ความคิดเห็นที่ 1 Q : ไม่มีเสน่ห์อย่างไร สาธิต : ไม่มีเสน่ห์ตรงเอาอารยธรรมตะวันตกมาก่อสร้างแบบรวบๆ มันเลยดูไม่น่าสนใจ แต่อย่างที่ถนนราชดำเนินมีเสน่ห์มีสิ่งที่มันมีประวัติศาสตร์ และเป็นสิ่งที่ธรรมดาในชีวิตประจำวันของเรา เราต้องการในสิ่งที่มันธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะมันดูมีเสน่ห์ อย่างไปถ่ายที่สยามสแควร์มันไม่มีเสน่ห์ มีเสน่ห์แบบใหม่ๆ ที่มันไม่น่าสนใจ ไม่เหมาะกับโฆษณาชิ้นนี้ โฆษณาเหล้าถ้าเอาฉากในที่ๆ เขากินเหล้ากัน มันก็ธรรมดา โฆษณาเหล้าไปอยู่ในที่คนไม่กินเหล้ามันก็จะดูไม่ธรรมดา สิ่งที่ที่คนคาดหมายมันก็ธรรมดา แต่ถ้าไปอยู่ในที่ๆ ไม่คาดหมายมันก็ไม่ธรรมดา Q : แสดงว่าต้องคิดและวางแผนมาก่อนว่า จะวางฉากไหนไว้ที่ไหน ที่จะไม่ให้ธรรมดา สาธิต : ราชดำเนินรถนิดหน่อย โครงสร้างราชดำเนินมันดี และประทับใจในงานก่อสร้างที่เป็นศิลปะ เด็กรุ่นใหม่ตัวมีศิลปะอยู่ในหัว และเข้าใจในศิลปะให้มาประยุกต์ ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่เข้าไม่เข้าใจไม่เป็นไร แต่ขอให้พยายามศึกษาหาความรู้ และผู้ที่จะทำโฆษณาไม่จำเป็นต้องเรียนศิลปะ ใครๆก็ทำได้ ขอแค่มีศิลปะอยู่ในหัว Q : คนที่เป็นนักโฆษณาจะต้องไม่ตามแฟชั่นใช่หรือไม่ สาธิต : ส่วนใหญ่เขาจะตามแฟชั่นกัน ส่วนน้อยที่ไม่ตาม โฆษณาแฟชั่นเป็นการหลอกเอาเงินคนดู คุณค่าของเงินอาจไม่เท่ากับคุณค่าของโฆษณา ดังนั้นเด็กๆ ยุคใหม่จะต้องมีสติ อย่าไปตามกระแสมาก ยิ่งตามกระแสมากยิ่งโง่ Q : ทำไมต้องไปถ่ายที่นั่น(ถนนราชดำเนิน) สาธิต: รู้สึกมันมีประวัติศาสตร์ และมีความผูกพันกับที่นั่น แต่พอไปเดินสยามที่รู้สึกไม่ผูกพันมีแต่วัยรุ่น เป็นสิ่งก่อสร้างที่ไม่เพลิดเพลิน มีแต่ป้ายโฆษณาที่มันเลอะเทอะ พอไปถ่ายมันไม่สวย และอีกอย่างไม่มีใครคิดที่จะไปถ่ายราชดำเนิน สนามมวยลุมพีนี ไม่มีใครคิดที่จะไปถ่าย เพราะคนเราคิดว่าสนามมวยมันโบราณ มันเชย เพราะคนเรามองไม่ทะลุอิมเมจ มวยไม่ชอบ แต่มองทะลุประวัติศาสตร์ที่มันสวยงาม พวกนี้มันมีเสน่ห์ อะไรที่มันอยู่ในจอทีวีที่มันเคยๆ เห็นๆ เดิ้นๆ มันก็ธรรมดา ยิ่งโมเดินเท่าไหร่มันก็ยิ่งธรรมดา เราจึงไปหาอะไรที่มันโมเดินแบบใหม่ พวกของเก่าที่ทำให้โมเดินยิ่งกว่า สิ่งที่โมเดินคือ สิ่งที่ถ่ายเป็นแม่ค้าใส่หมวก ใสงอบ คนขับรถบรรทุกมองหน้าออกมามองกล้อง รถตุ๊กๆ สนามมวยราชดำเนิน ของพื้นๆ ทั้งหมดแต่ดูโมเดิน นั่นคือทริปของโฆษณา บางครั้งเรามีมุมมองที่ดี ที่ดึงสิ่งที่ไม่เคยอยู่บนจอทีวี กลับมาเปลี่ยนเป็นมุมมองใหม่ คนเราจะต้องเรียนรู้ตลอดไป เปิดรับให้กว้าง ศาสนาพุทธไม่ใช่แค่ไหว้พระสวดมนต์เฉยๆ แต่ให้ดูว่าคิดอย่างไร ตะวันตกเขาคิดว่าศาสนาพุทธคือปรัชญา พุทธจะตรงกับฟิสิกซึ่งเป็นสุดยอดของฝรั่ง