CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    แนะนำหนังสารคดี 60 เรื่องค่ะ

    ข้อมูลข้างล่างนี้เกือบทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ก็อปปี้มาจากสำนักข่าวรอยเตอร์ และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจค่ะ ข้อมูลพวกนี้ไม่ใช่ข้อมูลหนังสารคดีที่น่าดูที่สุด แต่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับหนังสารคดีที่ได้รับการเผยแพร่ในต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บางเรื่องก็น่าดูมาก บางเรื่องก็น่าดูน้อย แล้วแต่ความสนใจของผู้ชมแต่ละคนว่าสนใจในประเด็นอะไร เลือกอ่านข้อมูลเพียงบางเรื่องก็พอค่ะ

    ลำดับข้อมูลในวันนี้
    1. อานิสงส์จาก FAHRENHEIT 9/11 (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 26 ก.ค. 2004)
    2. ABORIGEN RUGBY CLUB
    3. AFTER INNOCENCE
    4. THE AGRONOMIST (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 26 เม.ย. 2004)
    5. AMERICA’S HEART AND SOUL
    6. ARAKIMENTARI
    7. BEING DOROTHY
    8. THE BLONDS
    9. BLUE HORIZON (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 19 เม.ย. 2004)
    10. BORN TO BE BLIND
    11. BUKOWSKI: BORN INTO THIS
    12. BUSH’S BRAIN
    13. THE CAMERA I
    14. CARY GRANT: A CLASS APART (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
    15. CASUISTRY: THE ART OF KILLING A CAT
    16. CONFESSIONS OF A BURNING MAN + THE BURNING SENSATION
    17. CONTROL ROOM (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
    18. DEADLINE
    19. DEATH IN GAZA
    20. DE LAMA LAMINA
    21. DIVAN + A LIFE APART: HASIDISM IN AMERICA
    22. EMPATHY
    23. END OF THE CENTURY: THE STORY OF THE RAMONES
    24. ENRON: THE SMARTEST GUYS IN THE ROOM
    25. FINAL SOLUTION
    26. FROM THE OTHER SIDE
    27. GOING UPRIVER: THE LONG WAR OF JOHN KERRY
    28. HIDING AND SEEKING: FAITH AND TOLERANCE AFTER THE HOLOCAUST
    29. HOME OF THE BRAVE
    30. HOW TO DRAW A BUNNY
    31. THE HUNTING OF THE PRESIDENT
    32. I DIED IN CHILDHOOD
    33. INDEPENDENT SPIRIT: THE FAITH AND JOHN HUBLEY STORY (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 21 ม.ค. 2004)
    34. ISN’T THIS A TIME! (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
    35. THE KABBALAH CENTRE
    36. LAND OF ANNIHILATION
    37. A LETTER TO TRUE
    38. LIGHTNING IN A BOTTLE
    39. LONG WAY ROUND
    40. LOOKING FOR FIDEL
    41. LOST BOYS OF SUDAN
    42. MARTIN
    43. MC5: A TRUE TESTIMONIAL
    44. METALLICA: SOME KIND OF MONSTER (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 12 ก.ค. 2004)
    45. OUTFOXED
    46. PEOPLE SAY I’M CRAZY
    47. PERSONS OF INTEREST
    48. PROMISES
    49. RED PERSIMMONS
    50. RIDING GIANTS
    51. SAMURAI: BEHIND THE BLADE (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 19 ก.พ. 2004)
    52. SUPERSTAR IN A HOUSEDRESS
    53. 10 ON TEN
    54. THIS SO-CALLED DISASTER
    55. TIBET: CRY OF THE SNOW LION
    56. UNION SQUARE
    57. WITH ALL DELIBERATE SPEED
    58. WORD WARS
    59. THE YES MEN
    60. ZERO THE INSIDE STORY
    61. ZOHRE & MANOUCHEHR
    62. หนังที่ดิฉันชอบมากในเดือนม.ค.
    63. หนังที่ดิฉันชอบมากในเดือนก.พ.
    64. หนังดูฟรีทางอินเทอร์เน็ต—1.FOREST GROVE (A), 2. HEATSIGNATURE (B+), 3. SISSY BOY SLAP PARTY (A)
    65. หนังและละครทีวีที่อยากให้มีคนสร้างขึ้นมาจริงๆในอนาคต—SEVEN BRIDEGROOMS FOR SEVEN BROTHERS


    1.อานิสงส์จาก FAHRENHEIT 9/11
    (ข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 26 ก.ค. 2004)

    หลังจากภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Fahrenheit 9/11 ที่กำกับโดยไมเคิล มัวร์ ทำยอดขายตั๋วได้ 94 ล้านดอลลาร์ในเวลาราว 4 สัปดาห์ ภาพยนตร์สารคดีอีกหลายเรื่องก็เตรียมจะลงโรงฉายในสหรัฐเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ชมภาพยนตร์ที่รู้สึกเบื่อหน่ายต่อภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่ไร้สาระ

    ภาพยนตร์สารคดีเหล่านี้รวมถึง Riding Giants ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักเล่นกระดานโต้คลื่นที่เผชิญกับคลื่นขนาดมหึมา, The Hunting of the President ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการที่บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ถูกโจมตีโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยมในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่ง และ Broadway: The Golden Age ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับละครเวทีในทศวรรษ 1930-1960

    ภาพยนตร์สารคดีที่น่าสนใจในช่วงนี้ยังรวมถึง Metallica: Some Kind of Monster ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสมาชิกวงเมทัลลิกาขณะเข้าร่วมการบำบัดแบบเป็นกลุ่ม, Outfoxed ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ นิวส์ และ The Corporation ซึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีต่อวัฒนธรรมยุคใหม่

    สเตซี เพรัลตา ผู้กำกับ Riding Giants กล่าวว่าผู้สร้างภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดในแนวทางดั้งเดิม "เชื่อว่าประชาชนชาวสหรัฐมีระดับสติปัญญาต่ำกว่ามาตรฐาน แต่หนังสารคดีเหล่านี้จะพิสูจน์ให้เห็นว่าประชาชนต้องการหนังที่มีเนื้อหาสาระมากยิ่งขึ้น"

    "ฉันคิดว่าประชาชนกำลังป่าวประกาศว่า 'ฉันต้องการอะไรที่มากกว่านี้' และพวกเขาก็ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการจากหนังสารคดี ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ชมเป็นคนอย่างไรด้วย" เพรัลตากล่าว

    ภาพยนตร์สารคดีที่ออกฉายในช่วงนี้มีสไตล์ที่หลากหลายอย่างมาก และก็ไม่เหมือนกับรายการโทรทัศน์แนวสารคดีที่แพร่ภาพตามสถานีเคเบิลทีวี ซึ่งมักเป็นสารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์, ชีวประวัติ หรือประวัติศาสตร์ โดยใช้วิธีเล่าเรื่องแบบโบราณ

    อุปกรณ์ดิจิตัลราคาถูกที่ใช้ในการสร้างภาพยนตร์ช่วยให้ผู้สร้างภาพยนตร์สารคดีหลายคนมีอิสระมากยิ่งขึ้นในการบอกเล่าเรื่องราวโดยใช้มุมมองเฉพาะตัวและไม่ต้องเผชิญกับการแทรกแซงของสตูดิโอภาพยนตร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ การที่ภาพยนตร์สารคดีมีจุดยืนที่แข็งแกร่งและหลากหลายก็ช่วยให้ภาพยนตร์เหล่านี้ทำยอดขายตั๋วได้ดี, ทำให้มีคนต้องการเข้าร่วมลงทุนสร้างภาพยนตร์แนวนี้มากยิ่งขึ้น และทำให้เจ้าของโรงภาพยนตร์ต้องการสั่งจองภาพยนตร์สารคดีเพื่อนำมาฉายในโรงของตัวเองมากยิ่งขึ้น

    ในรายชื่อภาพยนตร์สารคดี 20 ลำดับแรกที่ทำยอดขายตั๋วสูงสุดในสหรัฐและแคนาดานั้น ภาพยนตร์ 12 เรื่องในอันดับนี้เป็นภาพยนตร์ที่เพิ่งออกฉายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึง Super Size Me, Winged Migration, The Fog of War (เจ้าของรางวัลออสการ์ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมเมื่อต้นปี2004) และ Bowling for Columbine (เจ้าของรางวัลออสการ์ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมปี2003) โดยผู้กำกับ Bowling for Columbine คือไมเคิล มัวร์

    จอห์น สลอส ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทซิเนติกกล่าวว่าเขาไม่คิดว่าภาพยนตร์สารคดีในยุคนี้ดีกว่าภาพยนตร์สารคดีในยุคเก่าๆอย่างเช่น Hoop Dreams (1994) อย่างไรก็ดี เขากล่าวเสริมว่าภาพยนตร์สารคดียุคใหม่หลายเรื่องมีสไตล์ที่เหมาะสมกับการฉายในโรงภาพยนตร์มากกว่าการฉายทางโทรทัศน์ โดยเขากล่าวว่า "หนังสารคดีแนวดั้งเดิมหลายเรื่องไม่ค่อยให้ความรู้สึกว่าเป็นหนังที่จำเป็นต้องดูในโรงภาพยนตร์ และผมคิดว่าหนังแนวนี้จะเปิดฉายในโรงภาพยนตร์น้อยลงเรื่อยๆ"

    บริษัทซิเนติกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์คทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้สร้างภาพยนตร์ในการหาเงินทุนและในการจัดจำหน่ายภาพยนตร์

    เพรัลตาเคยกำกับภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Dogtown and Z-Boys ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมการเล่นสเก็ตบอร์ด โดยทั้งภาพยนตร์เรื่องนี้และ Riding Giants ของเพรัลตาถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับภาพยนตร์สารคดีแนวใหม่ เพราะภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้ใช้กลวิธีที่แตกต่างกันมากมายในการเล่าเรื่อง ซึ่งรวมถึงการใช้โฮมมูฟวีเก่าๆ, ดนตรี, บทสัมภาษณ์คน, ภาพวาด และฉากจากรายการโทรทัศน์ที่คนดูคุ้นเคย มาใช้เป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่อง

    Broadway: The Golden Age ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบดั้งเดิม แต่มีจุดเด่นที่บทสัมภาษณ์นักแสดงละครเวที, ผู้ประพันธ์เพลง และนักเขียนบทละครจำนวนรวมกันกว่า 100 คน โดยมีคนดังอย่างเช่นแคโรล เบอร์เนทท์, เชอร์ลีย์ แมคเลน, จอห์น เรทท์ และเฟร็ด เอบบ์ มาร่วมให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ด้วย

    จอห์น เรทท์เป็นนักร้องที่โด่งดังมากในวงการบรอดเวย์ เขาเกิดปี 1917 และเคยร่วมงานกับริชาร์ด รอดเจอร์สและออสการ์ แฮมเมอร์สไตน์ โดยผลงานการแสดงของเขารวมถึง Oklahoma, Carousel (1945), Magdalena (1948), Annie Get Your Gun และ The Pajama Game (1954) นอกจากนี้ เขายังนำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Pajama Game ร่วมกับดอริส เดย์ในอีก 3 ปีต่อมา และเขายังเป็นพ่อของบอนนี เรทท์ ซึ่งเป็นนักร้องหญิงที่คว้ารางวัลแกรมมีมาได้แล้วหลายตัว

    เฟร็ด เอบบ์เคยเขียนบทละครเวทีและแต่งเพลงประกอบละครเวทีมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งรวมถึง Cabaret, Chicago, Kiss of the Spider Woman, Zorba, woman of the Year และ The Madwoman of Central Park West

    ริค แมคเคย์ ผู้กำกับ Broadway: The Golden Age กล่าวว่าเขาเลือกใช้สไตล์การเล่าเรื่องแบบดั้งเดิมเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึงสิ่งที่มีอายุเก่าแก่หลายปี นอกจากนี้ เขายังนำฟุตเตจฟิล์มเก่าๆที่บันทึกภาพการแสดงละครบรอดเวย์มาใส่ไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย แต่เขาจงใจให้ฟุตเตจเหล่านี้ดูเก่าโทรมเหมือนเดิมแทนที่จะพยายามบูรณะฟิล์มเก่าเหล่านี้ให้ดูสดใสเหมือนใหม่ เพราะเขาหวังว่าภาพที่ดูเก่าเหล่านี้จะทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปยังช่วงเวลาหลายสิบปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เหตุการณ์ในเรื่องกำลังเกิดขึ้น

    ส่วนภาพยนตร์สารคดีเรื่อง The Hunting of the President นั้นเป็นผลงานการสร้างของนิโคลัส เพอร์รีและแฮร์รี โธมาสัน ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์และเป็นเพื่อนของบิล คลินตัน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า "ฝ่ายขวาจำนวนหลายคนร่วมมือสมคบคิดกัน" เพื่อวางแผนโค่นล้มประธานาธิบดีบิล คลินตัน

    ภาพยนตร์สารคดีที่ออกฉายในเดือนส.ค. 2004 รวมถึงเรื่อง Festival Express ซึ่งนำฟุตเตจเก่าๆมาใช้ในการเล่าเรื่องเทศกาลดนตรีเคลื่อนที่ในปี 1970 โดยศิลปินที่เปิดการแสดงในเทศกาลดนตรีนี้รวมถึงจานิส โจปลิน, เดอะ เกรทฟุล เดด และเดอะ แบนด์

    ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Tying the Knot ออกฉายในเดือนต.ค.ปี2004 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวถึงความพยายามในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาในการผลักดันให้การแต่งงานระหว่างคนเพศเดียวกันกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และคาดกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะกระตุ้นให้ผู้ชมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองกันอย่างคึกคักเหมือนอย่างที่ Fahrenheit 9/11 เคยทำมาแล้ว

    จากคุณ : Madeleine de Scudery - [ 4 มี.ค. 48 18:24:16 A:202.176.184.231 X: TicketID:002703 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป