CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    Nobody Knows เด็กๆไร้ทะเบียน ผู้ใหญ่ไร้น้ำใจ >>> จนป่านนี้ยังร้องไห้เมื่อคิดขึ้นมา

    Cut  
    Nobody Knows – เด็กๆไร้ทะเบียน ผู้ใหญ่ไร้น้ำใจ
    โดย อาร์ม อิสระ
    นำแสดง ยากิระ ยูยะ, คิตาอูระ อายุ, คิมุระ ฮิเออิ,ชิมิซึ โมโมโกะ
    กำกับการแสดง ฮิโรคาสุ โคริเอดะ
    ระดับความน่าชม * * * *

    ถ้าไม่ได้เขียนถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมคงต้องอึดอัดใจตายเป็นแน่ เพราะนับตั้งแต่ได้ชมภาพยนตร์มายังไม่เคยรู้สึกเลยว่า จะมีภาพยนตร์เรื่องไหน จะทำให้ผมรู้สึกซึมลึก และมีภาพแววตาที่ใสซื่อของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งคอยหลอกหลอนอยู่ในความคิดตลอดเวลา และมักจะน้ำตารื้นขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึงชะตากรรมของ อากิระ ,เคียวโกะ ,ชิเงรุ และยูกิ 4 พี่น้องที่ต้องดูแลซึ่งกันและกันตามลำพัง
    หนังเล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวที่เริ่มต้นด้วยความอบอุ่น แม้ว่าชีวิตของเด็กๆเหล่านี้จะถูกปกปิดจากโลกภายนอกเพราะมารดาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าพวกเขามีตัวตนอยู่ เวลาจะย้ายบ้านไปไหนมาไหน ก็ต้องแอบหลบซ่อนไปในกระเป๋าเสื้อผ้า แต่ทว่าความรักความห่วงใยที่แต่ละคนมีให้แก่กันนั้น มันสามารถลบล้างสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของพวกเขาได้ จนกระทั่งวันหนึ่งที่มารดาทอดทิ้งพวกเขาไปอยู่กับสามีใหม่ในต่างเมืองและไม่กลับมาบ้านอีกเลย
    ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นั้นมันสร้างความปวดร้าวให้กับทุกคน ไม่เพียงแต่ตัวละครในเรื่องเท่านั้น หากแต่มันสะท้อนออกมาให้ผู้ชมได้รับรู้ความรู้สึกเหล่านั้น ผ่านสายตาที่โหยหาของน้องๆเมื่อยามที่พี่ชายอย่าง “อากิระ” ต้องคอยตอบคำถามที่ว่า “แม่จะกลับมาเมื่อไหร่”
    เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ที่โครงเรื่องซึ่ง “ฮิโรคาสุ โคริเอดะ” ได้แรงบันดาลใจในการสร้างมาจากข่าวดังในปี ค.ศ.1988 ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ เกี่ยวกับเด็กเร่ร่อน 4 คน ที่ถูกแม่ทอดทิ้งและต้องใช้ชีวิตให้อยู่รอดด้วยตัวเองภายใต้การดูแลของพี่ชายคนโตที่มีอายุเพียงแค่ 12 ปี
    “Nobody Knows – เด็กๆไร้ทะเบียน ผู้ใหญ่ไร้น้ำใจ” เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายขึ้นมาอย่างง่ายๆ โดยมีมุมกล้องคอยจับตามองชีวิตของพวกเขา ผ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขา โดยไม่มีบทภาพยนตร์มาเป็นตัวกำหนด  มีเพียงสิ่งที่เป็นโครงร่างให้เนื้อเรื่อง คือเวลา เพราะว่าใช้เวลาในการถ่ายทำนานถึง 1 ปีเต็ม ซึ่งถ้าเราสังเกตให้ดีจะพบว่า “ยากิระ ยูยะ” ซึ่งรรับบทเป็น “อากิระ” นั้นจะมีเสียงแตกในช่วงกลางเรื่อง เหมือนกับเขาโตขึ้นมาจริงๆ  และสิ่งที่ทำให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงอารมณ์ของหนังเหมือนกับว่า เรากำลังเฝ้ามองดูชีวิตจริงของเด็ก 4 คนที่ครอบครัวต้องล่มสลายและกลายเป็นเด็กเร่ร่อนในที่สุด
    แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ชมมากที่สุก หากแต่หนังกลับไม่ได้เน้นถึงความสะเทือนใจ สารสำคัญที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อสารกับคนดูก็คือทุกๆชีวิตนั้นต้องการความดูแลโดยเฉพาะเด็กๆ แต่เมื่อพวกเขาไม่ได้รับการดูแลจากผู้ใหญ่สิ่งที่พวกเขาทำได้ เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปก็คือช่วยกันดูแลตัวเอง
    ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของหนังจึงสร้างความสะเทือนใจให้กับทุกคนแม้กระทั่งผู้ชม ถ้าหากเราจะนำมาเปรียบเทียบกับความสูญเสียครั้งแรกที่แม่ทอดทิ้งเขาไปว่าครั้งไหนจะยิ่งใหญ่กว่า แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมา นอกจากแววตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทนด้วยความบอบช้ำ
    ภาพยนตร์ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างละเอียดอ่อน และสามารถดึงดูดผู้ชมเข้าไปสู่ชีวิตของเด็กเหล่านั้น มองดูการพัฒนาในชีวิตพวกเขา และรู้สึกปวดร้าว เมื่อพวกเขาต้องสูญเสีย ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ว่า ทำไม “ยากิระ ยูยะ” ดารานำในเรื่องนี้ซึ่งมีอายุเพียง 14 ปี จึงสามารถพิชิตรางวัลดารานำแสดงชายยอดเยี่ยมจากเมืองคานส์ได้ โดยทิ้งคู่แข่งซึ่งเป็นดารารุ่นใหญ่อย่าง “เจฟฟรีย์ รัช” ไปอย่างไม่เห็นฝุ่น
    น่าเสียดายภาพยนตร์เรื่องนี้ ยืนโรงฉายที่ “ลิโด้” เพียงโรงเดียวเท่านั้น และนั่นคือสิ่งที่อยากบอกว่า น่าสะเทือนใจที่สุดเหมือนกันสำหรับนักดูหนังอย่างเรา.....

     
     

    จากคุณ : armissara - [ 27 ก.ย. 47 17:05:11 ]