อาจสูงกว่าด้วยซ้ำ แต่คนเราไม่เข้าใจ ถ้าชีวิตมันอกหัก มันถึงทางตันจริงๆ นั่นแหละถึงพึ่งศาสนา ซึ่งผิดอย่างมาก Johnnie Walker เขาบอกให้มีสำนึก Johnnie Walker ไม่ได้เป็นศัตรู และไม่ได้บอกว่าผิดหรืออะไร แต่ให้คิด คิดเองได้ คุณจะเข้มแข็ง อย่าไปเชื่อโฆษณามาก การทำโฆษณาจะทำอะไรออกมาต้องรักงานโฆษณา แต่ต้องระวังงานโฆษณา จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 07:55:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Q : ระวังอะไร สาธิต : ระวังคือ ใคร่คิดด้วยตัวเองว่าอะไรดีอะไรไม่ดี มีสิ่งดีอย่างไรในโฆษณา มีงานโฆษณาดีๆ ที่ให้คุณค่ากับชีวิต บางโฆษณาจะต้องสร้างภาพ Q : คุณสาธิต คิดว่าเสน่ห์ของหนังโฆษณาในความคิดเป็นอย่างไร สาธิต : งานโฆษณาเป็นตัวพาข่าวสาร ลักษณะของสินค้า คุณงามความดีต่างๆ ไปสู่ผู้บริโภค ตัวโฆษณาคือพาหนะอย่างหนึ่ง พาหนะมันจะหรูจะเท่ห์อย่างไรเราสามารถออกแบบและใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้มันพาข่าวสารไปสู่ผู้บริโภคอย่างดี ข้อเสียคือ ถ้าทำไม่ดีมันจะทำลายจินตนาการของคนทำให้เกิดขยะที่เป็นข่าวสารที่เป็นมีเดีย อย่างที่อยู่ในบ้านเราขยะเต็มไปหมด เพราะมันไม่ดี เพราะมันไม่ค่อยมีศิลปะในการทำ ทีนี้ถ้ามันเกิดทำดีขึ้นมาในแง่รูปแบบ ก็เป็นเรื่องเสน่ห์ของมัน เป็นสิ่งที่ทำให้ยกระดับจิตใจของคนเหมือนกัน เวลาที่คุณเห็นอะไรสวยๆ งามๆ ในจอทีวี มันก็รู้สึกมันก็รู้สึกดีและสบายใจ เห็นอะไรไม่ดีเน่าๆ โฆษณาแย่ๆ มันก็อยากเปลี่ยน มันไม่ยกระดับจิตใจคน มันไม่ช่วยให้เราอยากจะไปทำอะไรดีๆ ในโลก มันก็เลยเบื่อ ฉันไม่อยากทำโฆษณาแล้ว ฉันอยากไปเป็นนักหนังสือพิมพ์ อยากไปเป็นดารา จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 07:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Q : รายได้จากโฆษณากับจรรยาบรรณที่พึงมีต่อสังคม ถ้าเป็นคุณสาธิตจะเลือกอย่างไหน แล้วคิดว่าบทลงโทษต่อบริษัทที่ทำให้โฆษณาที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับวัฒนธรรมดีงามจะเป็นอย่างไร จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอย่างไร สาธิต : จะเลือกอะไร มันไม่จำเป็นต้องเลือก เราสามารถทำให้ทั้งสองสิ่งมันควบคู่กันไปได้ แต่บางครั้งเราก็จรรยาบรรณไม่ได้ แต่จริงๆ ไม่ควรถามแบบนี้เพราะมันเลือกไม่ได้ สังคมไม่ให้เราเลือก บางครั้งราอาจเลือกในสิ่งที่ไม่ทำลายสังคมมากๆ บางครั้งมันก็คาบเกี่ยวกัน คุณจะไปปฏิเสธมันไม่ได้ ถ้าคุณปฏิเสธปุ๊บ คุณก็จะถูกปฏิเสธจากวงการโฆษณา ก็ถูกลูกค้าไม่ชอบหน้า คุณมานั่งรับผิดชอบต่อสังคม คุณก็ไปทำอย่างอื่น เพราะฉนั้นคนทำโฆษณา มันก็ไม่ได้มีทางเลือกมาก มันก็อาจจะทำอะไรบางอย่างที่คาบเกี่ยวต่อสังคม