ความคิดเห็นที่ 1 Update with Peter Jackson The Lord of the Rings Fan Club Official Movie Magazine Issue 16 (Oct-Nov) 2004 จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 -หนึ่งในหลายๆสิ่งที่ทั้งสื่อ บรรดาแฟนๆ และนักแสดง ทีมงานต่างพูดถึงอยู่เสมอคือ พวกเขาต่างก็ประหลาดใจกับความทุ่มเทยึดมั่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลาหลายๆปี ตลอดจนมองภาพไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย บุคลิกลักษณะส่วนตัวอย่างใดถึงจะแสดงออกถึงความสำเร็จในลักษณะนี้ คุณมีความสามารถในลักษณะนี้มาตลอดเลยหรือเปล่า -ก็ใช่ครับ เป็นสิ่งที่ติดตัวผมมาตลอด หนังเรื่องแรกที่ผมกำกับเป็นหนังสยองขวัญทุนต่ำเรื่อง Bad Taste ตอนนั้นผมไม่ใช่ผู้กำกับหรือคนทำหนังอย่างเต็มตัว ผมทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ตำแหน่ง photo-engraver ผมใช้เวลาถ่ายทำทุกๆเสาร์อาทิตย์เป็นเวลากว่าสี่ปี ไม่ใช่ผมคนเดียวที่มีความยึดมั่นลักษณะนี้ เพื่อนของผมที่ทำงานหนังสือพิมพ์ก็มาเป็นนักแสดงสมัครเล่นให้ ตลอดสี่ปีช่วงสุดสัปดาห์ที่เราถ่ายทำจนสำเร็จ ผม OK กับมัน นั้นก็นานมาแล้ว เทียบกับ LOTR แล้วก็มีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน กับคำถามนั้นไม่ได้มาจากบุคลิกลักษณะของผมหรืออะไรทำนองนั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างมาเกี่ยวข้องมากกว่า อย่างเช่นความรับผิดชอบต่อการใช้งบประมาณของเจ้าของหนัง มันใช้เวลายาวนานในการถ่ายทำทั้งสามภาคและนั้นคุณต้องมีความอดทนอุตสาหะและความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ บางสิ่งเหล่านั้นเกิดจากความรับผิดชอบที่คุณแบกรับไว้บนบ่า วันใดที่ผมไปทำงาน แล้วคิดว่า “Oh God, ผมหวังว่าผมไม่ต้องทำสิ่งเหล่านี้” นั้นหมายความว่าการไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำหน้าที่อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการว่าจ้าง เป็นพื้นฐานของความเหมาะสม เป็นสิ่งที่ผลักดันให้คุณมุ่งหน้าไป ไม่ทำให้ทางสตูดิโอผิดหวังจากการที่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวคุณอย่างมหาศาล ผมมักจะพูดเสมอว่าการให้สัมภาษณ์เป็นสิ่งที่น่าเบื่ออยู่บ้าง แต่นั้นเป็นความจริงและผมไม่รู้ว่าจะอธิบานในลักษณะอื่นใดแล้ว หากมีเวลาใดที่เกิดความกดดันหรือเกิดความท้อแท้เหนื่อยหน่าย หรือเมื่อใดที่ผมคิดว่า “หากเป็นไปได้ อยากนอนอยู่บนเตียงมากกว่า” ผมจะพูดกับตัวเองว่า “ก็แกเองอยากเป็นคนทำหนังมาตลอดชีวิต จะมีสิ่งใดอีกที่อยากจะทำในขณะนี้นอกเหนือไปจากการถ่ายทำ LOTR” ต้องบอกกับตัวเองให้หยุด และคิดว่า “ไม่นะ นี่เป็นสิ่งพิเศษ มันน่าตื่นเต้นและเป็นสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แกเองอยากเป็นคนทำหนัง ก็นี่ไงล่ะ ทำเสียซิ!!! มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม” ผมจะพยายามรวบรวมสติตั้งอกตั้งใจ แต่เกือบตลอดเวลามันเป็นความสนุกสนาน มีเรื่องให้หัวเราะและสนุกไปกับงานเสมอ บรรยากาศในกองถ่ายไม่ได้ตรึงเครียดมากมายแต่อย่างใด ซึ่งผมคิดว่าช่วงเวลาปีกว่าไม่ได้ยากลำบากมาก จริงๆแล้วเป็นอะไรที่สนุกสนานมาก จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 -คุณคิดว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้กำกับควรจะมี -ที่สุดแล้วเป็นความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ให้ความสนุกสนานแก่ผู้ชม นั้นเป็นเหตุผลที่ผู้ชมมาชมภาพยนตร์ และเป็นสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้รับเมื่อซื้อตั๋วเข้ามาชม พวกเขาต้องการได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน พวกเขาสามารถเลือกชมภาพยนตร์หลากหลายแนวตามที่พวกเขาต้องการ หรือผู้กำกับหรือนักแสดงที่พวกเขานิยมชมชอบ พวกเขาสามารถเลือกได้ แต่เมื่อพวกเขาจ่ายค่าตั๋วเข้ามาชม พวกเขาต้องการความสนุกสนานเพลิดเพลินชั่วเวลาสองสามชั่วโมง นั้นเป็นสิ่งที่พวกเราต้องนำเสนอ ผมคิดว่าความล้มเหลวของคนทำหนังคือ ผู้ชมรู้สึกเบื่อ จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 -โดยทั่วไปแล้วผู้กำกับเป็นนักแสดงที่ดีด้วยหรือไม่ -ไม่ ไม่ไช่ผมแน่นอน!!! ผมเป็นนักแสดงที่แย่มาก!!! คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักแสดงที่ดี คุณกำลังทำงานร่วมกับนักแสดงที่มีฝีมือการแสดงดีกว่าคุณมากมาก วิธีการทำงานของผมคือ ผมมีภาพจินตนาการอยู่ในหัว และการแสดงในฉากนั้นค่อนข้างดี หากว่าผมต้องแสดงมันออกมาต่อหน้าผู้คน ผมจะไม่สามารถนึกภาพเหล่านั้นออกมาอีกครั้ง ผมไม่มีทักษะทางด้านนั้น ผมมีภาพของฉากนั้นว่าควรจะออกมาอย่างไรอยู่ในหัว เมื่อคุณกำกับนักแสดง คุณกำลังมองดูนักแสดงตีความตามความคิดของพวกเขาที่มีต่อฉากนั้นๆ และมีสิ่งหนึ่งหรือสองสิ่งเกิดขึ้น มันอาจจะไม่ดีเท่าที่คุณจินตนาการไว้ ซึ่งในกรณีนี้คุณพูดคุยกับนักแสดง อธิบายจินตนาการของคุณให้เขาฟัง และอธิบายเหตุผลที่การแสดงของพวกเขาไม่ถึงในจุกไหนที่คุณต้องการเห็น อีกแบบหนึ่งซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง คือนักแสดงแสดงบางอย่างที่สดใหม่ น่าสนใจน่าตื่นเต้นกว่าจินตนาการที่คุณคิดไว้ในหัว มันแตกต่างออกไปแต่ดีกว่า คุณไม่จำเป็นต้องบอกออกไป คุณเพียงแต่พูดว่า “นั้นมันเยี่ยมมากเลย ลองดูอีกครั้งแล้วกัน” นักแสดงมีรูปแบบการแสดงที่ต่างกันออกไป บางครั้งคุณถ่ายทำหลายๆเทค เพราะคุณยังไปไม่ถึงจุดที่คุณคิดไว้ คุณต้องการให้นักแสดงไปถึงในจุดนั้น ดังนั้นคุณจำเป็นต้องถ่ายทำไปกว่า 5, 6 หรือ 7 เทค เพื่อให้นักแสดงเข้าถึงจุดนั้นอย่างช้าๆ บางครั้งก็เป็นนักแสดงที่ผลักดันสิ่งนั้นให้เกิดขึ้น พวกเขาแสดงออกบางสิ่งที่ที่น่าสนใจน่าประหลาดใจ คุณพูดคุยกับเขา พวกเขาตอบกลับว่า “ผม/ฉัน อยากทำบางอย่าง” คุณตอบว่า “ได้เลย” คุณถ่ายอีกเทค คุณได้ชอตที่ต่างออกไป บางทีเมื่อถึงจุดนั้นคุณอาจบอกว่า “อืม ผมมีความคิดบางอย่าง ลองแบบนี้ก็แล้วกัน” นักแสดงตอบว่า “ตกลงเลย” แล้วคุณก็ถ่ายอีกเทคหนึ่ง บางครั้งคุณอาจจะถ่ายทำไปหลายเทค เพราะทำให้คุณมีทางเลือกเมื่อถึงเวลาตัดต่อ คุณมี 5 หรือ 6 เทคที่แตกต่างกัน ซึ่งดีกันไปคนละแบบ คุณสามารถเลือกได้ว่าแบบไหนเมื่อพิจารณาแล้ว เหมาะสมและสอดคล้องต่อเนื่องกับฉากอื่นๆมากที่สุด นั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นกว่าการถ่ายทำ 5 ถึง 7 เทคเพียงเพราะคุณพยายามให้ได้การแสดงที่คุณคิดไว้ในหัว จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:22:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 -ผู้ชมนึกไม่ออกว่าจะมีนักแสดงคนอื่นๆมารับบทในภาพยนตร์ชุดนี้ ทีมงานคัดเลือกนักแสดง เลือกนักแสดงได้เหมาะสม คุณทราบทันทีเลยหรือเปล่าเมื่อครั้งที่คุณกำลังคัดเลือกตัวนักแสดง ซึ่งแต่ละคนเหมาะสมกับบทบาทนั้น หรือกลายเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจคัดเลือกตัวนักแสดง -คุณจะทราบโดยทันทีหากมีใครที่เหมาะสมกับบทจริงๆ ตัวอย่างโดยส่วนใหญ่ที่ผมจะพูดเป็นอย่างที่เรารู้เลยทันทีหากว่าพวกเขาเหมาะกับบทนั้นหรือไม่ อย่างเรื่องของ Frodo เราคัดเลือกนักแสดง 200 ถึง 300 คนสำหรับบท Frodo เมื่อเราเอาเทปออดิชั่นของ Elijah Wood เปิดดู เราบอกได้ทันทีว่า “ต้องรับบท Frodo!!!” เขาทำให้พวกเราประทับใจอย่างรวดเร็วและโดยทันที จุดนั้นเราตัดสินใจได้เลย มันมักจะเกิดขึ้นแบบนั้น Orlando มารับบทในรูปแบบที่ต่างไปบ้าง เมื่อ John Hubbard แนะนำ Orlando แรกเริ่มนั้นสำหรับบท Faramir เมื่อ Orlando มาทดสอบบทครั้งแรก เราให้เขาอ่านบท Faramir พวกเราคิดว่า “Wow, เขายอดเยี่ยมมาก!!! เราต้องการให้เขารับบท” แต่คุณจะไม่บอกไปเลยตรงๆ เพราะคุณต้องทำอย่างเป็นขั้นตอน แต่พวกเราคิดในใจว่า “OK, Orlando is Faramir พวกเราไม่ต้องมองหาใครมารับบทนี้แล้ว” แล้วเราก็ประสบปัญหาในการหานักแสดงมารับบท Legolas เป็นบทที่หานักแสดงมารับบทยากมากๆ เราคัดเลือกจากผู้คนมากมายสำหรับบท Legolas แต่ไม่สามารถเลือกใครได้ เราเริ่มวิตกกังวล ถึงจุดหนึ่งเราหยุดชั่วขณะแล้วมองย้อนกลับไปที่นักแสดงที่เราพบแล้ว Orlando ก็ทำให้เราสะดุดใจ เรานึกภาพของโครงหน้าของ Orlando เหมาะกับ Elf ด้วยความที่เขามีโหนกแก้มสูง กรามได้รูปลักษณะที่ต้องการ Orlando ที่พวกเราคิดว่าจะให้รับบท Faramir จะเหมาะกับบท Legolas เราเลยตัดสินใจว่า “ทำไมเราไม่ให้เขารับบท Legolas ล่ะ เป็นที่สำคัญกว่า และในเมื่อเราประสบปัญหาในการหานักแสดงมารับบทนี้ เพราะรูปลักษณ์ของบรรดา Elf เราจะหาคนมารับบท Faramir แทน” กระทั่ง Dominic Monaghan ที่จะมารับบท Merry นั้นก็ไม่ใช่เรื่องปรกติ Merry เป็นบทของ Hobbit ที่ยากที่สุดในการค้นหา เราทดสอบนักแสดงมากมาย เราไม่รู้จริงๆว่า Merry จะออกมาลักษณะใด นั้นเป็นปัญหา Merry เป็นตัวละครที่ออกจะไม่ได้ระบุออกมาชัดเจนมากนักจากในหนังสือ เมื่อเทียบกับ Pippin ซึ่งอายุน้อยกว่า ออกจะทะเล้น และเราก็พบ Billy Boyd ค่อนข้างเร็ว ทันทีที่เราทดสอบบทของ Billy เราต้องการให้เขารับบท Pippin และก็ไม่มีความคิดที่จะให้นักแสดงคนอื่นๆรับบทนี้ แต่เรายังหาคนมารับบทMerry ไม่ได้ เรารู้สึกว่าคนที่จะมารับบท Merry ยังไม่ได้มาออดิชั่น เวลาเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เราต้องเปิดกล้อง และต้องตัดสินใจ เป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดเพราะคุณมองดูเทปออดิชั่นแต่ยังไม่มีใครเหมาะสมกับบท แต่คุณต้องเลือกเอาที่ดีที่สุด ชั่วขณะ Fran [Walsh] เสนอความคิดว่า “แทนที่จะเลือกเอา Merry แบบที่เราไม่ได้รู้สึกว่าเหมาะสมที่สุด ทำไมเราไม่ลองมองหาจากเทปออดิชั่นบท Frodo ดูบ้าง “จากเทปออดิชั่นบท Frodo ทั้งหมด 300 เทป!!! Elijah ได้รับการคัดเลือกให้รับบท Frodo แล้ว เรายังมีเทปของนักแสดงเหล่านั้น เราพบ Dominic ที่อ่านบทของ Frodo ไม่ใช่ Merry เขาเป็นหนึ่งในบรรดา Frodo ในแบบที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าท้ายสุด Elijah จะได้บทนั้นไป เรามองดูเทปของ Dom และทันทีทันใดเราตระหนักได้ว่า เขาน่าสนใจกว่าบรรดานักแสดงที่ทดสอบบทของ Merry เขาพูดจาได้ลื่นไหล มีความเป็นตัวของตัวเอง เราคิดว่า “นี่แหละคือนักแสดงที่ถ่ายทอดบุกคลิกลักษณะของตัวละคร Merry ในแบบที่จะเป็นประโยชน์กับภาพยนตร์” ดังนั้นเราเสนอบท Merry ให้กับ Dom หลังจากที่เขาพลาดบท Frodo จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 - คุณรู้สึกภูมิใจแทนนักแสดงที่หลังจาก LOTR แล้ว พวกเขาได้แสดงเรื่องอื่นๆในบทที่สำคัญๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ของคุณหรือเปล่า -แน่นอนครับ ผมรู้สึกภูมิใจมากๆ จริงๆแล้วพวกเขาได้รับเลือกมาจากความสามารถของพวกเขาเอง แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจกับส่วนที่เราเกี่ยวข้อง เรารักที่จะคัดเลือกนักแสดง ความสนุกอย่างหนึ่งของการคัดเลือกนักแสดงคือ การได้พบกับนักแสดงที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และเปิดโอกาสให้กับพวกเขา อย่าง Kate Winslet ที่เธอแสดงในหนังของเราเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อเวลาผ่านไปอย่าง LOTR เราค้นพบนักแสดงอย่าง Orlando Bloom ระหว่างการคัดเลือกนักแสดง ผู้อำนวยการฝ่ายคัดเลือกนักแสดงในอังกฤษ John Hubbard ควรได้รับคำชมจากตัวอย่างทั้งสอง เขาทำงานให้กับเราใน “Heavenly Creature” ผมจำได้ตอนที่เขาพูดกับผมว่า “มีนักแสดงหญิงฝีมือเยี่ยมที่อยากให้คุณได้พบ เธอชื่อ Kate และผมคิดว่าเธอจะเป็นดาราในอนาคต เธอเหมาะกับภาพยนตร์ของคุณมาก” เมื่อคุณได้รับคำแนะนำจากผู้อำนวยการฝ่ายคัดเลือกนักแสดง คุณควรจะรับฟัง John รู้สึกอย่างนั้นกับ Kate Winslet และ Orlando Bloom จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 -อะไรเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นใน extended DVD ROTK -extended DVD จะเพิ่มฉากพิเศษยาวประมาณ 50นาที ดังนั้นเมื่อรวมเวลาฉายทั้งหมดโดยไม่รวมเครดิตท้ายเรื่องเป็น 4 ชั่วโมง 10 นาที เมื่อรวมเวลาฉายของทั้งสามภาคที่เป็นแบบ extended เป็น 11 ชั่วโมง 26 นาที เป็นสิ่งที่ผมได้รับการบอกกล่าวมาแบบนั้น เราทำ ROTK เหมือนอย่างที่ผ่านๆมา กล่าวคือเราเพิ่มส่วนที่เราคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเนื้อเรื่อง มีหลายฉากหลายตอนที่เราไม่ได้นำมารวม เราพยายามลองทำบางอย่างที่ต่างออกไป ผมยินดีที่มีฉากที่น่าสนใจมากอยู่พอสมควร ท้ายสุดผมคิดว่ามีหลายๆฉากที่ผู้ชมสนใจ ที่เห็นได้ชัดเลยคือฉาก Saruman ผมยินดีที่เราจะได้ฉากนี้เป็นฉากส่งท้าย Christopher ที่ไม่ได้รวมอยู่ในหนังแบบที่ฉายในโรงภาพยนตร์ มีอีกหลายๆฉากในหนังสือที่ผู้ชมตงยินดี หนึ่งในนั้นเป็นฉากที่ผมชอบ เป็นฉากใน Mordor ที่ Frodo และ Sam ปะปนไปกับกองทัพ Orc ที่กำลังเดินทางไป Black Gate เมื่อ Aragorn มาท้าทาย ซึ่งพวกเขาก็หลบออกไปได้ในท้ายสุด เพื่อที่จะไปให้ถึง Mount Doom ฉากเพิ่มเติมของ Aragorn และ House of Healing เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกดีต่อตัวละคร Aragorn ในฉากเดียวกันนั้นก็เป็นการได้พบกันครั้งแรกของ Eowyn และ Faramir ซึ่งสานความสัมพันธ์ต่อกัน เป็นหนึ่งในฉากที่ไม่มีในแบบที่ฉายโรงภาพยนตร์ และมีอีกหลายฉากที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือที่เราถ่ายทำ อย่างฉากระหว่าง Merry กับ Eowyn ระหว่างที่กองทัพ Rohirrim เดินทางไปยัง Minas Tirith ซึ่งหยุดพักระหว่างทาง เป็นการสนทนาแบบเงียบๆของตัวละครทั้งสอง และมีชอตแอคชั่นอีกหลายๆฉากใน the Paths of the Dead และรายละเอียดเกี่ยวกับ Aragorn และเหล่าภูตผียึดเรือ Corsair เพื่อที่จะเชื่อเหลือ Minas Tirith รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง Denethor และ Faramir ใน Minas Tirith นั้นคงพอเรียกน้ำย่อยของผู้ชมได้!!! แล้วก็ฉากที่เพิ่ม 50 นาทีนี้มีชอต special effect อยู่กว่า 300 ชอต ขณะที่เรากำลังพูดคุยกันนี้ Weta มาถึงสัปดาห์สุดท้ายที่เสร็จงานเหล่านั้นสำหรับไตรภาคนี้ จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:25:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 -สำหรับผู้ชมในวัยเยาว์ในปัจจุบันนี้ LOTR คงเป็นหนังในดวงใจของพวกเขา ที่พวกเขาจะจดจำและเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเขาอยากทำหนังเองบ้าง เมื่อคุณมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก มีหนังเรื่องไหนที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคุณบ้าง -ผมได้ดู King Kong จาก TV เมื่อผมอายุประมาณ 9 ขวบ แล้วก็หนังของ Ray Harryhausen