CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    <ฟิค> * * * แ ฟ น ต า เ ซี ย - ผจญภัยต่างมติสุดป่วน ด้วยเวทย์จอมกวนของคริสตัล บทที่ 3-4 * * *

    บทที่ 3  ความลับของคริสตัล

    เรย่าจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างว่องไว เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มให้มาค่อนข้างจะใหญ่โตไปมากสำหรับเธอ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าต้องมานั่งหนาวในชุดเปียกน้ำทั้งคืน  

    เรย่าออกจะนึกระแวงชายหนุ่มอยู่นิดหน่อยถึงเขาจะเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอก็เถอะ เพราะถึงอย่างไงเขาก็ยังคงเป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี แล้วยิ่งเธอต้องมาอยู่กับเค้าตามลำพังสองต่อสองในป่าด้วยแล้ว    หากเขาเกิดคิดร้ายขึ้นมาเธอจะไปสู้เขาไหวได้อย่างไร   คิดแล้วเรย่าจึงดึงมีดคัตเตอร์ และไฟแช็คในกระเป๋ากางเกงตัวเดิมออกมา  แล้วนำมาแนบไว้ที่เอวเพื่อความอุ่นใจจากนั้นก็จัดการนำผ้าที่เปียกไปผึ่งไว้ที่ต้นไม้

    ฟ้ามืดลงมามากแล้ว ในป่าค่อนข้างเงียบวังเวง   หากแต่บุรุษเจ้าของนัยตาแสนสวยแปลกตาคู่นั้นก็ยังคงไม่กลับมา เรย่าจึงเริ่มกังวลแล้วนึกบ่นตนเองในใจ

    “พอเค้าอยู่ด้วยก็นึกระแวง  แต่พอไม่อยู่ก็กลัวจะถูกทิ้งอีก นี่เธอจะเอาอย่างไรกันแน่ย่ะเรย่า?”

    คิดไปคิดมาเจ้าหล่อนก็ตัดสินใจว่าจะลองเชื่อใจผู้ชายคนนี้ดูสักที เพราะถึงอย่างไรเธอก็ต้องพึ่งเขาอยู่ดีถ้ามัวมานั่งระแวงไปซะทุกเรื่องเธอคงเป็นโรคประสาทกินตายซะก่อนแน่ๆ  อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือเธอ  เขาอาจนึกสงสารลูกนกลูกกาอย่างเธอจริงๆ ก็ได้      แต่ความจริงแล้วสาเหตุสำคัญที่ทำให้หญิงสาวเชื่อเช่นนั้นคงเป็นเพราะแววตาที่ดูจริงใจของบุรุษผู้นั้น ซึ่งเวลาจ้องตอบกลับมาค่อนข้างแน่วแน่จริงจัง  และแฝงไปด้วยอบอุ่น ให้ความรู้สึกปลอดภัย  

    สิ่งใดที่ได้ตัดสินใจไปแล้วเธอก็จะไม่ลังเลอีก  เรย่านั่งรอคอยการกลับมาของชายหนุ่มผู้นั้น  เพียงแต่การที่ต้องอยู่ลำพังกลางป่ามืด ๆ เช่นนี้ก็ทำให้สาวนักผจญภัยคนกล้าอดกลัวนิดๆ ไม่ได้  เรย่าเป็นพวกไม่ชอบความมืด  เพราะมันให้ความรู้สึกวังเวงเหมือนบรรยากาศในหนังสยองขวัญที่อยู่ดีๆ ก็มีตัวประหลาดโผล่ออกมาทำให้ตกใจ คิดไปคิดมาสาวช่างจินตนาการชักเห็นภาพเกิดนึกสยองในใจ จึงเดินไปรวบรวมกิ่งไม้แห้งใกล้ๆ มาก่อกองไฟเพื่อความอุ่นใจ

    ระหว่างที่เธอบรรจงจุดไฟด้วยไฟแช็คอย่างตั้งใจ

    “ท่านมีเวทย์มนต์รึ?”

    คำถามที่เล่นเอาหญิงสาวคนเก่งผู้ที่จดจ่อสมาธิกับการก่อไฟถึงกับสะดุ้งสุดตัวทีเดียว  คนถามเลยรู้สึกผิดและนึกสงสารสาวร่างบางอย่างอดไม่ได้   เพราะเค้าก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เธอตกใจกลัวเลย

    “เล่นอะไรบ้าๆ  มาก็ไม่รู้จักให้ซุ่มให้เสียงกันบ้างเลย  ถ้าหัวใจฉันเกิดหยุดเต้นขึ้นมาจะว่าไง”  สาวขี้ตกใจว่าเข้าให้อย่างลืมตัว

    “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านตกใจกลัว” คนถูกว่ากล่าวขอโทษกลับมาอย่างรู้สึกผิดจริงๆ ทำเอาคนขี้ตกใจกลายเป็นคนขี้ใจอ่อน เพราะเจ้าตัวเป็นพวกใส่ใจต่อความรู้สึกชาวบ้าน  

    “ช่างเถอะ มันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณซะทีเดียวหรอก ต้องโทษที่ฉันใจลอยไปหน่อยจึงไม่ได้ยินเสียงคุณเดินมา”

    หญิงสาวผู้นี้ถึงจะทำตัวแปลก ๆ พูดจาไม่รู้เรื่อง ใจร้อน ขี้โวยวาย แถมเอาแต่ใจ แต่ก็เป็นคนมีเหตุผลและกล้าที่จะยอมรับความจริงซึ่งน้อยคนนักจะทำได้ ทำให้ชายหนุ่มเกิดความชื่นชมในใจ

    หลังจากที่จัดแจงเติมท่อนไม้ใหญ่ในกองไฟแล้ว คนร่างสูงจึงเริ่มจัดแจงที่นอนใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ กองไฟ โดยมีสายตาของสาวร่างบางที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันนักจ้องมองอย่างสนใจ เรย่าสังเกตว่าชายหนุ่มได้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้วเช่นกัน  เธอคิดว่าเขาคงเดินทางบ่อยเพราะดูจะคุ้นเคยกับการพักแรมในป่า   จะหยิบจะจับอะไรดูจะคล่องแคล่วไปเสียหมด   เมื่อจัดโน้นจัดนี่เรียบร้อยคนหน้าเข้มก็เงยหน้าขึ้น ทำเอาสาวหน้าหวานซึ่งมัวแต่แอบมองเพลินหลบตาแทบไม่ทัน

    “ท่านมานั่งตรงนี้เถิด ข้าจัดที่ไว้สำหรับท่านแล้ว” เสียงห้าวแต่ไม่กระด้างร้องเรียก หากแต่สาวที่นั่งตรงข้ามกลับไม่กระดุกกระดิก ทำหน้ากังวลปนระแวงเหมือนชั่งใจว่าจะทำตามหรือไม่ทำตามดี  ชายหนุ่มมองอย่างเข้าใจและเอ่ยถามขึ้นตรงๆ

    “ท่านกลัวข้าหรือ?”   คำถามที่จี้เข้าไปตรงจุดทำเอาคนขี้ระแวงนึกหาคำมาแก้ตัวไม่ถูก  คนหน้าเข้มจึงส่งยิ้มบางมาให้อย่างอบอุ่นเมื่อหญิงสาวเลือกที่จะไม่ตอบ

    “มาเถอะ  ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลไป  ข้าไม่เคยคิดจะทำอะไรท่านหรอก”  ชายหนุ่มบอกเรียบหากแต่เรย่าเริ่มหน้าระเรื่อขึ้นทันที  นี่เค้าตั้งใจจะบอกเธออ้อมๆ หรือเปล่านะว่าเธอน่ะคิดมากไปเองโดยเค้าไม่คิดจะสนใจเธอซักนิด    

    “ใครว่าฉันกลัวคุณ  อย่าเข้าใจอะไรผิดๆ ไปหน่อยเลย”  น้ำเสียงอวดดี แล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนและเดินฉับๆ ไปนั่งข้างๆ ชายหนุ่มเป็นการยืนยันคำพูดของตัวเอง

    “เอ้าา ถอยๆ เขยิบไปซิ  ทีนี้ก็อย่ามานึกทึกทักไปเองหาว่าฉันกลัวคุณอีกล่ะ”   ไอ้นิสัยไม่ชอบแพ้ใครของเจ้าหล่อนนี่มันมีอำนาจเหนือความกลัวจริงๆ

    คนร่างหนาขยับให้ตามสั่งในใจรู้สึกฉงนกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของหญิงสาวยิ่งนัก  เขาไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างนี้มาก่อน  เดี๋ยวเป็นสาวขี้โมโหจอมอาละวาด    เดี๋ยวก็กลายเป็นสาวหวานขี้ใจอ่อน  ดูอย่างเมื่อกี้ยังทำท่าทีว่ากลัวเขาจะแย่  ฉับพลันก็กลายมาเป็นคนช่างอวดดีไปเสียอีก  นึกไปนึกมาชายหนุ่มก็แอบหัวเราะกับตัวเอง
    “ก่อนอื่น ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ

    “พูดแบบคนธรรมดาไม่เป็นหรือไงนะตาคนนี้  กับอีกแค่ถามชื่อทำไมต้องถามเป็นพิธีการขนาดนั้นด้วย”  เรย่านึกบ่นในใจแต่ก็ตอบกลับไป

    “ฉันชื่อเรย่า..!  เรย่า สตารี่ คือชื่อเต็มของฉัน”  

    “เรย่า  สตารี่”  เขาพูดทวนชื่อเธออีกครั้งทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนถามต่อไปว่า

    “ชื่อท่านแปลว่าอะไร”   พอได้ยินคำถามหญิงสาวอดทึ่งน้อยๆ ไม่ได้ว่าจะมีคนสนใจความหมายชื่อของเธอด้วย ซึ่งเธอก็ยินดีจะตอบอย่างเต็มใจ

    “เรย่า  มาจากคำว่าเรย์ ที่แปลว่าแสง  ส่วนสตารี่ แปลว่าเต็มไปด้วยดวงดาว  พ่อแม่ที่ตั้งชื่อให้ฉันคงจะเป็นคนโรแมนติกน่าดูเชียว เพราะถ้าแปลรวมทั้งชื่อกับนามสกุลต่อกันก็จะหมายถึงแสงของดวงดาวอะไรประมาณนี้ล่ะ”  ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะ  เสียงหัวเราะที่ทำให้คนที่นั่งข้างๆ รู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด

    “แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”

    “คนแถวนี้เรียกข้าว่าแดช และข้าก็ยินดีหากท่านจะเรียกข้าเช่นนั้น”

    “แหมง่ายดีนี่   ตกลง แดช ก็แดช”  เรย่าทำเสียงประชดเข้าให้อย่างหมั่นไส้ ก็มีอย่างที่ไหนตัวเธออุตส่าห์บอกชื่อจริงแถมความหมายซะยาวเหยียด  แต่เขากลับบอกแค่ชื่อสั้นๆ  ดีไม่อยากบอกก็อย่าบอกไม่เห็นอยากรู้เลย!

    “แล้วคุณมาทำอะไรในป่านี่ล่ะ”

    “ข้าเป็นคนพเนจรชอบท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ”

    “จริงหรอ  ฟังน่าสนุกนะ”  คนฟังทำน้ำเสียงตื่นเต้น แววตาระริกเหมือนเด็กๆ ที่พบเห็นสิ่งที่ชอบ  ชายคนที่นั่งข้างจึงอมยิ้มและมองอย่างเอ็นดู

    “ถ้าคุณท่องเที่ยวไปทั่วๆ  ก็คงไม่ยากสำหรับคุณแน่นอนที่จะพาฉันไปส่งจริงไหมล่ะ”  เอียงคอถามแกมปรึกษา

    “ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ชายหนุ่มไม่ตอบรับอีกทั้งไม่ปฏิเสธ แต่เรย่าก็ทึกทักเอาเองเรียบร้อยว่านั่นถือเป็นคำตอบรับของชายหนุ่ม

    “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าถามท่านไปแล้ว หากแต่ท่านยังไม่ทันได้ตอบข้า” น้ำเสียงจริงจังขึ้น

    “อะไรหรอ”  สาวน้อยตอบกลับโดยไม่ได้หันหน้าไปทางคนถามพลางพลิกมือที่อังไฟแก้หนาวไปมา

    “ท่านมีเวทย์มนต์หรือเปล่า” คำถามที่เล่นเอาหญิงสาวอึ้งไปเลย เพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ จะแกล้งถามเล่น ๆ อำเธอ หรือเอาจริงกันแน่

    “แดช..นี่คุณอย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย  ไปงัดมุขของใครมาใช้นี่

    “ก็รู้ ๆ กันอยู่ มีใครที่ไหนบนโลกนี้มีเวทย์มนต์ พลังจิต บ้างล่ะ” เรย่าส่ายหัวพร้อมหัวเราะฮึๆๆ ในลำคอ
    คนตาสวยที่นั่งข้างเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรคัดค้านคำพูดหญิงสาว

    “งั้นท่านจุดไฟได้อย่างไร”

    หญิงสาวนั่งคิดในใจว่าอีตาแดชนี่ยังไม่เลิกเล่นอีกแน่ะ   เล่นมุขอะไรฝืดชะมัด แต่ก็ไม่วายจะตอบเล่นๆ พยายามจะรับมุขชายหนุ่ม