พูดถึงโฆษณาเหล้า จริงๆ มันก็ไม่ได้ดีอะไรต่อสังคม ถ้าผมโฆษณาเหล้าได้ดี วัยรุ่นดื่มเหล้ามาก ประเทศก็พัง รัฐบาลต้องไปหาเงินมาสำหรับงบประมาณสาธารณะสุขอีก แต่ถ้าถามรัฐบาลบอกว่าอย่ากินเหล้าเวลาขับรถ แต่รัฐบาลก็เอาเงินภาษีจากเหล้า ไม่อยากให้วัยรุ่นสูบบุหรี่ รัฐบาลก็ผลิต ดังนั้นมันก็เหมือนกับว่าบางครั้งเราเลือกทางใดทางหนึ่งไม่ได้ เพราะเฟืองมันเป็นเฟืองตัวเล็กเกินไป สิ่งที่ดีที่สุดก็คือภายในของเรา เราคิดอะไรเราต้องเข้มแข็งตรงนั้น เราต้องใช้จิตสำนึกของเราใช้ตัวเราตัดสินกันไป เราไม่จำเป็นต้องเชื่อโฆษณาหมดทุกอย่าง คุณชอบโฆษณาได้ คุณชอบ Johnnie Walker ได้ แต่คุณไม่ต้องกินเหล้าก็ได้ นั่นคือความเข้มแข็งภายใน แต่ถ้าเราไปกินเหล้าหัวราน้ำ ไปสร้างปัญหาต่อสังคม อันนี้มันก็คือความอ่อนแอของตัวเราเอง แต่ชะตากรรมมันไปตกอยู่ที่ผู้บริโภคที่เราไปไม่ถึง ผู้บริโภคต้องโดนเรื่องพวกนี้ไปเพราะว่าจริงๆ พี่ก็ช่วยได้แค่บอก บอกใครได้ก็ต้องบอก แต่ว่างานมันทำมันก็ต้องทำไป แต่ว่างานโฆษณาที่ดีมันก็มี แต่ไม่ใช่ข้ออ้างเพราะเราก็ต้องทำหลายอย่างเหมือนกัน แต่ว่าถ้ามีโอกาสควรช่วยบอกคนให้มีสติกับโลกปัจจุบัน เพราะโลกปัจจุบันนี้เราถูกยิงด้วยมีเดียโดยทีวี ทีวีเลยร้ายมากราวกับมีทางเลือกเยอะ มีเสรีภาพเยอะที่จะเลือก เวลาเราดูเราต้องใช้พลังมาในการแยกแยะ อย่างเวลาดูละคร ถ้าเราลดเวลาจากการดูทีวีมาอ่านหนังสือหน่อยจะดีไหม เด็กรุ่นใหม่ส่วนมากจะซีเรียสไม่ได้ แต่ตามจริงเราควรจะซีเรียสบ้าง จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 08:05:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Q : แสดงว่าอยากให้เยาวชนยุคใหม่ทำตัวซีเรียส สาธิต : ใช่ แต่ไม่ต้องเครียด อาจจะเครียดมากๆ เราก็ไปเล่นเกมส์ อย่างแต่ก่อนเล่นใช้เวลา 4 – 5 ชั่วโมง ก็ลดเหลือ 1 ชั่วโมง เราพูดถึงโฆษณาทำไมเราถึงนอกเรื่องมาถึงตรงนี้ มันอาจจะดุนอกเรื่อง แต่มันเป็นเรื่องเดียวกัน คือใช้สติ จะทำอะไรไม่ดีก็ให้นึกถึงพ่อแม่ หรือมันมีทางอื่นที่ดีที่จะให้เลือกบ้างไหม เวลาเราโกรธเพื่อนต้องมีสติซักหน่อย ชีวิตก็จะดี Q : ถ้าคนที่อยากเป็นเหมือนคุณสาธิต อยากทำงานโฆษณาต้องดำเนินแนวทางใด สาธิต : ไม่จำเป็น คุณอาจชอบอะไรก็ได้ นักหนังสือพิมพ์ นักการเมือง ฯลฯ แต่จะต้องมีศิลปะในหัวใจ รักในสิ่งที่ตัวเองจะทำและทำได้ สมมุติเราจะเป็นนักบัญชี บัญชีอาจเครียด แต่ว่าเรารักในสิ่งที่เราเองกำลังทำ เราจะต้องมีศิลปะในหัวใจ บางทีคนที่รักในงานศิลปะกลับมามองงานของตัวเองก็มองงานของตัวเองเป็นศิลปะเหมือนกัน ผลพลอยได้ก็คือเจ้านายอาจขึ้นเงินเดือนให้ หรืออย่างน้อยก็ได้สนุกกับงานที่กลายเป็นเรื่องท้าทายไป แต่ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนไปทำอย่างที่ตัวเองชอบนั่นก็หมายความว่าเค้ารู้ตัวว่าพร้อมเค้ารู้ว่าชอบอะไรจริงๆ แต่เด็กรุ่นใหม่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เช่น หนูกำลังหาตัวเองอยู่ค่ะ แต่เวลามีไม่เยอะ หากใช้เวลาไม่มีประโยชน์ ใบหน้าก็จะ50ทันที จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 08:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Q : ช่วยเล่าขั้นตอนการทำงานคร่าวๆ ว่ามันมีความยากลำบาก และมีอุปสรรคอย่างไงไรบ้าง มีคนฝากมาถามว่าทำไมตอนแรกๆ ของโฆษณาทำออกมาได้เนียนมาก แต่ตอนหลัง ก็ทำเหมือนหลอกสายตา สาธิต : อย่าไปเชื่อมัน คำถามนี้ Q : แล้วหิมะที่ใช้มีคนบอกว่า ลงทุนกับหิมะมากเหินไปหรือเปล่า แทนที่จะทำ CG ให้มากกว่านี้ สาธิต : พูดมันง่าย แต่ทำมันยาก ลองมาทำดูแล้วจะรู้ Q : ตอนแรกนึกว่าใช้แต่ CG อย่างเดียวตอนหลังอ่านข่าว แล้วความทึ่งมันลดลงไปเยอะ สาธิต : ถ้าคุณไม่มีความรู้ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนแรกใช้ CG หมด ถ้าผมทำได้อย่างนั้น ผมก็ไปทำ The Lord of The Ring ไปอยู่ฮอลลีวู๊ดแล้ว เวลาถ่ายเราก็ต้องผสมกันไประหว่างของจริงกับ เพราะคอมพิวเตอร์ทำแล้วมันดูหลอก ที่อยู่ในนั้นมันก็ดูหลอกแต่ว่าเราผสมของจริงไป ตัดแล้วผสมกันมันก็ดูหลอกให้เนียนได้ ว่ามันค่อนข้างสมจริงมาก จริงๆแล้วงานนี้ต้องถือว่าเป็นงานที่เสกลใหญ่มาก แล้วทำได้สมจริงขนาดนี้ไม่มีแล้ว งานสเปเชียลเอฟเฟ็คของประเทศไทยจะไม่ค่อยสมจริง และอีกอย่างลูกค้าเขาจะไม่ยอมให้ทำ ที่ทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิคของไทยเขาไม่วางใจให้ทำงานใหญ่ๆ กัน ส่วนมากเขาจะให้ทำงานเล็กๆ อย่างแชมพู สบู่ ผงซักฟอก ยกตัวอย่างเช่น ภาพสามมิติอณูน้ำยาพุ่งเข้าไปที่เส้นผมแล้วรังแคก็กระเด็น หนังหัวกลับมามีชีวิตชีวาอะไรอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นงานที่เป็นเรื่องราวสร้างขึ้นมา เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาจะโยนไปให้ต่างประเทศทำเพราะเขาไม่เชื่อฝีมือคนไทย นี่เป็นเรื่องแรกที่เชื่อคนไทย แล้วคนไทยก็มีโอกาสในบัสเกตที่ใหญ่มาก ใหญ่มากนี่คือเล็กสำหรับนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น แต่ใหญ่มากสำหรับคนไทย อย่าคิดว่าแค่มีงบ อย่างเรามีตังค์เราไปทำเมืองนอก แต่ว่าเมืองนอกมันทำใหญ่กว่าเราหลายร้อยเท่า มันก็เห็นของเราเป็นงานขยะ ไม่ค่อยมีความหมาย แต่ถ้าอันนี้ได้เงินก้อนเดียวกันนี้พี่จะเอาไปให้ฝรั่งสร้าง ค่าที่พัก ค่าเครื่องบิน ค่าอาหารทั้งหลาย มาให้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคไทยทำ ปรากฏว่า สร้างมิติใหม่ สร้างสิ่งที่คนไทยไม่เคยทำ คือสร้างหิมะเหมือนจริงมาก