อย่าง “The 7th TV Voyage of Sinbad” ซึ่งผมได้ดูตอนที่เอากลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ตอนนั้นผมอายุประมาณ 14 ปี มันทำให้ผมอยากทำ stop-motion animation ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจว่าการกำกับหนังคืออะไร ผมรักการทำ stop-motion อยากเป็นคนทำ stop-motion เมื่อโตขึ้น จากนั้นผมก็ได้รู้ความสนุกจากการได้ทำหนังซึ่งไม่ใช่นั่งทำ animation ภายใต้การชี้นำหรือกำกับของใคร หากแต่เป็นการได้เล่าเรื่องทำหนังด้วยตัวคุณเอง นั้นคือความสนุกที่แท้จริงสำหรับผม สิ่งที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับภาพยนตร์คือ ความรู้สึกของความต่อเนื่องในแง่ของการพัฒนา ภาพยนตร์ในแต่ละช่วงแต่ละยุคได้ยกระดับมาตรฐาน และความเป็นไปได้จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดความตื่นเต้นและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทำหนังคนอื่นๆ ที่จะพัฒนายกระดับขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเด็กๆส่วนหนึ่งมีความสนใจทางด้านนี้อย่างเดียวกันกับเมื่อตอนที่ผมเป็นเด็กเมื่อพวกเขาได้ชมภาพยนตร์ และเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาอยากทำหนังบ้างเมื่อโตขึ้น ผมคิดว่าคนทำหนังทุกคนในโลกมีประสบการณ์อย่างนั้น จากหนังที่เคยดูเมื่อตอนเป็นเด็ก คุณนั่งชมและคิดว่า “มันยอดไปเลย!!! ฉันอยากจะทำแบบนั้นบ้างเมื่อโตขึ้น” สำหรับตัวผมแล้ว King Kong และหนังของ Harryhausen ผมชอบความคิดที่ว่าตอนนี้เด็กอายุ 9-12 ขวบรู้สึกตื่นเต้นกับความคิดที่อยากจะทำหนังบ้างเพราะได้ดู LOTR นั้นคงเป็นความปลาบปลื้มสำหรับตัวผมเลย จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 -สมาชิก Fan Club Dennis Basden ถามว่า “คุณได้เรียนรู้หรือพัฒนาระหว่างที่ได้ทำ LOTR ซึ่งมีส่วนช่วยโดยตรงสำหรับการทำ King Kong” -มีองค์ประกอบที่ต่างกันอยู่บ้าง หนึ่งในหลายสิ่งที่ช่วยเราคือความมั่นใจ ซึ่งเกิดขึ้นจากประสบการณ์การทำ LOTR เป็นการสร้างหนังที่โหดหินที่สุดที่เราเคยทำ เมื่อผมพูดถึง “พวกเรา” ผมรวมถึงทีมงานทั้งออกแบบและทีมงาน special effect ใน New Zealand ซึ่งเป็นทีมเดียวกับที่ทำ King Kong เป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่เราเคยทำในแง่ของการทำหนัง เพราะเราฝ่าฟันจนให้เสร็จลุล่วงได้ และได้รับผลจากการทำนั้น การเรียนรู้อย่างมากมายมหาศาลระหว่างนั้น เราได้เรียนรู้เทคนิคกลเม็ดต่างๆที่เราไม่รู้มาก่อน ที่สำคัญกว่านั้นคือเราทำหนังทีเดียวสามภาค เปรียบเทียบกันแล้วตอนนี้เราทำหนังแค่เรื่องเดียว ดูแล้วไม่น่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นอะไรนัก ผมมีองค์ประกอบเคร่าๆสำหรับ King Kong เพราะเราเคยเตรียมงานก่อนการถ่ายทำเป็นเวลา 8 เดือนซึ่งย้อนไปในปี 1996 ก่อนการถ่ายทำ LOTR ผมจำได้ว่าตอนนั้นมันดูเหมือนเป็นหนังที่ยุ่งยากมากๆ เป็นอะไรที่ท้าทายเป็นสิ่งพวกเราไม่เคยทำมาก่อน เป็นความประหม่าในช่วงเวลานั้นที่เราอยู่ในขั้นตอนเตรียมงานสร้าง เพราะมันดูแล้วยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเราผ่านการสร้าง LOTR และเมื่อเราเอางานที่เราเตรียมการสร้างไว้กลับมาดูใหม่ มันดูแล้วไม่ได้ยากเย็นอย่างมี่นึกภาพไว้ เราต่างก็มีความมั่นใจว่าเรากำลังจะทำหนังจากประสบการณ์ที่มีอย่างสนุก และเราต้องการที่จะยกระดับมาตรฐานของเราขึ้นเรื่อยๆ เราต้องการนำเสนอสิ่งที่แตกต่างและดีกว่าสิ่งที่เราเคยทำใน LOTR ไม่มีเหตุผลใดที่จะยึดติดอยู่กับที่ คุณต้องการที่จะก้าวไปเรื่อยๆพัฒนาขึ้นตลอดเวลา มันน่าสนุก ไม่มีความวิตกกังวลความกลัวหรือไม่แน่ใจใดๆ เรามีความมั่นใจมากขึ้น มีหลายสิ่งที่เราได้เรียนรู้ แต่ที่สำคัญคือความมั่นใจ สิ่งอื่นที่ฟังดูแล้วคงเป็นคำตอบที่ดูสร้างสรรค์กว่าคือประสบการณ์ที่มีค่ามากมายจาก LOTR เราจะนำไปประยุกต์ใช้ใน King Kong พยายามทำให้ดูสมจริงสมจังมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราตั้งใจตั้งแต่แรกเมื่อเราเริ่มทำ LOTR ว่าจะไม่ยึดติดกับความเป็นแฟนตาซีของเนื้อเรื่องมากจนเกินไป เราพยายามทำให้มันดูสมจริงทั้งทางด้านกายภาพและทางด้านอารมณ์ เราต้องการจะประยุกต์บทเรียนนั้นใน King Kong สิ่งที่เราจะทำให้แตกต่างไปจากที่ตั้งใจไว้ที่ว่าจะทำในปี 1996 ซึ่งเราคงไม่ทำมันออกมาเป็น Indiana Jones สไตล์ฮอลลิวู้ด หรือหนังเอาใจวัยรุ่น King Kongที่เราตั้งจะทำในขณะนี้จะเป็นแบบที่ลุ้นระทึกและสมจริงสมจัง เราพยายามลดส่วนที่เป็นแฟนตาซีและเน้นความสมจริงสมจังเป็นส่วนดำเนินเรื่อง จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 -สมาชิก Fan Club Mary Keesling ถามว่า “ถ้าคุณมีโอกาสถามเกี่ยวกับความหมายจากประโยคหรือบทใน LOTR คุณจะถามว่าอะไร” -อืม... ผมคิดว่าหนังสือชุดนี้มีความซับซ้อนเกินกว่าที่จะเลือกถามคำถามเดียว ถ้าจะให้ถามคำถามเดียวจริงๆผมคงถามว่าคุณจะมีเวลาซัก 11 ชั่วโมงกว่า เพราะผมอยากให้คุณได้ดู!!! แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 47 08:30:43 จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มายั่วให้เจ้า Momo อยาก เพราะในเล่มมีสัมพลาดคนนี้ จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ เอิ้ก จากคุณ : melkor - [ วันออกพรรษา 08:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กรี๊ดกร๊าด ถูกใจแม่ยกเป็นอย่างมากค่า ท่านเมล ขอบคุณมากค่ะ ^ __ ^ จากคุณ : ยกมันทุกคนที่หน้าตาดูดี อุอุ (BeeJang) - [ วันออกพรรษา 10:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านแล้วรัก PJ จาง ฮือฮา ฮือฮา ทำให้ได้ทั้ง พ่อเอล์ฟหนุ่มคนนั้น และ ฟาราเมียร์คนนี้ ไม่งั้นทรัพยากรคนหล่อก็จะขาดไป แม่ยกฟาระ ก็อดฮือฮากันพอดี เอิ๊กๆๆๆๆๆ จากคุณ : Zerbirus - [ วันออกพรรษา 15:59:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เปลี่ยนมาเป็น "พบกันยามที่บอกอต้องการตัวไม่ได้เหรอลุง" ??? จากคุณ : จงกลับมา (Meliot Baggins) - [ วันออกพรรษา 21:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณลุง Melkor มาก ๆ เลยค่ะ เมื่อไหร่เล่มนี้จะมาถึงเมืองไทยหนอ จากคุณ : enedtarma (enedtarma) - [ วันออกพรรษา 23:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ฮืออ ถ้าไม่มี PJ Orlando จ๋า ชาตินี้เราคงไม่ได้ยกกัน ขอบคุณลุงมะกอฮับ ^^ รอมันต่อไป รอพี่ฟะเมี๊ยะมาถึงบ้านต่อไป โอมม..มาเร็วๆ จากคุณ : tigger* - [ 29 ต.ค. 47 00:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณค่าาาา รอพี่ฟะเมี๊ยะต่อด้วยคน ^^" จากคุณ : underhill - [ 29 ต.ค. 47 01:09:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ว้าวๆๆ O_o พีเจตอนหนุ่มๆหน้าตาคล้าย จอห์น รีส์ เดวี่ส์เลยแฮะ ขอบคุณลุงเมลมากค่าที่หามาให้อ่าน อ่านแล้วปลื้มPJ เหมือนทุกท่านเลยอ่า จากคุณ : นานานะจัง - [ 29 ต.ค. 47 09:16:11 A:221.128.98.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 หุหุ .. ขอบคุณที่เอามาให้อ่านอีกนะคะคุณลุง เจ้าโม่ไปไหนนะ ยังไม่เห็นโผล่มาเลย ลุงเมลอุตส่าห์เอามายั่ว .. อิอิ จากคุณ : หญิงเหล็ก - [ 29 ต.ค. 47 09:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ๊ะ! คุณลุงมะละกอมา... จากคุณ : Elf-Oil (น้ำมันพราย) - [ 29 ต.ค. 47 22:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กรี๊ดๆ อยากได้เล่มนี้มานอนกอดมั่งง่า จะมีขายที่ไหนบ้างอ๊ะป่าวกั๊บ ลุงมะละกอนะลุงมะละกอ มายั่วให้อยากแล้วจากไป ไม่เอาบทสัมพลาดฟาราจังของป๋มมาลงมั่ง ฮือๆ ป.ล. เห็นด้วยมั่กๆว่าปิ๊ปปิ้นต้องเป็น Billy Boyd เท่านั้น นึกภาพคนอื่นมะออกเยย (อุ๊บส์ กระทู้เดียวเหมาสองคน เหอ เหอ) จากคุณ : โมโม ฮอบบิทน้อยหัวใจโต๊...โต (Aimar ฮอบบิทน้อย) - [ 31 ต.ค. 47 04:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มาขอบคุณค่ะ จากคุณ : แก้มป่อง - [ 31 ต.ค. 47 22:13:51 A:10.7.7.252 X:192.55.18.36 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ^____^ แม่ยกเลโกลัสรายงานตัวฮับ จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด - [ 1 พ.ย. 47 19:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ช่วงนี้ พร ป้ำๆ เป๋อๆ นิดโหน่ย มาเซฟไปแล้ว แต่ยังไม่ได้กราบขอบคุณงามๆ ที่ไหล่ ลุงเมลเลยอ่ะ เลยต้องมาอีกรอบค่า ถอยฉากหลบมะเหงกออกไป จากคุณ : เทเลรี - [ 1 พ.ย. 47 23:14:09 A:61.91.106.240 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอดื่มให้กับลุง PJ 3 จอกเลย ลุงเป็นผกก.ที่นักแสดงต้องรักมากๆเลยล่ะ รวมทั้งพวกเราเหล่าพันธมิตรแหวนด้วย หุหุหุ Leggyที่ร้ากกก ปาฏิหารย์ให้เราสองมาพบกันจนได้ อิอิ จากคุณ : Ivoreth (Kitsunegari) - [ 4 พ.ย. 47 16:17:47 ]