    “ก็อิทธิฤทธิ์ไฟแช็คศักดิ์สิทธิ์ไงล่ะ รู้ๆ กันอยู่  เลิกเล่นเสียทีน่า”

    “ไฟแช็คศักดิ์สิทธิ์?”   น้ำเสียงประหลาดใจสุดๆ

    “โอ๊ย..อย่าบอกด้วยนะว่าคุณไม่รู้จักไฟแช็ค”  เรย่าทำหน้าเซ็ง  ตาคนนี้ไปแอบอยู่ในโลกไหนมาล่ะนี่ ไม่รู้จักทั้งโทรศัพท์  ทั้งไฟแช็ค เธออยากจะบ้าตาย

    “ถ้าคุณไม่รู้จักไฟแช็ค แล้วใช้อะไรจุดไฟล่ะ”  หญิงสาวถามอย่างอยากรู้ แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะได้คำตอบกลับมาว่า  ก็ใช้ไม้ถูกันไง

    แดชไม่ได้ตอบคำถาม  หากแต่ใช้มือซ้ายที่มีผ้าพันตั้งแต่ข้อมือลงมาถึงข้อศอก หยิบใบไม้แห้งใกล้ๆ หนึ่งใบยกขึ้นต่อหน้าหญิงสาว  แล้วชายหนุ่มก็ละสายตาที่มองหน้าหญิงสาวมามองที่ใบไม้ในมือ ทันใดนั้นก็มีเปลวไฟลุกขึ้นส่วนปลายด้านบนสุดของใบไม้ ร่างบางข้างๆ จึงสะดุ้งอย่างตกใจ

    “คุณ…...

    “คุณทำได้ยังไงกันน่ะ เหลือเชื่อเลย”  เรย่าตะลึงแล้วก็ดึงใบไม้มาดูใกล้ ๆ เสร็จแล้วก็หันมาคว้ามือแข็งแรงของคนที่ถือใบไม้มาสำรวจอย่างถือวิสาสะเต็มที่ซึ่งแดชก็ไม่ได้ขัดขืน หากแต่ยิ้มกับท่าทีของเรย่าที่พยายามหาอุปกรณ์จุดไฟที่อาจซ่อนอยู่ตามแขนของเขา

    “ทำไมต้องแปลกใจ   ข้าก็ทำเหมือนอย่างที่ท่านทำ”

    เรย่ายกมือกุมขมับ  “โอ๊ยจะบ้า  ของฉันนะมันเป็นเครื่องมือย่ะ  เอ้าดูซะ”  

    หญิงสาวหยิบไฟแช็คขึ้นและสาธิตวิธีใช้ให้ดู และส่งให้ชายหนุ่มลองใช้ดู  ซึ่งชายหนุ่มดูสนใจอย่างมากทีเดียว พลางพูดว่า

    “ข้าเดินทางไปทั่วหลายที่ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นเครื่องมือแบบนี้มาก่อนเลย ท่านไปได้มาจากแห่งใด”

    “ก็เยอะแยะไปแถวบ้านฉันน่ะ” เรย่าตอบแบบไม่ค่อยเชื่อนักว่าจะมีคนไม่รู้จักไฟแช็ค แล้วหญิงสาวก็ยกมือขึ้นขยี้ตาเหมือนเด็ก และเริ่มหาว

    “แต่ที่รู้ๆ แถวบ้านฉันคงไม่มีใครเล่นกลเก่งขนาดคุณแน่  ไหนบอกซิว่าทำได้ไง”

    “เล่นกล  ท่านพูดอะไรข้าไม่เห็นจะเข้าใจ”

    “ก็สิ่งที่คุณทำนั่นแหละ” เรย่าย้อน แล้วพูดต่ออย่างลอย ๆ เหมือนคนกำลังคิด “ถ้าไม่ใช่เล่นกลคุณก็ต้องมีพลังจิต หรือเวทย์มนต์ล่ะ

    “เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ” สาวเจ้าคิดเองสรุปเองหมดพลางเอนกายพิงต้นไม้อย่างรู้สึกเหนื่อยล้า เพราะปีนเขามาทั้งวันก่อนที่จะตกลงมาในสระแปลกๆ  

    “ถูกของท่าน ข้าไม่ได้มีเวทย์มนต์”  แดชบอกเพื่อให้หญิงสาวเลิกคิดฟุ้งซ่าน  แล้วส่งยิ้มบางมาให้  แม้นัยน์ตาจะมีประกายประหลาดแอบซ่อนอยู่ก็ตาม

     
     

    จากคุณ : Magic of Azure - [ 7 ก.พ. 48 21:28:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป