CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ปลายทางของก้อนทอง..."กบนอกกะลา"

    “ปลายทางของก้อนทอง” ชื่อเรื่องไพเราะเพราะพริ้งนี้ ตั้งขึ้นเพื่อเลี่ยงข้อครหาว่าใช้วาจาไม่สุภาพ ก็เท่านั้น “ก้อนทอง” ที่จะกล่าวถึงก็คือ เรื่อง “ขี้” เรื่องเล็กๆที่ไม่เล็กของเราๆท่านๆนั่นเอง ดังนั้นจากนี้ไปขออนุญาตที่จะใช้คำธรรมดาสามัญที่มนุษยชาติทุกหน่อเนื้อเชื้อพันธ์เรียกขานกัน จะแตกต่างก็เพียงเรื่องของภาษาเท่านั้น หากเป็นคำไทยแท้ๆ ก็ต้องเรียกว่า “ขี้”

            “ขี้” ตามพจนานุกรม ไม่ใช่คำนาม แต่เป็นคำกิริยาที่แปลว่า การขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย แต่ทำไปทำมาเมื่อไรไม่รู้ชัดที่บรรพบุรุษของเรา เรียกขานสิ่งที่ขับถ่ายออกมาว่า “ขี้” จนรุ่นลูกรุ่นหลานพาลเข้าใจไปว่า “ขี้” เป็นนามเรียกขานกากอาหารที่ผ่านการย่อยสลายในร่างกายมนุษย์ แล้วถูกขับถ่ายออกทางทวารหนัก และเรียกขานติดปากตามกันเรื่อยมา จะหลีกเลี่ยงไปใช้คำว่าอุจจาระก็ต่อเมื่อจำเป็นต้องใช้วาจาสุภาพ ทั้งๆที่อุจจาระ คือ ศัพท์บัญญัติในภาษาไทยเพื่อเป็นคำนามเรียกขาน “ขี้” อย่างแท้จริง... (ตามพจนานุกรม)
        เอ่ยคำว่า “ขี้” คงต้องมีคำว่ายี้ตามมา ยี้มากยี้น้อยแล้วแต่จินตนาการของใครจะบรรเจิดไฉไลมากกว่ากัน เพราะรูป รส (บางคนอาจเคยรับรู้) กลิ่น สี ของขี้ ไม่มีความจำเป็นต้องพรรณนาให้เข้าใจมากกว่าที่เคยสัมผัสกันได้ด้วย(ของ)ตัวเอง แต่จะมีใครสักคนที่ ก้มลงมองหรือเหลียวหลังกลับไปมองยามเมื่อคุณขับถ่ายมันออกไปจากร่างกาย หลายคนอาจคิดว่า นี่คือสุดท้ายปลายทางของขี้ แต่จริงๆแล้วอาจเป็นเพียงการเริ่มต้นการเดินทางของขี้เท่านั้น และคนส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่เคยสนใจใยดีขี้อีกเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ใช่การขับถ่ายในส้วมบ้านตนเอง และหากไม่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาส้วมเต็ม

        ขี้แบ่งออกเป็น 3 แบบ
        1. แบบลอยฟูฟ่อง สีเขียวขี้ม้า กลิ่นไม่เหม็น
        2. เหนียวหนับจับตัวเป็นก้อน สีน้ำตาลเข้มเกือบดำ กลิ่นเหม็นมาก
        3. ลูกผสมระหว่าง 2 แบบขั้นต้น

        ขี้สามารถออกแบบได้ หากต้องการขี้แบบที่หนึ่งขี้ดีไม่มีกลิ่น ต้องรับประทานอาหารที่มีกากเยอะๆ เช่น ผัก ผลไม้ ขี้ชนิดนี้จะอยู่ในลำไส้ไม่นานและส่วนใหญ่จะอยู่กับเจ้าของที่มีระบบขับถ่ายปกติ แต่หากเป็นขี้แบบที่สอง ซึ่งจะต้องการหรือไม่ก็ตาม ส่วนใหญ่จะเป็นขี้ที่เจ้าของชอบรับประทานอาหารไร้ค่าแต่ราคาแพง ประเภทเน้นเนื้อสัตว์ ย่อยยากไม่มีกาก ส่วนใหญ่เจ้าของจะท้องผูกขับถ่ายไม่ปกติ

             เมื่อส้วมเต็มการเดินทางของ ”ขี้” ก็จะเริ่มต้นขึ้น วันนั้นแหละใครๆก็จะนึกถึงรถสูบส้วม ถ้าเป็นเสียงตะโกนตามตรอกซอกซอย “สูบส้วมมั๊ยครับ... สูบส้วม” ให้รู้ไว้เลยว่านั่นเป็นการให้บริการของเอกชนหรือของบุคคล ซึ่งไม่ได้สังกัดหน่วยงานราชการ ราคาหรือค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบอันจะเกิดขึ้นภายหลังการสูบส้วม เจ้าของส้วมก็จะต้องถามหาเอาเอง แต่ถ้าเป็นรถสูบส้วมของหน่วยงานราชการ อย่างกรุงเทพมหานคร จะไม่มีการมาเดินเรียกให้ชาวบ้านใช้บริการอย่างแน่นอน เพราะจะทำงานตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากสำนักงานเขตเท่านั้น เพราะฉะนั้นคุณจะต้องแจ้งไปที่สำนักงานเขตพื้นที่ของคุณเอง

