหมอ ห้ามซึมเศร้าเจ้าค่ะ จากคุณ : katt1963 - [ 23 ก.ย. 47 00:20:06 ]