ผสมแน่นอน มันต้องผสมกับหิมะที่เราพ่นจริง มีเครื่องทำหิมะ หิมะที่โรยบนพื้นบางส่วน ส่วนที่ใกล้กล้องที่สุด เท่าที่เราจะครอบคลุมถึงมันก็จะเป็นเกลือ เราใช้เกลือหมด เกลือนี่ใช้กันทั้งโลก คือ ประเทศยุโรปก็ใช้เกลือ ฮอลลีวู๊ดก็ใช้เกลือ เกลือมันไม่ละลาย เพราะว่าถ่ายหิมะบางครั้งเขาต้องถ่ายหน้าร้อน เพราะคิวถ่ายมันอยู่หน้าร้อน เพราะฉะนั้นเขาต้องสิ้นเปลืองเหมือนกัน เพราะฉะนั้นนี่คือเทคนิคเดียวกัน ตรงนี้มันพิสูจน์ให้รู้ว่าคนไทยเนี่ยทำได้ คอนเซ็ปงานก็ตรงกับที่เราทำ ตอนแรกเห็นสตอรี่บอร์ดมา หิมะตกในกรุงเทพ  ตอนแรกไม่เชื่อว่าจะทำได้ ต้องไปถ่ายเมืองนอกแน่เลย ปรากฏว่าจริงๆ แล้วเราทำได้ เราลองเทสดู เราลองเทคนิคดู ลองหาความรู้ดู ว่าเขาทำกันอย่างไร ปรากฏว่าเขาทำกันแบบนี้ ก็ทำได้ ปัญหาคือ เราคิดกันไปเองแต่แรกว่า ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ เป็นไปไม่ได้ ต้องไปเมืองนอก พอลองเทสไปก็ ทำไม่ได้หรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ไม่ได้ทำมากกว่า เลยลองดูใหม่ ใช่เลยนี่ไง คือที่มา ของคอนเซ็ปนี้ “เป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ” จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 08:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Q : แสดงว่าเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์เป็นคุณสาธิตก็เล่นได้ สาธิต : จริงๆแล้ว ต้องไม่ใช่คุณวีระ ต้องเป็นพี่ แต่พี่ไม่หล่อก็เลยเป็นคุณวีระ เพราะเขาหล่อ (ฮา) Q : คุณสาธิตแคสท์ไม่ผ่านหรือครับ สาธิต : ไม่กล้าไปแคสท์เดี๋ยวโดนเขี่ยตก เขานี่คือตัวเขี่ยตกเองนะ ก็ในเทคนิคที่ใช้ผสมกัน วิธีคิดถ้าเป็นคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเยอะกว่านี้ เช่น ถ่าย 50% คอมพิวเตอร์ 50%, ถ่าย 40% คอมพิวเตอร์ 60%, ถ้าคอมพิวเตอร์ 70% มันจะดูหลอก เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับผู้กำกับ ก็คือไดเร็กชั่นของหนัง นี่คือส่วนหนึ่ง เราต้องให้บทบาทของการถ่ายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ่ายจริงให้มากที่สุดแล้วเติมหิมะเข้าไป ในที่สุดก็ไปได้ไม่เท่าไหร่ เพราะมันเป็นไวด์ช็อตของถนน ไวด์ช็อตของแม่น้ำ ทำให้แม่น้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่มีทางเลย มันก็แค่ถ่ายตัวแบ็คกราวด์ตัวตึก ตัวสะพานแค่นั้น แต่ว่าตัวน้ำแข็ง มันต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ต้องมาโปะคลุมตามหลังคา อันนี้มันคือความสำเร็จของหนัง มันทำให้คนเชื่อว่าสิ่งที่เห็นในจอ มันจริงไม่จริง อยู่ตลอดเวลา มันทำอย่างไร มันต้องเอ็ฟเฟค นี่แหละประสบความสำเร็จ ตามจริง คนต้องรู้ว่ามันต้องเอ็ฟเฟคแน่ๆ แต่มันทำอย่างไร แต่ถ้าคนรู้ว่าเอ็ฟเฟคก็จบ คอนเซ็ปก็ไม่ทำงาน คอนเซ็ปที่เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ ก็ไม่ทำงาน มันต้องทำให้อันนี้เชื่อ จะด้วยวิธีอะไรก็ตาม เอาคนไปเดิน เอาคุณวีระไปเดิน คุณวีระเป็นคนทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิคอันนี้ด้วย ก็คือความเชื่อถือ ความเชื่อว่าจริง เรื่องของวิธีคิด และเทคนิค Q : ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์กราฟฟิคก็ไม่สามารถก็ไม่สามารถถ่ายฉากที่เป็นเมืองหิมะได้ สาธิต : ไม่ได้ จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 08:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Q : ใช้เวลาในการถ่ายทำนานแค่ไหน สาธิต : 3-4 วัน แล้วการใส่คอมพิวเตอร์กราฟฟิคใช้เวลาหนึ่งเดือน Q : มันเป็นจุดที่ยากที่สุดใช่ไหม สาธิต : ใช่ เพราะเราเอาชนะความเชื่อ เชื่อว่าจริง เพราะฉะนั้นทำอย่างไร สมมุติว่าเรามี 2 อาทิตย์ มันก็ไม่ได้ เพราะว่าต้องมีเวลาให้คอมพิวเตอร์ไทย ให้พวกกราฟฟิคไทยทำ อย่ามาเป็นทำภายในอาทิตย์สองอาทิตย์ ไม่ได้ ไม่มีทาง ให้เทวดาที่ไหนฝรั่งที่ไหนทำก็ไม่มีทาง ต้องเป็นเดือน สรุปมีเวลาทำแค่เดือนกว่า เขามีเวลา เขาก็แฮปปี้ ปิดบริษัททำกัน พวกคอมพิวเตอร์กราฟฟิคบางทีเขาได้งานที่มันไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ส่วนมากเขาจะได้พวก ขจัดรังแค รูขุมขน ส่วนมากเขาอยากส่วนมากเขาอยากทำงานที่เป็นเรื่องราวอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเขาแทบจะทุ่มบริษัททั้งบริษัทเพื่อช่วยเรา โอกาสมาแล้วหนึ่งครั้ง นี่คือสุดยอดโชว์วิวของบริษัทเขา อะไรที่เป็นสุดยอดบ้างล่ะ 1. เป็นงานที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องแรกของไทย 2. สร้างความประทับใจให้บริษัทเขา เพราะได้แสดงความสามารถ 3. คุณวีระเข้าไปอยู่ในโฆษณา อย่างโฆษณากำจัดรังแค ไม่เห็นมีคนที่ทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิคกำจัดรังแคตัวจริงเข้าไปในโฆษณา ข้อ3 นี่แหละที่เป็นโชว์วิวที่ดีที่สุดของเขา แล้วคงจะไม่มีอีกแล้ว ยากที่จะทำให้คนที่ทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิค คนที่ที่ฝันว่ามันทำไม่ได้ แต่มันก็เป็นไปได้ จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 08:17:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Q : งบประมาณในการทำภาพยนตร์ของโฆษณานี้มีผลต่อการสร้างไหม และถ้าได้งบประมาณมากกว่านี้จะทำได้ดีกว่านี้ไหม สาธิต : อืม แน่นอน... แต่ลูกค้าต้องใช้เงินโดยคำนวณตามยอดขาย หรือสิ่งที่เขาได้รับจากการออนแอร์ ลองดูตัวอย่างเช่น The Lord of The Ring เพียงแค่ช็อตเดียวก็ใช้งบประมาณมากกว่าเราประมาณ 3-4 เท่าเพราะฉะนั้นถ้าได้งบประมาณเยอะขึ้นก็สามารถจะเติมรายละเอียดทำให้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น แต่วิธีคิดเอง เด็กรุ่นใหม่ที่อยากทำ โปรดิวชั่นต้องมีงบประมาณที่มาก ไม่มีเงินงานก็ออกมาไม่ดี มันเป็นสิ่งที่ผิด เพราะว่ามันเป็นข้อจำกัด มันฝึกฝนทำให้เราทำงานออกมาได้ดี ไม่ใช่มาท้อใจ นั่นคือทัศนคติที่ไม่ดี ทัศนคติที่ดี คือเราต้องอยู่ในข้อจำกัด ทำให้เราจนมุมและคิดที่จะกระโดดข้ามกำแพงนี้ไปให้ได้ มันต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องหัดคิดว่า อย่าไปคิดว่าเราอยู่ในข้อจำกัด ถ้าติดอยู่ในข้อจำกัดจะทำให้เราเองจนมุม และคิดว่าเราทำไม่ได้ และทำให้เราท้อ ทำให้ผลงานออกมาไม่ดีแล้วทำให้คนที่จ้างไม่เชื่อคุณ ถ้าคุณทำได้ในข้อจำกัด  โดยไม่ต้องมีอะไรเลยซักอย่าง แต่คุณพยายามทำเพื่อให้ฝันของคุณสำเร็จ ของคุณสำเร็จ มันจะทำให้เราทำทุกวิถีทาง โดยเวลาไม่มีเงินก็ยืมเพื่อนหรือไม่ก็ยืมเงินญาติพี่น้อง โดยวิธีการลงขันมันก็จะเกิดสิ่งที่ดีขึ้น เราจะคิดได้ดีขึ้น เราจะทำงานเก่งขึ้น คนเชื่อถือมากขึ้น คราวหน้าถ้าเขาจะให้เงินเรามากขึ้น ส่วนมากผู้กับดังๆ ในโลกเกิดขึ้นเพราะการลงขัน อย่างเช่น Quentine Tarantino ที่สร้าง Kill Bill หนังเรื่องแรกของเขาคือ Resevoir Dog ก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครรู้จักเขา แต่พอเขาสร้างเรื่องนี้จากการลงขัน ก็เกิดกระแสขึ้นมา มีคนชื่มชอบ ชื่นชม และโด่งดังในที่สุด จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 08:23:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Q : เรื่อง Resevoir Dog นี่ได้ข่าวว่าลอกหนังฮ่องกงมาอีกทีนี่ครับ สาธิต : ฮ่องกงก็ลอกหนังฝรั่งมาอีกทีแหละ (ฮา) Q : เรื่อง Shutter กดติดวิญญาณ เค้าลือกันว่าลอกมาจากหนังเกาหลี ญี่ปุ่นนี่จริงหรือไม่ สาธิต : พูดไปพูดมาเข้าหนังตัวเองอีกแล้ว ผมคิดว่าถ้าลอกหนังอะไรซักอย่างเป็นเพราะเราเห็นว่าหนังอันนั้นมันดีแต่ลองคิดดูอีกทีเราก็สามารถทำได้ เราไม่จำเป็นต้องลอกเขามาเลย ส่วนหนังเรื่องนี้เราไม่ได้ลอกมาแต่คนไทยเห็นว่ามันคล้ายก็บอกว่าเราลอกเขามา แต่ที่จริงแล้วบริษัทคอยบอกว่าอย่าให้เราลอกเขา เราก็ไม่ได้ลอกเขา แต่หนังมันคล้ายๆกัน คนไทยก็บอกว่าลอกเขามา แต่ถามว่าสนใจกับเสียงพวกนี้ไหม เราตอบเลยว่าไม่สนใจ เพราะหนังมันมีเสียงตอบรับในทางที่ดีสูงสามารถสะกดทำให้ผู้ชมกลัวได้ จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 08:28:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Q : ขอให้คุณสาธิตพูดสรุปเกี่ยวกับโฆษณาว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป สาธิต : ไม่ทราบครับเพราะถ้าพี่บอกก็เหมือนว่าโกหก เพราะไม่รู้จริงๆ Q : สุดท้ายคุณสาธิตฝากอะไรกับนักศึกษาที่ศึกษาวิชาโฆษณาหน่อย สาธิต : พี่อยากบอกว่าเวลาทำโฆษณาในตอนนี้ ต้องให้คนอื่นไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ถ้าคาดเดาได้มันก็จบ และต้องทำโฆษณาที่แปลกแหวกแนวจากโฆษณาที่เคยฉายมาแล้วเพื่อจะได้มีคนสนใจมากขึ้น จบแล้วครับ ขอขอบคุณบริษัทฟีโนมีน่าและพี่นุชเลขาคุณสาธิตครับ ps.รูปที่ถ่ายคุณสาธิต ไม่ได้อยู่ที่ผม เลยไม่ได้โพสท์มาที่นี้ จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 08:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ความจริงจะสัมภาษณ์เยอะกว่านี้ แต่เทปที่นำไปดันหมดซะก่อนครับ รวมทั้งหมดในการสัมภาษณ์ใช้เวลา1ชม. จากคุณ : Eggy - [ 19 มี.ค. 48 09:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Thank you very much, this is great. Good job! จากคุณ : Nung+Ning+ - [ 19 มี.ค. 48 10:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เยี่ยมครับ :D จากคุณ : jetboat - [ 19 มี.ค. 48 10:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อู๊ย กล้าถามคำถามที่เราฝากถามด้วย แต่มันหลอกตา และ ไม่เนียน อย่างแรงจิงๆนะ เชื่อเราดิ เชื่อเรา อย่าไปเชื่อเค้า อิอิอิ จากคุณ : ตะวันขึ้นดูนก ตะวันตกดูดาว - [ 19 มี.ค. 48 10:25:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ จากคุณ : เสี่ยวรำพึง - [ 19 มี.ค. 48 13:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ...แกะเทปเองเลยหรือเนี่ย ขอบคุณมากครับ มุมมองหลายอย่างน่าสนใจ ตรงไปตรงมาดี ...โชว์วิว มันคือ show reel หรือเปล่าครับ จากคุณ : sungod - [ 19 มี.ค. 48 14:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบสโลแกนของโฆษณาอ่ะ เยี่ยมค่ะ นับถือ นานทีจะมีโฆษณาที่ดูแล้วสดุด จากคุณ : เหวียนสีเทียนจุ้น - [ 19 มี.ค. 48 16:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จะต้องเป้นรุ่นน้องแกให้ได้ แต่ก่อนอื่นต้องรอทำบัตรประชาชนก่อน หุหุ จากคุณ : มาเฟีย ตามหาเมีย - [ 19 มี.ค. 48 17:01:33 A:61.91.117.249 X: TicketID:084769 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โฆษณานี่สวยจิง ๆ ชอบ ๆ จากคุณ : nunonun - [ 20 มี.ค. 48 01:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คราวหน้า ขอ พี่ต่อ ฟีโน นะคับ ปล. อ่านในอะเดย์ ยังไม่หนำพอ อิอิ จากคุณ : JazzMiroQuai - [ 20 มี.ค. 48 02:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 :) แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 48 23:45:29 จากคุณ : คุณนายฟู - [ 20 มี.ค. 48 11:49:46 ]