            ทุกเช้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสำนักรักษาความสะอาด หรือที่จะเรียกง่ายๆต่อไปนี้ว่า หัวหน้าทีมสูบส้วมก็จะได้รับใบงานที่บ่งบอกถึงสถานที่ หมายเลขโทรศัพท์ และเจ้าของบ้านที่ต้องการใช้บริการสูบส้วม มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนที่แจ้งเข้ามาในวันก่อนหน้านั้น จากนั้น หัวหน้าทีมสูบส้วมก็จะโทรศัพท์แจ้งเจ้าของบ้านเพื่อขออนุญาตเข้าไปสูบส้วมและขอให้อำนวยความสะดวก เช่น เรื่องที่จอดรถ เพราะหากไม่มีที่จอดรถที่ใกล้เคียงจุดสูบส้วมก็จะทำงานไม่ได้ หรือถ้าต้องจอดรถใกล้ร้านอาหารหรือตลาดสด ก็ต้องเลือกเวลาสูบกันนิดนึง มิฉะนั้นแล้วผู้คนในบริเวณใกล้เคียงหรืออาจจะกำลังรับประทานอาหารกันอยู่ ก็จะสรรเสริญบรรพบุรุษเอาได้

            เมื่อได้ที่จอดรถ ลูกทีมทั้ง 4 บนรถสูบส้วมก็จะกระจายกำลังกันปฏิบัติหน้าที่ส่วนหนึ่งลากสาย พร้อมกับหาจุดที่เป็นที่เปิดฝาบ่อเกรอะ ลักษณะก็จะเป็นแผ่นเหล็กกลมมีเกลียวหมุนได้อยู่ใกล้ส้วมนั่นเอง ส่วนบ่อเกรอะก็คือถังกลมขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ดินเป็นที่บรรจุของเสียทั้งหลายที่คุณปล่อยผ่านลงไปในส้วม เพราะฉะนั้นหากใครเข้าใจว่าสูบส้วมสูบจากคอห่านหรือชักโครกถือเป็นความเข้าใจผิด ตอนนี้ลองนึกดูเล่นๆซิว่า ฝาบ่อเกรอะบ้านคุณอยู่ที่ไหน เมื่อเจอแล้วก็เปิดฝาออก จุ่มสายลงไปแล้วเปิดเครื่องสูบที่มีวาวว์อยู่ติดกับถังท้ายรถ สูบจนหมดทั้งน้ำทั้งเนื้อ

            ถ้าบ้านคนปกติธรรมดา ไม่ได้มีส้วมมากกว่า 3 ห้องก็ไม่น่าจะมีปริมาณขี้มากกว่า 1 ลูกบาศน์เมตร สนนราคาขี้ เอ๊ย...ค่าสูบส้วม ก็จะอยู่ที่ 250 บาท ต่อ 1 ลูกบาศน์เมตร ขณะที่รถสูบส้วมแต่ละคันก็จะบรรจุขี้ได้ไม่เกิน 2 ลูกบาศน์เมตร เมื่อรถเต็มก็จะต้องวิ่งไปหารถบรรทุกคันใหญ่ที่มีถังขนาดบรรจุ 12 ลูกบาศน์เมตร ซึ่งเรียกว่า รถตาม จอดรออยู่เพื่อถ่ายขี้จากรถเล็กขึ้นรถใหญ่ การที่ไม่สามารถเอารถใหญ่ไปสูบได้ก็เพราะปัญหาเรื่องที่จอดรถตามตรอกซอกซอยนั่นเอง การใช้รถเล็กจะคล่องตัวมากกว่า เพียงแต่ต้องเสียเวลาและค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อมาขนถ่ายใส่รถใหญ่อีกทอดหนึ่ง รถใหญ่จะใช้สูบส้วมต่อเมื่อต้องให้บริการสถานที่ใหญ่ๆ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล บริษัท หน่วยงานราชการ หรือสถานที่ที่มีปริมาณขี้ในบ่อเกรอะขนาดใหญ่มากนั่นเอง

        ว่ากันตามจริงสูบส้วมไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากคือ สิ่งที่ไม่ใช่ขี้ ซึ่งมนุษย์มักง่ายทิ้งลงในส้วม ไม่ว่าจะเป็นผ้าอนามัย ถุงยางอนามัย กระดาษชำระ เศษอาหาร ชุดชั้นใน และอื่นๆอีกมากมายที่จะทิ้งลงส้วมได้ เพราะขยะเหล่านี้จะทำให้ท่ออุดตัน ขี้กลายเป็นขยะที่สูบยาก ถ้าสูบไม่ได้คนสูบส้วมก็ต้องเอามือล้วงขยะ หรือเอาตัวลงไปทะลวงท่อ และที่สำคัญที่สุด เมื่อขี้เดินทางถึงโรงกำจัดปฏิกูลก็จะยากต่อการแปรรูป ซึ่งจะอธิบายว่ายากอย่างไรต่อไป...

     
     

    จากคุณ : ยิ้มปริศนา - [ 29 ต.ค. 47 17:20:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป