ความคิดเห็นที่ 1 ฮายาโอะ มิยาซากิ ฮายาโอะ มิยาซากิเกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 1941โตเกียว เป็นลูกคนกลางในพี่น้อง 3 คนครอบครัวของเขา เป็นเจ้าของบริษัทที่สร้างชิ้นส่วนปีกของเครื่องบินรบ Zero ในระหว่างสงครามโลก เป็นจุดเริ่มต้นของความชอบใน การบินและอากาศยาน(แต่ในอีกทางหนึ่งก็ทำให้เขารู้สึกผิดที่ครอบครัวหากินกับอาวุธสงครามอย่างสุขสบาย ขณะที่คนอื่นทุกข์ทรมานกับสงคราม ซึ่งส่งผลกับมุมมองต่อสงครามและอาวุธในผลงานของเขา) ในวัยเด็กเขาต้องไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังในโรงพยาบาลอยู่หลายปี ความใกล้ชิดช่วงนี้ มิยาซากิบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจของความสัมพันธ์ระหว่าง เนาซิก้าและแม่ของเธอ(Nausicaa) รวมทั้งไอเดียเรื่อง"แม่ที่รักษาตัวอยู่ที่ห่างไกล"ใน Totoro ในระหว่างปี 1956-1958 ช่วงที่อยู่ไฮสคูล เขาได้ดูภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวเรื่องแรกของญี่ปุ่น HAKUJA DEN (Legend of the White Snake)และประทับใจ จนอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน แต่ก็พบว่าตนเองเขียนได้แต่เครื่องบิน และเรือรบเท่านั้น...หลังจากจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย Gakushuin ในสาขาที่เกี่ยวกับสังคมและเศรษฐกิจ เขาก็เข้า ทำงานที่ Toei Animation หลังจากฝึกฝนอยู่ 3 เดือนเขาก็ได้ทำหน้าที่ In-Between(การซอยภาพ) โดยผลงานเรื่อง แรกคือ Watchdog Bow Wow เขาพบกับ อิซาโอะ ทากาฮาตะ(ขณะนั้นเป็นผู้กำกับแล้ว)ที่นี่ จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:08:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อิซาโอะ ทากาฮาตะ ทากาฮาตะนั้นต่างจากมิยาซากิ เขาเริ่มงานในวงการอนิเมชั่นด้วยการเป็นผู้กำกับ หลังจากผ่านงานกำกับการ์ตูนทีวี หลายเรื่อง เขาร่วมงานกับมิยาซากิครั้งแรกในเรื่อง Wolf Boy Ken โดยเขาเป็นผู้กำกับ ส่วนมิยาซากิทำหน้าที่ In-Between และร่วมงานกันต่อมาอีกหลายเรื่อง ช่วงนั้น มิยาซากิเลื่อนขึ้นมาเป็นKey Animator (ร่างภาพหัว-ท้ายแล้วส่งให้ In-Between ซอยภาพต่อ)จนกระทั่งทากาฮาตะได้กำกับภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว เรื่องแรก The Adventures of Hols,Prince of the Sun ซึ่งมิยาซากิเป็นผู้ออกแบบฉากและทำ Key Animation จัดเป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มักถูกยกเป็นตัวอย่างประกอบเสมอเวลาพูดถึงอนิเมชั่นในยุคเริ่มแรกของญี่ปุ่น จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อาเคมิ โอตะ ปี 1965 มิยาซากิพบกับโอตะภรรยาของเขาขณะที่เธอทำหน้าที่ Key Animator ของเรื่อง The Adventures of Hols,Prince of the Sun ทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนตุลาคม มีลูกชาย 2 คนลูกชายคนแรกเป็นนักออกแบบตกแต่งสวน (สวนบนชั้นดาดฟ้าของสตูดิโอ Ghibli เป็นผลงานของเขา) ลูกชายคนที่สองทำงานด้านศิลปะ(ภาพพิมพ์"ช่างทำไวโอลิน ในคุก"ที่ ชิสุกุ-ตัวเอกจากเรื่อง Whisper of the Heart เห็นในเรื่อง เป็นฝีมือของเขาเอง) จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 4 งานในยุคแรก(1970-1980) มิยาซากิทำงานในตำแหน่ง Key Animatorต่อมาอีกหลายเรื่อง ที่ชื่อคุ้นๆกันก็ Puss'n Boot, Moomin, Lupin III,หุ่นเหล็กหมายเลข 28 แม้กระทั่ง Cobra ภาคหนังโรง แต่เรื่องที่เขามีส่วนร่วมในการออกไอเดียเรื่องแรก ก็คือ Animal Treasure Island ช่วงนี้มิยาซากิเริ่มได้รับโอกาสในการสร้างงานของตัวเองมากขึ้น มีโปรเจกต์การ์ตูนทีวี เรื่องหนึ่งในชื่อ"Around the World in 80 Days by sea"ซึ่งมิยาซากิแต่งเรื่องให้ทาง Toho Animation เรื่องราว ของเด็กกำพร้า 2 คนกับพลังที่รัฐบาลต้องการ พวกเขาออกผจญภัยไปกับกัปตันเนโมผู้ลึกลับและยาน นอติลุส แต่โปรเจกต์นี้ กลับถูกพับไปและเก็บขึ้นหิ้งอยู่หลายปี มิยาซากิจึงนำไอเดียบางส่วนมาดัดแปลงใหม่เป็นการ์ตูนทีวีเรื่องแรกที่เขาเป็น ผู้กำกับนั่นก็คือ Future Boy Conan และบางส่วนที่เหลือกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของเรื่อง Laputa ในปี 1986 ต่อมาในปลายยุค 80 ทางToho นำโปรเจกต์"Around the World in 80 Days by sea"กลับมาปัดฝุ่นใหม่และ มอบให้สตูดิโอที่มาแรงในขณะนั้นที่ชื่อว่า Gainax นำไปทำเป็นการ์ตูนทีวีเรื่องยาวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงและเปลี่ยนชื่อ เป็น Nadia the Secret of Blue Water(เป็นเรื่องที่มักถูกจำสับสนว่าเป็นงานกำกับของมิยาซากิ เพราะมีองค์ประกอบ สำคัญที่มักพบในการ์ตูนของเขา) จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:10:16 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Future Boy Conan-โคแนน เจ้าหนูล้ำยุค(1978) เรื่องของเด็กหนุ่มสาวที่เกิดในโลกยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 3,การทำลายล้างโลกอย่างรุนแรง,การไล่ล่าเพื่อครอบครอง พลังอันยิ่งใหญ่ ผู้ใหญ่ที่คอยช่วยเหลือ,ผู้ร้ายกลับใจ ฉากการบินอันตระการตา,ความหวัง,ความรู้สึกต่อต้านการรุกราน ธรรมชาติ...เหล่านี้คือธีมหลักที่มิยาซากิมักใช้ในการ์ตูนของเขาและในการ์ตูนทีวีเรื่องแรกที่เขากำกับก็มีทุกอย่างที่ว่ามา ทั้งหมด ดัดแปลงแบบคร่าวๆจากนิยายเรื่อง The Incredible Tide โดย อเล็กซานเดอร์ คีย์(ปัจจุบันหาอ่านยากแล้ว)โครงเรื่อง หลักยังคงเดิมแต่นอกเหนือจากนั้นเป็นจินตนาการของมิยาซากิทั้งหมด ที่เห็นชัดคือ โคแนนในหนังสือไม่ได้มีพลังเหนือ มนุษย์แบบในการ์ตูน เกร็ดน่ารู้ -ตัวละครหลัก โคแนน และ ลานา ถูกนำมาดัดแปลงใช้กับ พาสุ และ ชีต้า ในเรื่อง Laputa อีกครั้ง -ชื่อภาษาอังกฤษที่ใช้ในครั้งแรก Conan,The Boy in Future ถูกมองว่าไม่ถูกต้องนักในภาษาอังกฤษ ต่อมาจึงมักเรียกว่า Future Boy Conan ซึ่งจำง่ายกว่า -มิยาซากิกำกับทั้งหมด 9 ตอนจาก 26 ตอนโดยมีทากาฮาตะมาช่วยกำกับ 2 ตอน (ที่เหลือเป็นการกำกับของ เคจิ ฮายากาวะ) เนื่องจากเป็นงานกำกับการ์ตูนทีวีเรื่องแรก มิยาซากิบอกว่ามันเป็นงานที่หนักมากจริงๆ การมีทากาฮาตะมาช่วยนั้นเขาบอกว่าเหมือน"สายฝนกลางทะเลทราย"เลยทีเดียว จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Lupin III:The Castle of Cagliostro(1979) ลูแปงที่ 3 จอมโจรชื่อดัง เขากับเพื่อน มือปืนจิเก็น และ นักดาบโกเอมอน ร่วมมือกันตามหาสมบัติทั่วโลก ลูแปงที่ 3 เป็น การ์ตูนที่โด่งดังในญี่ปุ่นดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนของ มังกี้พันช์ สร้างเป็นหนังทีวี 3 ชุด หนังโรง 5 เรื่อง มิยาซากิกับ ทากาฮาตะร่วมกันกำกับการ์ตูนทีวีชุดแรกในปี 1979 จากนั้นมิยาซากิก็ฉายเดี่ยวโดยการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ การ์ตูนเรื่องแรกในชีวิต Lupin III:The Castle of Cagliostro ซึ่งถูกยกย่องว่า เป็นการ์ตูนลูแปงที่ยอดเยี่ยมที่สุด ได้รับการโหวตให้เป็น อนิเมชั่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์โดยผู้อ่านนิตยสาร Animage (อยู่ในตำแหน่งนี้จนกระทั่ง Nausicaa ออกฉาย) ตัวละครหญิง"คลาริส"ก็ได้รับการโหวตเป็น"The favorite heroine"(ซึ่งก็ถูกโค่นโดย เนาซิก้า อีกเช่นกัน!!!) ต่อมาในช่วงยุค 80 ตอนต้นมิยาซากิก็กำกับการ์ตูนทีวีลูแปงอีก 2 ชุดคือ Albatross-Wings of Death และ Farewell Beloved Lupin จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Sherlock Hound (1981-84) ชื่อดั้งเดิมตามภาษาญี่ปุ่นคือ Famous Detective Holmes เป็นการ์ตูนทีวีเรื่องสุดท้ายของมิยาซากิ โปรเจกต์นี้ถูก สร้างภายใต้ความร่วมมือของทีวีญี่ปุ่นและอิตาลี(RAI)ในปี 1981 มิยาซากิกำกับ 6 ตอนแรกและเขียนบทสำหรับที่เหลือ แต่ระหว่างนั้นกลับมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์กับฝ่ายดูแลผลประโยชน์ของ เซอร์ อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ โปรเจกต์จึงหยุดชะงักไป หลังจากหมดปัญหาในปี 1984 ทางทีวีญี่ปุ่นจึงสร้างตอนที่เหลือด้วยทีมงานใหม่ซึ่งเปลี่ยนจาก 6 ตอนแรกทั้งหมด ตัวการ์ตูนนั้นเป็นแอคชั่นสืบสวนที่สนุกและมีฉากที่เป็นเครื่องหมายการค้าของมิยาซากิเช่น ฉากขับรถไล่ล่า,ฉากบิน,ผู้หญิงแกร่ง, โจรกลับใจ เป็นต้น ตัวละครอย่าง โฮล์ม,วัตสัน,มิสฮัดสัน ถูกนำเสนอให้เป็นสุนัขทั้งหมด จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Nausicaa of the Valley of Wind(1984) เรื่องของเจ้าหญิงจากประเทศเล็กๆหลังสงครามที่เรียกว่า"ไฟล้างโลกใน 7 วัน"ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยมลภาวะ เธอพยายามยับยั้งสงครามระหว่างเผ่าต่างๆรวมทั้งการทำลายป่าพิษที่เชื่อกันว่ากำลังกัดกินโลกอย่างช้าๆ ผลงานกำกับ,เขียนบท และ สตอรี่บอร์ดของมิยาซากิ สร้างจากการ์ตูนcomic ของมิยาซากิเอง(ลงเป็นตอนๆในนิตยสาร Animageตั้งแต่ปี1982เขียนติดต่อกันนาน 13 ปีภายหลังรวมเป็นเล่มได้ 7 เล่ม-ภาพยนตร์สร้างจากเนื้อหา ในเล่ม 1 และ 2)เป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์ ในระหว่างนั้นมิยาซากิกับทากาฮาตะ ไม่ได้สังกัดที่ใด ทั้งคู่ตัดสินใจสร้างการ์ตูนเรื่องนี้กับบริษัท Topcraft ซึ่งเจ้าของคือ โทรุ ฮาร่า เพื่อนของทั้งคู่(ภายหลัง เป็นประธานคนแรกของสตูดิโอ Ghibli)ทีมงานของเรื่องนี้ต่อมามีบทบาทสำคัญในวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นทั้งสิ้น ในช่วงกลางยุค 80 นิวเวิลด์ พิคเจอร์(US)เคยทำเวอร์ชั่นที่พากษ์เสียงทับออกมาในชื่อ"Warriors of the Wind" รวมทั้งตัดต่อใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาติ พวกเขามองว่าหนังยาวไปสำหรับเด็ก จึงตัดหนังออกถึง 1 ใน 4!!!(พวกเขาตัด ส่วนที่คิดว่า"ช้าเกินไป"ออก)และเรียบเรียงช่วงเวลาในเรื่องใหม่ ชื่อ Nausicaa ถูกเปลี่ยนเป็น Zandra ดาราที่มา พากษ์เสียงทับต่างบอกกันในภายหลังว่า พวกเขาไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร?หลังจากที่มิยาซากิได้ดูเวอร์ชั่นนี้ เขาบอกกับทุกคนว่ามันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากที่มีคนทำต่อหนังเขาแบบนี้ และบอกให้ทุกคนลืมเวอร์ชั่นนี้เสีย เกร็ดน่ารู้ -ชื่อ เนาสิก้า นำมาจากชื่อของเจ้าหญิงองค์หนึ่งในเรื่อง the Odyssey ของโฮเมอร์ และแรงบันดาลใจอีกส่วน จากนิยายเก่าของญี่ปุ่น"Princess Who Loved Insects" -คำว่า Nausicaa ตัว a ด้านหลังต้องมีจุดสองจุดด้านบนเพราะเป็นภาษากรีกโบราณ -ตัวหนอนยักษ์ที่เรียกว่า โอมุ ในเรื่องเป็นคำญี่ปุ่นมีความหมายว่า ราชาแห่งแมลง(King of Insect) -เครื่องร่อนของเนาสิก้าที่เรียกว่า เมิร์ฟ(Mehve)เป็นภาษาเยอรมันแปลว่า นกนางนวล จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กำเนิดสตูดิโอ Ghibli หลังจากประสบความสำเร็จท่วมท้นจากเรื่อง Nausicaa มิยาซากิกับทากาฮาตะ ก็จับมือกันก่อตั้งสตูดิโอ Ghibli ขึ้นมา คำว่า Ghibli เป็นภาษาอิตาเลียนหมายถึง"ลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทรายซาฮาร่า"เป็นชื่อของเครื่องบินรบอิตาลีระหว่าง สงครามโลกครั้งที่ 2 มิยาซากิใช้ชื่อนี้ด้วยความชอบในเครื่องบินและประเทศอิตาลี จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Laputa: The Castle in the Sky(1986) พาสุ เด็กหนุ่มในเมืองเหมืองแร่ได้พบกับ ชีต้า เด็กสาวลึกลับที่ตกมาจากฟ้า พวกเขาหนีการตามล่าจากทั้งโจรสลัดและรัฐบาล ที่เชื่อว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ลาพิวต้า ปราสาทลอยฟ้าที่สาบสูญ มิยาซากิ กำกับ,เขียนบท และเขียนสตอรี่บอร์ดผลงานเรื่องนี้ที่ถือเป็นการเปิดตัว Studio Ghibli อย่างเป็นทางการสร้าง จากเรื่องของมิยาซากิเอง โดยชื่อ ลาพิวต้านั้นนำมาจากนิยายของ โจนาธาน สวิฟต์"Gullivers Travels"เริ่มแรกมิยาซากิ ตั้งใจจะทำเรื่อง"เกาะลอยฟ้ามหาสมบัติ-Flying Treasure Island"และยืมชื่อ ลาพิวต้ามาจากหนังสือของ สวิฟต์ แต่ในที่สุดก็ใช้แค่ชื่อเท่านั้น(โครงเรื่องของ ลาพิวต้า ดัดแปลงจากโปรเจกต์ Nadia และ Conan) อนึ่งคำว่า"Laputa"ในภาษาสเปนมีความหมายในทางที่ไม่ดีแปลว่า แพศยา หรือ หญิงแห่งนครโสเภณี เป็นที่รู้กันว่า สวิฟต์นั้นรู้ความหมายนี้อยู่แล้วตอนเขาตั้งชื่อนี้ แต่ไม่แน่ใจว่ามิยาซากินั้นรู้รึเปล่า? อย่างไรก็ตามเขาสามารถเลี่ยงไปใช้ ชื่อ"Raputa"ได้ถ้าจำเป็น(เสียง L และ R ในภาษาญี่ปุ่นไม่แตกต่างกัน)และปัจจุบัน ดิสนีย์ วางแผนจะจัดจำหน่ายวิดิโอ เรื่องนี้ทั่วโลก ต้องมาดูว่าดิสนีย์จะแก้ปัญหานี้อย่างไรในประเทศที่พูดภาษาสเปน(รวมทั้งอเมริกาด้วย) เกร็ดน่ารู้ -ตัวละคร โดร่า หัวหน้าโจรสลัด จัดเป็นคาแรคเตอร์ประจำของมิยาซากิในลักษณะ หญิงแกร่งและเก่ง ซึ่งพี่ชายของมิยาซากิ บอกว่าเหมือนกับแม่ของพวกเขา -มิยาซากิออกแบบหุ่นยนต์ในเรื่องโดยได้รับอิทธิพลจาก แมกซ์ ไฟลสเซอร์ หุ่นลักษณะเดียวกันนี้เคยปรากฎมาก่อน ในเรื่อง Lupin III:Farewell Beloved Lupin -กระรอกจิ้งจอก สัตว์เลี้ยงของ เนาสิก้า ปรากฎตัวบนสวนของลาพิวต้าในฉากหนึ่ง -ลำแสงทำลายล้างของ ลาพิวต้า ที่เรียกว่า"Indra's arrow in 'ramayana'"หมายถึง"ศรของพระราม" -เมืองเหมืองแร่ในเรื่อง มิยาซากิเดินทางไปหาข้อมูลที่ ประเทศเวลส์ โดยกำหนดให้เป็นเมืองในช่วง ปลายศตวรรษที่19 ต่อ 20 จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 My NeighborTotoro(1988) เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหญิงพี่น้อง 2 คนกับวิญญาณผู้คุ้มครองป่า( โทโทโร่)ในชนบทของญี่ปุ่น แม่ของพวกเธอ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนที่น้องสาวรู้ว่าแม่ของเธออาการไม่ดี จึงแอบหนีไปเยี่ยม เมื่อทุกคนรู้ว่าเธอหายตัวไป ก็มี เพียงเหล่า โทโทโร่ เท่านั้นที่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน? มิยาซากิ กำกับ,เขียนบท และเขียนสตอรี่บอร์ดติดต่อกันเป็นเรื่องที่ 3 แต่เป็นเรื่องที่ 2 ของสตูดิโอ ออกฉายพร้อมกับเรื่อง Grave of the Fireflies(สุสานหิ่งห้อย)ของทากาฮาตะ เกร็ดน่ารู้ -ตัวละคร โทโทโร่ วิญญาณผู้พิทักษ์ป่านั้น ไม่ใช่วิญญาณในความเชื่อแบบโบราณของญี่ปุ่น นี่เป็นตัวละครที่เกิดจาก จินตนาการของมิยาซากิล้วนๆ โดยออกแบบจากสัตว์หลายชนิดคือ ทานุกิ,แมว และนกฮูก ชื่อโทโทโร่นั้นมาจาก การออกเสียงเพี้ยนของตัวละคร เม(น้องสาว)จากคำว่า"โทโทรุ"ซึ่งหมายถึงตัว"โทรล์(Troll)"ในภาษาญี่ปุ่น -รถแมวโดยสาร(catbus)ที่เห็นในเรื่อง มาจากความเชื่อโบราณเกี่ยวกับแมวในญี่ปุ่น เชื่อกันว่าแมวที่อายุมากๆจะ สามารถแปลงร่างได้ ส่วนดีไซน์นั้นมิยาซากิออกแบบขึ้นมาเอง -ในเรื่อง แม่ของเด็กทั้งสองต้องจากบ้านไปรักษาตัวในโรงพยาบาล นำมาจากประสบการณ์ในวัยเด็กของมิยาซากิ -ภาพประกอบหลายภาพจากเรื่อง Totoro ที่เป็นรูปเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวยืนกับโทโทโร่ นั้นเป็นไอเดียเริ่มแรก ภายหลังเมื่อเริ่มสร้างมิยาซากิตัดสินใจแบ่งตัวละครตัวนี้ออกเป็น 2 คนพี่น้อง สิ่งนี้เห็นได้จากชื่อตัวละคร "ซัทสุกิ(Satsuki)" และ"เม(Mei)"ซึ่งทั้งคู่มีความหมายว่า"เดือนพฤษภาคม"โดยชื่อแรกเป็นภาษาญี่ปุ่นดั้งเดิม ส่วนชื่อหลังเป็นคำญี่ปุ่นที่แผลงมาจากคำว่า"May" สตูดิโอ Ghibli ยังคงใช้ภาพแบบนี้โปรโมทสลับกับรูปปกติ ซึ่งสร้างความสับสนแก่ผู้คนที่ได้ชมภาพยนต์แล้วพอสมควร จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Grave of the Fireflies(1988) อนิเมชั่นที่มืดมนและโศกเศร้า เรื่องของพี่น้อง 2 คนที่ต้องเอาตัวรอดระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้บางช่วงจะมีอารมณ์ขัน อยู่บ้าง แต่โดยรวมเต็มไปด้วยเรื่องสะเทือนใจ หลายคนเสียน้ำตาไปกับการ์ตูนเรื่องนี้ และไม่อาจทนดูซ้ำได้อีก ทากาฮาตะเขียนบทและกำกับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกสำหรับสตูดิโอ Ghibli สร้างจากนิยายกึ่งชีวประวัติของ อากิยูกิ โนซากะ ซึ่ง เสียน้องสาวของเขาไประหว่างสงคราม ออกฉายพร้อมกับเรื่อง Totoro ในแบบภาพยนตร์ควบ 2 เรื่อง ทากาฮาตะนั้นสร้างการ์ตูนในมุมที่แตกต่างจากมิยาซากิ ขณะที่มิยาซากินั้นใช้เรื่องราวในนิทานหรือนิยายเป็นเพียงวัตถุดิบ ที่เขาจะสร้างโลกส่วนตัวและเรื่องราวของเขาเอง แต่ทากาฮาตะนั้นจะสร้างโดยเคารพต้นฉบับมากที่สุด(ยกเว้นวิญญาณของ เด็กที่เห็นในเรื่องเป็นส่วนที่ทากาฮาตะคิดขึ้นเอง) เกร็ดน่ารู้ -เริ่มแรกนั้นทางสตูดิโอต้องการจะสร้าง Totoro ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่คิดไว้นานแล้ว แต่สมัยนั้นทุกคนมองว่าเป็นการเสี่ยง เกินไปที่จะสร้างเรื่องของ"เด็ก 2 คนกับวิญญาณในชนบท"พวกเขาจึงตัดสินใจลดความเสี่ยงโดยนำโปรเจกต์ Grave of Fireflies มาสร้างและฉายพร้อมกันเพราะเป็นเรื่องที่รู้จักกันดีในญี่ปุ่นและมักใช้เป็นหนังสือประกอบการเรียน จึงเป็นที่แน่ใจ ว่าจะดึงคนออกมาดูได้มากกว่าเดิม -ในปี 1994 Grave of Fireflies คว้า 2 รางวัลจากงานมหกรรมภาพยนตร์นานาชาติสำหรับเด็กที่ชิคาโก จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Kiki's Dilivery Service(1989) ในวันเกิดครบ 13 ปี แม่มดน้อย กีกิ ต้องออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ด้วยการไปใช้ชีวิตในเมืองที่ไม่มีแม่มดอยู่ เป็นเวลา 1 ปี เธอและ จีจิ แมวสีดำคู่หูต้องปรับตัวเข้ากับชีวิตและผู้คนที่แตกต่างออกไป ผลงานกำกับและเขียนบทโดยมิยาซากิ ดัดแปลงจากหนังสือสำหรับเด็กเรื่อง"Majo no Takkyuubin"โดย คาโดโน เออิโกะ ประสบความสำเร็จอย่างสูงเมื่อครั้งออกฉายในญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่คาแรคเตอร์โดดเด่นกว่าเนื้อเรื่อง เน้นที่ความ เติบโตของแม่มดน้อยกีกิ ในเมืองสไตล์ยุโรปที่รวมเอา นาโปลี,ลิสบอน,สต๊อกโฮล์ม,ปารีส และซานฟรานซิสโกไว้ด้วยกัน โดยช่วงเวลาในเรื่องคือยุค 50 และเป็นยุโรปที่ไม่เคยเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2! เกร็ดน่ารู้ - เริ่มแรกนั้นมิยาซากิตั้งใจจะทำหน้าที่อำนวยการสร้างเรื่องนี้เท่านั้น โดยมอบให้เป็นโปรเจกต์ของคนรุ่นใหม่ใน Ghibli แต่หลังจากอ่านร่างสคริปต์แรกแล้ว มิยาซากิไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ จึงจัดการเขียนบทขึ้นใหม่ทั้งหมด ไปๆมาๆในที่สุด เขาก็ต้องกำกับเองจนได้(เหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกครั้งกับเรื่อง Spirited Away) -ชื่อ "Majo no Takkyuubin"จากเรื่องต้นฉบับนั้นแปลว่า"Witch's Delivery Service"คำว่า" Takkyuubin" นั้นเป็นคำที่คิดขึ้นโดยบริษัทรับส่งของถึงบ้าน(มีอยู่จริง)ที่ชื่อว่า Yamato Transport โดยมีโลโก้เป็นแมวดำคาบ ลูกแมวในปาก บริษัทยามาโตะเป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการให้หนังเรื่องนี้ แต่ก็มีการโต้เถียงกันภายในเพราะแรกเริ่ม นั้นผู้เขียนนิยาย คาโดโน เออิโกะ นำคำว่า" Takkyuubin"ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ แต่อย่างไรก็ตามหลังหนังออกฉาย และผู้คนชื่นชอบ ช่วยส่งเสริมภาพพจน์บริษัทให้ดีขึ้น เรื่องทั้งหมดก็ยุติลงด้วยดี - คาโดโน เออิโกะ ผู้เขียนนิยายนั้นไม่ค่อยชอบบทที่มิยาซากิดัดแปลงซักเท่าไหร่เพราะในหนังสือนั้น กีกิ ไม่เคยสูญเสียพลัง ของเธอไป(ชั่วขณะ)และไม่มีอุบัติเหตุเกี่ยวกับบอลลูนในตอนท้ายเรื่อง แต่มิยาซากินั้นคิดว่าเป็นการดัดแปลงให้เหมาะกับ ภาพยนตร์ และเขาอยากจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเติบโตของ กีกิ ในความรู้สึกที่สมจริง ผ่านอุปสรรคต่างๆจึงมีฉากที่กีกิต้อง ทุกข์และเหงามากกว่าในหนังสือ(ที่เหมาะกับเด็กเล็กๆ ) มีเรื่องเล่าว่าในขั้นตอนการเตรียมงานสร้าง มิยาซากิและโปรดิวเซอร์ของเรื่องต้องเชิญ คาโดโน เออิโกะ มาที่ Ghibli และ เกลี้ยกล่อมอยู่นานจนเธอตกลงให้สร้างได้ -ในตอนจบนั้น จีจิ แมวดำของกีกิจะไม่สามารถพูดภาษาคนได้อีก(ซึ่งก็มีแต่กีกิที่ฟังเข้าใจ)จึงทำให้สงสัยว่า ตกลงกีกิได้พลัง ของเธอคืนหรือยัง?(กีกิสูญเสียพลังไปในช่วงกลางเรื่องทำให้เธอบินไม่ได้และฟังจีจิไม่เข้าใจ)ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการที่กีกิ ฟังจีจิเข้าใจเป็นเพราะทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน ไม่ใช่เพราะเวทย์มนต์ ในทางลึกแล้ว จีจิ ในเรื่องเปรียบเสมือน"อีกด้าน หนึ่ง"ของ กีกิ (คล้ายเวลาเราพูดกับตัวเอง)มิยาซากิจึงทำให้ กีกิ ไม่สามารถฟัง จีจิเข้าใจอีกต่อไปแม้ว่าเธอจะได้พลังคืนมา นั่นคือเธอได้เติบโตขึ้นแล้ว จึงไม่ต้องการ"อีกด้าน"ของตัวเองอีก กีกิและจีจิยังคงเป็นเพื่อนกัน แต่ในรูปแบบใหม่เหมือนคน ปกติกับสัตว์เลี้ยง (ถ้าใครเคยดูเวอร์ชั่นต้นฉบับจะติดใจสงสัยกับจุดนี้มาก) ที่ต้องอธิบายเช่นนี้เพราะในเวอร์ชั่นที่ ดิสนีย์ นำไปลงเสียงพากษ์ทับนั้น ตอนจบ จีจี จะพูดว่า"Kiki,can you hear me?"ก่อนที่จะกระโดดขึ้นมาบนไหล่ กีกิ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับ และทำให้สิ่งที่มิยาซากิต้องการบอกผิดเพี้ยนไป -เรื่องนี้มีมุขเล็กๆน้อยๆที่ซ่อนอยู่เช่น ในห้องของกีกิที่บ้านเกิดจะมีตุ๊กตา Totoro อยุ่ที่หัวเตียงและในหน้าต่างเล็กๆของ บ้านตุ๊กตา,มีหลายฉากที่เราจะเห็นรสบัสที่มีคำว่า Studio Ghibli อยู่บนตัวรถ,ในฉากใกล้ๆจะจบที่ผู้คนมุงดูทีวีหน้าร้านค้า ตรงมุมขวาบนจะเห็นมิยาซากิกำลังดูอยู่ด้วย! -ชื่อร้านขนมปัง"Guchokipanya"มาจากคำว่า"Guchokipa"หมายถึงการเล่น เป่า-ยิ้ง-ฉุบ กับคำว่า"Panya" หมายถึงร้านขนมปัง เป็นตลกเล่นคำที่มาจากหนังสือต้นฉบับ จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Only Yesterday(1991) ทาเอโกะ สาวออฟฟิศในโตเกียว ใช้วันหยุดพักร้อนของเธอที่ครอบครัวชนบทของพี่เขย ระหว่างนั้นเธอนึกย้อนไปถึงวัยเด็ก ในโรงเรียนประถม หนังเต็มไปด้วยความทรงจำทั้งที่สวยงามและเจ็บปวด ท้ายที่สุดเธอเดินมาถึงทางแยกที่ต้องเลือก สำหรับอนาคตของเธอ เขียนบทและกำกับโดย ทากาฮาตะ สร้างจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง"Omohide Poroporo"(ความทรงจำที่ย้อน กลับมา)โดย โอคาโมโตะ โฮตารุ ในการ์ตูนต้นฉบับนั้นเป็นเรื่องของ ทาเอโกะ ในวัยเด็ก(11 ขวบ) ลักษณะคล้าย ไดอารี่ย้อนความทรงจำที่ประกอบด้วย เพลง,หนัง,รายการทีวี,ดารานักร้องในเวลานั้น(1966)ซึ่งทากาฮาตะพบว่า มันยากที่จะทำเป็นภาพยนตร์ เนื่องจากไม่มีสิ่งที่เชื่อมความทรงจำทั้งหมดเข้าด้วยกัน เขาจึงตัดสินใจสร้าง ทาเอโกะ ในวัย 27 ปีขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่นั้น เกร็ดน่ารู้ -ตอนหนึ่งในวัยเด็กครอบครัวของทาเอโกะมีโอกาสกินสับปะรด ทั้งครอบครัวตื่นเต้นกันมาก เพราะสับปะรดที่คนทั่วไป ได้กินในสมัยนั้นเป็นแบบบรรจุกระป๋อง มีน้อยคนที่ได้กินสับปะรดทั้งลูกซึ่งเป็นสินค้านำเข้าและหายาก -ในเรื่องมีฉากที่พ่อ ตบหน้าทาเอโกะด้วยความผิดเล็กน้อย ทำให้ผู้ชมตกใจมาก เรื่องนี้ต้องย้อนไปในหนังสือซึ่งเป็นเรื่องกึ่ง ชีวประวัติของผู้เขียน พ่อในเรื่องเป็นแบบที่พบได้จริงในยุค 60 ไม่ใช่ในอุดมคติ ผู้เขียนแสดงออกว่าไม่ได้เห็นด้วยกับพ่อแม่ ของเธอในทุกเรื่อง -หุ่นกระบอกที่ทาเอโกะดูในทีวี เป็นรายการเด็กที่ฮิตมากในสมัยนั้นชื่อ"Hyokkori Hyotanjima"(Popped-up Gourd Island) - เพลงในฉากจบแต่งเนื้อร้องโดย ทากาฮาตะ จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Porco Rosso(1992) เรื่องของนักบินขับไล่ชาวอิตาลี ที่ออกจากราชการมาเป็นนักล่าเงินรางวัล เพราะไม่พอใจลัทธิฟาสซิสต์ที่กำลังรุ่งเรือง ทั้งหมดนี้ลืมบอกไปว่าเขาคือ...หมู...แถมยังพูดได้! มิยาซากิกำกับและเขียนบทจากหนังสือการ์ตูนของเขาเองที่ชื่อ"Hikoutei Jidai"แรกเริ่มนั้นโปรเจกต์นี้เป็นการ์ตูน ยาว 30-45 นาทีที่สร้างให้กับ Japan Airlines ในคอนเซปต์"หนังสำหรับนักธุรกิจที่เหนื่อยอ่อนจากการบินข้ามประเทศ สามารถสนุกได้แม้ในขณะกำลังมึนจากการขาดออกซิเจน!"แต่ในขั้นตอนการสร้าง สิ่งที่มิยาซากิเพิ่มเข้ามาจากในหนังสือ ทำให้สตูดิโอตัดสินใจสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเต็มรูปแบบ(อย่างไรก็ตามหนังก็มีฉายบนสายการบิน JAL ด้วยทำให้ ข้อความที่ขึ้นในฉากเปิดเรื่องมีหลายภาษาพร้อมๆกัน) เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปลายยุค 20 ในอิตาลีแถบทะเล อาเดรียติค ระหว่างอิตาลีและยูโกสลาเวีย(ในสมัยนั้น)เกาะที่ ปอร์โก้ อาศัยอยู่ เป็นเกาะแถบชายฝั่งโครเอเชีย(ปัจจุบัน)แรกเริ่มมิยาซากิอยากให้เรื่องเกิดที่เมือง Dovrok ในแคว้น โครเอเชีย แต่ก็เกิดสงครามกลางเมืองในยูโกสลาเวียขึ้นมาเสียก่อน เขาจึงต้องย้ายเรื่องไปที่อิตาลีแทน(แต่ผลจากสงคราม ก็ส่งให้เรื่องมีเนื้อหาจริงจังขึ้นมากกว่าจะเป็นแค่"การ์ตูนสนุกๆสำหรับนักธุรกิจวัยกลางคนที่สมองกลายเป็นเต้าหู้จาก การทำงานหนัก!"ในความคิดแรก) เกร็ดน่ารู้ -Porco Rosso แปลว่า"Crimson Pig"ในภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายเดียวกับชื่อภาษาญี่ปุ่น(Kurenai no Buta) -ชื่อเดิมของ ปอร์โก้(ก่อนกลายเป็นหมู)คือ Marco Pagot ตั้งชื่อตามเพื่อนของมิยาซากิที่เป็นอนิเมเตอร์ชาวอิตาลี -ในเรื่อง ปอร์โก้ กลายเป็นหมู เพราะหมดศรัทธาในตัวมนุษย์ มิยาซากิเอาไอเดียนี้มาจากคำกล่าวว่า"เมื่อผู้ชายเข้าสู่ วัยกลางคน เขาจะกลายเป็นหมู!" -เรื่องนี้มิยาซากิสร้างขึ้นจากความชอบเครื่องบินเก่า เครื่องบินในเรื่องล้วนมีอยู่จริง เสริมด้วยจินตนาการตามสไตล์ มิยาซากิ เหตุการณ์ที่กล่าวถึงในหนังก็มีอยู่จริงเช่น การแข่งเครื่องบินระหว่างประเทศชิงถ้วย"ชไนเดอร์" ที่เริ่มจัดในปี 1913 -เมฆประหลาดที่เต็มไปด้วยนักบินที่เสียชีวิตในตอนกลางเรื่อง มิยาซากินำมาจากเรื่องของ "They shall not Grow up"ในหนังสือ"Over to You:Ten Stories of Flyers and Flying"ของ โรอัลด์ ดาห์ล(ดาห์ลนั้นเป็นนักบินระหว่าง สงครามโลกครั้งที่ 2) มิยาซากิบอกว่าเขาชอบทุกเรื่องของ โรอัลด์ ดาห์ล ที่เกี่ยวกับเครื่องบิน(ไม่รวมเรื่องสำหรับเด็ก) -ในเวอร์ชั่นที่ฉายในฝรั่งเศส เสียงของ ปอร์โก้ พากษ์โดย ฌอง เรโน จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 The Sky-Colored Seed และ Nandarou(1992) ทั้งสองเรื่องเป็นโฆษณาทางทีวี เรื่องแรกสร้างเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของ Nippon TV จากหนังสือเด็กชื่อเดียวกัน ส่วนเรื่องหลังเป็น ตัวนำโชค(Mascot)ของ Nihon TV กำกับโดยมิยาซากิทั้ง 2 เรื่อง(เรื่องหลังทำKey Animation เองด้วย) จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Ocean Waves(1993) เรื่องราวรัก 3 เส้าที่เกิดในเมืองโคชิสร้างเพื่อฉายทาง ทีวี กำกับโดย โมชิสุกิ โทโมมิ(ผู้กำกับ Orange Road ภาคหนังโรง) อำนวยการสร้างโดยทากาฮาตะ จากนิยายโรแมนติกของ ฮิมูโร ซาเอโกะ เป็นเรื่องแรกของสตูดิโอ Ghibli ที่ไม่ใช่มิยาซากิ หรือทากาฮาตะกำกับ โปรเจกต์นี้เหมือนเป็นเวทีของคนรุ่นใหม่ในสตูดิโอ ในคอนเซปต์"เร็ว,ถูก และคุณภาพดี" แต่ท้ายที่สุดก็เกินงบและตารางเวลาอยู่ดี เกร็ดน่ารู้ -หลังจากออกฉายทางทีวีและประสบความสำเร็จ ก็มีนิยายตอนต่อออกมา รวมทั้งละครที่สร้างโดยรวมเรื่องทั้ง 2 ภาค เข้าด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่ทำออกมาได้ไม่ดี เนื่องจากขาดความรู้สึกโรแมนติกแบบในการ์ตูน จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:22:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Pom Poko(1994) สงครามระหว่างทานุกิ(สัตว์ที่ดูคล้ายๆแรคคูน แต่ไม่ใช่...พบได้ในแถบเอเซีย เชื่อกันว่าสามารถแปลงร่างได้ และไม่มี อันตราย)กับมนุษย์ที่บุกรุกภูเขาเพื่อสร้างเมืองใหม่ เหล่าทานุกิปกป้องบ้านของพวกเขาสุดชีวิตด้วยวิธีการเท่าที่จะนึกได้ กำกับและเขียนบทจากเรื่องของทากาฮาตะเอง เต็มไปด้วยเรื่องราวความเชื่อและมุขตลกแบบญี่ปุ่นแท้ๆทำให้เป็นเรื่องที่ดู เข้าใจยากสำหรับคนต่างชาติ ตามความเชื่อดั้งเดิมนั้น สุนัขจิ้งจอก,แมวที่มีอายุมากๆ และทานุกิ สามารถแปลงร่างได้ เราจึงได้เห็นการแปลงร่างทุกรูปแบบในเรื่องนี้ จุดประสงค์เพื่อไล่พวกมนุษย์ออกไป แม้จะมีตัวละครที่สนุกสนาน ภาพที่น่าตื่นตา แต่นี่ไม่ใช่การ์ตูนสำหรับเด็กเล็ก เพราะมีฉากรุนแรงและความตายปรากฎอยู่มาก สาระที่หนังต้องการบอก ก็ไม่ใช่เรื่องที่เด็กๆจะเข้าใจ ได้ เกร็ดน่ารู้ -ในปี 1995 ได้รับการเสนอชื่อเพื่อคัดเลือกเป็น 1 ใน 5 หนังออสการ์ภาษาต่างประเทศ แต่ก็ไม่เข้ารอบในท้ายที่สุด -ทานุกิในเรื่องมีอยู่ 3 ร่างคือแบบที่เป็นสัตว์ธรรมดา(เวลามนุษย์อยู่ใกล้ๆ)แบบมนุษย์(คือยืน 2 ขาและอยู่แบบคน) และแบบการ์ตูน(เวลาสู้แพ้,เมา,บ้าบอ) แบบหลังนี้จะเป็นลายเส้นง่ายๆดูตลกๆซึ่งนำมาจากหนังสือการ์ตูนเก่าเรื่อง "808 Tanukis"ของ ชิเงรุ สุกิอุระที่มิยาซากิและทากาฮาตะชื่นชอบ -เครื่องดื่มที่ทานุกิดื่มตอนแปลงเป็นคน คือเครื่องดื่มบำรุงกำลังแบบลิโพวิตันดี ซึ่งคนทำงานในญี่ปุ่นนิยมดื่ม -ปอร์โก้,กีกิ,โทโทโร่ และ ทาเอโกะ ปรากฏตัวในฉากบินฉากหนึ่งในเรื่อง จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Whisper of the Heart(1995) เรื่องของ ชิสุกุ สาวน้อยที่พยายามค้นหาตัวเอง และอนาคตที่เธอต้องการ เล่าเรื่องผ่านจินตนาการและชีวิตประจำวันของเธอ ฉายในโรงภาพยนตร์ควบกับมิวสิควิดิโอ On Your Mark ผลงานของมิยาซากิ Whisper of the Heart หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่น Mimi wo Sumaseba(If you listen closely)กำกับโดย โยชิฟุมิ คอนโดะ,เขียนบท สตอรี่บอร์ด และ อำนวยการสร้างโดย มิยาซากิ,ออกแบบคาแรคเตอร์โดย คิตารุ โคอุซากะ ดัดแปลงจาก หนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกันโดย ฮิรากิ อาโอย ช่วงนั้นสตูดิโอ Ghibli มีแผนที่จะสร้างการ์ตูนโดยผู้กำกับคนอื่นนอกเหนือจาก มิยาซากิและ ทากาฮาตะ เพื่อก้าวเป็นสตูดิโอ ที่ใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น คอนโดะ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เกร็ดน่ารู้ -เป็นเรื่องแรกของสตูดิโอ Ghibli ที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานสร้าง(ฉากจินตนาการของชุสุกุ)และเป็นเรื่องแรกในญี่ปุ่น ที่ใช้ระบบ Dolby Digital -เมืองที่ ชิสุกุอยู่นั้นเป็นเมืองเดียวกับเรื่อง Pom Poko เราจะเห็นบ้านเก่าที่คุ้นตาหลายๆหลัง - ฉากในจินตนาการของชุสุกุนั้น เป็นผลงานของศิลปินที่ชื่อ อิโนอุเอะ นาโอฮิสะ ซึ่งเป็นแฟนการ์ตูนของมิยาซากิมานาน ทั้งคู่ร่วมงานกันในเรื่องนี้หลังจากพบกันในนิทรรศการแสดงภาพของ อิโนอุเอะ นาโอฮิสะ(มิยาซากิซื้อมา 1 ภาพที่ ดูคล้ายกับที่เห็นในเรื่อง-ปัจจุบันติดตั้งอยู่ในห้องพักผ่อนของ สตูดิโอ Ghibli) -หลายฉากในเรื่องเขียนขึ้นอย่างสมจริงเป็นที่สุด จนมีคนสงสัยว่าใช้ภาพถ่ายรึเปล่า? จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 On Your Mark(1995) มิวสิควิดิโอความยาว 6.40 นาทีของ Chage & Aska กำกับและเขียนบทจากเรื่องของมิยาซากิเอง เนื้อเรื่องมี องค์ประกอบที่สามารถนำไปขยายเป็นภาพยนตร์ขนาดยาวได้สบายๆออกฉายควบกับเรื่อง Whisper of the Heart และฉายเป็นฉากหลังในคอนเสิร์ตของ Chage & Aska เกร็ดน่ารู้ -ตำรวจ 2 คนในเรื่องก็คือ Chage & Aska นั่นเอง -ตึกใหญ่ที่ดูเหมือนกล่องที่ปรากฏในตอนต้น ได้ไอเดียจากจากโรงไฟฟ้าปรมาณู"เชอโนบิล"รวมทั้งอุบัติเหตุก็กลายเป็น ส่วนหนึ่งของเรื่องด้วย -ในเรื่องจะมีฉากที่ปรากฏซ้ำๆไปมาเช่นเมื่อตำรวจทั้ง 2 คนตาย ในหนังจะย้อนกลับไปในช่วงก่อนตายและในที่สุดทั้งคู่ก็ รอดมาได้และดำเนินเรื่องต่อไป ที่เป็นเช่นนี้เพราะในเนื้อเพลงจะพูดถึง"การทำสิ่งต่างๆโดยไม่ยอมแพ้"พวกเขาจะ พยายามๆ ไม่ว่าจะล้มเหลวซักกี่ครั้ง จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Princess Mononoke(1997) เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างสัตว์เทพเจ้าแห่งป่าเขาและมนุษย์ในญี่ปุ่นยุคโบราณ,ระหว่างหญิงสาวที่เติบโตจากการเลี้ยงดูของ หมาป่าที่ต่อสู้เคียงข้างสัตว์เทพเจ้า กับผู้นำอาณาจักรผลิตเหล็กที่ต้องการทำลายป่า เรื่องราวที่ตึงเครียดขึ้น รุนแรงขึ้น และ ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด มิยาซากิ กำกับและเขียนบทจากเรื่องของเขาเอง เป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในครั้งที่ออกฉายในญี่ปุ่น ทำลายสถิติ รายได้ตลอดกาลของญี่ปุ่นที่ E.T. เคยทำไว้มานานกว่า 15 ปีลงได้(ต่อมาถูกทำลายโดย Titanic และถูกทำลายลงอีกครั้ง โดย Spirited Away การ์ตูนเรื่องล่าสุดของมิยาซากิ)เป็นเรื่องแรกที่ออกฉายวงกว้างทั่วโลกโดยการจัดจำหน่าย ของดิสนีย์ และนี่คือสถิติอื่นๆที่การ์ตูนเรื่องนี้สร้างไว้ในช่วงเวลานั้น -เป็นอนิเมชั่นที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดคือ 2.4 พันล้านเยน(ประมาณ 20 ล้านเหรียญ)อันดับรองลงมาคือ Akira ใช้ไป 1 พันล้านเยน -ในเวลา 133 นาทีของหนังใช้แผ่นเซล(แผ่นใสใช้ในการสร้างภาพอนิเมชั่น)ไปทั้งสิ้น 144,000 แผ่น -ทำรายได้มากกว่า 18.65 พันล้านเยนในญี่ปุ่น มีผู้ชมมากกว่า 13 ล้านคน -ทำยอดขายวิดิโอสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่นกว่า 4 ล้านชุด(เจ้าของสถิติเก่าคือ Aladdin) เกร็ดน่ารู้ -เป็นเรื่องแรกของสตูดิโอที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการสร้างเต็มตัว รวมทั้งตั้งแผนกคอมพิวเตอร์ขึ้นในสตูดิโอ Ghibli -คำว่า Mononoke หมายถึง"วิญญาณ"ในภาษาญี่ปุ่นซึ่งเชื่อว่ามีอยู่ในทุกๆสิ่ง ตัวละคร โทโทโร่ ก็เป็น Mononoke ชนิดหนึ่ง -วิญญาณต้นไม้(ตัวละครขาวๆเล็กๆตามต้นไม้)เรียกว่า"Kodama"มีความหมายเหมือนคำว่า"Echo" -หลังจากสร้างเรื่องนี้เสร็จ มิยาซากิประกาศวางมือ โดยจะไม่กำกับการ์ตูนเรื่องใดอีกแล้ว(อาจจะทำแค่เขียนบทหรือคิด เรื่อง)มิยาซากินั้นทำงานไม่เหมือนผู้กำกับคนอื่น เขาจะตรวจสอบแผ่นเซลทุกแผ่นด้วยตัวเอง และถ้าไม่พอใจแผ่นไหน เขาจะลงมือแก้เองทันที ซึ่งต่างจากคนอื่นที่จะมีฝ่ายเทคนิคดูแลให้ หรือแม้แต่ทากาฮาตะที่ตรวจสอบแผ่นเซลเองเหมือนกัน แต่เขาก็แค่บอกให้ Key Animator ไปแก้เท่านั้น มิยาซากิบอกว่าเขาแก่เกินกว่าที่จะทำแบบนั้นเป็นปีๆอีกต่อไป (แต่ต่อมาเขาก็กำกับ Spirted away ออกฉายในปี 2001 และประกาศวางมืออีกครั้ง) -Princess Mononoke นั้นจะว่าไปก็เหมือนเป็นการสร้างแก้มือจากเรื่อง Nausicaa ที่มีธีมคล้ายๆกันนั่นคือการต่อสู้ ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ มิยาซากิไม่ค่อยชอบตอนจบของ Nausicaa เท่าไหร่นักเพราะการจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งโดย การใช้ปาฏิหารย์เพื่อแก้ปัญหาไม่น่าจะถูกต้องนัก เพราะเขาเชื่อว่า"การต่อสู้ระหว่างมนุษย์และธรรมชาตินั้นไม่เคยมีใคร ได้อะไร ทุกฝ่ายต่างสูญเสียทั้งสิ้น" จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 My Neighbors theYamadas(1999) สร้างจากการ์ตูนแก๊ก 4 ช่องจบ ที่ลงเป็นประจำในหนังสือพิมพ์ เรื่องราวชวนหัวของครอบครัวยามาดะ ที่ประกอบด้วย พ่อ,แม่,ลูกชาย,ลูกสาว,คุณยาย และ สุนัขสัตว์เลี้ยงของครอบครัว ทากาฮาตะเขียนบทและกำกับเรื่องนี้ในสไตล์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือใช้เทคนิคการลงสีแบบสีน้ำ ทั้งเรื่อง,เรื่องราวที่เป็นแบบมุขตลกมาเรียงต่อๆกันแต่ก็ยังคงเนื้อหาที่ต้องการไว้ได้ และนี่เป็นเรื่องแรกที่ใช้คอมพิวเตอร์ ในทุกกระบวนการแบบ 100%(ไม่มีการใช้แผ่นเซลแบบดั้งเดิมเลย) เกร็ดน่ารู้ -ฉากเปิดเรื่องที่ครอบครัวยามาดะนั่งรถเลื่อนสไลด์ลงมาตามเค้กแต่งงานนั้นใช้คอมพิวเตอร์สร้างโมเดล 3 มิติขึ้นและ ทำอนิเมชั่นทั้งหมดแล้วจึงวาดภาพในแบบสีน้ำทับลงไป จนแทบไม่รู้เลยว่าใช้คอมพิวเตอร์ -เป็นที่น่าสังเกตว่าการ์ตูนที่มิยาซากิสร้างที่ Ghibli จะมีคำว่า"no"ในชื่อภาษาญี่ปุ่นทุกเรื่อง ส่วนของทากาฮาตะจะมี คำว่า"po"ทุกเรื่อง จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Spirited Away(2001) เรื่องของ จิฮิโร่ เด็กหญิงวัย 10 ขวบที่หลงเข้าไปในโลกของเทพ โดยพ่อแม่ของเธอถูกคำสาปให้กลาย เป็นหมู!เนื่องจากไปกินอาหารของเทพเข้า เธอเองก็สูญเสียชื่อ(หรือตัวตน)ให้กับแม่มดแห่งโรงอาบน้ำ เทพเจ้า การต่อสู้เพื่อตัวเธอเองและครอบครัวเพื่อที่จะกลับสู่โลกปกติจึงเริ่มขึ้น ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของสตูดิโอ Ghibli ทั้งในญี่ปุ่นและระดับโลก คว้ารางวัลสูงสุดจาก เทศกาลหนังเบอร์ลิน 2001 และได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนต์การ์ตูนยอดเยี่ยมในปี 2003 ซึ่งถือเป็น เหตุการณ์พลิกล๊อกครั้งหนึ่งในเวทีนี้เลยทีเดียว สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ดูในตอนนั้น กำกับและเขียนบทจากเรื่องของมิยาซากิเอง(แต่ไม่ได้เขียนสตอรีบอร์ดเหมือนเรื่องก่อนๆแล้ว) ปัจจุบันครองตำแหน่ง หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น(แชมป์เก่าคือ Titanic) เกร็ดน่ารู้ -มิยาซากิิกล่าวถึงการ์ตูนเรื่องนี้ของเขาว่าสร้างขึ้นสำหรับ "คนที่เคยมีอายุ 10 ขวบและกำลังจะมีอายุ 10 ขวบ" -ต่อข้อสงสัยว่า หลังจากจบเรื่องแล้ว จิฮิโร่ ยังจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้หรือไม่? มิยาซากิตอบว่า เธอจะจำเรื่องใน โลกแห่งเทพไม่ได้ แต่มันก็ไม่ใช่ความฝัน โดยมีสิ่งที่บ่งบอกเช่น ใบไม้บนรถยนต์ที่เธอนั่งมา,ปิ่นปักผมจาก อีกโลกหนึ่ง รวมทั้งคำพูดของ เซนิบะว่า"เธอจะไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น เพียงแต่เธอจะนึกไม่ออกเท่านั้น" จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 24 the Cat Returns(2002) เรื่องของแมวสองตัว มุตะและ บารอน ทั้งคู่ต้องเดินทางไปช่วยเด็กหญิงวัยรุ่นที่ขาดความมั่นใจชื่อ ฮารุ ซึ่งหลงไปอยู่ใน อาณาจักรแห่งแมวโดยไม่ได้ตั้งใจ ผลงานกำกับโดย ฮิโรยูกิ โมริตะ เรื่องนี้เหมือนเป็นภาคต่อกลายๆของเรื่อง Whisper of the Heart โดยมีตัวละคร แมวอ้วน บูตะ และแมวมาดสุภาพบุรุษ บารอน เชื่อมระหว่างสองเรื่องนี้ไว้ the Cats Return ออกฉายในปี 2002 และถึงจะไม่ได้ทำรายได้ถล่มทลาย แต่ผลงานการ์ตูนที่ดูสบายๆเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้แฟนๆของ สตูดิโอ Ghibli ผิดหวังแต่อย่างใด เกร็ดน่ารู้ -ฉบับที่ฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น จะฉายพร้อมอนิเมชั่นขนาดสั้น Ghiblies episode 2 ซึ่งเป็นกึ่งๆ การ์ตูนล้อเลียนเรื่องราวในสตูดิโอ Ghibli เอง (epidode 1 ฉายทางทีวี ในปี 2000) จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สตูดิโอ Ghibli ปัจจุบันและอนาคต ในที่สุดปีนี้ (2004) ผลงานเรื่อง Howl's Moving Castle ก็ออกฉายที่ญี่ปุ่นแล้วหลังจากเลื่อนมาหลายครั้ง และกำลังเดินหน้า ทำลายสถิติต่างๆที่ Spirited Away ได้ทำเอาไว้ แต่สิ่งสำคัญที่แฟนๆทั่วโลกตั้งตารอคอย ไม่ใช่การทำลาย สถิติเหล่านั้น แต่เป็นบรรยากาศอันแสนมหัศจรรย์ที่จะกลับมาให้พวกเขาชื่นชมอีกครั้งนั่นเอง ปัจจุบันสตูดิโอ Ghibli ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในฐานะสตูดิโอผู้ผลิตการ์ตูนชั้นดีให้คนทั้งโลกได้ชม รวมทั้งเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับสตูดิโอการ์ตูนมากมายทั้งในเอเซียและทั่วโลก ได้สร้างผลงานในแบบที่ตัวเองเชื่อมั่น และหวังว่า ซักวันหนึ่งจะก้าวขึ้นมาในจุดที่สตูดิโอ Ghibli เป็นอยู่ในขณะนี้ และไม่ว่าในอนาคตเราจะได้ดูผลงานของ ฮายาโอะ มิยาซากิ อีกหรือไม่? แต่ก็มั่นใจได้ว่ารากฐานที่ทั้ง มิยาซากิ และ ทากาฮาตะได้วางไว้นั้น จะให้กำเนิดผลงานอนิเมชั่นชั้นดีให้เราได้ดูกันต่อไปอีกนานแสนนาน จากคุณ : ก๋ากรั๊นจ์ - [ 6 ธ.ค. 47 21:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณอย่างสูงสำหรับข้อมูลครับ หนทางอันยาวใกลจริงๆ จากคุณ : garun studio - [ 6 ธ.ค. 47 22:08:40 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มี dvd ของแท้ ของ studio นี้แล้วทุกเรื่อง (ยกเว้น Hawl's แต่ไปดูมาแล้ว) หมดเงินไปเป็น 50,000 เยน up แต่คุ้มค่าจริงๆ :) จากคุณ : เด็กญี่ปุ่น - [ 6 ธ.ค. 47 22:31:33 A:218.179.100.36 X: TicketID:061996 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โหวตให้ครับ จากคุณ : raksapondet - [ 6 ธ.ค. 47 23:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 29 :D กระทู้นี้สมควรเก็บเข้าคลังเป็นอย่างยิ่ง *เพิ่งรู้ว่าเราเกิดวันเดียวกับคนดังระดับนี้ด้วยโฮะๆ จากคุณ : วัชเจียเหว่ย - [ 6 ธ.ค. 47 23:28:36 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอ้ ขออนุญาตเซฟไว้เลยนะคะ จากคุณ : pinophilic - [ 6 ธ.ค. 47 23:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ข้อมูลเยี่ยมครับ จากคุณ : Aynarak - [ 7 ธ.ค. 47 00:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มีทุกเรื่องเหมือนกัน รอดู Howl's moving Castle อย่างเดี่ยวเลย T^T จากคุณ : -CheMisTry- - [ 7 ธ.ค. 47 02:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณครับ จากคุณ : TheShadow - [ 7 ธ.ค. 47 07:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โอวว ขอบคุณค่ะ จากคุณ : น้องร้องข่กข่ก - [ 7 ธ.ค. 47 07:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณ จขกท. มากๆ..ขอเก็บข้อมูลไว้เพื่อตามหาให้ครบ.. จากคุณ : emk - [ 7 ธ.ค. 47 09:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อยากดูนาเดียอีกอ่ะ จากคุณ : GeaR^0^BuN - [ 7 ธ.ค. 47 12:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 37 โหวต ค่ะ... สมควรเก็บเข้าคลังด้วยเป็นอย่างยิ่ง _/|\_ ขอบคุณที่นำความรู้ดีๆ มาแบ่งปันนะคะ จากคุณ : Jekyll - [ 7 ธ.ค. 47 13:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 38 (^_^) เยี่ยม !!!! จากคุณ : น้องๆ...เบียร์ขวด - [ 7 ธ.ค. 47 16:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เคยเก็บเนื้อหากระทู้แล้วต่อมาหายสาปสูญไปกับบอร์ดเก่านั้นไป ขอบคุณที่เอามาริ้อฟื้นให้เราได้อ่านกันใหม่นะครับ.... จากคุณ : วัฏสีร์ ธรรมจารี (spiralhead) - [ 7 ธ.ค. 47 17:05:19 ]

ความคิดเห็นที่ 40 โอ้ววว >O< สุดยอดมากค่ะ ขอเซฟละนะค้า ~~ จากคุณ : ลูกสาวอีฟ - [ 7 ธ.ค. 47 17:41:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ ชอบมากเลย ^ ^ จากคุณ : Qooma - [ 7 ธ.ค. 47 20:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เสริชหาคำว่า totoro ถึงได้เจอกระทู้นี้นะเนี่ย ช่วยเสริมให้ดูหนังรู้เรื่องมากขึ้นนะคะ แต่ต้องดูก่อนแล้วค่อยมาอ่าน ไม่งั้นรู้ก่อน คงไม่หนุกค่ะ เคยดูเรื่อง โตโตโร่ และ กิกิ แล้วล่ะค่ะ ชอบมากทั้งสองเรื่องเลย เรื่องกิกิมีมุขอีกนิดที่เราสังเกตเห็นนะ คือตอนที่กิกิขี่ไม้กวาดสวนกับเครื่องบินลำนึงตอนต้นเรื่อง ที่ปีกเครื่องบินมีคำว่า KD ด้วยล่ะ เราเดาว่าคือ กิกิ ดิลิเวอร์รี่นะ จากคุณ : เด็กหัดเดิน - [ 25 ธ.ค. 47 05:17:04 ]