PANTIP.COM : A3381276 ระหว่างสินค้าที่ใช้พรีเซนเตอร์ชื่อดังกับสินค้าที่มีเรื่องราวน่าสนใจอันไหนน่าจะเพิ่มยอดขายมากกว่ากัน [แวดวงโฆษณา]

ความคิดเห็นที่ 13

เอาข่าวมาฝากค่ะ ยาวนิดหน่อย เนื้อหาของข่าวถึงจะไม่ได้ตอบโจทย์เจ้าของกระทู้โดยตรงแต่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกันกับคำถามนะคะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
โฆษณาโดนใจต้องใช้"ซูเปอร์สตาร์"จริงหรือ?

ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์

"โฆษณา" กลายเป็นสิ่งหนึ่งที่เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไปไม่ได้เสียแล้ว หลายคนอาจจะงงว่ามันเป็นไปได้อย่างไร? ก็ในเมื่อโฆษณามันไม่ใช่หน้าที่การงานของทุกคนที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่อาหารที่จำเป็นต้องกิน ไม่ใช่พาหนะที่คนเราใช้เดินทางและแน่นอนมันไม่ใช่ปัจจัย 4ที่ทุกคนขาดไม่ได้

แต่เมื่อคุณเปิดทีวีเพื่อจะรับรู้ข่าวสาร หรือต้องการดูละครเพื่อความหรรษา แน่นอนภาพของหนังโฆษณาต่างๆจะต้องปรากฏให้คุณได้เห็น แล้วเมื่อคุณอยากจะฟังเพลงเพื่อคลายเครียดหรือเพื่อให้มันเป็นเพื่อนคลายเหงาในช่วงเวลาหนึ่ง คุณเปิดวิทยุคุณก็จะได้ยินเสียงของสป็อตโฆษณาสอดแทรกเข้ามา

บางคนอาจจะเถียงว่าพอโฆษณามาฉันก็เปลี่ยนช่องทีวีทุกครั้ง หรือหมุนวิทยุไปฟังคลื่นอื่น แล้วเวลาคุณเปิดหนังสือพิมพ์เปิดนิตยสารล่ะ หรือแม้แต่เดินๆ อยู่บนถนนสายตาคุณจะไม่มีสักครั้งเลยหรือที่เหลือบไปเห็นของพรีเซ็นเตอร์กับสินค้าชนิดหนึ่ง และนั่นแหละคือสิ่งที่เราได้เสพเข้าไปทุกวัน

เมื่อโฆษณากับดาราดังรวมอยู่ด้วยกัน

จะมีใครเคยลองคิดเล่นๆ ดูมั้ยว่าสื่อโฆษณาได้ให้อะไรกับชีวิตเราบ้าง ? แต่มีกลุ่มคนที่น่าจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยที่สุดจากสิ่งนี้ก็คือเหล่าดาราที่ได้ชื่อว่าเป็น "ซูเปอร์สตาร์"

เห็นได้จากจะมีข่าวออกมาอยู่บ่อยครั้งเมื่อมีการเปิดตัวโฆษณาที่ใช้ดาราดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ว่าค่าตัวของแต่ละคนไม่มีใครน้อยกว่า 7 หลักเลย ดาราบางท่านก็ออกมายอมรับตรงๆว่าการถ่ายทำโฆษณาครั้งนี้ใช้เวลาแค่ 2 วัน แต่ก็รับเงินมาเป็นล้านแล้ว อย่าง "เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์” ครั้งที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ "เลย์" ก็มีข่าวระบุค่าตัวของเขาสูงถึง 25 ล้านบาท ซึ่งเบิร์ดเองก็ไม่ได้ออกมายืนยันหรือปฏิเสธถึงตัวเลขดังกล่าวแต่อย่างใด

รายของ "แอนดริว เกร็กสัน" ที่มาทำท่าออกอาการถึงรสเปรี้ยวจนตกบันไดให้กับขนม "เทสโต” ต่อเนื่องจนถึงเวอร์ชั่นล่าสุดซึ่งเป็นตัวที่ 3 แล้วค่าพรีเซ็นเตอร์ของเขาก็คงเหยียบถึง 8 หลักเช่นกัน

“กบ สุวนันท์ คงยิ่ง” ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในลิสต์ดาราค่าตัวแพง ยิ่งเอาเธอมาทั้งร้องรำทำเพลงเต้นกระย่องกระแย่งในโฆษณาเครื่องสำอาง "มิสทีน” ตัวล่าสุดด้วยแล้ว แน่นอนค่าพรีเซ็นเตอร์รวมถึงค่าการไปโชว์ตัวตามที่ต่างๆบวกๆเข้าไปก็น่าจะถึง 10 ล้านได้ไม่ยาก

"ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” ที่เด่นในเรื่องของความหล่อและมีลมปากสดชื่นที่พูดอะไรทีก็ทำเอาคนกะเหรี่ยงถึงกับเลิกเอาผิดเขาได้เลยในหนังโฆษณาของลูกอม "คลอเร็ท” ส่วนเวอร์ชั่นปัจจุบันก็มีคนหน้าเหมือนนายติ๊กอยู่ทั่วทุกหนแห่งนั่นก็ย่อมหมายถึงค่าตัวที่ดับเบิลขึ้นไปตามจำนวนหน้าของเขาที่ปรากฏบนโฆษณาด้วย อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 10 ล้านขึ้นแล้วล่ะ

สินค้าอีกตัวที่ยอมทุ่มเรื่องค่าตัวดาราก็คือสบู่ "ลักส์” ซึ่งพรีเซ็นเตอร์คนแรกๆก็เห็นจะเป็น เนาวรัตน์ ยุกตระนันท์ ,จารุณี สุขสวัสดิ์, มาช่า วัฒนพานิช, หมิว ลลิตา ศศิประภา และนางเอกยอดนิยมอีกหลายคนจนถึงตัวที่กำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้ที่มี อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ละคนก็ล้วนแล้วได้รับค่าเหนื่อยกลับบ้านไปไม่น้อยกว่า 7 หลัก ซึ่งจุดเด่นของโฆษณาลักส์ที่คนจดจำได้ก็คือฉากที่เหล่าพรีเซ็นเตอร์สาวสวยอาบน้ำพร้อมกับลูบไล้สบู่ไปตามตัวนั่นเอง

เมื่อลองสังเกตดูจะรู้สึกได้ว่าส่วนมากหนังโฆษณาที่ใช้ซูเปอร์สตาร์ค่าตัวแพงๆเป็นพรีเซ็นเตอร์ เนื้อหาของโฆษณามักไม่ค่อยมีสาระประโยชน์หรือดูแล้วมันไม่ได้อารมณ์กินใจลึกซึ้งหรืออย่างน้อยที่หลายคนเรียกว่าความคิดสร้างสรรค์มันแทบจะไม่มีหลงเหลือให้เห็นในโฆษณาทำนองนี้เลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเอามาเปรียบเทียบกับหนังโฆษณาที่ไม่ได้ใช้ดาราเลยซึ่งเมื่อคนอ่อนไหวได้ดูแล้วน้ำตาพาลจะไหลทุกที อย่าง โกชิวที่ต้องต้มน้ำซุปแต่เช้าแล้วขึ้นเขาอันแสนไกลเพื่อเอาไปให้แก่คนที่เขารักที่หลุมฝังศพ หรือตัวที่แม่ต้องคลอดลูกก่อนกำหนดเพื่อให้ทันลมหายใจสุดท้ายของพ่อที่นอนรออยู่ในห้องไอซียู แล้วตบท้ายโฆษณาด้วยคำพูดที่ว่า "เรามีชีวิตอยู่เพื่อใครต่างหาก” ของ ไทยประกันชีวิต, อีกตัวที่พี่ชกมวยจนหน้าบวมปูดช้ำเลือดช้ำหนองเพื่อเอาเงินไปซื้อแว่นใหม่ให้น้อง ของ ปตท.

หรือจะเป็นโฆษณาชุด Live and Learn ของไทยสมุทรประกันชีวิต ที่เอาชีวิตจริงคนดังอย่างนักมวยรัตนพลในวันที่ไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ชีวิตก็ยังสู้ต่อไปด้วยการขายก๋วยเตี๋ยว , คริสโตเฟอร์ เบญจกุล ดาราหนุ่มผู้โชคร้ายที่เข้าไปช่วยคนจนตัวเองประสบอุบัติเหตุเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่วันนี้เขาลุกมาช่วยคนอื่นได้(อีก)แล้ว

หรือจะเป็นโฆษณาตัวที่ถึงกับต้องหัวเราะก๊ากออกมาทุกครั้งเมื่อได้เห็นโฆษณายูนิฟ กรีนที ตัวผีหนอน หรือกับตัวที่ผู้ชายต้องจากแฟนสาวไปไกลตอนแรกก็ดี๊ด๊าแต่พอไปจริงๆกลับร้องไห้เพราะไม่อยากไปจนแฟนย้อนพูดกลับมาว่า "5วันเองขำๆ” และคำว่า "ขำๆ” ก็กลายเป็นคำฮิตในพจนานุกรมของวัยรุ่นไปซะแล้ว
แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 48 22:05:43

จากคุณ : S@xicola - [ 30 มี.ค. 48 22:05:23 ]