ความคิดเห็นที่ 1 ก็แบบ ตอนแรกในฉากนี้อะ คฑาที่ว่าอะนะ มันเป็นของพระเอก แล้วทีนี้กงศุลฝรั่งเศสอะ มาลวนลามนางเอก พระเอกเลยเอาดาบที่ซ่อนในไม้คฑา(จริงๆเขาเรียกว่าอะไรน้า)จิ้มพุงกงศุล กงศุลก็เลยตาย ทีนี้พอนางเอกกลับมาปัจจุบันอะ เลยพบว่า ไทยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสกับอังกฤษ แบบเห็นหอไอเฟล ก็เลยกลับไปแก้ไขอดีต สังเกตุว่าตอนฉากไอ้ wto imf mtv อะไรหน่ะจะเห็นนางเอกเดินตรงระเบียงด้วย(มาจากอนาคตอะ) นางเอกก็เลยจัดการแก้อดีต อะ ตามฉากที่คุณว่าแหละ เข้าใจปะนี่ จากคุณ : zez@ - [ 7 ก.พ. 48 22:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ดาบซ่อนในไม้เท้าครับ ไม้เท้าครับ ไม่ใช่คฑา จากคุณ : จอดป้ายด้วยครับ - [ 7 ก.พ. 48 23:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สงสัยตัดต่อมากไป ก็เลยทำให้คนดูงง จริงๆแล้วในฉากงานเลี้ยง รู้สึกจะมีซีนยาวกว่านี้ แต่พอเหลือฉายในโรง หดเหลือสั้นจู๋เลย จากคุณ : joblovenuk - [ 7 ก.พ. 48 23:19:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นั่นน่ะสิครับ  ตัดออกไปเยอะจนงงเลย  ก็ขอบคุณทุกคนที่ช่วยให้ความกระจ่างครับ จากคุณ : pizza hell - [ 7 ก.พ. 48 23:28:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เฮ้อ ขอบคุณที่อธิบาย เพราะดูหลายรอบแล้ว ก้อยัง งง อยู่ แต่ ทวิภพ ภาคนี้ ทำลายบทประพันธ์เดิมซะเกือบหมด เหมือนแค่ ยืมชื่อเรื่องกับชื่อตัวละครมาใช้ ในฐานะ คนที่รักวรรณกรรมนี้ อดเศร้าใจไม่ได้จริงๆ จากคุณ :  ผิงอัน (ผิงอัน) - [ 8 ก.พ. 48 01:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่น่าจะตัดตอนสำคัญ ๆ อย่างนี้เลย มันทำให้คนดูงง น่าจะตัดตอนอื่นมากกว่านะ ... จากคุณ : อสุรกายออนไลน์ - [ 8 ก.พ. 48 01:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เสียดายเราเลยได้เห็นฟอเร้นน้อยลงด้วยT-T จากคุณ : บัตรผ่านแล้วไง เวอร์ชั่น 2.1 - [ 8 ก.พ. 48 05:16:29 A:61.90.13.181 X: TicketID:084769 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พยาบามจะตามดูอยู่ พลาดไปหลายครั้งเพราะลืมเวลา เมื่อวานได้ดูตอนใกล้จบนิดเดียวเอง จากคุณ : nirocino - [ 8 ก.พ. 48 08:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไม่ชอบเลยที่ผู้กำกับหรือคนเขียนบท เอาชื่อวรรณกรรมเก่าๆมาทำใหม่ แค่ยืมชื่อยืมโครงเรื่องของเจ้าของบทประพันธ์เขามาแล้วมายำทำใหม่ตามใจตัวเอง  อย่างหนังเรื่องทวิภพ  ละครคู่กรรม(พิง ลำพระเพลิง) หรือ หนังจีนใหม่ๆตอนนี้ เละไปหมด  ถ้าจะเปลี่ยนเรื่องก็น่าจะเขียนใหม่เองเลยไม่ใช่ไปเอาบทประพันธ์เก่าๆมาแปลงร่าง  ตอนโปรโมท คนก็ตั้งความหวังกันไว้เยอะ  ผมยังจำทวิภพฉบับ คุณฉัตรชัย กับคุณจันจิรา เรื่องนั้นสนุกมาก แม่ผมไปดู 5 รอบชวนคนนู้นคนนี้ไปดูไม่มีเบื่อ  อยากให้การทำหนังถ้าทำจากนิยายอมตะ น่าจะพัฒนาเรื่องฉากต่างๆ อยากให้เหมือนแฮรี่พอร์ตเตอร์ จากตัวหนังสือสู่เหตุการณ์จริง เทคโนโลยีพัฒนาไปมากแทนที่จะมาทำให้ฉากในบทประพันธ์เหมือนจริงมากที่สุด กลับไปเปลี่ยนเนื้อหา เนื้อเรื่องเขาเฉยเลย จากคุณ : arthure21 - [ 8 ก.พ. 48 14:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ชอบก็ตรงที่เขาไปเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเนี่ยแหละ ถ้าพูดถึงเรื่องทวิภพแล้วสิ่งแรกที่คนดูจะต้องนึกถึงก็คือ "กระจก" แต่ทวิภพเวอร์ชั่นนี้กลับไม่ได้เอาจุดเด่นของเรื่องคือกระจกมาเป็นจุดสำคัญเลย และตัวหนังก็อิงประวัติศาสตร์มากเกินกว่าจะพูดถึงความรักและความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับนางเอก ถ้าเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นเรื่องอื่นซะเลยจะดีกว่าครับ ตอนสมันก่อนนู้นผมได้ดูฉากสุดท้ายแล้วยังใจหายเลยครับ ตอนนี้พระเอกอุ้มแม่มณีผ่านกลับไปยังอดีตด้วยกระจก จากนั้นกระจกก็แตกเพล้ง ให้เรารู้สึกว่าแม่มณีจะไม่มีในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว จากคุณ : ... - [ 8 ก.พ. 48 15:47:18 A:61.90.49.194 X: TicketID:018175 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เบื่อ harry potter เหมือนกันแหละคับ ตัดซะสั้นจู๋ ยิ่งภาคสามนี่    โอ้......what is it   สั้นซะ      โอ้ แล้วภาค 4 ล่ะ     โอ้ แล้วภาค 5 ล่ะ...........................^_^' จากคุณ : อินทรชิต - [ 8 ก.พ. 48 17:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับคห.9และคห.10 มากๆเลยค่ะ จากคุณ : pompoo - [ 8 ก.พ. 48 18:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สงสัยตอนพระเอกถามนางเอกว่า"...พระจันทร์แบนเหมือนโลกรึเปล่า..." งง มณีจันทร์ย้อนไปแค่สมัยร.4 ที่ทรงโปรดดาราศาสตร์ที่สุด ไม่ใช่สมัยพ่อขุนรามคำแหงเสียหน่อย พระเอกเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่รู้ภาษาอังกฤษแตกฉาน จะเฃ่อได้ขนาดนี้เชียวหรือ แก็กโง่ๆยังงี้เลยพาลทำให้เฃ็งหนังตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ถ้าถามออกแนวจีบว่า"...บนพระจันทร์มีกระต่ายรึเปล่า" ยังจะพอรับไหว จากคุณ : Filmnoir - [ 9 ก.พ. 48 00:44:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กระจกอีกแล้ว ไม่รู้จะยึดติดอะไรกันนักกันหนา http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A2711058/A2711058.html จากคุณ : joblovenuk - [ 9 ก.พ. 48 01:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ้อ คุณpizza hell มี tips นิดหน่อยครับ ไม้เท้าที่มีมีดฃ่อนอยู่ข้างใน นักเลงไทยโบราณเขาเรียกกันว่า ไม้เท้า"เสือฃ่อนเล็บ"ครับ จากคุณ : Filmnoir - [ 9 ก.พ. 48 02:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แอบแปะอีกแล้วนะครับพี่จ๊อบ...เหอะๆ..... ช่าวหัวเถอะครับ...ถ้าจะใช้เพียงแค่ตาตัดสิน โดยไม่ใช้หัวใจ.... ก็ไม่เห็นจะต้องแคร์ให้มาชอบหนังเรื่องนี้เลยครับ... เชิญ !!! จากใจจริง จากคุณ : PB ลูกพ่อ Kahn - [ 9 ก.พ. 48 14:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตะพด ครับ  ถ้มีมีดซ่อนอยู่ก็เรียกอย่าง คห.15 จากคุณ : ฉั่วเป่งใช้ - [ 9 ก.พ. 48 15:22:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ้อ ขอบคุณมากคุณ Filmnoir ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกนิดหน่อยครับ   แต่ความจริงทวิภพฉบับนี้ก็ดีนะครับ  รู้สึกว่าทำภาพออกมาได้สวยงามมากเลย  เพลงประกอบก็เพราะ จากคุณ : pizza hell - [ 9 ก.พ. 48 18:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถึงแม้จะมีข้อบกพร่องบ้างอย่างที่ผมว่าไว้ แต่ก็นับว่าเป็นหนังไทยที่ดีมากเรื่องหนึ่ง ประเด็นดีและสร้างสรรค์มากทีเดียวครับ จากคุณ : Filmnoir - [ 9 ก.พ. 48 18:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หนังเรื่องนี้เสียอย่างเดียวที่ชื่อ ทวิภพ ครับ ถ้าชื่อเป็นอย่างอื่นคงไม่ต้องโดนด่ามากขนาดนี้ จากคุณ : Mint@da{-"-} - [ 9 ก.พ. 48 22:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยอย่างมากผู้สร้างหนังทำลายบทประพันธ์โดยสิ้นเชิง สร้าง special effect ดีเสียเปล่า ดูเรื่องนี้เสียความรู้สึกมากๆ จำได้ว่าสมัยที่เป็นละึึุคร ช่อง 7 ที่สิเรียม ศรัญยู เล่น กับเมื่อครั้งเป็นหนังใหญ่ ดูแล้วกินใจกับบทพระเอกนางเอกมาก มา version นี้คุณหลวงเทพเหมือนตัวประกอบซะมากกว่า การตัดต่อก็สบสนดูแทบไม่รู้เรืื่อง เสียความรู้สึกและเสียดายบทประพันธ์อย่างมาก จากคุณ : numkung - [ 10 ก.พ. 48 04:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แหม...จากบทประพันธ์ Romantic เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ดัดแปลงมาเป็นหนัง Neo-Romantic ยุคนี้ ผมว่าเขาก็ทำออกมาร่วมสมัยเก๋ไก๋ใช้ได้นะ ดีด้วย หนังลครที่สร้างตามบทประพันธ์เดิมก็มีอยู่แล้ว จะอนุรักษ์นิยมอะไรกันนักหนา.. อ้าว..ตัวเองก็เพิ่งติเขาไปหยกๆ มาแก้แทนเขาเสียแล้ว!....เวรกรรม จากคุณ : Filmnoir - [ 10 ก.พ. 48 05:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ปรับเปลี่ยนบ้างนิดหน่อยให้เข้ากับยุคสมัยคงไม่มีใครเขาว่าหรอก อย่างหนังฝรั่งก็เรื่อง A Walk to Remember ถ้าใครได้อ่านบทประพันธ์เดิมของ Nicholas Sparks ก็จะรู้ว่าผู้เชียนบทหนังเปลี่ยนเนิ้อเรื่องเขาไปมากเหลือแต่เค้าโครงเดิม ดูหนังเรื่องนี้แล้วประทับใจมากเลยไปหาหนังสือมาอ่าน ก็ยังซาบซึ้งกับทั้งสองอย่างคนละแบบกัน แต่เรื่องทวิภพ แต่งเติมบิดเบือนเรื่องจนเว่อร์น่าเกลียดแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิมไว้เลย โดยความเห็นส่วนตัวแล้วคิดว่าผู้สร้างหนังถ้าจะนำบทประพันธ์เขามาสร้างอาศัยชื่อเรื่องเขาก็น่าจะเคารพผู้ประพันธ์บ้าง version นี้ไม่ทราบว่าคุณทมยันตีท่านมีความเห็นอย่างไรบ้าง ถ้าใครอ่านเจอที่ไหนช่วยบอกที จากคุณ : numkung - [ 10 ก.พ. 48 12:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เราก็เป็นแฟนงานเขียนของคุณทมยันตีนะ ..ทวิภพเวอร์ชั่นก่อน ๆ ก็ได้ดูเหมือนกันแต่ก็รู้สึกวามันไม่ลึกซึ้งเท่ากับบประพันธ์ ทั้งละครและภาพยนตร์ แต่ก็ชอบระดับหนึ่ง และพอมาดูหนังทวิภพ ฉบับที่คุณ ๆ เรียกว่ายำใหญ่ใส่สารพัดกันน่ะ..ผมกลับชอบนะ...และชอบมาก ๆ ด้วย...สรุป ผมว่าหนังสือกับภาพยนตร์มันต่างกันมากมาก..มันขึ้นอยุ่กับว่าใครจะยึดติดกับอะไรมากกว่ากัน...ส่วนตัวผมว่าหนังทวิภพเข้าท่ากว่างานเขียนซะอีก (ต้องโดนด่าแน่เลย..แต่ก็คิดอยย่างนี้จริงๆ ) จากคุณ : ซื่อสัตย์กับความคิดตัวเอง (teauinchrist) - [ 10 ก.พ. 48 14:13:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ ความคิดเห็นที่ 1   คะ - กงศุลฝรั่งเศลโอบาเรต์ ไม่ได้ลวนลามมณีจันทร์ค่ะ - พระเอกไม่ได้เอามีดจิ้ม โอบาเรต์ ตาย ค่ะ โอบาเรต์คงสงสัย ว่าทำไมมณีจันทร์พูดได้หลายภาษา หรือว่าจะเป็นสปาย / สายลับ ให้อังกฤษ ให้ไทย - - เลยตาม มณีจันทร์ เลยหลบฉาก --- แต่โอบาเรต์ตาม มณีจันทร์เลยวิ่งไปทางพระเอก ดันซวยดึงมีดออกมา ตาโอบาเรต์ก็ซวยดันเอาพุงมาชน ปลายมีด  ตายค่ะ ตายลูกเดียว มณีจันทร์กลับไป พศ.2547 พบว่า ไทย/สยามเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศล จากการกระทำของตัวมณีจันทร์เอง เลยกลับไปแก้ไข กลับไป ก่อนนั้น 2 - 3 วินาที ทำให้ไม่เกิดการตายของโอบาเรต์ และ ไทยไม่เป็นเมืองครอบของหอไอเฟล แต่เพราะทุกเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ -เส้นเหตุการณ์หลังจากโอบาเรต์ตาย(แม้มณีจันทร์จะกลับไปแก้ไข - -- แต่ก็เป็นอีกเส้นหนึ่ง) จึงเป็นอย่างที่ - - ฟรองซัว ซาเวียร์ได้บันทึกไว้ในวัวอิยาร์ จากคุณ : Natural Born Killers - [ 15 ก.พ. 48 18:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ใครที่เป็นห่วงว่าป้าทมยันตี จะตรอมใจเสียอกเสียใจ อย่างที่คิด ๆ เหมากันว่าบทประพันธ์โดนทำลายย่อยยับ ขอยืนยันว่า ป้าทมยันตีพูดกับปาก ค่ะ ว่า ชื่นชมหนังเรื่องนี้มาก ๆ  และฉากร.5 นั้นเล่นเอาแทบกราบ - - ไปเปิดตา ดูที่วีซีดี / ดีวีดี โน่นค่ะ คห.13 คะ ความน้ำเน่าของประโยค   ตอนพระเอกถามนางเอกว่า"...พระจันทร์แบนเหมือนโลกรึเปล่า..." ในยุคที่ร. 4 ปราชญ์เรื่องดาราศาสตร์ นั้น คุณไม่ลองคิดถึงสมัยนี้หรือคะ เทคโนโลยีล้ำสมัย ไปเหยียบอวกาศ  แต่ในขณะที่คนยังนั่งไหว้ต้นไม้ประหลาด / หมา 5 ขา / เชื่อเรื่องผีสาง  / กลับชาติมาเกิด ฯลฯ วิทยาศาสตร์ที่ศึกษากันมา มันก็ไม่ได้ทำให้คนเชื่อสนิทใจหรอกค่ะ จากคุณ : Natural Born Killers - [ 15 ก.พ. 48 18:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คห.26 ครับ ผมไม่ได้ว่าน้ำเน่า แต่ผมว่าไม่สมจริง ตามเรื่อง พระเอกไม่ใช่ตาสีตาสานะครับ จะได้โง่เง่างมงายอย่างที่คุณว่า เป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รู้ภาษาอังกฤษแตกฉาน ต้องสมาคมกับฝรั่ง จะไม่รู้ว่าโลกกลมได้ยังไง ด้วยฝรั่งมันรู้มาตั้งแต่สมัยกาลิเลโอ จนเดินเรืออ้อมโลกมายึดอินเดียและพม่าไปเมื่อ ร.2-3นี่เอง ซึ่งคงจะเป็นข่าวฮ็อทมาจนถึง ร.4 ตามท้องเรื่อง ประกอบกับพระราชนิยมทางดาราศาสตร์ของ ร.4 ที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่พึงรู้... ผมจึงรู้สึกว่า ความไม่รู้ของพระเอกตรงนี้นั้นขัดกับCharacterizatoin จนสะดุด ไม่ใช่ไม่ชอบหนังเรื่องนี้ แต่ชอบอย่างไม่งมงาย หนังพยายามดัดแปลงนิยาย Romantic มาเป็น หนังNeo-Romantic โดยเสริม Historical evident เข้าไปเป็นหลัก แล้วจะให้ผมละเลยความไม่สมจริงของตัวลครหลักไปได้ยังไง ถึงยก ตย.ถ้าถามว่าบนพระจันทร์มีกระต่ายรึเปล่า จะฟังน่าเชื่อถือกว่า ด้วยความเชื่อนี้ยังมีต่อมาจน Neil Armstrong เหยียบดวงจันทร์แล้วกระมัง ผมว่าคงเป็นความผิดพลาดของผู้เขียนบท ที่มุ่งเน้นให้เป็นGAG จนลืมความสมจริงของตัวลครเสียละมากกว่า อย่ามาแก้แทนเขาเลย ตรงนี้ผมสะดุดจริงๆครับ แล้วก็เลยกลายเป็นประโยคน้ำเน่าอย่างที่คุณว่าจริงๆ เสีย Neo-Romantic หมด ปล.ตัวอย่างที่คุณให้ผมลองคิดดู ล้วนเป็นเรื่องความเชื่อทางจิตวิญญาณ คุณว่าผีไม่มีรึ คุณว่าพุทธวจนะเรื่องการกลับชาติมาเกิดไม่จริงรึ....ก็แล้วแต่คุณ แต่วิทยาศาสตร์ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้หรือไม่ได้พิสูจน์จนทุกวันนี้ ด้วยเป็นเรื่องความเชื่อเป็นหลัก แต่เรื่องโลกกลมหรือแบนนั้น เป็นเรื่องของความรู้ทางวิทยาศาสตร์กายภาพล้วนๆ ซึ่งคนไทยผู้มีความรู้นั้น รู้แล้วในสมัยรัชกาลที่4 อย่าดูถูกบรรพบุรุษเรา ยกเว้นคุณจะเชื่อว่าพระเอกในเรื่องนี้เป็นคนไม่มีความรู้งมงาย ซึ่งก็ขัดกับเนื้อเรื่องอยู่มาก แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 48 02:56:35 จากคุณ : Filmnoir - [ 15 ก.พ. 48 22:49:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ประเด็นของเจ้าของกระทู้ หลายคนมาตอบไปแล้ว เลยเลือกแสดงความเห็นในประเด็นของคนอื่นแล้วกัน ตามความเห็นส่วนตัว ในฐานะนักเขียน เป็นเราคงสะอึกเหมือนกันหากเรื่องที่เราเขียน ถูกบิดเบือนไปเมื่อถูกไปสร้างเป็นหนัง เป็นละคร แต่ในความเป็นจริง... บางครั้งการนำไปปรับแต่ง version เพื่อให้เหมาะสมกับงาน และยังให้เครดิตจากเค้าโครงเดิม เราก็ดีใจแล้วล่ะ... หากมองต่างมุมอีกครั้งหนึ่ง ตัวหนังทำได้ลงตัวในความเป็นหนัง เห็นอีกแง่มุมที่ต่างออกไป โดยยังคงอยู่ในกรอบของเค้าโครงเดิม จนทำให้เรารู้สึกเด่นชัดว่า... การเดินทางผ่านมิติ สายน้ำแห่งกาลเวลา มิติแห่งเวลานั้น มีมากมายหลายเส้น... การเดินทางของแม่มณีจันทร์ในครั้งล่าสุด เป็นการเดินทางไปกับสายน้ำของเวลาเส้นหนึ่ง โดยผ่านไปในช่วงก่อนเวลาตามบทประพันธ์ดั้งเดิม ตามหนังสือเดินทางไปในสมัยเหตุการณ์ร.ศ. 112 แต่ในหนังกลับย้อนขึ้นไปอีกถึงสมัย ร. 4 เพื่อไปรับรู้ถึงสาเหตุที่มาที่ไปของการเกิดเหตุสมัยร.ศ. 112 ทำให้เรามองเห็นเหตุการณ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น หากชมภาพยนตร์ครั้งนี้ แล้วกลับไปอ่านหนังสืออีกครั้ง จะได้อรรถรสที่แปลกไปอีกแบบ... และทำให้เข้าใจการเดินทางของแม่มณีสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น และทำให้รักผืนแผ่นดินไทย รักบรรพบุรุษของเรามากขึ้น ซึ่งจุดประสงค์ตรงนี้จึงไม่แตกต่างกันเลย.. สำหรับเรื่องกระจกนั้น ในหนังครั้งนี้ยังมีภาพกระจกให้เห็น ไม่ว่ากระจกที่แตกในตอนต้นเปิดเรื่อง หรือกระจกในเรือนของคุณหลวง แต่หากคิดตามมุมมองที่กล่าวไว้ตอนต้น การเดินทางข้ามมติของแม่มณีนั้นหลายครั้งหลายหนแล้ว กับการเดินทางครั้งใหม่ของมณีจันทร์ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องสื่อผ่านโดยตรงกับกระจก จากจุดนี้ทำให้เรารู้สึกส่วนตัวว่าดีกว่าที่จะให้หายไปในกระจก ซึ่งทำให้ดูเป็น drama มากกว่า fantasy โดยตรง บอกตรง ๆ ว่า สิ่งแรกที่เรานึกถึงเมื่อมีการสร้าง version ใหม่ เราคิดถึง แม่มณีจะเดินเข้าเดินออกในกระจกอีกหรือเปล่า เป็นอย่างแรกเลย เพราะเมื่อมีการสร้างเป็นภาพความเคลื่อนไหว จุดนี้เป็นจุดสำคัญ ซึ่งหนัง version ปัจจุบันหาทางออกให้เราได้สวย จนไม่รู้สึกเป็นการ์ตูน fantasy อีกเลย กับเรื่องของความเห็นที่แตกต่างเรื่องโลกแบนกับคาแร็คเตอร์ ความเห็นของตัวเองนั้น... คนเรา... บางครั้งการยอมรับความเชื่อในเชิงวิทยาศาสตร์ ทำให้เราต้องยอมจำนนในข้อคิดเห็นตามหลักการเหตุผล ทฤษฎีใหม่ ๆ แต่ก็บ่อยครั้งที่ขัดแย้งกับความคิด ความเชื่อพื้นฐานในใจเรา ตัวเองเชื่อว่าความเชื่อของคนเรา หลายสิ่งที่ไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นด้วยตาเอง การฟังข่าวสารที่รับมา กับความเชื่อในจิตใต้สำนึกของคนเรา บางครั้งก็ยากกับการยอมรับ จนไม่อาจแน่ใจปักใจให้เชื่อได้ถึงพันเปอร์เซ็นต์ หากมีคนที่กล่าวอ้างมาจากอนาคตมาบอกเล่าสิ่งต่าง ๆ ให้ฟัง คงอาจถามซ้ำย้ำอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริงมา เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ของตนเอง... จุดพลาดของหนัง version ใหม่นี้ที่ต้องยอมรับความจริง คือชื่อเรื่องไทย  ที่ทำให้หลายคนสับสน และคาดหวังสำหรับผู้ที่รักในงานประพันธ์ชิ้นนี้ ว่าจะต้องได้ดูงานตรงกับบทประพันธ์ดั้งเดิม แต่เราคงต้องยอมรับความจริงในเชิงการตลาดอยู่ดี ว่าทำไมถึงต้องใช้ชื่อเรื่องดั้งเดิม   ซึ่งถ้าหากสามารถเปลี่ยนได้ โดยมีห้อยต่อท้ายเขียนเป็นเครดิตตอนโฆษณา ควบกับชื่อต่างประเทศที่เปลี่ยนไปแล้ว ย้ำเตือนอีกครั้ง คงดูดีมากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการประชาสัมพันธ์แล้ว ก็คงยากสำหรับผู้รักบทประพันธ์จับใจอยู่ดี และหากการแสดงที่เคยเป็นหนังเป็นละครที่เคยผ่านมาแต่ละครั้งเยี่ยมยอดแล้วในความรู้สึกของผู้ชมโดยทั่วไป ในฐานะคนเขียนบท... และหากได้รับมอบชิ้นงานให้มาดัดแปลงจากบทประพันธ์ดั้งเดิม เราคงไม่ไปวัดเทียบกับผลงานที่เคยมีแล้วอย่างยอดเยี่ยม เราคงไม่ไปเดินทางผ่านกาลเวลา ตามสายน้ำเส้นเดิม เราคงเลือกสายน้ำแห่งกาลเวลาเส้นใหม่ ที่แตกต่างออกไป... เพื่อให้คนดูได้รับอรรถรสอีกมุมมองหนึ่ง เพิ่มมากขึ้น  แตกต่างมากขึ้น โดยที่ยังอยู่ในกติกา กรอบแกนของโครงสร้างตามบทประพันธ์ดั้งเดิม... ** ขออภัยปกติจะไม่แก้ความเห็นหลายรอบ แต่เขียนคำผิด ประโยคผิด เซ็งตัวเองเหมือนกัน หลายรอบจริง ๆ พอดีเขียนสด ๆ ในกรอบความคิดเห็น แหะ แหะ ขออภัยจริง ๆ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 48 09:46:13 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 48 09:38:32 จากคุณ : Tethys - [ 18 ก.พ. 48 09:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเชื่อว่า ในยุคร้อยกว่าปีก่อน (ยุค ร.4 ) มีความเป็นไปได้ และน่าเชื่อว่า ข้าราชการที่พูดภาษาอังกฤษคล่อง อย่างตัวพระเอก (หลวงเทพ ) หรือหลวงราช อาจจะพอรู้ว่าโลกกลม (ไม่ใช่แบน ) แต่อาจจะยังไม่แน่ใจ สมัยนั้นจะมีสักกี่คนที่เคยเดินทางท่องโลก จนรู้ว่าโลกกลมไม่ใช่แบน ขณะดู ผมไม่ยักกะรู้สึกตะขิดตะขวงแฮะ จากคุณ : joblovenuk - [ 18 ก.พ. 48 14:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คห.28 ครับ ความเห็นโดยรวมของคุณนั้นน่าเชื่อถือ ด้วยเป็นเหตุเป็นผลและมีแง่คิดที่น่ายกย่องเห็นดีด้วยอยู่มาก แต่ยังไม่ทำให้ผมกระจ่าง ในส่วนที่ผมตั้งข้อสังเกตุเรื่อง ทัศนโลกแบนของพระเอกลงไปได้ ด้วยคำอธิบายของคุณในประเด็นนี้นั้น เป็นคนละตรรกกับคำถามที่ผมสงสัยอยู่...........   คุณว่าโดยสรุป:พระเอกได้รับข่าวสาร(ว่าโลกกลม)แต่อาจไม่เชื่อสนิทใจ ด้วยขัดกับความเชื่อดั้งเดิม เมื่อพบนางเอกที่มาจากอนาคต จึงต้องการconfirmเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง แต่พระเอกนั้นถามว่า:"..พระจันทร์นั้นแบนเหมือนโลกหรือเปล่า" ซึ่งควรแปลความว่า พระเอกนั้นเชื่อแน่นอนว่าโลกแบน แต่สงสัยว่าพระจันทร์จะแบนเหมือนโลกหรือไม่ ฃึ่งเป็นต้นเหตุของข้อข้องใจใน Characterization ของพระเอกที่เป็นผู้มีความรู้ แต่เหมือนยังไม่เคยได้รับรู้ข้อมูลว่าโลกกลมมาก่อนเลย ดังรายละเอียดที่ผมได้ถามแสะแย้งไว้ใน คห.13 และ 27 ตามลำัดับ     ตามธรรมดาบทพูดในภาพยนตร์ นอกจากทำหน้าที่เล่าเรื่องผ่านตัวลครอย่างคมคายแล้ว ยังต้องบอกบุคคลิกและภูมิหลังของตัวลครอย่างกระชับแต่แจ่มชัดเอาไว้ด้วย ในที่นี้ผมหมายถึงภาพยนตร์ชั้นดี ที่มีการแก้ไข กลั่นกรองบทอย่างดี มาไม่น้อยกว่า3ครั้งตามมาตรฐานสากล เช่น"ทวิภพ"นี้ จะตั้งใจให้เป็นพียงgagโดยลืมcharacterization ของตัวลครเอก อันผูกพันกับ Historical Evident ที่หนังเรื่องนี้นำมาใช้เป็น backgroundอยู่ได้ยังไง หรือด้วยเหตุใดครับ ใครก็ได้ ทีมงานหรือแกละก็ได้ ถ้าอ่านอยู่ ช่วยตอบให้คลายสงสัยทีเถอะีครับ .............................................................. ปล.ถึง คห.29 คุณจ๊อบครับ ถ้าเอาตรรกความคิดของคุณมาตัดสิน ไม่ต้องสมัยก่อนหรอกครับ สมัยนี้คนเกือบทั้งโลกก็ยังคงเชื่อว่าโลกแบนอยู่เช่นเดิม ด้วยจะมีอยู่สักกี่คนที่เคยเดินทางรอบโลก รวมทั้งผมและคุณด้วย นี่เป็นความคิดแบบอัตตวิสัยโดยแท้ ส่วนผู้ที่มีความคิดแบบภววิสัยนั้น เขาจะใช้การเรียนรู้ด้วยเหตุและผล ประกอบกับหลักฐานอ้างอิงที่น่าเชื่อ เปลี่ยนความรู้ให้กลายเป็นความคิด จนเกิดเป็นความเชื่อใหม่ได้เป็นของธรรมดา คนไม่ใช่ควายนี่ครับ เราเรียนรู้เร็วจะตาย ยิ่งตามพื้นนิสัยชนชาติไทยยิ่งยอมเปิดใจรับอะไรง่ายๆ อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ต้องย้อนไปแค่สมัย ร.4หรอกครับ ไปให้ถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์เลยก็ได้ เราก็มีนายกรัฐมนตรีเป็นชาวกรีซอยู่ ฉนั้น การค้นพบโลกใหม่คือทวีปอเมริกา จนถึงการตั้งเป็นประเทศสหรัฐฯ ย่อมเปิดโลกทัศน์ของคนที่ไฝ่ความรู้ทั้งโลก ดังเข่นเมื่อประธานาธิบดี แอนดรู แจ็คสัน ของสหรัฐฯมาขอเจริญสัมพันธไมตรีกับไทยในสมัย ร.3 เมื่อปี พ.ศ.2375 ได้ถวายพระแสงดาบ ลูกโลกและแผนที่โลก ซึ่งยังคงเก็บรักษาไว้จนทุกวันนี้ ต่่อมาอีกหลายสิบปีในสมัย ร.4 ตามท้องเรื่อง"ทวิภพ" ยังคงได้ใช้เป็นฐานคำนวณทางดาราศาสตร์ที่ทรงโปรด จึงเป็นไปได้น้อยมาก ที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีความรู้ จะไม่เห็นด้วยกับความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์กายภาพ อันเป็นพระราชนิยมด้วยดังนี้ โดยเฉพาะพระเอกซึ่งเป็นข้าราชการหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีความรู้ดียิ่งด้วยแล้ว ผมเห็นว่าเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะมีความเชื่อว่าโลกแบน ตามตรรกความคิดของผม นอกจากจะเป็นควายจริงๆ การเดินทางจากจุดหนึ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆแล้วมาเจอจุดเริ่มต้นอีกที โดยมิได้ตกโลกที่มีปลาวาฬหนุนอยู่ไว้นั้น เขาเรียกว่าเส้นรอบวงครับ ผู้ที่มิได้มีประสบการณ์ก็เชื่อได้ไม่ยาก ด้วยเป็นวิชาเรขาคณิต พร้อมวงเวียนที่มีมานานนักหนา ก่อนสมัยนิโคลัสและคอเปอร์นิคุส ก่อนสมัยกาลิเลโอ กาลิเลอี ที่ค้นพบว่าโลกกลม หมุนรอบตัวเอง และไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลแบบคุณครับ แต่เอาเถอะครับ คุณไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรก็ดีแล้วละ รู้น้อย คิดน้อยก็ดีครับ จะได้ดูอะไรเพลินดี ไม่ต้องมาสะดุดแบบผม แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 48 18:05:58 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 48 02:44:27 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 48 02:30:48 จากคุณ : Filmnoir - [ 19 ก.พ. 48 02:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 "ท่านคิดทุกอย่าง เป็นเหตุ เป็นผล ไปหมดรึ ... ข้า ว่า ท่านเห็นโลกมากเกินไปแล้ว" จากคุณ : มณี เนฟ เวอร์ ดาย (Natural Born Killers) - [ 27 ก.พ. 48 17:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อ้าวเปนเช่นนั้ไป แม่มณี ก็ข้าเห็นท่านมาจากอนาคตกาล ข้องใจอะไรข้าก็ถามแม่ไป ตามไดอาเล็คติควิธี แม่ไม่ให้ความกระจ่างข้า แล้วใยต้องมาค่อนกันด้วยเล่า ข้าผิดตรงใดลือ ฤ คนสมัยแม่นั้น เลิกคุยกันด้วยเหตด้วยผลกันแล้ว ฤ เช่นใด....... ................ข้าวิตกแทนอนาคตกาลแห่งชาติสยามเรานักเจียว แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 48 19:21:45 จากคุณ : Filmnoir - [ 27 ก.พ. 48 19:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ...จะเถียงกันไปใยเล่า... ...ดีดีกันไว้เถิด ท่านทั้งสอง... ...แต่ข้าขอโนคอมเมนท์ดีกว่า เพราะข้ารู้น้อยกว่าท่าน "ฟิล์มนัวร์" จากคุณ : Dek Nang - [ 27 ก.พ. 48 21:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เพิ่งได้อ่านตอนบ่าย ว่าจะมาตอบแต่กลางวันแล้วอ่ะครับ แต่นึกประโยคที่แม่มณีพูดไม่ออก ด้วยจนใจว่าดูแค่รอบสองรอบ กำลังนึกอยู่ตั้งนานว่าใช่พูดว่า " ท่านไตร่ตรองทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลไปหมดหรือ  ข้าว่า ท่านเห็นโลกมามากเกินไปแล้ว " ..... ขอบคุณแม่มณีเหลือหลายที่มาตอบแทนข้าพเจ้า .... อย่างว่าอ่ะครับ ผมมันพวกคนรู้น้อย เรียนน้อย ไม่ใฝ่รู้ โง่เหมือนควายอ่ะครับ แต่บางทีความรู้น้อยๆอย่างผม ก็ทำให้ดูหนังสนุกขึ้นอีกเยอะเลยนะครับ มิน่า ระยะหลังผมชักเริ่มกลับมาดูหนังฮอลลีวู๊ดสนุกขึ้นเหมือนสมัยก่อนแล้วล่ะ บางทีรู้น้อยๆหรือไม่รู้อะไรเลย ก็ทำให้ดูอะไรสนุกขึ้นเยอะนะ ( farenheit 911 เป็นกรณีศึกษาที่ดีอันนึง ) ป.ล. ผมจำประโยคไม่ได้ชัดเจน แต่ผมว่าพ่อเทพไม่ได้พูดว่า ดวงจันทร์ แบนเหมือนโลกหรือเปล่านะ แต่เค้าพูดทำนองว่า โลกเรากลมจริงๆหรือเปล่า อย่างนี้มากกว่านะ แต่บางทีผมคงจำผิดก็ได้ คิดว่าไม่ใช่ไดอาล๊อกสำคัญอะไร จากคุณ : joblovenuk - [ 28 ก.พ. 48 02:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่าที่คุณฟิล์มนัวร์เล่ามา ตรรกะดี เหตุผลโอเค แต่ไม่ได้คำนวณค่าความคลาดเคลื่อนครับ การที่ จะมีข้าราชการผู้รู้ภาษาขั้นสูง ในวังไม่คิดว่าโลกกลม ผมไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องผิดปกติเลยครับ เพราะคนไทยสมัยก่อน มีความคิดความเชื่อหลากหลาย ไม่ได้ผ่านเบ้าหลอม หรือโรงเรียนเดียวกัน ยิ่งถ้าบางคนบวชเรียนมามาก อาจอ่านนิทานชาดก นิทานผูกมากไป จนเชื่อเรื่องปลาอานนใต้พิภพไปโน่นทีเดียว เราเชื่อกันว่าโลกกลมเมื่อไหร่ เชื่อกันอย่างแพร่หลายนะครับ ถามหน่อยครับ ถ้าจะบอกว่ากษัตริย์ท่านทรงเชื่อแล้ว รับเอาวิทยาการมาแล้ว ลูกโลกก็มาแล้ว แปลว่าเชื่อแล้ว อันนั้น ผมว่ามันยังไม่ได้ พิสูจน์นะครับ สมัยนั้นเรายังมีทั้งความต้องการเรียนรู้ และการหวาดกลัว ในการเรียนรู้ วิทยาการจากโลกตะวันตก มากโขอยู่นะครับ ไม่ได้เฟรนด์ลี่ กับเทคโนโลยีเหมือนปัจจุบัน ที่แค่เกิดผลงานวิจัยที่ทดสอบไม่กี่ครั้ง ก็คิดเชื่อมโยง หาเหตุผลมาเชื่อถือกันได้แทบจะในทันทีที่อ่านเสร็จ การเว้นพื้นที่สำหรับความคิดต่าง และ ค่าความคลาดเคลื่อน ก็เป็นแนวทางนึงในการดูหนังแบบไม่ต้องคิดว่า ตัวเองรู้มาก คิดมาก จนเกิดการตั้งแง่ขึ้นมาตลอดเวลานะครับ จากคุณ : bud - [ 28 ก.พ. 48 06:51:40 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ค่าความคลาดเคลือนเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ครับ ขอบคุณ คุณbudสำหรับคำตอบ ผมชอบหนังเรื่องนี้ และเห็นว่าเป็นหนังไทยที่ดีมากเรื่องหนึ่ง ดังที่ได้บอกไปแล้วใน คห.ก่อนหน้านี้ เวลาชอบใครรักอะไร ถ้าเห็นว่ามีข้อติแต่ไม่เตือน ผมเรียกว่าไม่รักกันจริง คุณว่า"การเว้นพื้นที่สำหรับความคิดต่าง และ ค่าความคลาดเคลื่อน ก็เป็นแนวทางนึงในการดูหนังแบบไม่ต้องคิดว่า ตัวเองรู้มาก คิดมาก จนเกิดการตั้งแง่ขึ้นมาตลอดเวลานะครับ" ข้อติเล็กๆของผมเพียงหนึ่งจุด ของหนังทั้งเรื่อง มันกินพื้นที่ของความคิดต่างและกลายเบ็นการตั้งแง่ขึ้นมาตลอดเวลาไปแล้วนี่ ...............มันไม่เป็นความคิดเห็นที่เว่อมากไปหน่อยรึครับ ราวกับจะบอกว่าห้ามติ..............งั้นต้องเอากันแต่ชมอย่างเดียวรึครับ จึงจะเรียกว่าไม่กินพื้นที่ของคุณ............... ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่...พอตัดออกไปกลายเป็นบ้องกัญชา...เอ้า ฮา หุย ฮา แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 48 02:33:41 จากคุณ : Filmnoir - [ 28 ก.พ. 48 21:36:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 555 บ้องกัญชาเหรอครับ ผมว่าไม่ใช่หรอก คุณติได้ตามที่คุณเห็น ล่ะ ผมไม่เคยพูดเลยว่าติไม่ได้ มีแต่คุณยัดเยียด อยู่นี่ล่ะครับ การที่ผมบอกอย่างนั้นเป็นการหมายว่า การถ่างความคลาดเคลื่อนไว้ เพื่อให้คุณคิดถึงเหตุผลรอบด้านมากขึ้น และเก็บข้อมูลต่างๆที่น่าสนใจ ไว้คิด และ ขบไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงจุดที่ตัดสินใจได้ ว่าหนังเรื่องนี้ มีจุดผิดพลาดอย่างไร เพื่อไม่ให้การตั้งแง่ มีอุปสรรคในการดูหนังเรื่องหนึ่งไงครับ ซึ่งผมก็ไม่เห็นคุณจะตอบ ผมเลยครับ ว่าเราเชื่อเรื่องโลกกลม กันเมื่อไหร่ หมายถึงคนไทยอ่ะครับ แล้วการมอบลูกโลก ให้แก่กัน ถือว่าเรารับความเชื่อเขาเหรอครับ เหมือนการรับ คัมภีร์ไบเบิ้ลมาแล้วบอกว่าไทยเราเปลี่ยนศาสนากันไปซะแล้ว แน่นอน ผมคิดว่าเหตุผลมันควรมีมากกว่านั้นไงครับ ไม่ใช่ แค่มีเหตุผล บางข้อแล้วจะสรุปได้ การที่ผมคอยเช็คคุณ อย่างนี้ก็เป็นการช่วยให้ คุณขบคิด ในสมมติฐานหรือแนวคิดของคุณ ให้ตกตะกอนยิ่งขึ้นนี่ครับ ผมไม่ได้คิดว่าคุณคิดผิดหรอก เพราะบางที คุณอาจถูกแต่ เพียงหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ก็เท่านั้นเอง แล้วทำไมคุณต้องหาว่าใครผิด หรือ ต้องดีเฟนด์ ในเรื่องพวกนี้ล่ะครับ เรากำลัง มุ่งสู่ หนัง ไม่ใช่หรือครับ จากคุณ : bud - [ 2 มี.ค. 48 20:54:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นจากคุณ bud นะครับ (ตรบมือกราววๆ ) จะว่าไปแล้วคุณฟิล์มนัวร์นี่ก็รั้นใช้ได้เลยแฮะ ไม่พูดต่อดีกว่า เด๋วจะเคือง (แต่จริงๆผมก็เคืองคำพูดคุณมาหลายดอกแล้ว แต่ยั้งไว้ให้ ในฐานะที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องหนังผมมาเยอะ ) คุณbud ปิดท้ายได้ยอดเยี่ยมมากๆครับ นั่นสินะครับ เรากำลังดูหนังกันอยู่ นี่สงสัยว่าถ้าให้คุณฟิล์มนัวร์ ไปจับผิดหนังฝรั่ง หนังฮอลลีวู๊ด คงมีจุดให้จับผิด จุดที่ไม่สมเหตุสมผล จุดที่คุณฟิล์มนัวร์ รับไม่ได้บานตะเกียงแน่ๆ จากคุณ : joblovenuk - [ 2 มี.ค. 48 21:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณbudผมได้ตอบคุณไปแล้วชัดเจน "ค่าความคลาดเคลือนเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ครับ ขอบคุณ คุณbudสำหรับคำตอบ" มีความหมายเป็นการยอมรับความคิดเห็นของคุณไปเรียบร้อยแล้ว ว่าไม่มีทางรู้แน่ว่าวันไหนใครจะตัดสินใจเชื่ออะไรได้แน่นอน แต่สิ่งที่ผมแย้งคุณกลับ คือประเด็นใหม่ที่คุณพูดขึ้นมาตอนท้ายคห.ว่า :"การเว้นพื้นที่สำหรับความคิดต่าง และ ค่าความคลาดเคลื่อน ก็เป็นแนวทางนึงในการดูหนังแบบไม่ต้องคิดว่า ตัวเองรู้มาก คิดมาก จนเกิดการตั้งแง่ขึ้นมาตลอดเวลานะครับ " เป็นการก้าวก่ายความคิดเห็นส่วนบุคคล ในบอร์ดสาธารณะครับ ทุกคนมีวิธีการดูหนังที่แตกต่างกัน ตามประสบการณ์ของแต่ละคน เป็นสิทธิส่วนบุคลและเป็นมารยาทที่มิควรจะเข้ามาก้าวก่ายกันอย่างยิ่ง :"แล้วทำไมคุณต้องหาว่าใครผิด หรือ ต้องดีเฟนด์ ในเรื่องพวกนี้ล่ะครับ เรากำลัง มุ่งสู่ หนัง ไม่ใช่หรือครับ" หนังเรื่องนี้พยายามดึงประวัติศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมในฐานะที่สนใจประวัติศาสตร์ รู้สึกสะดุดก็ยกจุดนี้ขึ้นมา หวังจะตั้งเป็นข้อสังเกตุให้คนที่มีความรู้กว่าช่วยตอบด้วย เพราะข้อมูลทางประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่ตรวจสอบกันได้.................... คุณเองต่างหากที่ยังไม่ได้ตอบผมว่า ผมไปกินเนื้อที่ในบอร์ดสาธารณะนี้อย่างไร.... และขอถามต่อว่า ถามเลยมาจนถึงวิธีการส่วนตัวผมในการดูหนังนั้น คุณต้องการอะไรครับ คุณjobครับ  อ้อ......ผมเพิ่งรู้ว่าการปิดท้ายกระทู้ความคิดเห็น ว่าไม่ควรติหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ควรจับผิดหนัง เป็นวิธีการปิดท้ายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ.... ไม่ต้องเกรงใจกันหรอกครับมีอะไรก็ด่ากันมาได้็เลย เจตนาของผมต่อหนังเรืองนี้ ก็เจตนาเดียวกับที่ผมมีต่อคุณ......... คนๆเดียวกันครับ.... ผมก็รักหนังเหมือนคุณ คุยเรื่องหนังกันได้ทุกมุม แต่อย่าก้าวก่ายเข้ามาในวิธีการส่วนตัว ของแต่ละคนก็แล้วกัน มันผิดกติกามารยาทครับ จากคุณ : Filmnoir - [ 3 มี.ค. 48 02:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เอ่อ ผมไปด่าคุณว่ากินพื้นที่บอร์ดแต่เมื่อไหร่ ครับ งง :"การเว้นพื้นที่สำหรับความคิดต่าง และ ค่าความคลาดเคลื่อน ก็เป็นแนวทางนึงในการดูหนังแบบไม่ต้องคิดว่า ตัวเองรู้มาก คิดมาก จนเกิดการตั้งแง่ขึ้นมาตลอดเวลานะครับ อันนี้เป็นข้อคิดเห็นนะครับ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ ไม่เชื่อสิครับ ก็ผมลิงค์ถึงความหมาย ของรู้มาก คิดมาก ในrep ก่อนหน้านั้น ซึ่งคุณยืนยันในความคิดเห็นมาน่ะครับ การที่คุณจุดประกาย มาพูดในประเด็นนี้ต่อ และไปเรื่อยๆ ก็เป็นการดีเฟนด์อย่างนึง น่ะ ผมว่าไม่ได้มุ่งไปสู่หนังจริงๆอ่ะครับ ผมก็ไม่เห็นติดใจอะไรกับเรื่องบ้องกัญชา อะไรของคุณเลยนะครับ ก็เห็นว่าเป็นความคิดคุณที่มองผมอย่างนั้น ผมก็ไม่รู้ว่า ผมไปแสดงท่าทีกีดกัน หรือ บังคับอะไรคุณหรือเปล่า แต่เท่าที่ทราบ คือ เราต่างทำเหมือนๆกัน คือ เข้ามาสมาทานความรู้ และ กระทบกระทั่งในจุดต่างๆ ที่ถกเถียงกัน ก็แค่นั้นเอง  ซึ่งผมยืนยันว่าผมไม่ได้ทำ การกีดกัน ความเห็นคุณนะครับ เรายังถกได้ต่อไปเรื่อยๆ เลยว่า อะไรคือข้อพิสูจน์ อะไรคือจุดที่ทวิภพ เป็นและไม่เป็น น่ะครับ ผมว่าเรามุ่งไปสู่หนัง ดีกว่า มายื่นหอกแทงกันเอง จะเป็นการดีที่สุดไหมครับ ยังยืนยันว่าไม่ได้พูดเรื่องห้ามติใดๆ ทั้งสิ้น หรือห้ามชม หรือให้แต่ชม ผมก็แย้งในข้อที่น่าจะผิดพลาดได้ ในแง่มุมที่คุณเสนอก็เท่านั้นเอง จากคุณ : bud - [ 3 มี.ค. 48 02:39:50 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จากมุมที่ผมอ่านข้อเขียนคุณ ส่วนที่ผมQuoteออกมา.....ผมตีความได้เป็นเช่นนั้นจริงๆ เรื่องการตั้งแง่นั้น เป็นการจับผิดและไม่ควรกระทำ ต่อมาคห.38ที่เข้ามาชื่นชมเห็นพ้องกับคุณ ก็ช่วยยืนยันการตีความของผมดังนี้: "ปิดท้ายได้ยอดเยี่ยมมากๆครับ นั่นสินะครับ เรากำลังดูหนังกันอยู่ นี่สงสัยว่าถ้าให้คุณฟิล์มนัวร์ ไปจับผิดหนังฝรั่ง หนังฮอลลีวู๊ด คงมีจุดให้จับผิด จุดที่ไม่สมเหตุสมผล จุดที่คุณฟิล์มนัวร์ รับไม่ได้บานตะเกียงแน่ๆ " เห็นมั๊ยครับคห.นี้ตีความคุณว่ายังไง เขาเชื่อคุณว่ายังไง เขาเชื่อประโยคท้าย คห.ของคุณว่า ผมจ้องจับผิดหนัง ซึ่งก็ตรงกับการตีความของผมพอดี เพียงแต่นำมาในทางตรงข้ามกับผมเท่านั้น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณจึงเรียก การอภิปรายด้วยเหตุด้วยผลของผมว่าDefense ไม่เรียกว่าDiscuss ถ้าเช่นนั้น ในทางกลับกัน ผมจะเรียกการอภิปรายของคุณว่าDefenseหนัง โดยเบี่ยงประเด็นมาAccuse ผมว่าไม่ได้มุ่งสร้างสรรค์กับหนัง เช่นคุณแทน ได้รึไม่ครับ คุณลองตรองดูด้วย....................................... แต่เอาเถอะครับ เมื่อคุณยืนยันว่าไม่ใช่........เป็นอันว่าผมตีความผิดไปเอง ก็ต้องขอโทษคุณไว้ตรงนี้ด้วย และขอบอกอีกครั้งว่า สิ่งที่คุณให้ข้อคิดผมมาเรื่อง"ความคลาดเคลื่อน..."นั้น เป็นคห.แรกที่มีเหตุผลที่สุด ที่ผมได้ยอมรับ และขอบคุณ คุณไปแล้วตั้งแต่ต้นครับ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 48 07:01:34 แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 48 05:45:51 จากคุณ : Filmnoir - [ 3 มี.ค. 48 03:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สู้ๆๆๆ จากคุณ : Dek Nang - [ 3 มี.ค. 48 19:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าผมคุยเรื่องดีเฟนด์ หรือ ดิสคัส ต่อ มันก็จะกลายเป็นว่าผมดีเฟนด์ ความคิดตนเองเหมือนกัน ในสายตาผมน่ะ เพราะฉะนั้นในประเด็นนี้แล้วแต่เลยครับ ว่าคุณคิดยังไง ผมน้อมรับครับ งั้นเราต่อเรื่อง ทวิภพดีกว่าครับ ในส่วนที่ถกเถียงกัน เรื่อง พระเอกพูดเรื่องพระจันทร์มันแบนเหมือนโลกหรือเปล่าเนี่ย มันหมายความว่าอย่างไร ในความเห็น ผม การที่พระเอกถามอย่างนี้ มันหมายถึง การที่เขาเข้าใจว่าโลกแบนตั้งแต่ต้นแล้ว ในกรอบของความคิดเขาคือโลกแบนแน่นอน แต่ถ้า เราไม่เชื่อว่าทำไมเขาคิดอย่างนั้น เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ว่าพื้นหลังในความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ภาพยนตร์ จึงสามารถถูกตีความไปได้หลายแบบโดยไม่ซ้ำกันเลย เป็นการเขียนความรู้ในหนังขึ้นใหม่ในความคิดของแต่ละคน ถ้าหากเราจะเชื่อตามผกก. ภาพยนตร์ย่อมเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบในตัว ไม่สามารถตีความเป็นอื่นไปได้ แต่ในประวัติศาสตร์โลกภาพยนตร์ หนังไม่เคยถูกตีความได้แบบเดียว ในระหว่างผู้กำกับและคนเขียนบท ย่อมคิดต่างกันในหลายจุด คนทำอาร์ต ตากล้อง ก็คิดแตกยอดไปจากตรงนั้นอีก จนมาถึงคนดูหรือนักวิจารณ์ ที่ล้วนแล้วแต่มีสิทธิในการเข้าถึง ภาพยนตร์ได้ ตามความเข้าใจของตน.... การรู้มากคิดมาก กับการรู้น้อยคิดน้อย ไม่มีอันไหนพิสูจน์ได้ว่าความจริงบนจอหนังคือแบบไหนน่ะครับ หรือแม้แต่ผกก. พูดเอง มันก็ไม่ใช่ความจริง แบบที่เราสามารถเชื่อได้อยู่ดีอย่างที่คุณ ฟิล์มนัวร์ ก้ไม่เชื่อเหมือนกันว่า ตอนนั้นมีข้าราชการชั้นสูงไม่รู้ว่าโลกกลม นั่นคือการเข้าถึงของคุณฟิล์มนัวร์ได้เข้าไปจัดการ ข้อมูลในหนังขึ้นใหม่ในสายตาคุณและมองว่ามนสมเหตุสมผล หรือ ไม่ น่ะครับ ผมทิ้งไว้แค่นี้ก่อน ให้คนอื่นอภิปรายต่อดีกว่า จากคุณ : bud - [ 3 มี.ค. 48 23:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณคุณbudมากๆนะครับ สำหรับการอภิปรายรอบแรกที่จบลงไป ......ผมไม่อยากพูดมาก เด๋วจะหาว่าเข้าข้างคุณ bud แต่สำหรับท่านอื่นๆที่แวะผ่านมาอ่าน ก็คงจะรู้ซึ้งกันอยู่ในใจ ว่าอะไรเป็นอะไร .... แบบไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ              ผมว่าผมไม่ได้คิดว่า คุณฟิล์มนัวร์จ้องจับผิดหนังหรอกนะครับ คุณเองก็มีสิทธิที่จะคิด ที่จะเชื่อสิ่งต่างๆ ด้วยพื้นฐานทางความรู้ที่แน่นหนาของคุณฟิล์มนัวร์ ซึ่งผมก็คงจะห้ามไม่ได้ แต่ลองคิดดูดีๆ ถ้าตัดประโยคที่พระเอกพูดประโยคเดียวไป ( หักค่าความคลาดเคลื่อนตามที่คุณ bud แนะนำ ) หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังดีๆเรื่องนึงไปทันทีเลยเหรอครับ  .... คุณว่า"การเว้นพื้นที่สำหรับความคิดต่าง และ ค่าความคลาดเคลื่อน ก็เป็นแนวทางนึงในการดูหนังแบบไม่ต้องคิดว่า ตัวเองรู้มาก คิดมาก จนเกิดการตั้งแง่ขึ้นมาตลอดเวลานะครับ" ข้อติเล็กๆของผมเพียงหนึ่งจุด ของหนังทั้งเรื่อง มันกินพื้นที่ของความคิดต่างและกลายเบ็นการตั้งแง่ขึ้นมาตลอดเวลาไปแล้วนี่ ...............มันไม่เป็นความคิดเห็นที่เว่อมากไปหน่อยรึครับ <==== เท่าที่ผมอ่านดู ผมก็ไม่เห็นว่าคุณ bud เค้าจะเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมาตรงใหน ก็เป็นความคิดเห็นของคุณ bud เค้าแค่นั้น คุณ ฟิล์มนัวร์ คิดมากเกินไปหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆผมว่าไม่เว่อร์แน่นอน เพราะว่า คุณฟิล์มนัวร์ บอกเองไม่ใช่หรือครับ ว่า เพียงเพราะ พระเอกถามนางเอก เรื่องเนี้ย  ไอ้เรือ่งโลกกลมโลกแบนอะไรเนี่ย ประโยคเดียว พลอยทำให้คุณหมดความเชื่อถือในหนังเรื่องนี้ไปเลย แล้วก็พลอยเกิดตะขิดตะขวงอยู่ตลอดเวลา (ลองย้อนกลับไปอ่านข้างบนนะ ผมขี้เกียจก๊อปมา ) ยืนยันเหมือนคุณ bud ว่า ผมและคนอื่นๆไม่เคยว่าเลยที่คุณจะแย้งไม่ได้ หรือติหนังเรื่องนี้ไม่ได้ และการแสดงความคิดเห็นของคุณฟิล์มนัวร์ ไม่ได้มากินพื้นที่แต่อย่างใด ก็นี่มันคือพื้นที่สาธารณะนี่นา พื้นที่ที่ใครจะมาแสดงความคิดเห็น ความเป็นตัวของคุณ ได้ตลอดเวลา ไม่ใช่เขตหวงห้ามสักกะหน่อย                ผมไม่เคยบอกตรงใหนเลยว่า การปิดท้ายความคิดเจ๋งๆของคุณ bud ที่ว่าเจ๋งๆ คือการบอกว่าห้ามติหนัง แต่เป็นตรงนี้ แล้วทำไมคุณต้องหาว่าใครผิด หรือ ต้องดีเฟนด์ ในเรื่องพวกนี้ล่ะครับ เรากำลัง มุ่งสู่ หนัง ไม่ใช่หรือครับ <== จุดผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ที่สามารถเกิดได้จากค่าความคลาดเคลื่อน ของตัวละคร (คือคุณอย่าคิดแทนตัวละครสิครับ เพราะตัวละครกะตัวคุณไม่เหมือนกัน อาจจะมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยได้ ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ) และที่สำคัญ นี่คือภาพยนตร์ ซึ่งคุณ bud ก็พูดไว้เคลียรแล้ว ผมก็ชื่นชม ก็แค่นั้น  ผมก็รักหนังเหมือนคุณ คุยเรื่องหนังกันได้ทุกมุม แต่อย่าก้าวก่ายเข้ามาในวิธีการส่วนตัว ของแต่ละคนก็แล้วกัน มันผิดกติกามารยาทครับ <=== ผมไม่เห็นว่า คุณ bud เค้าจะยุ่มย่ามวิธีการดูหนังของคุณฟิล์มนัวร์แต่อย่างใด พูดตามตรงนะครับ คุณฟิล์มนัวร์เองนั่นแหละ ที่ผ่านมา ก้าวก่ายวิธีการดูหนังของผม (หรืออาจจะคนอื่นมาโดยตลอด ) ด้วยวิธีการพูดของคุณ แม้หลายครั้งอาจจะเหมือนคำสอน แต่ผมมองว่า คุณเองไม่ได้วิจารณ์ งานเขียนของผม แต่วิจารณ์ความเป็นตัวผมซะมากกว่า ผมคงไม่ต้องยกตัวอย่าง เพราะมีเยอะมาก            ภาพยนตร์เรื่องนี้แม้ว่าจะอิงประวัติศาสตร์ แต่หนังแนวนี้ไม่ว่าจะเรื่องใหนต่อใหน ก็ไม่มีทางที่จะคงความถูกต้องได้ทั้งดุ้น เพราะไม่ใช่สารคดี นี่คือภาพยนตร์ สื่อบันเทิง ซึ่งไม่ต่างจากนวนิยาย ใน aviator ผมอาจจะยอมรับว่า เขียนโดยไม่มีข้อมูลเท่าที่ควร ทะลึงเขียนกระทู้เกี่ยวกับหนังอัตตชีวะประวัติ โดยไม่ได้รู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับประวัติคนในหนัง ซึ่งผมก็ไม่เถียง แต่คิดไปคิดมา ประเด็นก็คือ เรากำลังพูดถึง ตัวละครตัวนึงในภาพยนตร์ ไม่ใช่เรื่องราวอันเกิดจากชีวิตจริงเขาสักหน่อย             สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า อ่านกระทู้นี้วันนี้แล้วรู้สึก ขำขำ เหมือนกันนะครับ อมยิ้มอยู่ตั้งนาน ตลกดีนะครับ ทุกคนมีวิธีการดูหนังที่แตกต่างกัน ตามประสบการณ์ของแต่ละคน เป็นสิทธิส่วนบุคลและเป็นมารยาทที่มิควรจะเข้ามาก้าวก่ายกันอย่างยิ่ง <== แล้วตอนที่ตัวเองไปวิจารณ์คนอื่นไม่ยักกะรู้จักคิดอย่างนี้นะครับ จากคุณ : joblovenuk - [ 4 มี.ค. 48 00:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณbudครับ ถ้าหากหนังเรื่องนี้สร้างตามนิยายโรแมนติคชวนฝัน ตามต้นฉบับเดิมของ "ทมยันตี"ผมก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อได้ดัดแปลงเป็นหนังNeo-RomanticโดยดึงHistory Evident เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่อง ขนาดแสดงให้ปรากฎภาพเคลื่อนไหวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงสองพระองค์ได้ จึงมิใช่หนังชวนฝันของผู้กำกับท่านใดหรือทีมงานท่านใดแต่ลอยๆอีกต่อไปได้ ด้วยองค์พระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงมีอยู่จริง และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ใช้ในหนังนั้น ก็เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง มีบันทึกอยู่และตรวจสอบกันได้ ผมจึงดูหนังเรื่องนี้อย่างที่ผู้สร้างต้องการให้เป็น คือมีความสมจริงทางประวัติศาสตร์อยู่เป็นพื้น มิอาจคิดเป็นทางอื่นใดได้ การทำหนังแนวนี้จะต้องมีผู้ชำนาญการมาอยู่ด้วยตั้งแต่ขั้นตอนเขียนบท ไปจนถึงการถ่ายทำ เพราะนอกจากหนังจะให้ความบันเทิงแล้ว ยังต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องในทุกแง่มุมอีกด้วย ผมได้ตั้งเป็นข้อสังเกตุในเรื่องความเชื่อของตัวลครเอกว่า โลกยังแบนอยู่ในสมัยนั้นว่าไม่น่าถูกต้อง ตามสมมุติฐานและข้อมูลของผมที่มีอยู่ใน คห.30 ขึ้นมาถกเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้เป็นความรู้แก่ผมและเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนทั่วไป ในการที่จะได้รับข่าวสารที่ถูกต้องจากหนังอันถูกสร้างขึ้นอย่างน่าเชื่อถือ บนพื้นฐานทางประวัติศาสตร์เรื่องนี้ แน่นอน เรื่องความเชื่อส่วนบุคคลนั้น ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นเมึ่อไหร่ นอกจากการไปสอบถามบุคคลนั้น แม้คนที่อยู่หลังเขาในปัจจุบันนี้ก็ยังอาจมีความเชื่อว่าโลกแบนอยู่ดีก็ได้ แต่สมมุติฐานของผมนั้นตั้งอยู่บนความเป็นไปได้ทางประวัติศาสตร์ ความสมจริงของเนื้อเรื่องและบุคลิคตัวลครเป็นหลัก ไม่ใช่ความจริงอันไม่อาจตัดสินได้ของหนัง เราจะรู้จักหนังได้โดยผ่านเนื้อเรื่องและบุคลิคตัวลครเท่านั้นครับ และความน่าเชื่อถือของตัวลครนั่นเอง ที่นำไปสู่ความน่าเชื่อถือของหนัง ปล.คุณjob เห็นด้วยว่าผมไม่ควรเข้าไปวิจารณ์บทวิจารณ์ของคุณแต่แรกเท่านั้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าผิดไปมาก........ แต่หลังจากนั้น.............................................. ผมก็ขำ ขำ คุณเหมือนกัน หุหุหุหุหุ No Comment แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 48 05:59:25 จากคุณ : Filmnoir - [ 4 มี.ค. 48 04:53:01 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ว่าแล้วเราก็ มา ขำขำ กันดีกว่า ......             ประเด็นความเชื่อถือทางประวัติศาสตร์ ในหนังที่มีการยกพระมหากษัตริย์ขึ้นมาบนจอภาพยนตร์...คุณฟิล์มนัวร์ ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่อง anna and the king ขึ้นมา .... ขนาด ทวิภพ ยังทำให้คุณฟิล์มนัวร์ ตะขิดตะขวงได้ขนาดนั้น แล้วตอนดู anna and the king ล่ะครับจะรู้สึกขนาดใหน  ( ผมassume ว่า คุณฟิล์มนัวร์น่าจะเคยดูแล้วนะครับ ) ผมว่าหนังคล้ายยกันตรงที่.......... ดัดแปลงเป็นหนังNeo-RomanticโดยดึงHistory Evident เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่อง  .. เหมือนกันเลย .......แต่ผมก็เข้าใจ anna and the king นะครับ เพราะผมทราบว่า มันเป็น หนัง ไม่ได้เป็นเรื่องจริง .... ( แม้คนเขียนจะอ้างว่าเล่าจากเรื่องจริงหรืออย่างไรก็ตาม ) จากคุณ : joblovenuk - [ 4 มี.ค. 48 10:44:05 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เอ้าซ์...แม่ติ๋ว....มานั่งแถวหน้ากันเร๊วววว.... ยก 3 จะเริ่มแร้วววววว..... เหอะๆๆๆๆ จากใจจริง จากคุณ : PB ลูกพ่อ Kahn - [ 4 มี.ค. 48 15:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คห.ที่44  : ขอบคุณคุณbudมากๆนะครับ สำหรับการอภิปรายรอบแรกที่จบลงไป ......ผมไม่อยากพูดมาก เด๋วจะหาว่าเข้าข้างคุณ bud แต่สำหรับท่านอื่นๆที่แวะผ่านมาอ่าน ก็คงจะรู้ซึ้งกันอยู่ในใจ ว่าอะไรเป็นอะไร .... แบบไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ .......................................................................... คุณ joblovenuk ค๊ะ อย่าเหมารวมว่าคนอื่นเขาจะเห็นด้วยกับคุณไปหมดซิค๊ะ ดิฉันบอกไม่ได้ว่าคุณรู้มากรู้นัอยยังไง แต่ที่รู้แน่และรู้ซึ้งก็คือ  คุณไม่ได้ให้ความรู้อะไรแก่ดิฉันเลย นอกจากคำโต้แย้งที่ไม่มีเหตุผล และคำด่าเสียดสีคนอื่นของคุณเท่านั้นค่ะ นานๆดิฉันจึงจะมีโอกาศเข้ามาหาความรู้เกี่ยวกับหนังในห้องนี้เสียที ก็ยังสงสัยว่าคนที่เคยให้ความรู้ความคิดดีๆ ทยอยหายไปไหนกันหมด อ่านกระทู้นี้แล้วจึงเพิ่งถึงบางอ้อว่า อ๋อหยั่งงี้นี่เอง ใครไม่เห็นด้วยก็ต้องช่วยกันกำจัดมันออกไป คุณ Filmnoir  นี่แกคงเป็นรายล่าสุดมั้งค๊ะ....................................... คุณ joblovenuk  ขำขำกับคุณไม่ออกหรอกค่ะ โดยเฉพาะคนที่เข้ามาหาความรู้อย่างดิฉัน และขอบอกอีกครั้งนะค๊ะว่า     อย่าเหมาว่าคนอื่นเขาจะคิดไม่เป็นแบบคุณไปเสียหมด .........................น่าละอายจัง ที่ทำให้คนอื่นเขาเสียโอกาศได้ความรู้ คุณ bud  นึกว่าคุณจะอธิบายว่า ค่าความคลาดเคลื่อน  ใน คห.ที่43 ของคุณจะส่งผลในทางบวกกับเรื่องยังไงบ้าง อย่างทื่คุณ Filmnoir  สรุปประเด็นของแกเอาไว้อย่างน่าฟังใน คห.ที่45  แต่กลับไปพูดเรื่องความเป็นจริงบนจอ เรื่องรสนิยมส่วนตัวไปได้ นั่นมันคนละประเด็นกันนะค๊ะ  เรียกอภิปรายเรื่องเดียวกันคงลำบาก จากคุณ : windra - [ 7 มี.ค. 48 16:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขำ ขำ ค่ะ จากคุณ : ซกเล็ก - [ 7 มี.ค. 48 20:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อืมม ผมตอบคุณ windra นะครับ ผมว่าการที่ผมพูดเรื่องค่าความคลาดเคลื่อน น่าจะชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว ว่าการที่เราพูดเรื่องประวัติศาสตร์ หรือหาจุดเชื่อมโยงของเรื่องราวในหนัง และตัดสินในความสมเหตุสมผลของมัน ในแบบที่เป็นองค์ความรู้ที่เราสะสมมา เข้าไปจัดการ เรียงความคิดและระดับความเข้าใจในหนัง เสียใหม่ เหล่านี้เป็นเรื่องที่ เสี่ยงต่อการสร้างแนวความคิด ที่มีข้อโต้แย้งหรือไม่สมบูรณ์แบบ เป็นอันมาก เพราะอาจเป็นไปได้ว่าเราเข้าใจสารผิด ด้วยความผิดพลาดส่วนบุคคล เช่นบางคนเป็นนักวิชาการ ในบางเรื่องเป็นพิเศษ จะมีข้อโต้แย้ง เมื่อไม่ตรง กับสิ่งที่ตนเองรับรู้มา การที่เราเว้นค่าความคลาดเคลื่อน ก็เพื่อให้ ทุกอย่างไหลไปให้สุดทางของมัน ไม่ให้กระทบสารโดยรวม แล้วบางทีเราอาจพบความจริงใหม่ๆ บนเรื่องราว ที่เราคิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลก็เป็นได้ เหมือนอย่างที่คุณฟิล์มนัวร์ ไม่เชื่อว่าสมัยนั้นคนยังเชื่อว่าโลกกลม โดยเฉพาะคนมีความรู้ ทำงานระดับนั้น แต่สำหรับผมกลับมองว่าความเชื่อคุณฟิล์มนัวร์ จะยังมีข้อบกพร่อง หรือข้อหักล้างทฤษฎีอยู่ตลอดไป เมื่อในสมัยยุคช่วงต่อของ การปฏิวัติองค์ความรู้ของประเทศชาติในด้านวิทยาการ ช่วงนั้นเป็นรอยต่อสำคัญ ไม่อาจระบุได้ว่า เรารับความเชื่อเรื่องนี้เรื่องนั้นมาอย่างแพร่หลาย ได้ง่ายนัก จึงเป็นข้อหักล้างที่น่าสนใจว่าจะพิสูจน์ยังไง กับเรื่องนี้ เพราะถ้าเราเอาความเชื่อบางอย่างจากข้อมูลประวัติศาสตร์มาเชื่อมโยง บางทีมันอาจไม่ถูกต้องซะทีเดียว การเว้นค่าความคลาดเคลื่อน ก็เพื่อให้เราเข้าใจในตัวหนังได้ดีมากขึ้น และตัวหนังเองก็มักใช้โอกาส จากรอยต่อ ที่ไม่ชัดเจน ของประวัติศาสตร์ มาสร้างคอนฟลิค ข้อขัดแย้ง ตลอดจน กรอบความคิดเห็นบางอย่างในหนังเรื่องนั้น ซึ่งตรงจุดนี้ ถ้าเราสังเกตและนำมาแบ่งเป็นส่วนๆ ศึกษาดูจะพบว่า วิธี ตรงนี้ จะพบในบทส่วน อื่นๆ ของหนังเรื่องนั้นด้วย นั่นหมายถึง ถ้าเราพลาดสารบางอย่างจากหนังเพียงเพราะเราเข้าใจว่า มันน่าจะผิดลักษณะบางอย่างที่ไม่ตรงกับความคิดความเชื่อเรา อาจจะทำให้พลาดการรับรู้เจตจำนงของผู้กำกับ หรือ ตัวหนัง ซึ่งการเว้นค่าความคลาดเคลื่อน ก็เพื่อมาจัดการ ให้เราดูหนังจนจบ และชั่งใจในท้ายที่สุด ว่าความเชื่อของเรา กับ สิ่งที่นำเสนอพอรับได้ไหม ก็เท่านั้นเองครับ ในด้านการตัดสินใจเป็นเรื่องของความคิดเห็นภายในบุคคลเอง ส่วนเรื่องอภิปรายจะเป็นเรื่องเดียวกันไหม ก็ขอให้ดูที่ผมได้อธิบาย ในหลายๆ ความคิดเห็นในกระทู้นี้ ผมไม่เชื่อว่าสิ่งที่ผมพูดทั้งหมด ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกับเรื่องที่คุณฟิล์มนัวร์ กล่าวไว้เลย ที่แน่ๆ ผมไม่คิดว่า แนวคิดผมจะสร้างผลบวกกับตัวหนัง หรือ อะไรก็ตาม ผมต้องการผ่า วิเคราะห์ และ แยกแยะ ตัวหนัง อย่างที่คนดู คนหนึ่ง จะพึงทำได้ครับ โดยมี ข้อสันนิษฐานที่ไม่ตรงกับคุณฟิล์มนัวร์ ในบางจุด ซึ่งเป็นหลักใหญ่ก็คือเรื่อง แนวคิดการแพร่หลายของความเชื่อว่าโลกกลมไม่กลมในสมัยนั้นเป็นสำคัญ ส่วนเรื่อง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ กับ หนังในแนวนี้ที่ไม่ใช่ทำจากบทดั้งเดิม คุณทมยันตี ผมคงไม่ตอบตามที่คุณฟิล์มนัวร์ได้ตั้งไว้ เพราะคนละประเด็นกับเรื่อง ที่คุณฟิล์มนัวร์ถกเถียงแต่แรกแน่นอน อันนี้จะเป็นประเด็นเรื่อง การจัดการความรู้ทางประวัติศาสตร์ บวกกับ หนังในฐานะ เป็นเครื่องมือของการถ่ายทอดความคิดประสบการณ์ หรือเป็นเครื่องมือ ในการเขียนประวัติศาสตร์ที่บิดเบือนให้มีความน่าเชื่อถือ ถ้าถกหมดก็จะพ้นจากสิ่งที่เราพูดอยู่ไปไกลมาก ที่ผมตอบยาวมากๆ เนื่องจากผมแคร์มากกับคำว่า ผมไม่ได้เข้าสู่ประเด็นการอภิปรายเดียวกัน เพราะนั่น แปลว่าคุณทำลาย ความชอบธรรมในการ พูดของผมที่แล้วมาทั้งหมด ด้วยคำว่านอกประเด็น ทั้งที่ความจริงผมยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว.... แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 03:48:39 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 03:46:20 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 03:44:28 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 03:35:17 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 03:31:32 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 03:28:12 จากคุณ : bud - [ 8 มี.ค. 48 03:23:02 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ windra ผมตอบไปหลังไมค์แล้วนะครับ ไม่ค่อยอยากจะโพสท์ตรงนี้สักเท่าไหร่ เกรงจะทำให้คนอื่นที่เค้ามาหาความรู้ จากกระทู้นี้เกิดความรำคาญเหมือนคุณ ฮิฮิ           ผมว่าดูยังไง ที่คุณ bud เค้าแสดงความคิดเห็นก็ไม่มีหลุดประเด็นตรงใหน อย่างว่าอ่ะครับ แล้วแต่มุมมอง คุณอาจจะมองว่าขัดใจคุณ ตอบไม่ตรงประเด็น นั่นมันก็เรื่องของคุณ แต่ผมและอีกหลายคน (ที่เค้าไม่แสดงความเห็น แต่เข้ามาอ่าน และคุยกันหลังไมค์ เค้าก็สรุปเหมือนกับผม แต่เค้าไม่อยากออกมาพูดให้เสียความรู้สึกก็แค่นั้น ) บางที กับบางเรื่องบนโลกใบนี้ มันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนักหรอกครับ ถ้าเราพยายามทำความเข้าใจมัน http://pandagroup.pantown.com จากคุณ : joblovenuk - [ 9 มี.ค. 48 00:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อย่าทะเลาะกัน เดี๋ยวเรียกแม่มณีมา..."ตบ" จากคุณ : Dek Nang - [ 20 มี.ค. 48 05:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 53 แล้วแม่มณี พาคุณแม่มาช่วยรุมด้วยหรือเปล่า .......ขำขำ จากคุณ : joblovenuk - [ 23 มี.ค. 48 13:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขำ ขำ ด้วยคน... ชอบรูปที่แม่มณี โชว์แผล "ตบ" จังเลยครับ.. โพส ซะมืออาชีพมากๆ.... ขำ ขำ..... จากใจจริง จากคุณ : PB ลูกพ่อ Kahn - [ 27 มี.ค. 48 00:19:49 ]